ตอนที่ 807 เริ่มเสียใจ
“ข้าน่ะหรือ?” บุรุษผมงูเป็นคนแรกที่มาถึง และเขามีปฏิกิริยาและแสดงอาการลำพองทันที “อย่างนั้นก็ดูกันเอง”
“รบ!”เย่ว์หยางเหยียดมือเล็กน้อย เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนลอยตัวอยู่ราวกับมีเส้นใยอยู่บนฝ่ามือของเขา
“รอก่อนช่วยตอบเราผู้เฒ่าให้หายข้องใจก่อนสู้กันได้หรือไม่? ขออภัย,เจ้าค้นพบว่าข้าเป็นอสูรพิทักษ์ไม่ใช่จอมปีศาจลี่ตี้ที่แท้จริงได้ตรงที่ใดกัน?” บุรุษผมขาวควักปากกาและกระดาษออกมาพร้อมจดทันที ดูเหมือนเขาต้องการจดบันทึกคำตอบ แม้ว่าอาจไม่ได้ใช้ในอนาคตแต่อย่างน้อยก็ยังได้รู้ข้อบกพร่อง
“ความจริงเป็นเรื่องง่าย.... เป็นเพราะทักษะแฝงเร้นถ้าเจ้าเป็นจอมปีศาจลี่ตี้ตัวจริง อย่างนั้นเขาก็ต้องเป็นอสูรพิทักษ์ ถ้าเขาเป็นอสูรพิทักษ์เป็นไปไม่ได้ที่หลอกลวงเราด้วยทักษะแฝงเร้นสะท้อนอาการบาดเจ็บและล่อหลอกเราด้วยวิธีการต่างๆ นี่คือข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเราใช้ความฝันของเมทริกซ์และกฎจ้าวนรกมาทดสอบเจ้าก็ยังสร้างอุบายที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บทำร้ายตัวเองและทักษะแฝงเร้นสะท้อนอาการบาดเจ็บและกระจกทนทุกข์ก็เลยทำให้เราสงสัย นอกจากจุดบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดนี้ ถ้าเจ้าเป็นจอมปีศาจลี่ตี้และปล่อยให้โซ่ผนึกน้ำแข็งห้อยร่างตนเองไว้อาศัยแต่พลังของอสูรพิทักษ์ไม่มีทางที่จะจากเราไปได้ เพราะเจ้ารู้ว่าในวิหารปีศาจดินมีกฎห้ามสัตว์อสูรไม่ให้ต่อสู้กันในวิหารปีศาจดินนี่คือข้อห้าม แม้ว่ามันสามารถปรากฏตัวได้แต่จะไม่มีพลังต่อสู้ ถ้าเจ้าไม่รู้ความลับนี้ เจ้ายังจะพูดลำพองว่าสามารถปล่อยเราไปได้ยังไง!” คำพูดของเย่ว์หยางทำให้ชายชราผมขาวและบุรุษผมงูหน้าถอดสี
“เมื่อครู่นี้เราไม่ได้เรียกอสูรของเราออกมาก็แค่เพื่อบีบบังคับให้เจ้าเริ่มโจมตี เพื่อกำจัดความกังวลของเรา เจ้าถึงกับเรียกอสูรจักรกลออกมาโจมตี ความจริงทันทีที่มันออกมาเราก็ตัดสินใจได้ทันทีว่ากฎของวิหารปีศาจดินห้ามใช้อสูรโจมตีจริงๆ” เสวี่ยอู๋เสียเปิดคัมภีร์แห่งสัจจะด้วยความเคลื่อนไหวที่อ่อนช้อยสง่างามและพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่าย “คัมภีร์แห่งสัจจะของข้ากับอสูรพิทักษ์ของข้าเชื่อมโยงทางใจถึงกัน นี่ หากความคิดแบบนี้ถูกแยกโดดเดี่ยวข้าได้แต่ตัดสินว่าเป็นเพราะพลังกฎธรรมชาติของผนึก”
“มิน่าเล่า! พวกเจ้ามองเห็นแผนของเราอยู่แต่แรกแล้ว” บุรุษผมขาวถอนหายใจยาว
“ตู๋กูฉางฟงเข้าในวิหารปีศาจดินและยังกล้าดื่มเหล้าเพลิงต่อหน้าผู้คน ในฐานะศิษย์ของตระกูลใหญ่เป็นไปไม่ได้ที่จะประมาทไม่ระมัดระวังตัวขนาดนั้น” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนบอกว่ายังมีข้อบกพร่องอยู่มาก
“ต่อไปเราจะต้องให้ความสนใจกับรายละเอียดนี้แน่นอน” หลังจากบุรุษผมขาวบันทึกข้อความไว้เขาเงยหน้าถามในที่สุด “พวกเจ้ามีคำสั่งเสียใดจะบอกอีกบ้างไหม?”
“เขียนลงไปอีกประโยค” เย่ว์หยางแค่นเสียง “นี่เป็นคำถามที่ข้าได้ยินเป็นครั้งที่เก้าสิบเก้าแล้ว”
“แต่ก็ยังเป็นครั้งสุดท้ายอยู่ดี” ชายชราผมขาวเก็บปากกาและกระดาษไว้อย่างดี
บุรุษผมงูเป็นจอมปีศาจลี่ตี้อย่างแท้จริง
เขาหลุดออกมาจากผนึกน้ำแข็งได้อย่างง่ายดาย
ด้วยทักษะแฝงเร้นของเขาและกระจกทนทุกข์เขาสามารถเปลี่ยนพลังผนึกให้ส่งไปที่ชายชราผมขาวซึ่งเป็นอสูรพิทักษ์ของเขาได้ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถไปจากวิหารปีศาจดินได้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดพ้นไปจากผนึกกฎสวรรค์ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเขาในการดึงพลังทั้งหมดออกมาต่อสู้
แค่เพียงเขาขยับมือกระจกทนทุกข์ก็กลับไปอยู่ในมือขวาของจอมปีศาจลี่ตี้
จอมปีศาจลี่ตี้เปลี่ยนชุดและสวมเกราะวิเศษปีศาจฟ้าซึ่งด้อยกว่าเกราะชั้นเทพเล็กน้อยนี่เป็นเกราะคุณภาพดีที่สุด แค่เพียงอีกเล็กน้อยจะกลายเป็นสมบัติระดับเทพ
แน่นอนว่าความแตกต่างนี้จะไม่เหมือนกันตลอดไป สมบัติที่ด้อยกว่าสมบัติระดับเทพเพียงเล็กน้อยไม่สามารถเทียบกับสมบัติเทพได้ไม่ว่าจะคุณภาพดีปานใดก็ตามก็เหมือนกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงไหนก็ตามแต่มิอาจเทียบกับอสูรเทพได้
เกราะวิเศษปีศาจฟ้าได้มาจากจักรพรรดิปีศาจไคเทียน แม้ว่าจะไม่ใช่สมบัติระดับเทพแต่เป็นไปไม่ได้ที่พลังโจมตีของนักสู้ปราณฟ้าจะทะลุผ่านไปได้
เว้นแต่จะมีอาวุธวิเศษและพลังปณิธานราชันย์หรือพลังกฎสวรรค์
มิฉะนั้นเกราะวิเศษปีศาจฟ้าก็เป็นสมบัติที่ไม่มีวันทำลายลงได้
ไม่ว่าจะเป็นเกราะหมวกเกราะไหล่ ชุดเกราะรบ เข็มขัด เกราะแขน เกราะแข้ง รองเท้าชุดเกราะทั้งหมดเปล่งประกายรัศมีศักดิ์สิทธิ์ ถ้าไม่ใช่เพราะในวิหารปีศาจดินถูกผนึกไว้อย่างแข็งแกร่งพลัง
คลื่นระเบิดจากเกราะจึงไม่เล็ดรอดออกมาข้างนอกและขับไล่ความมืดมิดแม้เย่ว์หยางจะเตรียมตัวอยู่ก่อนแต่ก็ยังถูกคลื่นพลังระเบิดของเกราะกวาดใส่จนต้องถอยหลังไปถึงสามก้าว ความเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแต่เป็นการกระจายสลายพลังของเกราะเท่านั้นแต่ยังเป็นการแสดงถึงศักดิ์ศรีของคู่ต่อสู้
จอมปีศาจลี่ตี้บุรุษผมงูเรียกคัมภีร์อัญเชิญระดับศักดิ์สิทธิ์ออกมาลอยอยู่หน้าตนเอง
กระจกทนทุกข์ในมือขวาของเขาลอยวนอยู่เหนือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อย่างแผ่วเบา
ขณะเดียวกันเขาเปิดไปอีกหน้าและดึงขวานปีศาจดินขนาดใหญ่ออกมา
ขวานปีศาจดินยังด้อยกว่าสมบัติชั้นเทพเล็กน้อยไม่ใช่สมบัติที่ได้รับมาจากจักรพรรดิปีศาจไคเทียน แต่เป็นอาวุธสร้างชื่อให้กับจอมปีศาจลี่ตี้เอง คุณภาพระดับเดียวกับกระจกทนทุกข์และเป็นรองเพียงเกราะศักดิ์สิทธิ์ปีศาจฟ้าซึ่งสมบัติคุณภาพดีที่สุดของเขาเพียงเล็กน้อย
ขวานในมือของจอมปีศาจลี่ตี้หนักเกือบหมื่นชั่งสีเหมือนสาหร่าย จอมปีศาจยกขวานได้ราวกับไม่มีน้ำหนัก
ควั่บ
ทันใดนั้นพื้นที่ระหว่างจอมปีศาจลี่ตี้และเย่ว์หยางมีรอยแยกปรากฏให้เห็นทันที จอมปีศาจลี่ตี้ชี้ขวานไปที่รอยแยกนั้นและพูดอย่างมั่นใจ“นี่จะเป็นที่ฝังศพของเจ้า เจ้าจะไม่มีทางหนีและยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะข้ามเขตแดนไปได้ เพราะถ้าเจ้าทำเช่นนั้นศพเจ้าจะถูกตัดแบ่งทันที”
“นี่เขาบ่นอะไรของเขากันแน่?” เย่ว์หยางถามเสวี่ยอู๋เสีย
“ไร้ประโยชน์ แต่เขาขยายเวลาได้ เพราะเราไม่มีทักษะแฝงเร้นแบบเขา ดังนั้นตราบใดที่เจ้าใช้พลังตนเองผนึกจะมองว่าเป็นเป้าหมายที่ไม่เป็นมิตร และผนึกไว้กับคัมภีร์เทพปีศาจดินนี้” เสวี่ยอู๋เสียไม่ได้เงยหน้า นางพลิกคัมภีร์แห่งสัจจะและตอบตามปกติ
“ถ้าเราไม่ต่อต้านอีกต่อไปอย่างนั้นชายชราผมเงินจะฉวยโอกาสลอบใช้พลังเยือกแข็งกับเรา”องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนส่งเสียงดัง
ความจริงชายชราผมหงอกถูกผนึกไว้ และถ้าเขาใช้พลังโจมตี อย่างมากเขาก็ถูกลงทัณฑ์มากขึ้น
แต่ถ้าเย่ว์หยางไม่ต้านเอาไว้ เขาจะตายอย่างน่าอนาถ
จอมปีศาจลี่ตี้เคลื่อนมาอยู่ด้านหน้าอสูรพิทักษ์เมื่อดูเขากับขวานใหญ่ อสูรพิทักษ์ร่างมนุษย์ตัวคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนถูกโกงเล็กน้อยศัตรูเจ้าเล่ห์ไร้ยางอายใช้พลังกฎสวรรค์และพลังผนึกของวิหารปีศาจดินไม่ว่าจะเริ่มต้นหรือไม่ก็ตามจะต้องจบลงที่ความตายยอดฝีมือที่หลงเข้ามาท้าทายในวิหารปีศาจดินจะไม่มีชีวิตรอดกลับไป เย่ว์หยางสงสัยว่าปีศาจโชคร้ายที่อยู่ในกลุ่มรูปปั้นน้ำแข็งคงมีตู๋กูฉางฟงจากสี่ตระกูลใหญ่แดนสวรรค์อยู่ด้วย มิฉะนั้นจอมปีศาจลี่ตี้จะแกล้งทำเป็นคนแปลกหน้าได้ยังไง นอกจากนี้จอมปีศาจลี่ตี้ไม่ได้รับข้อมูลจากตู๋กูฉางฟง เขาจะรู้เรื่องจักรพรรดิอวี้และเฟ่ยเหวินหลีว่าเป็นหรือตายได้ยังไงทั้งที่พวกเขาไม่เคยเข้ามาท้าต่อสู้?
จอมปีศาจลี่ตี้ถอนหายใจโล่งอกและขวานปีศาจดินกลายเป็นคมดาบที่จะใช้ประหารเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตามการโจมตีที่รุนแรงที่สุดมาจากด้านหลังเย่ว์หยาง
ชายชราผมขาวจากในคัมภีร์โบราณกระโดดออกมาเหมือนกับเงาปีศาจทั้งกัดและฉีกหลังเย่ว์หยางเพื่อควักหัวใจของเขา
ภาพเงาของเย่ว์หยางหายไป
เขามาปรากฏอยู่ต่อหน้าหน้าจอมปีศาจลี่ตี้ที่กำลังควงขวานวิเศษแล้วชิงจับหัวขวานเหมือนกับปลาที่คล่องแคล่วโลดแล่นอยู่ในมุมอับของศัตรูและปล่อยหมัดใส่ปลายคางของจอมปีศาจลี่ตี้ ในท้องฟ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกระโดดฟันดาบเทพจักรพรรดิอวี้ใส่ เสวี่ยอู๋เสียปรากฏตัวที่ด้านหลังของเขามือซ้ายถือสายฟ้ามือขวาถือพลังน้ำแข็งและระเบิดใส่จอมปีศาจลี่ตี้อย่างรุนแรง
ปัง!
ทั้งสามได้รับแรงสะท้อนถึงกับไถลถอยหลัง
รอให้เย่ว์หยางเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตั้งหลักได้ พวกเขาประหลาดใจเมื่อพบว่าจอมปีศาจลี่ตี้ที่ถูกโจมตีใส่อย่างหนักไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ฟันถูกเกราะปีศาจฟ้าทิ้งไว้แค่รอยขีดข่วนเป็นหลักฐานว่าโจมตีโดน ส่วนการโจมตีร่วมอื่นของเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียไม่ได้ผลแม้แต่น้อย
“ถึงแม้เจ้าจะมีดาบเทพก็ตาม แต่เจ้ายังอายุน้อยเกินไปไม่สามารถใช้พลังของอาวุธเทพได้” จอมปีศาจลี่ตี้ส่ายศีรษะ “เจ้าอ่อนแอเกินไป และยังอ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกที่เข้ามาท้าทายข้า เอาล่ะ ไม่ต้องเสียเวลาเล่นอีกแล้วข้าจะส่งพวกเจ้าสู่เส้นทางปรภพ!”
กระจกทนทุกข์ในมือขวาของเขาฉายใส่ร่างของเขา
จากนั้นหันแสงสะท้อนไปที่เย่ว์หยาง
ภาพที่เหมือนกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้ในมือขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฟันใส่ไหล่ของเย่ว์หยางด้วยระดับพลังเช่นเดียวกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพิ่งใช้ออก
เย่ว์หยางไม่มีเวลาหลบและด้านหลังของเขามีภาพอีกภาพหนึ่งฉายออกมาเหมือนกับมือของเสวี่ยอู๋เสียที่กลั่นรวมพลังน้ำแข็งและพลังสายฟ้าฟาดเข้าที่หูของเย่ว์หยาง ต่อหน้าเขา เย่ว์หยางมองเห็นตัวเองอีกร่างหนึ่งเข้ามาที่มุมอับของเขาและปล่อยหมัดใส่คางของเขา
แม้ว่าจะหลบด้วยความเร็วสูงสุดแต่ก็ไม่ได้ผลโดยสิ้นเชิง
เป็นการโจมตีทั้งหมดสามครั้ง
เย่ว์หยางมีเลือดที่ไหล่ไหลทะลักและตัวของเขากระเด็นลอยออกไปเหมือนว่าวที่ขาดลอย
กระจกทนทุกข์และทักษะแฝงเร้นคืนสนองเป็นการผสานพลังได้อย่างลงตัว สามารถบังคับพลังโจมตีของมันได้เหมือนพลังดั้งเดิมและไม่มีทางหลบได้ มีแต่ต้องถูกโจมตีเท่านั้น
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนวิ่งเข้าหาจอมปีศาจลี่ตี้พวกนางต้องการฆ่าปีศาจนี้เพื่อแก้แค้นให้เย่ว์หยาง จอมปีศาจลี่ตี้ถอดศีรษะออกและไม่ได้ตั้งท่าป้องกัน “ต้องการจะตัดหัวข้าหรือ?นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย ใช้ดาบเทพตัดศีรษะข้าล้างแค้น ข้าสามารถต่อศีรษะใหม่ได้ ข้าเป็นปีศาจแต่ข้าไม่รู้ว่ามนุษย์ทำแบบนี้ได้หรือเปล่า ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ามนุษย์ผู้โง่เขลา ข้าจะบอกความลับอย่างหนึ่งแก่พวกเจ้า พวกเราปีศาจเป็นเผ่าพันธุ์อมตะ ต่อให้พวกเจ้าตัดข้าเป็นชิ้นๆข้าก็ฟื้นฟูได้อย่างง่ายดาย...แม้แต่พลังกฎสวรรค์ก็ไม่สามารถทำลายปีศาจอย่างเราได้ง่ายๆมิฉะนั้นทำไมพวกเขาจึงได้แค่เพียงผนึกเราไว้? จะท้าทายวิหารปีศาจดินน่ะหรือ พวกเจ้าช่างไร้เดียงสาจริงๆ นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่มีทางชนะได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีเวลาเหลือเฟือไม่จำกัดข้าคงไม่เสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเจ้า พวกเจ้าสามารถฆ่าตัวเองได้โดยตรงได้เลย!”
เขาปล่อยขวานปีศาจดินลงและเหยียดมือซ้ายชูขึ้น
คลื่นพลังที่น่ากลัวระเบิดออกมาจากฝ่ามือของเขา
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเหมือนกับเศษไม้ที่ลอยอยู่ในกระแสน้ำพวกนางตกตะลึงในทันที ทั้งสองนางดูเหมือนจะถูกพลังสังหารเล่นงานดาบเทพจักรพรรดิอวี้ร่วงตกลงบนพื้นน้ำแข็ง จากนั้นก็ได้ยินเสียงคัมภีร์อัญเชิญระดับทองแดงร่วงออกมาจากความว่างเปล่า
“อะไรกัน..ตายแล้วหรือนี่? อ่อนแอเหลือเกินข้ายังอยากจะเล่นต่ออีกสักหน่อย” จอมปีศาจลี่ตี้ส่ายศีรษะ“เด็กนี่ฉลาด ข้านึกว่าจะมีอะไรน่าทึ่งเสียอีก”
“ข้าไม่แน่ใจว่าพวกเขาตายแล้วแม้ว่าลมหายใจของพวกเขาจะหยุดไปแล้ว แต่ความตายสุดท้ายของพวกเขาข้ายังไม่เห็นเลยสักนิด”
บุรุษชราผมขาวสงสัยว่าเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะไม่ตาย
จอมปีศาจลี่ตี้ได้ยินคำพูดนี้เขาชี้นิ้วและยิงแสงสีดำไปที่เย่ว์หยางที่นอนจมกองเลือด ตอนแรกยิงใส่หัวใจของเย่ว์หยางจนเป็นรู เมื่อเขายื่นมือออกไปจับเลือดของเย่ว์หยางกลายเป็นน้ำค้างแข็งไม่ถึงสิบวินาทีเย่ว์หยางก็มีน้ำค้างแข็งจับทั้งตัวกลายเป็นตุ๊กตาน้ำแข็งไม่ต่างจากรูปสลักน้ำแข็งที่อยู่รอบๆ
เมื่อเห็นว่าเย่ว์หยางถูกฆ่าตายไปแล้วและสตรีทั้งสองไม่มีความเคลื่อนไหวบุรุษชราผมหงอกจึงเชื่อว่าพวกเขาตายไปแล้วในตั้งแต่แรก
เขาเปิดคัมภีร์โบราณและบันทึก ‘วันหนึ่งในแดนสวรรค์คนรุ่นหลังของหอทงเทียนเข้ามาที่วิหารเพื่อท้าสู้
จอมปีศาจลี่ตี้ยืนอยู่กับที่ดวงตามีแววเดียวดาย “เมื่อไหร่จะได้ออกไปเสียที”
“วันที่ปีศาจฟ้าได้รับอิสรภาพจะเป็นเวลาที่นายท่านเป็นอิสระ” บุรุษชราผมหงอกบันทึกกระบวนการต่อสู้และยิ้ม “เมื่อครู่นี้เด็กทั้งสามก็ไม่เลวจริงๆแต่ยังอายุน้อยเกินไป ถ้าไม่เร่งรีบบุกมาท้าท้ายที่นี่ หากเวลาผ่านไปอีกไม่กี่ร้อยปีเมื่อพวกเขาเติบโตเต็มที่ อาจจะน่าตื่นเต้นมากขึ้นก็ได้! น่าเสียดายแอปเปิลผลนี้ยังไม่ทันสุกก็ถูกเด็ดเสียแล้ว!”
“ช่างเถอะ, อัจฉริยะอย่างนี้ในหอทงเทียนและแดนสวรรค์ให้กำเนิดเป็นจำนวนมาก อัจฉริยะอย่างนี้ไม่รู้ว่าเราฆ่าไปแล้วกี่คน” จอมปีศาจลี่ตี้คิดว่าเย่ว์หยางตายไปแล้วไม่จำเป็นต้องจดจำอะไร
“ความจริง, ข้าคิดว่าเจ้าฆ่าข้าได้แล้ว ซึ่งเป็นความรู้สึกเล็กๆน้อยๆ ถึงความสำเร็จ ใครไม่รู้จะหาว่าร่างของข้าไม่มีความทนเสียเลย” เกิดภาพในอากาศและเย่ว์หยางลอยลงมาด้วยอาการผิดหวัง เขายกมือเล็กน้อยก็ถือคัมภีร์แห่งสัจจะของเสวี่ยอู๋เสียและดาบเทพจักรพรรดิอวี้ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนลอยมาอยู่ในมือของเขาอย่างสง่างาม
คัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดงบนพื้นและดาบเทพจักรพรรดิอวี้รวมทั้งศพเย่ว์หยางที่กลายเป็นน้ำแข็งบนพื้นหายไปไม่เหลือร่องรอย
เย่ว์หยางยิ้มกว้าง “ข้าคิดว่าเจ้าจะประหลาดใจเสียอีกภาพลวงตาที่ข้าสร้างขึ้นเป็นยังไงบ้างเหมือนจริงยิ่งกว่าที่เจ้าสร้างหรือเปล่า? ข้าอยากจะทำให้เจ้าได้มีความภูมิใจต่ออีกสักเล็กน้อย แต่ข้าเกรงว่า เจ้าจะนึกว่าเหมือนเป็นการตบหน้าข้าจึงต้องการให้เจ้าแปลกใจมากขึ้น...ข้าคิดว่าในโลกนี้มีสิ่งเดียวที่เจ้าไม่สามารถใช้ทักษะคืนสนองและกระจกทนทุกข์ทำอะไรไม่ได้”
จอมปีศาจลี่ตี้ไม่เชื่อแม้แต่น้อย “ดี..งั้นอะไรล่ะ?”
นอกจากพลังกฎสวรรค์และสำนึกเทพแล้ว
ยังมีสิ่งอื่นในโลกที่ไม่สามารถสะท้อนคืนสนองได้อีกหรือ?
เย่ว์หยางปล่อยพลังเพลิงพิเศษและเขาอาบอยู่ในเปลวเพลิงเมื่อเพลิงปรากฏน้ำแข็งก็สลายหายไปจากตัวเย่ว์หยางราวกับหนูเจอแมว และเพลิงยิ่งลุกไหม้จนในที่สุดกลายเป็นเกราะไฟคลุมร่างทั้งหมดของเย่ว์หยาง
“เพลิงอมฤต?” ตาของจอมปีศาจลี่ตี้กระตุก เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเด็กหนุ่มลึกลับจะมีความสามารถควบคุมเพลิงอมฤตได้
“นี่แค่เริ่มต้น เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความเสียใจ!” เย่ว์หยางหัวเราะเขาเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมาอย่างลึกลับ...