ตอนที่ 806 ตู้เค่อเยี่ยมเยียน
ท่านหน้ากากผีความจริงเป็นแค่ร่างเงาเลือนลาง
จี๋เจ๋อรู้สึกเหมือนกับถูกน้ำแข็งราดใส่ ความรู้สึกที่ทุกอย่างอยู่ในความควบคุมของเขาหายไปทันทีไม่เหลือร่องรอย สิ่งที่ทำให้เขาตกใจหนักก็คือเขาไม่สามารถรู้สึกได้ถึงรัศมีของนายท่านแม้แต่น้อย
มีแต่ร่างแสงพร่ามัวยืนอยู่ต่อหน้าเขา แต่เขาไม่สามารถรู้สึกได้ถึงความคงอยู่ของมัน เหมือนกับว่าเขากำลังจ้องมองผีที่อยู่ต่อหน้าเขา และเขารู้สึกความหนาวสะท้านแล่นขึ้นมาจากเท้า
จี๋เจ๋อคลายพลังของเขาเองและการแพ้ต่อท่านหน้ากากผีไม่ใช่เรื่องประหลาด แต่ก่อนนั้นเขารู้สึกว่าเขาเข้าใกล้ถังเทียนได้ ระดับเขามีความสามารถสัมผัสถึงพลังได้ แม้เป็นตู้เค่อเอง เขาก็ยังรู้สึกได้ในระยะไกลระหว่างพวกเขา
‘เหตุผลเรื่องนี้เป็นเพราะข้าไม่คุ้นเคยกับดาบพิศวงใหม่หรือ?’
จี๋เจ๋อพยายามอย่างดีที่สุดที่จะข่มความกลัวในใจของเขา แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามหนักเพียงไหนเขาก็ไม่สามารถรู้สึกถึงนายท่านได้ ร่างแสงพร่าเลือนเป็นเหมือนอากาศ ไม่มีอะไรอยู่ที่นั่น
‘เป็น...เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!’
แสงม่านฉายค่อยๆ ลดขนาดลง และทุกคนรู้สึกได้ถึงทัศนวิสัยสีแดงก็ลดลง
ถังเทียนรู้สึกได้ว่าหน้าจี๋เจ๋อขาวกระด้างและถามด้วยความสงสัย “อะไรกัน มีอะไรบางอย่างที่เจ้าไม่สบายใจ?”
เมื่อคนอื่นได้ยินเขา พวกเขาทุกคนหันมามองจี๋เจ๋อด้วยอาการเหลือเชื่อพวกเขารู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ทำไมจี๋เจ๋อยังรู้สึกไม่สบายใจ?
จี๋เจ๋อถูกทุกคนจ้องมองค่อยรู้สึกตัว เมื่อเห็นว่าพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาสายตาที่ริษยาและไม่พอใจของเขา หลังตรงของเขางอทันที เขาพยักหน้าและก้มหน้า “ผู้น้อยนี้มีความสุขมากจนถึงกับลืมตัว”
“จริงหรือ?” ถังเทียนประหลาดใจ
จี๋เจ๋อเหงื่อแตกเต็มหลัง เขาพยักหน้าทันที “จริง จริงขอรับ!”
“งั้นก็ดีแล้ว” ถังเทียนถอนหายใจโล่งอก แม้ว่าดาบจะไม่ใช่ของเขา ถ้ามันถูกทำเสียหายจริงๆก็คงทำให้เขาเสียหน้า ‘ข้า, หนุ่มชาวฟ้า เสียอะไรก็เสียไป แต่อย่าเสียหน้าก็พอ’
ทันใดนั้นฝูเจิ้งจือวิ่งเข้ามาหาเป็นลมพัดและก่อนที่เขาจะเข้ามาใกล้ เขาตะโกนลั่น “นายท่าน, นายท่าน, แย่แล้ว! แย่แล้ว!”
ถังเทียนหันหน้าไปดูฝูเจิ้งจือด้วยความสับสน
ฝูเจิ้งจือวิ่งมาอยู่ต่อหน้าถังเทียนแทบไม่มีเวลาหายใจ เขารีบรายงานทันที “นายท่าน, ตู้..ตู้เคอก็สร้างกองทัพเช่นกัน”
‘ตู้เคอกำลังสร้างกองทัพเช่นกัน?’ ข่าวนี้สร้างความประหลาดใจให้ถังเทียน แต่ก็แค่เล็กน้อย
‘แล้วไง, ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวลเกินไปนี่’ เขามองดูฝูเจิ้งจืออย่างสงสัย
เมื่อเห็นพฤติกรรมเฉยเมยของเจ้านายของเขา ฝูเจิ้งจือยิ่งกระวนกระวาย “นายท่าน, อำนาจระดมคนของตู้เคอต่างจากคนอื่นๆในแดนบาป ตราบใดที่เขาเรียกออกไปครั้งหนึ่งยอดฝีมือครึ่งหนึ่งของแดนบาปจะติดตามเขา ข้าได้ยินว่ามียอดฝีมือจากทำเนียบนักสู้ราว 20 คนอยู่ด้วย แม้แต่ทหารที่ธรรมดาที่สุดก็ต้องผ่านการกลั่นกรองกันถึงสามรอบแต่ละคนเป็นยอดฝีมือเอง! นายท่าน เราควรทำยังไงดี?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังเทียนประหลาดใจจริงๆ เขาประหลาดใจที่ตู้เค่อเรียกยอดฝีมือในทำเนียบออกมาได้ถึง 20 คนนั่นต้องน่ากลัวอย่างมิต้องสงสัย ถังเทียนมีความเข้าใจดีถึงระดับพลังของยอดฝีมือในทำเนียบนักสู้ รายชื่อในทำเนียบนักสู้มีเพียง 50 คน แต่เมื่อเพิ่มคนโฉดผู้มีพลังพอๆ กับนักสู้ในทำเนียบนักสู้เข้าไปด้วย โดยรวมก็ยังมีน้อยกว่า 100 คน
อำนาจระดมคนของตู้เค่อก็ได้รับคนมาถึง 20คนเชียว พลังของเขาน่ากลัวจริงๆ
‘แต่ข้าหนุ่มชาวฟ้าจะกลัวได้ง่ายๆ อย่างนั้นได้ยังไง?’ ถังเทียนแค่นเสียง “เจ้าจะตื่นเต้นไปทำไมคิดว่ากองทัพจะสร้างกันได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?”
คำเหล่านี้ไม่ได้แกล้งกล่าว แม้ว่าถังเทียนจะไม่ใช่แม่ทัพนายกองเองก็ตาม แต่ภายใต้อิทธิพลของปิง เขาเข้าใจว่าการสร้างกองทัพไม่ใช่เรื่องง่าย แดนบาปคุ้นเคยกับการสู้เดี่ยว ต้องการรับรูปแบบกองทัพจะกลายเป็นเรื่องง่ายได้ยังไง?
‘ข้าเองก็ยังเข้าใจการสะท้อนผิวกฎธรรมชาติ!’
“นายท่าน,พวกเขาต้องสร้างกองทัพมาจัดการเรา! เมื่อพวกเขาสร้างกองทัพได้, พวกเขาจะต้องมองหาเรา!นายท่าน, พวกเขาเรียกตัวเองว่ากองทัพแรกแห่งแดนบาป” ฝูเจิ้งจือพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด นั่นเป็นสิ่งที่เขารู้สึกเจ็บจริงๆ ตั้งแต่ถังเทียนตั้งใจสร้างกองทัพเกราะเทพเจ้า ฝูเจิ้งจือมักใช้ชื่อว่า ‘กองทัพแรกแห่งแดนบาป’ และเต็มไปด้วยความโหยหาถึงอนาคต เนื่องจากมันเป็นตัวแทนของอนาคตของเขาที่ไร้ขีดจำกัด
‘ตอนนี้, ทุกอย่างหายไปหมด!’
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝูเจิ้งจือรู้สึกผิดหวังมาก ตู้เค่อครองตำแหน่งที่สูงส่งมากในหัวใจของทุกคน บางสิ่งที่ถังเทียนไม่สามารถจินตนาการออก และกองทัพของตู้เค่อจะเป็นที่รู้จักของทุกคน ทำให้พวกเขาเรียกชื่อของกองทัพนี้ เทียบเรื่องนั้น ฝ่ายของถังเทียนยังดูอนาถาเกินไป
กองทัพของตู้เค่อมีนักสู้ในทำเนียบนักสู้แดนบาปถึง20 คน ขณะที่ฝ่ายของเขามีเพียง 2 คน
ความแตกต่างเรื่องพลังระหว่างทั้งสองฝ่ายทำให้พวกเขาหดหู่
ถังเทียนไม่มีความกลัวต่อตู้เค่อ ดังนั้นเขาสามารถเข้าใจความรู้สึกของฝูเจิ้งจือเป็นอย่างดี แต่เมื่อเขามองดูคนที่เหลือ เขาตระหนักได้ว่าสีหน้าทุกคนซีดขาว เนื่องจากกำลังใจของพวกเขาหายไปหมด แม้แต่จี๋เจ๋อที่เพิ่งได้รับดาบพิศวงมาใหม่ยังตะลึงเป็นไก่ตาแตก
เมื่อเห็นท่าทีน่าผิดหวังของพวกเขา ถังเทียนหงุดหงิดขึ้นมาทันที “ดูสีหน้าตกใจของพวกเจ้าทุกคนสิ! พวกเจ้าทุกคนกำลังฝึกพิเศษ!”
เขามองดูขณะที่พวกเขาสะดุดกับการฝึกมากขึ้น เมื่อเห็นพวกเขาก้มหน้า ถังเทียนโมโหอย่างช่วยไม่ได้
เขาไม่เคยคิดว่าข่าวว่าตู้เค่อสร้างกองทัพจะเพียงพอขู่ขวัญพวกเขาได้ เป็นเรื่องที่ถังเทียนไม่เคยคิด ตั้งแต่เริ่มแรกผู้คนที่อยู่รอบตัวเขาทุกคนไม่กลัวตาย และแม้แต่เผ่าหมาป่าผู้อ่อนแอก็มีอุปนิสัยดื้อรั้นยืนกราน เขาไม่เคยกังวลถึงปัญหาอย่างนั้น ทุกคนจะเคลื่อนไหวไปกับเขาด้วยความภูมิใจไม่มีใครกลัวตาย
ฝูเจิ้งจือและคนที่เหลือไม่กล้าขัดขืนคำสั่งถังเทียน แต่กำลังใจของพวกเขาตกต่ำซึ่งมีผลต่อความก้าวหน้าของการฝึกฝน
‘เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้!’
แม้ว่าถังเทียนจะไม่ใช่คนฉลาด แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่แม้แต่น้อย และรู้ถึงภาวะแทรกซ้อน’
‘ข้าจะทำให้พวกเขาไม่มีความรู้สึกขลาดกลัวได้ยังไง?’
สิ่งที่ถังเทียนไม่รู้ก็คือการประกาศสร้างกองทัพแรกของตู้เค่อในแดนบาปทำให้เกิดการปลุกเร้าในแดนบาป ตู้เค่อเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นนักสู้หมายเลขหนึ่งของแดนบาป แต่เขาเป็นคนที่สันโดษมากยากจะปรากฏตัวต่อสาธารณชน
เมื่อเขาประกาศว่าจะสร้างกองทัพเจ็ดตระกูลใหญ่ที่อยู่ใกล้สี่เมืองใหญ่สนับสนุนพวกเขาอย่างเป็นทางการทันทีและตามมาจากนั้น อัจฉริยะและนักสู้ฝีมือดีต่างๆก็ไหลหลากเข้ามาที่บ้านตระกูลตู้ และนักสู้ทรงพลังนับไม่ถ้วนต่างตอบรับ
เป็นเพราะตู้เค่อคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนบาป
เมื่อเขาปรากฏตัว ทั่วทั้งแดนบาปจะเคลื่อนไหวเพื่อเขา
ไม่มีใครให้ความสนใจหน่วยสุญญตาในเมืองม้าบินอีกต่อไป ไม่มีใครสนใจบุรุษหน้ากากผีในเมืองพายุ ทั่วทั้งแดนบาปจับตาไปที่ตู้เค่อ ระดับสูงของสี่เมืองใหญ่ผู้ที่ในตอนแรกพยายามถ่วงดุลอำนาจพากันเงียบด้วยความกลัวกันหมด ไม่มีใครกล้าส่งเสียงพูดอย่างไม่พอใจ
กองทัพ, กองทัพแรกของแดนบาป
ขณะที่ถังเทียนโกรธเรื่องกำลังใจ ฝูเจิ้งจือกลับเข้ามาและเรียกด้วยเสียงดัง “นะ..นายท่าน, มีคนต้องการพบท่าน!”
เมื่อเห็นท่าทีแตกตื่นของฝูเจิ้งจือแล้ว ถังเทียนโกรธจัดจนถลึงตาใส่และแค่นเสียงพูด “นี่เจ้าแตกตื่นอะไรกัน, ดูตัวเจ้าเองสิ! เขาเป็นใคร?”
“เขาเรียกตัวเองว่าตู้เค่อ” ฝูเจิ้งจือกัดฟันกล่าว
‘ตู้เค่อ....’
ถังเทียนตกใจ
เขาไม่เคยคาดว่าตู้เค่อจะมาหาเขาเป็นการส่วนตัว
เขาเห็นบุรุษกลางคนธรรมดาที่กำลังยืนต่อหน้าของเขา ‘นี่คือตู้เค่อ? นักสู้อันดับหนึ่งของแดนบาป ตู้เค่อ?’
ตู้เค่อจับตามองถังเทียนด้วยความสนใจ เขาหัวเราะทันที “น้องกุ้ย, เจ้าถอดหน้ากากออกจะได้ไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นถังเทียนถอดหน้ากากอย่างมีความสุขและพูดอย่างเปิดเผย “ข้าไม่ได้แซ่กุ้ย ข้าชื่อถังเทียน”
เมื่อเห็นหน้าของถังเทียน ตู้เค่อตกใจ “ข้าไม่เคยคาดเลยว่าท่านถังยังอายุเยาว์มากนัก”
เขาผงะตกใจจริงๆ แต่ไม่ใช่แค่เพียงเขาเท่านั้น,ฝูเจิ้งจือและจี๋เจ๋อที่อยู่ข้างๆ ก็ตะลึงพอกัน พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าท่านหน้ากากผีผู้ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ยังอายุเยาว์มากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับจี๋เจ๋อ เขานับว่าเยาว์วัยที่สุดและมีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุด แต่เมื่อเห็นถังเทียนที่ดูเยาว์วัยยิ่งกว่าเขาและยังแข็งแกร่งกว่าเขามาก เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
“นี่...นี่มากเกินไปแล้ว!’
“ฮ่าฮ่าฮ่า,ข้าจะพูดอะไรได้ ถ้าพรสวรรค์ของท่านยิ่งใหญ่ มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนอายุเยาว์!” ถังเทียนพูดอย่างมีความสุขที่ได้แสดงสถานะที่แท้จริงของเขาทันที
ตู้เค่อตอบอย่างค่อนข้างปลาบปลื้ม “เมื่อข้ายังอายุเท่าท่านถัง,พลังของข้ายังอ่อนอยู่มากเมื่อเทียบกับท่านถัง คนรุ่นต่อไปมักจะทรงพลังมากจริงๆ เฮ้อ”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ถังเทียนหัวเราะโดยไม่ระงับยับยั้งตัวเองอีกต่อไปและโบกมือกล่าว “อย่าเอามาเทียบกับข้า อย่าเทียบกับข้า, หนุ่มชาวฟ้านี้จะยังร้ายกาจได้อีกตลอดไปฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”
ฝูเจิ้งจือและจี๋เจ๋อจ้องมองถังเทียนอย่างตกใจ
‘นี่..นี่คือท่านหน้ากากผีผู้มั่นคงและเด็ดเดี่ยวไร้อารมณ์และยากหยั่งถึงหรือนี่?’
‘นี่ดูเหมือนเจ้างี่เง่าที่คลานออกมาจากไหนก็ไม่ทราบ!’
ในทางตรงกันข้ามตู้เค่อดูเหมือนไม่ถือสาอัจฉริยะมักจะมีนิสัยแปลกประหลาดอยู่เสมอ ถังเทียนในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเขาตอนเยาว์วัย แต่กลับรู้สึกว่าถังเทียนเป็นคนตรงไปตรงมา และหัวเราะ “ข้า, ตู้เค่อไม่ค่อยฉลาดนักหรอก, แม้จะแก่กว่าเจ้าแต่จะเป็นไรไหมถ้าข้าจะเรียกเจ้าว่าน้อง?”
ถังเทียนรู้สึกว่าตู้เค่อเป็นคนดีมากอยู่แล้วและไม่สร้างความยุ่งยากมาก เขาตอบ“ไม่มีปัญหา อย่างนั้นข้าจะเรียกท่านว่าพี่ตู้”
ฝูเจิ้งจือและจี๋เจ๋อมองหน้ากันเอง หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสนรู้ว่าฉากภาพที่อยู่ข้างหน้าแปลกประหลาดมาก ‘ทั้งสองคนควรจะพูดคุยเรื่องต่อสู้และเข่นฆ่ากันไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเขาถึงพูดคุยถูกคอกันอย่างสนิทสนมกันอย่างนี้?นี่มันสถานการณ์อะไรกันแน่?’
ตู้เค่อหัวเราะ “อย่างนั้นทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันจากนี้ไป! สบายใจได้นับจากนี้เรื่องของน้องถังเท่ากับว่าเป็นเรื่องของพี่ตู้ผู้นี้! ข้าจะสั่งให้เมืองต่างๆส่งคืนบริวารของน้องถังกลับคืนไปที่เมืองม้าบินแล้ว”
“อย่างนั้นข้าก็ต้องขอขอบคุณพี่ตู้!” ถังเทียนเลิกหัวเราะและพูดอย่างจริงจัง
“แม้ว่าเราต่างก็มีความขัดแย้งระหว่างกันในอดีต แต่ก็ไม่มากนัก แต่การต่อยตีกันมักจะนำมาซึ่งมิตรภาพเสมอ” ตู้เค่อแสดงสีหน้าที่ไม่มีอันตราย “แต่พี่น้องของเราไม่ได้ผลประโยชน์จากความขัดแย้ง ผู้คนที่อยู่ระดับล่างๆจะคิดว่าน้องถังพยายามจะแย่งชิงชามข้าวของพวกเขา แต่ข้ารู้ว่าแดนบาปยังไม่เข้าใจน้องถัง และน้องถังต้องการต่อสู้หาทางกลับไปยังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์”
ถังเทียนชูนิ้วหัวแม่มือ “พี่ตู้, ท่านสายตาดีเยี่ยมจริงๆ!”
จากนั้นตู้เค่อมองถังเทียน “ผู้พี่ขอถามได้ไหม? น้องเราเป็นมิตรหรือศัตรูกับทวีปกวงหมิง?”
“ศัตรูตลอดกาล” ถังเทียนพูดโดยไม่ลังเล
“ทั่วทั้งแดนบาปเป็นศัตรูกับกลุ่มกวงหมิง” ตู้เค่อพูดอย่างใจเย็น “หลายคนคิดว่าข้าผู้พี่สร้างกองทัพขึ้นมาเพื่อเอาชนะน้องถัง,แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเราผู้พี่ มีเพียงเป้าหมายเดียว นั่นคือกลับไปยังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ได้ออกไปจากแดนบาป บรรพบุรุษของเราต้องตายไปมากมาย แต่ไม่มีใครประสบความสำเร็จ อาจารย์ของข้าตายเพราะเรื่องนี้รวมทั้งปู่ข้าเหมือนกัน ข้ารู้ว่าวิธีการในอดีตไม่มีประโยชน์และเป็นเวลาหลายปี ข้าคิดหาวิธีออกไปจากสถานที่เลวร้ายแห่งนี้ จนกระทั่งข้ามาถึงเมืองม้าบิน ข้าจึงได้ตระหนักในที่สุด มันคือกองทัพมีแต่กองทัพจึงจะออกไปจากที่นี่ได้!”
เมื่อเขาพูดจบสีหน้าของตู้เค่อดูน่ากลัวมาก