ตอนที่ 805 ดาบพิศวงโฉมใหม่
การยันกันระหว่างเมืองม้าบินและโจรป่าทำให้ระดับสูงของสี่เมืองใหญ่หงุดหงิดและโกรธ แต่พวกเขาจนใจทำอะไรไม่ได้
พวกกองโจรพอใจกับสถานการณ์มากเป็นธรรมดา พวกเขาไม่ทรยศต่อข้อตกลงที่ทำกับสี่เมืองใหญ่และสามารถป้องกันกำลังของตนเองไม่ให้ลดน้อยลงมากไป และถ้าพวกเขาล่าช้าออกไป พวกเขาก็สามารถรับเงินแล้วจากไปได้ ไม่ว่าสี่เมืองใหญ่จะพอใจหรือไม่พวกเขาคงไม่สนใจ เนื่องจากสี่เมืองใหญ่ได้รวมกองโจรของแดนบาปเกือบ 90% มาเพื่อการนี้ แม้จะเป็นสี่เมืองใหญ่เอง พวกเขาก็ต้องพิจารณาถึงผลที่จะตามมาจากการล่วงเกินทุกคน
แต่ไม่ใช่ว่าโจรทั้งหมดจะพอใจ ตัวอย่างเช่นจงหลีไป๋ เขาไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย
อย่าเข้าใจผิดกับความสำเร็จของจงหลีไป๋ ในโลกของพวกโจร เขายังเป็นแค่มือสมัครเล่น และเมื่อเทียบกับโจรมือเก๋าที่ผ่านศึกมามากมาย เขานับว่าดูธรรมดามาก และพร้อมกับความแข็งแกร่งส่วนตัวที่น่ากลัวของเขา หลายคนดูแคลนเขา ในสายตาพวกเขา เขาเป็นโจรไม่คุ้มกับการคบหาด้วย
ก่อนนี้ทุกคนคิดว่าเมืองม้าบินเป็นแค่วัวเงินตรา และมุ่งมั่นต่อสู้พวกแรกและกลัวว่าจงหลีไป๋จะหาโอกาส และหลังจากทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจกลยุทธพวกโจรก็ต้องตกใจเมื่อตระหนักว่าเป็นโอกาสดีเพื่อการเรียนรู้ ทำให้จงหลีไป๋หาโอกาสได้น้อยมาก
เทียบกับพวกกองโจรแล้ว ความเข้าใจของจงหลีไป๋เรื่องกองทัพลึกซึ้งมากกว่า
ความก้าวหน้าอย่างมีความสุขของพวกโจรไม่ได้ให้อะไรเขา แต่สิ่งที่ทำให้เขากังวลแท้จริงก็คือความก้าวหน้าของหน่วยสุญญตา เมื่อเห็นหน่วยสุญญตากับตาตัวเองจากกองทัพที่ไม่สมบูรณ์ไปเป็นกองทัพที่เก่งกาจ เมื่อเห็นว่าหน่วยสุญญตาเติบโตกล้าแข็งในเงื้อมมือของเนี่ยชิวมากเพียงไหน เขารู้สึกย่ำแย่
เนี่ยชิวเป็นคู่แข่งโดยตรงของเขาทั้งสองมาจากพื้นฐานที่คล้ายกันมาก หน่วยสุญญตากำลังก่อร่างสร้างตัวอย่างช้าๆ แต่เขาไม่มีความสำเร็จอะไรเลย
ไม่มีอะไรที่ทำให้เขารู้สึกแย่ได้อย่างนั้น
เมื่อจงหลีไป๋เห็นซือหม่าเซี่ยว หน้าของเขาเขียวคล้ำ “นี่เป็นแผนของเจ้าใช่ไหม?”
ครั้งล่าสุดคนที่มาคุยธุระกับเขาก็คือซือหม่าเซี่ยว ตอนแรกแผนที่วางไว้เป็นไปด้วยดี จงหลีไป๋ร่วมกับพวกโจร และทำหน้าที่เหมือนเป็นโจรที่อยู่วงใน แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดอย่างนั้น
ซือหม่าเซี่ยวโบกมืออย่างเฉยเมย “ใครจะคาดกันเล่าว่าตู้เค่อผู้นั้นจะสนใจกองทัพ? อำนาจครึ่งหนึ่งของสี่เมืองใหญ่อยู่กับตู้เค่อ ถ้าเขาไม่พูดอะไร คนเหล่านี้จะปั่นป่วนเหมือนกับพายุในทะเลได้ยังไง? พวกเขาได้แต่ส่งเสียงให้ดังขึ้นเท่านั้น”
เมื่อพูดถึงแล้วซือหม่าเซี่ยวอารมณ์เปลี่ยนแปรทันที
เขากับซือหม่าเซียงซานพาตัวเองเข้าสู่ตำแหน่งที่ดีด้วยความยากลำบาก แต่ก็ได้รับรางวัลด้วยการต้องรับผิดชอบหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจซื้อโจรเพื่อให้จัดการกับบุรุษหน้ากากผีตกเป็นหน้าที่ของซือหม่าเซี่ยว ทั้งสองคิดว่าโอกาสมาถึงแล้ว
ส่วนของแผนงานตอนแรกเริ่มไหลลื่นเป็นไปด้วยดี แต่เกิดเรื่องที่คาดไม่ถึง ตู้เค่อที่ไม่เคลื่อนไหวกลับเคลื่อนไหวด้วยตนเอง คนปกครองระดับสูงของสี่เมืองใหญ่แบ่งแยกกันซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ พวกเขาประเมินความคืบหน้าในการรวบรวมกองกำลังสุญญตา และสี่นักสู้ในทำเนียบยอดฝีมือล้มเหลวในการล้อมโจมตีเมืองม้าบินขู่ขวัญพวกโจรไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
กองโจรในตอนแรกโอ้อวดว่าเตรียมฆ่าเบิกทางไปจนถึงเมืองม้าบินให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ แต่ในที่สุดพวกเขาก็ต้องทำงานอย่างระมัดระวังทุกคนกลายเป็นเกียจคร้าน
แผนเดิมกลับกลายเป็นแตกต่างออกไปสิ้นเชิง
“อย่างนั้นข้าต้องเสียเวลาของข้าอยู่ที่นี่หรือ?” จงหลีไป๋แค่นเสียง
“อย่าเพิ่งทำอะไรชั่วคราว” ซือหม่าเซี่ยวคิดชั่วขณะและตอบ “ตู้เค่อเริ่มสร้างกองทัพของเขาแล้ว และด้วยความหยิ่งยโสของเขา เขาจะทนให้กองทัพของเขาเองอ่อนแอกว่าคนอื่นได้ยังไง? เขาจะต้องส่งกองทัพของเขาเองไปเอาชนะหน่วยสุญญตาแน่ ไม่ว่าแผนที่เขามีในตอนนั้นจะเป็นยังไง เมื่อเขาเหนือกว่าหน่วยสุญญตา สี่เมืองใหญ่จะต้องลงมืออย่างแน่นอน เจ้าเป็นม้ามืดและค่อยเปิดเผยพลังของเจ้าในตอนนั้น”
จงหลีไป๋ผิดหวัง แต่เขาไม่พูดอะไร
ความจริง นอกจากอยู่ในที่ๆ เขาอยู่เขาไม่มีที่อื่นให้ไป เวลาอย่างนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะหนีหรือไม่ มีกองโจรมารวมตัวมากเกินไป ถ้าเขาต้องการแยกและจากไป อาจจะทำให้โจรกลุ่มอื่นโจมตีเขาก็ได้
พวกโจรล้วนเป็นพวกนอกกฎหมายอยู่แล้ว
เขามีคนใต้บังคับเขานับไม่ถ้วน แต่เขาไม่มียอดฝีมือมากนัก และเนื่องจากระเบียบวินัยค่อนข้างแย่ ไม่ว่าเขาจะฝึกพวกเขาหนักเพียงไหน เขาก็ยังล้าหลังสมาชิกหน่วยสุญญตาผู้ละเอียดและเคร่งครัดวินัย การฝึกวินัยของเขาหย่อนยาน พลังของเขาก็ยังคงอ่อนด้อยหน่วยสุญญตาสามารถอาละวาดและขับไล่พวกโจรได้อย่างมั่นใจเพราะพวกเขามีพลังที่จะทำเช่นนั้นได้ จงหลีไป๋ไม่มีพลังขนาดนั้น และไม่กล้าบุ่มบ่ามต่อต้านพวกโจรเป็นธรรมดา
“แม้ว่าตู้เค่อกำลังสร้างกองทัพในตอนนี้ บอกข้าที, เจ้าคิดว่าคนอื่นๆ จะทำไม่ได้เชียวหรือ?” ซือหม่าเซี่ยวสลายรอยยิ้มและพูดด้วยท่าทางเคร่งเครียด “นี่คือการต่อสู้สุดท้ายของเราในแดนบาป ถ้าเราชนะ อย่างนั้นเราสามารถต่อสู้หาทางกลับไปยังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้ และไม่มีใครในแดนบาปจะเป็นคู่ต่อสู้ของเรา แต่ถ้าเราล้มเหลว อย่างนั้นเราก็แค่ตายโดยไร้ที่กลบฝัง ไม่ว่าหน่วยสุญญตาจะแข็งแกร่งมากเพียงไหน พวกเขาจะต่อต้านกับทั่วแดนบาปได้อย่างไร นอกจากนี้แดนบาปก็กำลังพัฒนากองทัพไม่ใช่หรือ?”
หน้าของจงหลีไป๋กลายเป็นจริงจังเช่นกัน คำพูดของซือหม่าเซี่ยวไม่เพียงแต่พูดให้เขากลัว ถ้าแดนบาปพบวิธีสร้างกองทัพได้จริง อย่างนั้นความได้เปรียบประการเดียวของพวกเขาก็จะหายไป ผู้ทรงอิทธิพลจะรวมตัวเข้าด้วยกัน และกำลังนี้ไม่ใช่สิ่งที่หน่วยสุญญตาจะรับมือได้ตามลำพัง
‘ดูเหมือนว่าเข้าต้องฝึกฝนให้หนัก’
จงหลีไป๋ตัดสินใจในใจอย่างมั่นคง โชคดีสำหรับเขาที่โจรกลุ่มต่างๆหาทางเลียนแบบหน่วยสุญญตา ดังนั้นการฝึกกองทัพไม่ใช่สิ่งพิเศษอีกต่อไป
***************
เมื่อจี๋เจ๋อรับดาบพิศวงกลับคืนมา เขาตะลึง
ดาบสีแดงเข้มสว่างเหมือนกับดวงอาทิตย์รัศมีพิศวงของมันหายไปแล้ว มันสงบอบอุ่นไม่มีลักษณะเย็นยะเยียบใดเลย
‘ความรู้สึกนี้...ไม่ถูกต้อง!’
‘ดาบพิศวงนี้จะเหมาะกับชื่อของมันได้ยังไง? ไม่เห็นจะพิศวงตรงไหนเลย’
เมื่อถังเทียนเห็นสีหน้าสงสัยของจี๋เจ๋อ เขาแค่นเสียง แต่เขาไม่พูดอะไรต่อไป เนื่องจากเขารู้สึกว่าปล่อยให้จี๋เจ๋อได้ทดสอบดาบของเขาด้วยตนเองดีกว่า ถังเทียนได้อะไรมากมายจากการปรับแต่งดาบพิศวง ยังมากกว่ากระบี่พญาเขียวเสียอีก
ทุกคนมารวมตัวรุมล้อมกันแล้ว
“ท่านจี๋เจ๋อทดสอบดาบของท่านเถอะ!”
“ใช่แล้วใช่แล้ว ให้เราเห็นเป็นขวัญตาหน่อย!”
“ตื่นเต้นจริงๆอยากเห็นจริงว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
…..
จี๋เจ๋อรู้สึกอารมณ์กระวนกระวาย ดาบพิศวงเป็นสมบัติชั้นสุดยอด ไม่ง่ายที่จะหาอะไรมาแทนหากแตกหักไป เขาจับด้ามดาบพิศวงและสะบัดทดสอบสองครั้ง และรู้สึกว่าน้ำหนักของมันดูเหมือนจะลดลง แต่มันเหมาะสมมากสำหรับเขา “นี่มัน...”
จุดแสงสีแดงสว่างแพรวพราวบนคมดาบสว่างวาบโดยไม่มีการเตือน
จุดแสงสีแดงสดโตขึ้นเหมือนกับลูกโป่งขยายขนาดอย่างรวดเร็ว
แสงสีแดงเข้มผุดขึ้นมากวาดผ่านร่างทุกคนเปลี่ยนเป็นม่านสีแดงคลุมตัวทุกคนไว้ภายใน ทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาอยู่ในเลือดทันที ทัศนวิสัยการมองของพวกเขาเป็นสีแดง และกลิ่นคาวเลือดรุนแรงอย่างน่าประหลาดแผ่เต็มไปทุกซอกทุกมุม ในม่านเลือดพลังเลือนรางแปลกประหลาดแต่สังเกตไม่ออก แต่เมื่อพวกเขาพยายามตรวจสอบกลับหาร่องรอยไม่ได้
ทุกคนตะลึงกับฉากภาพเช่นนั้น และรอบๆตัวจี๋เจ๋อเงียบจนพวกเขาได้ยินกระทั่งเสียงเข็มตก
“สะ..สนามพลัง!”
ใครบางคนตะโกนเสียงสั่นสะท้าน ทุกคนที่มีการคาดเดาของตนเองถึงพลังใหม่ตกใจหวาดกลัวทันที มันคือสนามพลังกฎธรรมชาติ สนามพลังกฎธรรมชาติในตำนาน นั่นมีแต่ตู้เค่อในปัจจุบันเท่านั้นที่ได้รับ
สนามพลังกฎธรรมชาติดูเหมือนจะสูงที่สุดในระดับพลังกฎธรรมชาติพลังที่เด็ดขาดสามารถทำลายได้ทั้งสวรรค์และโลก
สมาชิกทุกคนไม่ใช่คนอ่อนแอแม้ว่าจะไม่ใช่ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียง แต่สำหรับพวกเขาสนามพลังกฎธรรมชาติคือตำนานที่อาจเอื้อมไม่ถึง พวกเขาจ้องมองม่านแสงสีเลือดอย่างตกใจความคิดว่างเปล่า
“นี่ไม่ใช่สนามพลังกฎธรรมชาติหรือจะพูดให้ถูก ไม่ใช่สนามพลังกฎธรรมชาติแท้ๆ”
เสียงของถังเทียนทำลายความเงียบ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกคนถอนหายใจโล่งอกความกลัวที่อธิบายไม่ถูกหายไป พวกเขาค่อยๆ เรียกความรู้สึกกลับมา และสีหน้าที่ซีดขาวค่อยมีสีเลือดอีกครั้ง
‘ถ้าสมบัติอย่างนั้นสามารถปล่อยสนามพลังกฎธรรมชาติได้นั่นจะน่ากลัวเพียงไหน’
ไม่มีใครคาดคิดเรื่องนั้นได้
แม้แต่จี๋เจ๋อไม่สามารถจะคาดคิดถึงระดับนั้นได้เขาถอนหายใจโล่งอก แต่ใจของเขามีวี่แววผิดหวังเลือนราง ‘สนามพลังกฎธรรมชาติ พลังที่ทุกคนปรารถนาจะมี ‘แต่เขารีบสำรวมอารมณ์โดยเร็ว พลังใจของเขามั่นคงมากกว่านักสู้ธรรมดา และเขารีบฟื้นความรู้สึกจากความผิดหวังนั้น
‘ถ้าพลังของอาวุธข้าเหนือกว่าตัวข้าเอง อย่างนั้นข้าจะกลายเป็นทาสของมัน’
‘สมบัติทุกอย่างเป็นเหมือนอสูรร้าย ถ้าข้าไม่มีพลังมากพอจะข่มมัน ข้านั่นแหละจะถูกมันทำลาย’
‘เดี๋ยวก่อน.. นี่ไม่ใช่สนามพลังกฎธรรมชาติแท้!’
ทันใดนั้นจี๋เจ๋อตระหนักถึงคำพูดที่เหมือนไม่ตั้งใจของท่านหน้ากากผี
“นี่คือสนามพลังกฎธรรมชาติเทียมหรือถ้าจะพูดให้ถูกเจ้าจะเรียกว่าสนามพลังที่ยังไม่สมบูรณ์ก็ได้ ฉากโลหิตนี้สร้างมาจากกฎธรรมชาติเลือด ทั้งหมดที่เรารู้ว่าขอบเขตของกฎธรรมชาติจำแนกเป็นสายใยกฎธรรมชาติ,ผิวกฎธรรมชาติและสนามพลังกฎธรรมชาติ แต่จะพัฒนาพวกมันยังไง? ขณะที่ศึกษาดาบพิศวง ข้าตระหนักว่ามีบางอย่างที่แปลกประหลาด ผิวกฎธรรมชาติแท้จริงแล้วสร้างขึ้นจากสายใยกฎธรรมชาติ ดังนั้นเส้นใยที่เบาบางจะกลายเป็นผิวราบได้ยังไง? โดยการถักทอ! ทุกคนคงเคยเห็นเสื่อถักทอมาก่อนใช่ไหมเส้นสายทั้งหลายจะกลายเป็นพื้นที่ได้ยังไง? และกลายเป็นตระกร้าหญ้าสานดาบพิศวงนี้ก็ใช้หลักการขั้นตอนนี้ จึงเลียนแบบพื้นที่ที่คล้ายคลึงกันออกมา”
ถังเทียนพูดด้วยความดีใจ แต่หน้าของเขาสวมหน้ากากผีทับไว้ ดังนั้นสมาชิกจึงไม่เห็นรอยยิ้มมีความสุขของเขา
กลับทำให้เสียงที่ผ่านหน้ากากเป็นเสียงโทนต่ำ
ตาของทุกคนกลมโตพวกเขาส่วนใหญ่แทบจะไม่เข้าใจเขา แต่พวกที่มีสติปัญญาอยู่บ้างแสดงท่าทีไตร่ตรอง แต่ทุกคนเป็นเหมือนนักเรียนที่เชื่อฟังตั้งใจฟังเขาเป็นอย่างดี โดยไม่ต้องปกปิดอารมณ์เคารพชื่นชม
แม้แต่จี๋เจ๋อผู้พลังสูงส่งก็ยังมีสีหน้าตกใจ
‘นี่เจ้ากำลังล้อเล่นหรือเปล่า ต่อให้นี่ไม่ใช่สนามพลังธรรมชาติที่แท้จริง แต่หลังจากเรียนรู้ไปชั่วขณะ ท่านจะต้องเข้าใจว่าสนามพลังกฎธรรมชาติเป็นเช่นไร นั่นหมายความว่ายังไง? หมายความว่าท่าน เจ้านายของข้า ความเข้าใจกฎธรรมชาติของท่านอยู่ในระดับสุดยอดไปแล้ว!’
เมื่อถือดาบพิศวง ม่านเลือดที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นฉากภาพที่แตกต่างออกไปสิ้นเชิง
สมาชิกทุกคนในสายตาเขาเป็นเหมือนกลุ่มก้อนเลือด เขาสามารถรู้สึกได้ถึงเส้นเลือดเห็นเลือดที่หมุนเวียนแม้แต่จะเป็นเส้นเลือดเล็กน้อยละเอียดเขาก็รู้สึกได้ชัด ในสายตาเขาไม่มีความลับซ่อนอยู่ เขากล้ายืนยันได้ว่า ตราบใดที่เขาต้องการ เขาสามารถทำให้เลือดย้อนกลับได้
‘นี่คือสิ่งที่เรียกว่าสนามพลังกฎธรรมชาติหรือ?’
ทุกอย่างอยู่ในความควบคุมของเขาความรู้สึกมึนเมาที่เขาไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้นในใจของเขา
แต่เมื่อเขามองดูท่านหน้ากากผี เขาถึงกับตะลึงทันที