ตอนที่แล้วตอนที่ 803 สำเร็จ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 805 ดาบพิศวงโฉมใหม่

ตอนที่ 804 เมืองม้าบินที่รุ่งเรืองและสงบสุข


ดาบพิศวงของจี๋เจ๋อมีลักษณะเฉพาะตัวมาก

เป็นดาบที่ยาวและแคบมีรอยสีแดงที่ไหลไปที่ปลายดาบเย็นยะเยียบ มีความรู้สึกพิศวงจนอธิบายไม่ถูกผสมกับความเย็นทำให้มันเหมือนงูสีแดงกำลังซุ่มรอเหยื่อในความมืด

‘ความจริงมันสมกับที่ได้ชื่อว่าดาบพิศวง’

ถังเทียนประหลาดใจ  ดาบไม่มีวิญญาณ  แต่มันมีรัศมีของสิ่งมีชีวิต  เขาเพียงแต่รู้สึกได้ว่ารัศมีนี้มาจากสมบัติดวงดาว  แดนบาปไม่มีสมบัติวิญญาณและสมบัติอื่นระดับเดียวกันอย่างกระบี่พญาเขียวไม่มีรัศมีอย่างเดียวกัน

‘น่าสนใจ’

ความสนใจของถังเทียนเพิ่มขึ้น  เขาเปิดการทำงานของเกราะเทพเจ้าและสำรวจดาบพิศวงอย่างระมัดระวัง

เมื่อกระตุ้นการทำงานดาบพิศวงที่อยู่ต่อหน้าเขาเปลี่ยนไปสิ้นเชิง ตัวดาบยาวและแคบที่ดูทื่อเปล่งสีแดงน่าพิศวง

‘กฎธรรมชาติ,  กฎเลือด’

เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนได้เห็นกฎเลือด  เขาตรวจดูสายใยกฎเลือดอย่างระมัดระวัง  กฎเลือดคือแขนงหนึ่งของกฎเป็น  เลือดคือสิ่งที่มีอยู่ในสรรพชีวิตและเป็นสิ่งสำคัญไม่อาจขาดได้ในชีวิตมีพลังมากมายที่น่าทึ่ง

ด้วยความรู้เรื่องประโยชน์ของเลือด  ไม่ใช่แค่เพียงแดนบาปเท่านั้นที่มี ในสวรรค์วิถีมีวิทยายุทธหลายวิชาที่ใช้การกระตุ้นพลังสายเลือด

กฎเลือดของดาบพิศวงเป็นกฎที่ทรงพลังมาก  ตราบเท่าที่ได้รับหยดเลือดของศัตรูก็สามารถส่งผลต่อการควบคุมเลือดในร่างกายของศัตรูได้  นี่หมายความว่าตราบใดที่มันดื่มเลือด  ศัตรูจะสูญเสียการควบคุมเลือดในร่างกาย มันสามารถกินเลือดศัตรูซึ่งจะช่วยให้มันเปลี่ยนเป็นพลังบริสุทธิ์และหล่อเลี้ยงผู้ใช้เป็นคุณสมบัติที่น่ากลัวไปพร้อมกัน

ไม่มีใครยินดีเผชิญหน้ากับอาวุธแบบนั้น

‘รังสีพิศวงก็ถูกสร้างขึ้นเพราะสายใยกฎธรรมชาติสีแดงเข้มที่บิดพันกัน  ทำไมเป็นเช่นนั้น?’

ถังเทียนไม่เข้าใจ  กฎธรรมชาติของกระบี่พญาเขียวเป็นพิษซึ่งยังคงเป็นแขนงหนึ่งของกฎเป็น มันโบกพลิ้วเหมือนกับพืชน้ำและสร้างพิษออกมา  แต่มันไม่สร้างรัศมีที่เหมือนวิญญาณ

ภายใต้สภาพตื่นรู้ของเกราะเทพเจ้าความเข้าใจเรื่องกฎธรรมชาติของเขาแทบจะไม่มีทางพลาด แต่ขณะนั้นเขาเข้าใจสถานการณ์อย่างยากลำบาก แค่ตรงจุดนี้คือเหตุผลให้ระดับของดาบพิศวงสูงกว่ากระบี่พญาเขียว

ถังเทียนหมกมุ่นตัวเองอยู่ในปรากฏการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

“ข้าได้ยินว่านายท่านยังคงต้องการกองทัพ”  สวี่เย่หัวเราะ ระดับพลังในปัจจุบันทำให้เขากลายเป็นคนสำรวมและใจเย็นสายตาของเขาลึกซึ้ง “ข้าสงสัยว่าตอนนี้จะเป็นยังไง?”

อาโมรี่ตกใจชั่วครู่จากนั้นโพล่งออกมา  “ถังห้าวสร้างกองทัพหรือ?เขาพยายามวางท่าอีกครั้งแน่นอน”

คนอื่นๆ ค่อนข้างอิจฉาเขาเกี่ยวกับถังห้าวไม่ใช่คำพูดที่ใครๆ ก็เรียกได้ตามปกติและมิตรภาพในอดีตที่ยากจะรับได้ คนอื่นอาจรู้สึกว่าอาโมรี่ยิ่งมีค่ามากต่อเจ้านาย  แต่ก็เป็นมิตรภาพที่ยากจะได้รับจริงๆ

“ก็คงจะแปลกถ้าเขาไม่ใช่อย่างนั้น”  หานปิงหนิงพูดอย่างเฉื่อยชา

คนที่คุ้นเคยกับถังเทียนจะรู้ว่าบุคลิกของเขาเอาแน่นอนไม่ได้ เรื่องที่คาดไม่ถึงและแปลกประหลาดทั้งหมดไม่มีอะไรที่เกินปกติจากเขา

เนี่ยชิวหัวเราะ เขาไม่วิจารณ์ สำหรับคนที่มาจากกลุ่มดาวราชสีห์และได้ร่วมเหตุการณ์เขารู้สึกว่าเขาไม่สิทธิ์วิจารณ์ แน่นอนว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะเห็น การให้ดูแลหน่วยสุญญตาพิสูจน์แล้วว่านายท่านเชื่อถือและไว้วางใจเขา

เนี่ยชิวผู้รู้ดีถึงการเป็นไปของโลกรู้ว่าความเชื่อถือนี้ไม่ได้รับมาง่ายๆ และมีค่ามาก  สุภาพบุรุษตายเพื่อคนผู้ชื่นชมพวกเขาจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เนี่ยชิวจะยกย่องถังเทียนในฐานะเจ้าเหนือหัวของเขาเขาไม่เคยแม้แต่จะพูดอะไรแย่ๆ

เกี่ยวกับเรื่องที่เจ้านายสร้างกองทัพเขาเพียงแต่หัวเราะเรื่องนี้ในใจ

เขามีแต่ความรู้สึกนับถือต่อพลังและความกล้าหาญของเจ้านาย แต่การเป็นแม่ทัพทหารเป็นระบบที่แตกต่างสิ้นเชิงถ้าไม่มีการเรียนการฝึกฝนเป็นปี ก็ยากแม้แต่จะเข้าใจได้

‘ความคิดของนายท่านต้องมาจากความสนใจชั่วครู่เหมือนกับเด็กที่สนใจบางอย่างฉับพลัน เขาจะต้องเล่นกับมันดูก่อน ความจริงใจของเจ้านายค่อนข้างจะไร้เดียงสา นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกแม้แต่น้อย’

“เขาต้องอิจฉาความสำเร็จของเราแน่นอน!”  อาโมรี่พูดอย่างมีความสุข  และเริ่มเบ่งกล้ามอวด “ข้ารู้จักถังห้าวดี! ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ! ฮ่าฮ่า ครั้งนี้ต้องเป็นเขาบ้างล่ะที่ไล่ดมฝุ่นเรา!”

ยิ่งอาโมรี่คิด เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมาก  ตั้งแต่ทั้งสองรู้จักกัน เขามักจะถูกถังห้าวข่มถูกทุบตี  ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมปล่อยโอกาสได้ล้อถังเทียน

คนที่เหลือไม่เหมือนอาโมรี่ที่รักอิสระไม่สนใจอะไร  พวกเขายังคงเคารพต่อถังเทียน  แต่!

เจ้าโคเถื่อนนี่พูดถูก!

ความสำเร็จในการสู้รบครั้งสุดท้ายที่หน่วยสุญญตาเป็นเรื่องโดดเด่นเฉิดฉายแน่นอน  พวกเขาไร้ผู้ต่อต้าน  ถ้าจะพูดว่าการสู้กับตระกูลเล็กๆก็คงไม่พอจะโน้มน้าวคนอื่นๆ อย่างนั้นการสู้รบของเขากับสี่นักสู้ในทำเนียบนักสู้แดนบาปก็สั่นสะเทือนแดนบาปได้  สี่นักสู้ในทำเนียบกำลังขนาดนั้นก็เพียงพอทำลายได้หลายเมืองแล้ว

หลายคนรู้สึกว่าหน่วยสุญญตาอาจไม่สามารถต้านทานสี่เมืองใหญ่  แต่ถ้าพวกเขาต้องรับมือหน่วยสุญญตา  พวกเขาจะต้องจ่ายราคาสูงแน่  มุมมองแบบนี้เริ่มเติบโตมากขึ้นในแดนบาป เนื่องจากราคาในตลาดของนักโทษหน่วยสุญญตากำลังขยายตัว  เฉพาะแค่ตอนนี้ ไม่มีใครยินดีรับนักโทษสุญญตามาทำงานเป็นกรรมกรแน่

ส่วนใหญ่ของมหาอำนาจที่สู้กับหน่วยสุญญตาจะไม่สามารถสู้กับสี่เมืองใหญ่ได้ และเลือกคอยเวลาของพวกเขาและนั่งอยู่รอบนอก  แต่ยังคงมีผู้มีอิทธิพลเล็กน้อยที่เลือกส่งนักโทษสุญญตาคืนมาที่เมืองม้าบิน

หลายคนคิดว่าหน่วยสุญญตาจะใช้ความได้เปรียบของชัยชนะที่ต่อเนื่องพิชิตหลายที่หลายแห่ง  แต่พวกเขาไม่คาดเลยว่ากลับมีการระดมพลที่เมืองม้าบินแทน

หน่วยสุญญตายังคงได้รับประโยชน์จากเหตุการณ์ต่อเนื่อง  แต่ก็ถูกข่มไว้โดยเนี่ยชิว  อีกทางหนึ่งเขาไม่ได้รับคำสั่งใดๆ จากถังเทียนอีกอย่างหนึ่งเนี่ยชิวไม่ได้หวั่นไหวกับการได้รับชัยชนะ  มาตรฐานพลังปัจจุบันของหน่วยสุญญตายังยืดขยายออกไปได้ สมาชิกสองสามคนแรกที่ได้รับการช่วยเหลือมีประสบการณ์สู้รบมากที่สุดและพลังของพวกเขากำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และยังมีความรู้เกี่ยวกับกลยุทธทั้งหมด แต่สมาชิกได้รับการช่วยเหลือในช่วงหลังๆ จะต้องใช้เวลามากขึ้น

กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือยังไม่ใช่เวลาดีที่สุดที่พวกเขาจะต่อสู้ เนื่องจากพวกเขาต้องรวบรวมพลัง

แต่สี่เมืองใหญ่ไม่ยอมรามือกับหน่วยสุญญตา

ตู้เค่อไม่เห็นด้วยกับการจัดการหน่วยสุญญตา  แต่ก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน  ในสี่เมืองใหญ่การสนับสนุนให้ฆ่าหน่วยสุญญตาแข็งกร้าวมาก และเขาไม่มีความตั้งใจจะคัดค้าน นอกจากนี้เขายังสนใจต่อวิถีกองทัพที่จะต้องรบ  และเขาต้องการเห็นขีดจำกัดของหน่วยสุญญตา

ยิ่งสู้รบมาก ยิ่งมีแรงกดดันมากหน่วยสุญญตาจะถูกบังคับให้เปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของพวกเขาซึ่งเป็นจุดที่เขาสนใจ

เขาไม่สนใจว่าใครจะชนะหรือแพ้  เนื่องจากท้ายที่สุดเขาก็ยังเป็นคนชนะอยู่ดี

ภายใต้การยอมรับโดยปริยายของตู้เค่อ เมืองม้าบินตอนนี้ตกอยู่ภายใต้คลื่นโจมตีที่ถาโถม กองกำลังทุกประเภทโอบล้อมเมืองม้าบินเหมือนกับคนบ้า  แต่เนี่ยชิวก็แสดงพลังที่น่าประหลาดพร้อมกับหน่วยสุญญตาเอาชนะศัตรูได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับคนอื่น หน่วยสุญญตาดูเหมือนจะล่มสลายได้ทุกเมื่อแต่เนี่ยชิวเผชิญกับความยากลำบากอย่างมีความสุข สำหรับเขาการเผชิญหน้ากับกองกำลังกลุ่มต่างๆอย่างรุนแรงไม่อาจเทียบได้กับนักสู้ในทำเนียบ

‘การสู้รบที่มีความรุนแรงต่ำนี่เป็นวิธีฝึกฝนกองทัพได้ดีที่สุดไม่ใช่หรือ?’

มีบางครั้งที่เขาจะตั้งใจให้มีความผิดพลาดสองสามครั้งแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความเหนื่อยล้าและบาดเจ็บมากเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มนักสู้วิ่งหนี  แต่ถึงอย่างนั้นความสำเร็จเร็วๆนี้ของพวกเขามากมายเกินไปจนทำให้หลายคนตกใจแทบตาย

กลุ่มนักสู้ถูกหน่วยสุญญตาทำลายไปไม่ใช่คนไร้ชื่อหลายคนเป็นโจรอื้อฉาวซึ่งล้วนตกเป็นเหยื่ออยู่ในเมืองม้าบิน

สนามประหารเมืองม้าบินแสดงให้เห็นอารมณ์ของทุกคนต่อวันแห่งการสู้รบต่อเนื่อง

พวกเขาถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น

ในอดีต แดนบาปยังขาดแคลนแนวคิดก้าวหน้าเพราะโครงสร้างในแดนบาปมีเสถียรภาพมาก จนไม่สามารถพัฒนาได้  แต่คาดไม่ถึงเลยว่าถังเทียนปรากฏตัวพร้อมกับหน่วยสุญญตาทำให้อาคารที่ผุพังอยู่แล้วต้องพังทลาย

‘อย่างนั้นกองทัพก็ทรงพลังมาก!’

‘การสู้รบสามารถทำเช่นนั้นได้เช่นกัน’

สมรภูมิเลือดเมืองม้าบินส่งผลใหญ่ต่อแดนบาปทั้งหมด การสู้รบทั้งหมดเป็นที่ประจักษ์กับสายตาคนนับไม่ถ้วน ผู้ทรงอำนาจเกือบทุกคนส่งคนของพวกเขามาสังเกตการณ์สู้รบ

“สวัสดีพี่ชาย ท่านยังอยู่ที่นี่อีกหรือไม่ว่าฝนจะตกแดดจะร้อนก็ตาม”

“ใช่แล้วถ้าเราพลาดไป ก็คงจะน่าเสียดาย!”

“ข้าสงสัยว่าวันนี้จะมีการสู้รบอีกไหม,เฮ้อ, โจรพวกนี้เป็นยังไงกัน ไม่ได้พยายามกันให้มากเลย   ใช้ชีวิตแบบโลภหรือเปล่า?”

“เราไม่สามารถเอาแต่รอดูได้นะ  มา มา มา ข้าเอาน้ำชามาด้วย เราจะค่อยๆดื่มแล้วคอยดูกันต่อไป”

“ยังคงเป็นท่านพี่ที่รอบคอบ...”

ดูท่ามีแนวโน้มอยู่ต่ออีกหลายวัน ถึงขนาดที่ยอดเขาที่หันหน้าเข้าหาเมืองม้าบินซึ่งมีวิวดีที่สุดที่จะใช้มองดูมีพวกฝ่ายรักษาความปลอดภัยมองดูและพวกที่ฉลาดในธุรกิจก็สบโอกาสทำธุรกิจไปวิ่งขายอาหารสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำอย่างดี

แต่แน่นอนตระกูลที่มั่งคั่งจะอยู่บนเรือพวกเขาและดูสนามรับจากระยะไกล

แม้ว่าพวกโจรจะไม่ขาดกำลังคน  แต่หลังจากเห็นสหายของพวกเขาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดทั้งวัน  พวกเขาเริ่มจะเปลี่ยนกลยุทธ พวกเขาเริ่มจะเลียนแบบการเคลื่อนไหวของหน่วยสุญญตา  แต่พวกเขาก็ได้แต่ยอมแพ้ แม้ว่าการสู้รบกับหน่วยสุญญตาจะกลายเป็นเรื่องสนุกมากขึ้น

แต่ไม่มีอะไรน่าเชื่อมากไปกว่านี้

สมมติว่าก่อนหน้านี้ยังคงมีความคลางแคลงใจอยู่ จากนั้นความก้าวหน้าของพวกโจรทำให้ทุกคนตระหนักว่าแดนบาปกำลังเข้าสู่ยุคกองทัพ

คนที่มีปัญญาสองสามคนกลับบ้านด้วยความตื่นเต้นยิ่งขึ้น ระหว่างช่วงเวลานี้กองทัพจัดตั้งใหม่แพร่ขยายออกไปราวกับต้นไผ่งอกเติบโตหลังฝนตก  พวกเขายังคงปรากฏออกมาเรื่อยไม่มีสิ้นสุด ไม่ว่าจะสร้างกองกำลังแบบไหนมาก็ล้วนขายหน้ากลับไปยังบ้านของพวกเขา

สิ่งที่ทำกับกองทัพๆ เดียวจึงทำให้เมืองม้าบินเป็นที่แห่งเดียวที่มีประสบการณ์

พื้นที่รอบเมืองม้าบินกลายเป็นชุมชนแออัด

พร้อมกับหน่วยสุญญตาและพวกโจรคนสังเกตการณ์ที่เคลื่อนไหวอย่างตื่นเต้นทำให้บรรยากาศดูยิ่งใหญ่มากขึ้น

ความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องทำให้เมืองม้าบินเหมือนกับเหวไร้ก้นที่เป็นที่อ้างอิงของชีวิตนับไม่ถ้วนทำให้ผู้คนมีความรู้สึกว่ายากจะหยั่งถึง แม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่จะลอกเลียนความสามารถของหน่วยสุญญตาเพิ่มพูนขีดความสามารถต่อสู้ของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะหน่วยสุญญตาได้  นอกจากนี้พวกเขาไม่สามารถถอยได้  พวกเขาถูกเกณฑ์มาโดยสี่เมืองใหญ่ที่ใช้จ่ายเงินไปจำนวนมาก  ถ้าพวกเขาต้องถอยก็หมายความว่าล่วงเกินต่อสี่เมืองใหญ่

หลังจากต่อสู้มาหลายวันมากความเกลียดชังต่อหน่วยสุญญตาไม่สามารถคลี่คลายได้อีกต่อไป

ถ้าพวกเขาต้องถอนกำลัง  ก็เท่ากับล่วงเกินสองมหาอำนาจใหญ่ในแดนบาป  และพวกเขาจะไม่มีทางอยู่รอดได้หลังจากนั้น  พวกเขาส่วนใหญ่รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะถอยและได้แต่ฝืนสู้

แต่โจรเหล่านี้ล้วนแต่ฉลาดและเจ้าเล่ห์

‘ถ้าเราไม่สามารถสู้ได้ถ้าเราไม่สามารถหลบหนีได้  งั้นเราจะถ่วงเวลา’

ทุกวันพวกเขาจะแกล้งส่งกลุ่มเล็กๆ แกล้งทำสงคราม  เมื่อเห็นว่าสถานการณ์มีท่าทีแย่  พวกเขาจะถอยหนี  หลังจากนั้นพวกเขาจะส่งคนอีกกลุ่มหนึ่งมา

เพราะเหตุนั้นสถานการณ์โดยรวมจึงมั่นคงและทุกคนสงบใจได้อีกครั้ง

เมืองม้าบินยิ่งได้รับความนิยมไม่หยุดหย่อน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด