ตอนที่ 803 สำเร็จ
ถังเทียนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกเขาหมกมุ่นอยู่ในโลกของตัวเองอย่างสิ้นเชิง
เมื่ออยู่ในเกราะเทพเจ้าเขามีสติปัญญาแหลมคมมากและฉลาดเชี่ยวชาญในกฎธรรมชาติ แต่ภายในมิติอิสระของกระบี่พญาเขียว สายใยกฎธรรมชาติสองสายที่เติบโตมาด้วยกันมีผลต่อเขาอย่างยิ่งใหญ่
สายใยกฎธรรมชาติของกระบี่พญาเขียวรวมเข้าด้วยกันกับกฎอวกาศถังเทียนรู้คุณค่าของมันดี ในแดนบาปนักสู้สามารถฝึกกฎธรรมชาติได้ประเภทเดียว เป็นความเข้าใจร่วมกันในแดนบาปว่าไม่สามารถเข้าใจได้มากกว่ากฎเดียวกฎธรรมชาติกฎเดียวก็เพียงพอสำหรับนักสู้ที่จะได้รับการรู้แจ้งความหมายของกฎอย่างแท้จริง
ถังเทียนยังคงมีความคิดเช่นเดียวกัน แต่ในตัวกฎมันเองก็มีข้อเสียของตัวเองและนั่นก็คือขีดจำกัดของมัน การฝึกกลุ่มวิชาหนึ่งเป็นสิ่งที่สวรรค์วิถีก็มี แต่น้อยคนนักจะทำได้
เนื่องจากสถานการณ์สู้รบใดๆจะยุ่งยากซับซ้อนตลอดกาล กระบี่เล่มหนึ่งตัดกฎธรรมชาติได้เป็นล้านอาจฟังเหมือนกดขี่กันเกินไป แต่ความจริงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก นักสู้ส่วนใหญ่เลือกจะชำนาญในด้านใดด้านหนึ่งและเลือกเรียนกลุ่มวิทยายุทธที่เกื้อหนุนกันก็สามารถเผชิญสถานการณ์ได้ทุกประเภท
การใช้วิทยายุทธกลุ่มวิชาเดียวหมายความว่าพวกเขาต้องการความร่วมมือประสานงานมากขึ้นจึงจะสามารถเผชิญกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้
แต่ในแดนบาปถังเทียนไม่เห็นการร่วมมือเป็นกลุ่มแต่อย่างใด
ถังเทียนคงจะมีความรู้สึกว่าความจริงเรื่องนี้แปลก ถ้าเขาเพิ่งเข้ามาในแดนบาปแต่ตอนนี้ถังเทียนไม่พบว่าแปลก ในทุกที่ที่เขาผ่านมา เขาไม่ชอบแดนบาปที่สุด นี่เป็นสถานที่หยุดนิ่ง ไม่เพียงแต่พวกเขาสูญเสียความกล้าหาญจะยืนหยัดและต่อสู้เท่านั้นแต่พวกเขายังสูญเสียความกล้าที่จะก้าวออกไป และพวกเขามีชีวิตอยู่เหมือนกับว่าพวกเขารอให้เติบโตแก่และตายไป พวกเขาไม่มีอารมณ์จะสำรวจ ไม่มีอารมณ์จะสร้าง
หนุ่มชาวฟ้าไม่ชอบแดนบาปแม้แต่น้อย
เขาส่ายศีรษะและทิ้งความคิดที่ซับซ้อนทั้งหมดออกไปจากใจ ความคิดเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะเก็บมาคิดมันซับซ้อนเกินไปสำหรับหนุ่มชาวฟ้า หนุ่มชาวฟ้าจะให้ความสนใจกับร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญอย่างเดียว ‘บางทีปิงอาจสนใจที่นี้หรือถังโฉ่วอาจจะสนใจก็ได้?’
หนุ่มชาวฟ้าไม่ชอบทำหลายอย่างที่เขาไม่มีความถนัด
แต่เขาตระหนักได้ว่าเขากลับมีความสนใจในเรื่องอื่นอย่างมาก
‘มีกฎธรรมชาติอยู่จริงๆเท่าใดกันแน่?’ ไม่มีใครรู้ พวกมันมีอยู่มากมายกว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนกับดวงดาวในท้องฟ้า และยังเป็นหนึ่งในเหตุผลให้แดนบาปยังไม่ถูกสำรวจ กฎธรรมชาติในแดนบาปเป็นเหมือนทะเลอัญมณี ไม่ว่าจะเลือกเม็ดใดก็เป็นอัญมณีงดงามแพรวพราว
ในสวรรค์วิถีวิทยายุทธทั้งหมดจะถูกสร้างและพัฒนาหลายรุ่นอย่างช้าๆเป็นกระบวนการที่ช้าและยากลำบาก ที่ซึ่งพลังงานบริสุทธิ์ไม่มีค่า เคล็ดการใช้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเลือดเหงื่อและน้ำตาของทุกรุ่น
‘กฎธรรมชาติไม่ขาดในเรื่องการเปลี่ยนแปลง’นั่นเป็นสิ่งที่คนในแดนบาปคิดกัน สำหรับความเข้าใจของพวกเขา พวกเขาควรจะหากฎธรรมชาติที่เหมาะสมภายในทะเลกฎธรรมชาติ พวกเขาไม่ต้องดูแลหรือสนใจการหลอมรวมกฎต่างๆ และต้องการเพียงหากฎธรรมชาติที่พวกเขาต้องการ
แต่ถังเทียนคิดแตกต่างออกไป
เขาเป็นหัวหน้าผู้นำมานานแล้วดังนั้นเขาจึงคิดแตกต่างจากคนธรรมดา ตัวอย่างเช่นเขาจะคิดว่า มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการผลักดันให้เป็นระบบใหญ่เขาไม่ใช่คนที่ชอบลุยเดี่ยวอีกต่อไป เขามีกลุ่มดาวหมีใหญ่และทวีปซางโจวและเป็นเจ้าเหนือหัวอย่างมิต้องสงสัย
เมื่อหน่วยสุญญตาเริ่มฝึกกฎธรรมชาติถังเทียนมีการค้นพบบางอย่าง กฎธรรมชาติที่พวกเขาได้รับการรู้แจ้งเป็นกฎธรรมชาติที่ธรรมดาและฝึกได้ง่ายที่สุด
ไม่ใช่เรื่องแปลก ก่อนที่พวกเขาจะได้รับร่างพลังกายเป็นศูนย์สมาชิกหน่วยสุญญตาทุกคนยังอ่อนแอมาก ดังนั้นกฎธรรมชาติที่พวกเขามีจึงถูกหยุดเอาไว้ในระดับผิวเผิน ตรงจุดนี้พวกเขาไม่อาจเทียบได้กับชาวท้องถิ่นที่เติบโตในแดนบาป สำหรับสวี่เย่และคนที่มีระดับเขา พวกเขาจะสะดุ้งตกใจกับการรู้แจ้งกฎของหน่วยสุญญตา แต่พวกเขาจะมีความรู้สึกจำเจน่าเบื่อหน่ายกันทุกคน และคนอื่นรู้สึกไม่พอใจ
แต่ถังเทียนไม่เห็นในทำนองนั้น
เขาเองทำตัวเป็นตัวอย่างระดับปัจจุบันของเขาแข็งแกร่งมากกว่าในอดีตหลายเท่า และได้เห็นเกราะเทพเจ้ารู้เคล็ดต่อสู้หลายอย่าง แต่เขาต้องการใช้วิทยายุทธพื้นฐานอยู่บ่อยครั้ง
เกี่ยวกับกองทัพขนาดใหญ่สิ่งที่มากเกินไปอาจไม่จำเป็นต้องดีก็ได้
สำหรับกรณีของหน่วยสุญญตาเป็นเรื่องประโยชน์ของกองทัพ
กฎธรรมชาติสามถึงห้าแบบก็สามารถสร้างชื่อได้มากแล้ว และเมื่อพวกเขาสามารถหลอมรวมผสานกันได้ก็หมายความว่ามีความหลากหลายมากขึ้น หลายๆอย่างที่แดนบาปไม่ให้ความสนใจ กลับเป็นขุมทรัพย์สำหรับถังเทียน
นอกจากความสามารถในการเพิ่มความสามารถต่อสู้ให้กับหน่วยสุญญตาแล้วยังช่วยเพิ่มความสามารถให้กับถังเทียนอย่างมากมาย
เขาคิดถึงเรื่องเกราะเทพเจ้าของเขาแล้วมันคือสิ่งที่สร้างจากสายใยกฎธรรมชาติหลายอย่างจริงๆ แต่สายใยกฎธรรมชาติทั้งหมดนี้ยังอยู่ในความวุ่นวายและยุ่งเหยิง ถังเทียนเคยคิดจะแยกกฎเหล่านั้นออก เนื่องจากเขารู้สึกว่ามันคือปมสำหรับความก้าวหน้าของเกราะเทพเจ้า แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร เขาไม่พบวิธีสางสายใยกฎธรรมชาติ
สายใยกฎธรรมชาติที่คล้ายคลึงกันทั้งสองในมิติอิสระที่เติบโตคู่กันเปิดเผยความรู้นี้กับเขา
‘ข้าจะสามารถทำอย่างนั้นได้ไหม?’
แต่เขาก็ตระหนักได้โดยเร็วว่าสายใยกฎธรรมชาติของเขาเองไม่สามารถเติบโตได้ ‘ภายใต้สถานการณ์อะไรสายใยกฎธรรมชาติจึงจะเติบโตได้?’ เขาทบทวนถึงสายใยกฎธรรมชาติในมิติอิสระของกระบี่พญาเขียวอย่างระมัดระวัง
‘ทำไมพวกมันจึงเติบโตได้?’
การเติบโตเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดของชีวิต และชีวิตทั้งหมดจะไม่หยุดเติบโตเมื่อคงอยู่
ส่วนพื้นฐานที่สุดของการเติบโตก็คือต้องได้การเสริมบำรุง
‘กฎธรรมชาติไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่การเติบโตของมันต้องได้สิ่งบำรุงเลี้ยงบางอย่างหรือ?’
‘แต่ถ้ามันใช่เล่า งั้นอะไรคือสิ่งบำรุงให้สายใยกฎธรรมชาติเติบโต?’ เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องกระบี่พญาเขียว ‘เป็นไปได้ไหมว่าไม้หมึกคลื่น? เป็นไปได้! แต่นั่นก็หมายความว่าทุกคนก็ต้องการสิ่งบำรุงเลี้ยงที่ต่างกันหรือไม่?’
‘เกราะเทพเจ้าบรรจุกฎธรรมชาติมากมาย จำเป็นต้องได้ปริมาณงานที่เหมาะสม...’
ถ้าเป็นคนธรรมดาคนใดคนหนึ่งเผชิญหน้ากับปริมาณงานที่น่ากลัว พวกเขาคงรู้สึกขลาดกลัวแน่นอน นอกจากนี้ยังเป็นแค่อาคันตุกะคนหนึ่งด้วย ถังเทียนไม่รู้สึกขลาดกลัวแม้แต่น้อย แต่เขากลับเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นแทน ถ้าคำถามทั้งหลายเหล่านี้ได้รับการคลี่คลาย นั่นหมายความว่าพลังของเกราะเทพเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน!
‘ข้าจะหาหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อบำรุงเลี้ยงสายใยกฎธรรมชาติ!’
ถังเทียนวิ่งออกมาจากห้อง เขากระตือรือร้นอยากจะทำการทดสอบ
ทันทีที่เขาวิ่งออกมาจี๋เจ๋อรออยู่ด้านนอกห้องตลอดเวลาก้าวออกมาข้างหน้าพูดด้วยท่าทางสุภาพ “นายท่าน!”
ถังเทียนหยุดด้วยความประหลาดใจ “มีเรื่องอะไร?”
“เรื่องเล็ก” จี๋เจ๋อพยักหน้าและโค้งคำนับ
เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องเล็กถังเทียนโบกมือ “ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ต้องตามหาข้า ข้ากำลังยุ่งมาก”
จี๋เจ๋อรู้สึกว่าเหมือนถูกยั่วต้องรีบไล่ตามเขาทันที “ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยขอรับ”
ถังเทียนถูกรบกวนจึงพูดอย่างเหลืออด “พูดไป เรื่องอะไร?”
“นั่นคือ...นี่คือดาบของผู้น้อย ข้าหวังว่านายจะช่วยตรวจสอบดูบ้าง”
จี๋เจ๋อยิ้มประจบ สมาชิกที่มองอยู่ในระยะไกลมองดูอย่างรังเกียจ
จี๋เจ๋อไม่สนใจแม้แต่น้อย ยิ้มนิดหน่อยจะเป็นไรไป ดาบพิศวงเป็นฉายาของเขาและยังเป็นชื่อของดาบเขา กระบี่พญาเขียวเป็นสมบัติระดับต่ำกว่า และคุณภาพแตกต่างกันเมื่อเทียบกับดาบพิศวง แต่พลังที่มันสร้างหลังจากที่นายท่านเล่นกับมันแล้วทำให้หัวใจของเขาหนาวยะเยือกมันเอาชนะดาบพิศวงของเขาได้ทั้งระดับอย่างสิ้นเชิง
สมบัติเป็นสิ่งมีค่าและราคาแพงมากในแดนบาป และมีเพียงไม่กี่ชิ้นที่มีชื่อสมบัติคือวัตถุที่ไม่สามารถใช้เงินซื้อหากันได้ และไม่เคยได้ยินว่าพลังของสมบัติสามารถเพิ่มขึ้นได้ ถ้าข่าวเช่นนั้นถูกปล่อยออกไป ทั่วทั้งแดนบาปจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้แน่ พวกตัวประหลาดเฒ่าไม่มีของดีๆอยู่กับตัวหรือ? ค่ายฝึกฝนเล็กๆจะต้องเต็มไปด้วยผู้คนแน่นอน
‘เกิดอะไรขึ้นกับรอยยิ้ม!’
‘ผู้นำคนหนึ่งสามารถรับหรือยืนหยัดได้ตามต้องการ อำนาจอาจไม่ใช่สิ่งที่น่ายกย่องแน่นอน!’
‘เถอะน่า, นายท่าน ได้โปรด!’
เขามองดูถังเทียนอย่างจริงจังสายของเขาน่าสงสารและมุ่งหวังเหมือนคนกำลังจะอกหัก
น่าเสียดายที่ถังเทียนมองไม่เห็น “เอามานี่”
จี๋เจ๋อตกใจเขาเตรียมพยายามสร้างความโปรดปรานมากมาย แต่ก่อนที่เขาจะเริ่มเขา...สำเร็จแล้วหรือ? แต่เขารู้สึกตัวโดยเร็ว เขาเอาดาบพิศวงของเขาออกมา “นายท่าน, คิดว่าท่านจะทำอะไรกับมันได้บ้าง!”
“จะดีหรือถ้ามันพังเล่า?”
หัวใจของจี๋เจ๋อตึงเครียด หน้าของเขาแดง ‘โอวพระเจ้า,ข้าลืมเรื่องนั้นไปได้ยังไง!’
ดาบพิศวงมีประวัติศาสตร์ที่พิเศษ มันถูกสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษของเขาได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมาหลายรุ่น มันจะเป็นยังไงถ้าตกอยู่ในมือของเขา
‘ถ้ามันจะต้องพัง...’
แต่คำพูดก็ได้กล่าวไปแล้ว และสายเกินกว่าสำนึกเสียใจ เขารู้สึกเหมือนกับว่ากลืนเมล็ดแข็งๆมันยากจะกลืนได้ ขณะที่เขาพูดอย่างน่าสงสาร “นายท่านโปรดอย่าขู่ขวัญข้าน้อย”
ถังเทียนมองดูเขาอย่างหยอกล้อ“ดูท่าทางย่ำแย่ของเจ้าสิ”
“นายท่านยิ่งใหญ่ ผู้น้อยอย่างข้าจะเทียบกับท่านได้ยังไง?” จี๋เจ๋อยกยอเขาทันที
“นั่นก็จริง!” ถังเทียนดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น เขาตบไหล่จี๋เจ๋อและเปลี่ยนอารมณ์ทันที “สบายใจได้, ข้าจะระวัง,ถ้ามันพังจริงๆ..”
จี๋เจ๋อสงบใจได้ นายท่านก็ร่ำรวยและรับผิดชอบเขามั่นใจว่าเขาคงจะได้รับการชดใช้
“อย่างนั้นเจ้าก็ต้องถือว่าตัวเองโชคร้าย” ถังเทียนพูดราวกับว่าเป็นจริงเป็นจัง
หน้าของจี๋เจ๋อเขียวคล้ำ เขาก้มหัวต่ำ รู้สึกสำนึกเสียใจอยู่ในใจ เขาเกลียดตนเองจนอยากจะตีอกชกหัวตัวเองนัก ‘ข้าลืมตัวเพราะความโลภในสิ่งของ ข้าต้องเสียของนี้ไปเพราะความโง่แท้ๆ
‘ถ้ามันต้องพังไปจริงๆ..’
‘บรรพบุรุษ ได้โปรดอย่าคลานออกมาจากหลุมและตามหาศิษย์ผู้นี้เลย!’
‘ศิษย์ผู้นี้ไม่มีอาวุธอะไรต่อไปอีกแล้ว!’
ถังเทียนไม่สนใจจี๋เจ๋อ ความจริงก็เหมือนกับว่ามีบางคนส่งหมอนให้เขาขณะที่เขาต้องการจะหลับ เขาเรียนรู้ส่วนต่างๆ อีกครั้ง ‘สำหรับจี๋เจ๋อเอาดาบพิศวงให้เขา เขาเป็นคนดีคนหนึ่งจริงๆ’
ถังเทียนกระแอมเบาๆ “ข้าจะมอบภารกิจสำคัญให้เจ้า”
“นายท่านโปรดแนะนำ” จี๋เจ๋อคร่ำครวญอย่างไร้เรี่ยวแรง
ถังเทียนทำเป็นไม่ได้ยินเขา “หาวัสดุสองสามอย่างที่ใช้สร้างอาวุธแล้วเอามาที่นี่”
“นายท่าน! ท่านต้องการวัสดุแบบใด?” จี๋เจ๋อถามอย่างอ่อนแรง
“ทุกอย่างที่มี” ถังเทียนตอบ
‘ทุกอย่าง..ที่มี...’
จี๋เจ๋อจ้องมองนายท่านอย่างว่างเปล่า ‘นายท่าน,ท่านคิดว่ากำลังสั่งอาหารตามสั่งหรือนี่? ท่านต้องการให้เอาทุกอย่างที่มีท่านรู้ไหมว่าในโลกนี้มีวัสดุอยู่เท่าใด? ล้อเล่นกันหรือเปล่า?’
ถังเทียนชำเลืองมองเขา “ยิ่งมีหลายชนิดก็จะดีต่อดาบพิศวงของเจ้า”
จี๋เจ๋อสั่น ตาของเขากลายเป็นสีแดงและเหมือนกับว่าตื่นเต้น “ผู้น้อยจะไปเอามาเดี๋ยวนี้แหละ”
เมื่อเห็นจี๋เจ๋อหายไปเหมือนลมถังเทียนดีใจทันที ‘เป็นคนงานที่ใช้ง่ายจริงๆ’
เมื่อสมาชิกที่อยู่ในระยะไกลสังเกตพวกเขา พวกเขาไม่ได้ยินเสียงสนทนา แต่เมื่อเห็นถังเทียนรับดาบพิศวงของจี๋เจ๋อ และจี๋เจ๋อจากไปอย่างตื่นเต้น ทุกคนฮือฮาทันที
“เขาทำสำเร็จ! จี๋เจ๋อทำได้สำเร็จ!” เสี่ยวชิวตื่นเต้นมาก
“สำเร็จอะไรกัน?”เล่าปี๋ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ช่างหัวมันเถอะ”เสี่ยวชิวพูดด้วยสีหน้าอิจฉา