ตอนที่แล้วตอนที่ 800 ประจัญบาน สู้ในความมืด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 802 วิหารปีศาจดิน

ตอนที่ 801 บุก, หมอกแปรเปลี่ยน น้ำลวงตา


ภายในหุบเขามีด

ผู้อาวุโสวิหารทั้งสองคนหงุดหงิดจริงๆ  ศัตรูไม่ยอมเข้ามาในกับดักเป็นเวลานานหรือว่าพวกเขามองออก?

ก่อนที่นักรบแดนสวรรค์สามกลุ่มคือกลุ่มเขตรกร้างที่แปด กลุ่มทุ่งหิมะ กลุ่มเพลงสงครามจะออกไปแทบจะทำให้พวกเขาออกไปสกัดกั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูมองออกว่าเป็นการล่อลวงผู้อาวุโสทั้งสองหลังจากสนทนากันจึงตัดสินใจซุ่มโจมตีต่อไม่ว่ายังไงก็ตามถ้าศัตรูต้องการเอาชนะอุปสรรค พวกเขาก็ต้องผ่านหุบเขามีด ที่นี่แม้ว่าการเฝ้าโพรงรอกระต่ายจะเป็นเรื่องโง่เขลา แต่เมื่อคิดดูแล้วนี่เป็นสถานที่ดีที่สุดที่ใช้ในการต่อสู้

ที่นี่เมื่อสามีไม่อยู่ ภรรยาย่อมไม่เปิดประตู

เนื่องจากประโยชน์จากสถานที่ตั้งทั้งสองคนตัดสินใจจับเจ่าอยู่ต่อ

ต่อให้ต้องรอเป็นเวลานาน  ก็จะไม่มีทางเปิดเผยตัวเอง นายพรานผู้อดทนย่อมสามารถจับเหยื่อได้

ด้วยการได้เปรียบโดยใช้จักรกลของหุบเขามีดทั้งกับดักความสามารถของสัตว์อสูรในศัตรูที่น่าทึ่งนี้ท่านสามารถให้ศัตรูชดใช้ราคาที่รุนแรงอย่างแน่นอน ในหุบเขาสายลมไม่มีการลอบทำร้ายมากไปกว่านี้อีกแล้ว

“โอวมาแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงนี่” ผู้อาวุโสคนซ้ายมือพบว่าในที่สุดก็มีความเคลื่อนไหวนอกหุบเขามีดจนได้

“ตามแผนเดิมเมื่อพวกเขามาถึงทางเดินที่มีคมมีด พวกเขาจะเริ่มเปิดเครื่องจักรกล ต่อให้มีร่างอมตะ พวกเขาจะตายอยู่ภายในเส้นทางคมดาบ  นี่อาจเป็นกลไกที่เหล่าเทพสร้างขึ้นไม่มีใครหลบหนี ไม่มีใครทำลายได้...เจ้าต้องให้ความสนใจบางคนไม่ว่าพวกเขาจะบุกทะลวงไปรวดเร็วแค่ไหน  เราอาจต้องปล่อยไปก่อน อย่าพูดว่าพวกเขากำลังมา!” ผู้อาวุโสตำหนักทางขวาพูดอย่างมีความสุข เขากับสหายซ่อนตัวอยู่ใต้รัศมี แต่เขารู้ว่ามันขยายได้เป็นร้อยเท่าสายตาของเขาจับตาดูเย่ว์หยางและพวกที่กำลังเข้ามาในหุบเขามีด

เหมือนกับว่าไม่รู้ว่ามีศัตรูซุ่มรอทำร้ายอยู่ข้างหน้า  เย่ว์หยางเดินนำหน้ากลุ่ม  ถูไห่อยู่ด้านข้าง แต่ราชาหลิงหวินยังรั้งท้าย

ตรงกลางคือกุยซินกุยเจินจากสี่คน

ทุกคนกระจายตัวในระยะที่แน่นอน

ที่ระยะนี้ไม่เพียงแต่สามารถดูแลกันได้ จะไม่มีผลต่อช่องพื้นที่ที่แคบที่สุด

ถ้าพบกับกลไกลกับดักในหุบเขามีดทุกคนจะมีเวลาจัดการได้มากขึ้น

วงล้อใหญ่หมุนต่อเนื่องตามกันที่ขอบติดอาวุธมีคมแทบทุกชนิดมีทั้งมีด หอก ลูกศรพิษ เครื่องบดกระดูกกระดานตะปูและหลาวแหลนต่างๆ พอพวกเย่ว์หยางเดินผ่านกลไกก็เริ่มทำงานมีแต่เพียงคนที่คล่องแคล่วว่องไวที่สุดจึงสามารถหลบหลีกได้  ลูกศรที่ยิงออกมาดูเหมือนว่ายากจะหลีกเลี่ยงต้องเดินแบบสุ่มพยายามหาช่องว่างและลำดับความสำคัญก่อนหลังในการหลบหลีกเมื่อเย่ว์หยางเดินผ่านพื้นที่เช่นนั้น เขาอดชื่นชมคนออกแบบโดยเฉพาะมิได้   เครื่องจักรกลแบบนั้นช่วยให้ฝึกฝนได้ผลอย่างดีที่สุดเทียบกับเครื่องจักรกลในหอทงเทียนในวังห้าธาตุ นั่นเหมือนกับฝนตกกะปริบกะปรอย

ถ้าไม่มีผู้อาวุโสตำหนักคอยซุ่มโจมตีอยู่ข้างหน้าเย่ว์หยางคงให้ฮุยไท่หลางปล่อยให้เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นได้สัมผัสหาประสบการณ์

ในกลไกเหล่านี้มีดและหอกบางจุดสามารถผ่านไปได้ทั่วทุกพื้นที่คนที่มาถึงไม่สามารถหลบได้ ต้องคอยดูจังหวะยืดหดของมันให้ชัดเจนพอผ่านสำเร็จต้องหดตัวหลบทันทีหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหว

เย่ว์หยางเดินและแอบบันทึกไว้หวังว่าต่อไปจะทำบทฝึกแบบที่คล้ายกันนี้ที่หอทงเทียน

หลังจากผ่านเครื่องจักรยักษ์ไปไม่ถึงหนึ่งในห้า

แต่ก็ทำให้ราชาหลิงหวินและพวกรู้สึกเวียนหัว

โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ทุกคนผ่านมาได้สำเร็จ

เย่ว์หยางอยู่ที่ขอบมีดซึ่งยาวหลายร้อยเมตรขอบมีดยาวและใหญ่มาก แต่มีการหมุนในตัวและกลิ้งเป็นลักษณะเหมือนคลื่นใบมีดนับพันยังคงหมุนปั่น ถ้าใครติดเข้าไปคงถูกบดตัดเหลือแต่เลือดเนื้อ

แนวเดินของดาบนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในหุบเขามีด

เป็นไปไม่ได้ที่จะตรงผ่านเข้าไปได้

ใครก็ตามที่ผ่านเข้าไปจะถูกฟันเลื่อยตัดฟันเลื่อยชุดที่สองหมุนขวาง และจากนั้นตามด้วยชุดที่สาม

ใบมีดมีจำนวนหลายพันเล่ม

เมื่อเข้าไปแล้วมีแต่ต้องเดินหน้าไม่มีทางถอย

หลังจากขอบหยักไปมีกลไกลอยู่หลัง  แม้ว่าจะซับซ้อนมากกว่า แต่ง่ายกว่าเล็กน้อยมันไม่สามารถฆ่าคนได้จริงๆ แน่นอนส่วนที่ยากที่สุดของหุบเขามีดก็คือเส้นทางคมมีดนี้

“บ้าจริง” ราชาหลิงหวินรู้ว่าด้านหลังเส้นทางคมมีดมีผู้อาวุโสตำหนักสองคนรอซุ่มทำร้ายและพวกเขาต้องระวัง ต้องคอยฟังคำแนะนำและเคล็ดต่างๆ จากเย่ว์หยางแต่เขายังไม่ปลอดภัยกับการเดินไปตามเส้นทางมีด เขาเข้าใจ มีดที่หมุนเป็นพันๆเล่มนั้นมากเกินไป ตราบใดที่เขาตัดสินใจพลาดแม้แต่เล็กน้อย คงต้องพบกับความเจ็บปวด

ที่น่ากลัวที่สุดก็คือผู้อาวุโสตำหนักกลางสองคนกำลังซุ่มอยู่ในความมืดพร้อมที่จะโจมตี

ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายสามตระกูลเย่ว์เขาคงไม่มีทางผ่านเส้นทางมีดไปได้แน่

สถานที่นี้น่ากลัวอย่างแท้จริง!

อย่างไรก็ตามเขายังคงรู้

ถ้าเขาไม่สามารถผ่านเส้นทางคมมีดนี้ไปได้อย่าหวังว่าจะได้ไปกับคุณชายสามเลย กลับไปขายเต้าหู้เลี้ยงชีวิตดีกว่า

เขากับถูไห่เป็นสองคนแรก

หยุดและเดินเป็นครั้งคราวหลังจากมีดฟันปลามากกว่าร้อยใบผ่านไป กุยซิน กุยเจินสองพี่น้องตามมาติดๆ และจากนั้นก็เป็นฉางซือและเถี่ยว่านก็เริ่มเข้าไปข้างใน  ผู้อาวุโสตำหนักสองคนเห็นฉางซือกับเถี่ยว่านก็คิดว่าเย่ว์หยางเป็นแค่นักสู้เตรียมปราณฟ้าจึงไม่สนใจ เพียงแต่ให้ความสนใจราชาหลิงหวิน นั่นจะมีโอกาสสำเร็จถึง 90%

พวกเขาไม่ลังเลใจเริ่มใช้กลไกกับดักและปิดกลไกมีดตรงเส้นทางที่เย่ว์หยางเตรียมจะเข้าไป

ใบมีดด้านในเพิ่มความเร็วในการหมุนขึ้นถึงสิบเท่า

นอกจากนี้ยังมีอสูรโลหะหลายชนิดซ่อนตัวอยู่ในเส้นทางมีดคอยสร้างความลำบากให้กับราชาหลิงหวิน...สิบนาทีต่อมา  ราชาหลิงหวินและถูไห่เพราะเจอกับกลไกที่โจมตีแบบคละกัน แม้ว่าอาจโดนสับฟันถึงตายได้แต่ก็แค่เต็มไปด้วยรอยแผลบาดแผลไม่ใหญ่และฟกช้ำเท่านั้น

ที่สำคัญที่สุดคือทั้งคู่โจมตีใส่อสูรโลหะ

อสูรโลหะเหล่านี้เป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์ของอสูรโลหะที่ผู้อาวุโสรุ่นเก่าปล่อยไว้เป็นพิเศษ  พวกมันล้วนมีความสามารถกันทั้งนั้นเมื่อพวกมันโจมตีเป้าหมาย พวกมันสามารถขัดขวางไม่ให้กลุ่มได้คืบหน้า

อสูรธาตุโลหะนับไม่ถ้วนบนร่างของพวกมันมีทั้งเครื่องถ่วง โซ่ หรือกุญแจมือหลิงหวินและถูไห่ที่กำลังออกมาในเส้นทางมีดตกอยู่ในอันตรายหลายครั้งแทบถูกฟันเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน  ผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองหัวเราะลั่นและพวกเขาประหลาดใจที่แผนพวกเขาสำเร็จ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ประหลาดใจ และไม่ค่อยยินดีกับผลสำเร็จเช่นนั้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา พวกเขารู้สึกหดหู่และไม่สบายใจ  แต่ขณะนี้เพื่อเร่งความตายให้กับราชาหลิงหวินและถูไห่เพื่อให้ได้ชัยชนะเร็วขึ้นและได้ผลงานยิ่งใหญ่ พวกเขาตัดสินใจเข้าเส้นทางคมมีดด้วยตนเองเพื่อสังหารหลิงหวินและถูไห่ที่บาดเจ็บสาหัสด้วยมือของเขาเอง

แม้ว่าหลิงหวินจะมีพลังปราณฟ้าระดับห้าแต่พวกเขามีความมั่นใจมากพอ

ในเส้นทางคมมีดนี้พลังของผู้อาวุโสทั้งสองไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด

แต่กลับเพิ่มขึ้นหลายเท่า

เขาจะไม่มั่นใจได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น?

“ฟลามิงโกที่งดงาม ถึงคราวเจ้าบ้างแล้ว!”  ผู้อาวุโสตำหนักคนซ้ายเรียกนกฟลามิงโกตัวหนึ่ง  ฟลามิงโกมีรูปร่างเหมือนดวงอาทิตย์สยายกางปีกราวกับว่าจะเผาผลาญทั้งโลกพลังของมันมากถึงปราณฟ้าระดับห้าซึ่งไม่ได้อ่อนแอมากไปกว่าเจ้านายมันและยังเหนือกว่าในบางด้าน

“ฟลามิงโกของเจ้าดูงดงามมาก” ผู้อาวุโสตำหนักคนขวามือชื่นชมและเรียกสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับภูเขา

มันเป็นอสูรขนาดยักษ์

รูปแบบดวงดาว

มันใหญ่กว่าภูเขาแต่ลักษณะของมันไม่ได้งุ่มง่าม กลับตรงกันข้าม มันคล่องแคล่วว่องไว

สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดก็คืออสูรที่เหมือนดวงดาวนี้มีพลังปราณฟ้าระดับสี่มันสามารถรวมตัวกับโลหะได้ มันสามารถรวมกับดิน น้ำได้ผสานกับเส้นทางคมมีดและเคลื่อนไหวอย่างอิสระภายใน ทั้งสร้างและลดพื้นที่เพื่อให้เข้ากันกับดาบและชีวิตของคนทั้งหกจะถูกกักอยู่ภายในจนตาย

ผู้อาวุโสทางซ้ายมือเปิดเครื่องจักรกลชุดสุดท้ายของเส้นทางก่อนจะเข้าไป  เขายิ้มและกล่าว  “ฟลามิงโกของข้าแต่มันย้อมไว้ด้วยเลือดมากมายนับไม่ถ้วน ย่อมงดงามแน่นอน!  ด้วยเลือดของหัวหน้าทั้งหกนี้ฟลามิงโกของข้าจะยิ่งงดงามมาก.. ผู้เฒ่า, เรายังคงทำตามแผนดั้งเดิม  เจ้ารับผิดชอบคอยขัดขวางและข้าจะโจมตีสังหารพวกเขา ฮ่าฮ่า คนพวกนี้ช่างระมัดระวังมันเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรงของพวกเขา ถ้าพวกเขาไม่แยกกระจายกันและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าพร้อมกัน  อย่างนั้นเราคงต้องโจมตีแต่จะไม่ค่อยราบรื่นนัก ตอนนี้มีเพียงสองคนที่อยู่ข้างหน้า และทุกคนมีบาดแผลบาดเจ็บกันมากฟลามิงโกที่งดงามของข้าแทบรอไม่ไหวแล้ว”

“ดูเหมือนว่าจะมีลมแรง...” ผู้อาวุโสวิหารที่อยู่ด้านขวารู้สึกว่ามีลมพัดแรงมาจากภายใน

“พวกมันยังคงถูกกักอยู่ในระยะไกลมากและเป็นไปไม่ได้ที่จะพัดออกมาดูเหมือนเป็นแค่ความแตกต่างระหว่างความเย็นกับร้อนปะทะกันก่อให้เกิดลมพัด!” ผู้อาวุโสของตำหนักด้านซ้ายตรวจสอบอย่างระมัดระวังและพบว่าไม่มีความผิดปกติ

“ใช่ แต่เราต้องให้ความสนใจระวังตัวไว้ไม่ใช่ไม่ดี!”  ผู้อาวุโสตำหนักพยักหน้าให้กันและยอมรับว่าระแวงไปเล็กน้อย

พวกเขาไม่เห็นว่าไม่ไกลจากพวกเขา

เย่ว์หยางในสภาพล่องหนยืนอยู่เหนือกับดักจักรกลมองลงมาที่พวกเขา

ในที่สุดเย่ว์หยางก็ไม่ช่วยพวกราชาหลิงหวินทั้งหกเขาแค่เก็บหนูทองค้นสมบัติและจากไปโดยไม่พูดอะไร

ถ้าราชาหลิงหวินไม่สามารถผ่านด่านทดสอบระดับนี้ได้ อย่างนั้นพวกเขาไม่ต้องปะปนอยู่ในแดนสวรรค์ต่อไป มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถรักษาชีวิตตนได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามนี่เป็นการทดสอบพื้นฐาน พวกเขาต้องผ่านให้ได้ สิ่งที่เย่ว์หยางต้องการไม่ใช่ความสูญเสีย แต่เป็นผู้ติดตามคนหนึ่งผู้มีความกล้าหาญและจริงใจ

พวกราชาหลิงหวินก็รู้เช่นกัน  และพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาต้องแสดงฝีมือให้ดีที่สุด

การแสดงฝีมือครั้งนี้คุณชายสามจะเป็นผู้ตัดสินโดยตรง

พวกเขาจะมีคุณค่ามากพอหรือไม่

ขึ้นอยู่กับการต่อสู้ครั้งนี้

นกฟลามิงโกกางปีกที่งดงามของมันและภายใต้ทักษะความสามารถของมันเปลวไฟนับล้านและมีขอบคมมีดสะบัดเข้าโจมตีราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่ที่อยู่ในสภาพหมดแรง

“โอวพระเจ้า, มันคือฟลามิงโก!” ราชาหลิงหวินรู้แล้วว่าใครลอบทำร้ายเป็นผู้อาวุโสฟลามิงโกที่มีชื่อเสียงของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์

“อ่อนแอ เจ็บปวดโศกเศร้านั่นคือเสียงสุดท้ายที่เจ้าจะทิ้งไว้ในแดนสวรรค์!”  ผู้อาวุโสฟลามิงโกสะบัดมือทั้งสองและพลังระเบิดพุ่งออกมาเหมือนกับภูเขาไฟปะทุจากนั้นอสูรทั้งหมดที่จากนั้นอสูรฟลามิงโกกลายร่างเป็นมีดคมและพุ่งเข้าหาราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่  ผู้อาวุโสฟาลามิงโกจะมีทักษะแฝงเร้น ‘รุกจู่โจม’ ตราบใดที่ไฟรุกเข้าไปที่ร่างกายได้ไฟจะเปลี่ยนเลือดในตัวศัตรูเป็นดาบฟันใส่อวัยวะภายใน แทงผิวทะลุร่างออกมาและคนผู้นั้นจะประสบกับความตายอย่างสยดสยอง

“นี่ นี่มันอะไร?”

เจ้าเมืองถูไห่พบว่ามือของเขาเปียก

เมื่อมองดูใกล้ๆจึงตระหนักว่าไม่ใช่น้ำ ไม่ใช่เลือด แต่เป็นโลหะเหลว

โลหะเหลวเหล่านั้นเหมือนกับมีชีวิตแผ่กระจายไปรอบตัวและในพริบตามันขยายยาวกลายเป็นหลาวเกาะอยู่รอบตัวถูไห่ซึ่งยังอยู่ในกลางเส้นทางมีด...เมื่อเห็นว่าไม่มีเครื่องจักรดาบหมุนกวาดเข้าหา และเขายังไม่สามารถต่อสู้ดิ้นรนได้ถูไห่เหงื่อหยดทันที

ราชาหลิงหวินมองดูตนเองอย่างรวดเร็วและอุทานเช่นกัน “ปลาดาวทองของผู้อาวุโสฉีฟง, ทิ้งโลหะเหลวบนร่างกายซะมันสามารถหลอมรวมกับโลหะได้ หนีเร็ว!”

ผู้อาวุโสฉีฟงหัวเราะ“สายเกินไป ในหุบเขานี้ ข้ากับฟลามิงโกไร้เทียมทาน เจ้าตายได้แล้ว”

ราชาหลิงหวินหลบดาบคมนับพันได้และลอบปาดเหงื่อเยียบเย็น

ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ามีดขนนกเล่มหนึ่งเล็กกว่าเข็มมันกัดใต้เท้าเขาเบาๆ

ราชาหลิงหวินตกใจยกเท้าและกระโดดขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่าด้านมีศีรษะยังมีมีดคมที่มีลักษณะคล้ายกระเรียนพับ  ราชาหลิงหวินเหยียดมือบังไว้ กระเรียนพับจิกทะลุฝ่ามือของเขาและมันเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงทันทีชอนไชเข้าไปในบาดแผลที่ฝ่ามือของหลิงหวินจากนั้นเปลี่ยนเป็นมีดคมนับไม่ถ้วนไล่ไปตามฝ่ามือ

“อ๊า....” ราชาหลิงหวินร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดและตาของเขามองดูเส้นเลือดบนฝ่ามือกลายเป็นใบมีดแทงทะลุออกมา

“ตาย, เจ้าจะต้องพบกับความตายแน่นอน!” ผู้อาวุโสฟลามิงโกรู้ว่าเมื่อศัตรูได้รับบาดเจ็บก็เท่ากับจบการต่อสู้

“ผู้อาวุโสฟลามิงโก!  เจ้าเข้าใจผิดแล้วนี่เพิ่งจะเริ่มต้น!” แขนของราชาหลิงหวินกลายเป็นหมอกทันทีและมีดที่เข้าไปในตัวของเขาตกลงมาจากอากาศ  เมื่อไม่มีเลือดก็ไม่สามารถลุกลามต่อไปได้  ในทางตรงกันข้าม เจ้าเมืองถูไห่ยังคงเปลี่ยนกลายเป็นมนุษย์น้ำหลุดออกมาจากเกราะพ้นจากแรงตัดฟันจากดาบจักรกลได้แม้จะทุลักทุเลก็ตาม

“ร่างหมอกแปลงและร่างน้ำมายาทักษะแฝงเร้นธาตุน้ำ?” ผู้อาวุโสฟลามิงโกเข้าใจทันทีว่าเหตุใดทั้งสองจึงกล้าเบิกเส้นทางก่อนเพราะมีเคล็ดเอาตัวรอดนี่เอง

อย่างไรก็ตามพวกเขาจะแปลงเป็นหมอกและน้ำได้อีกสักกี่ครั้ง

ทักษะแฝงเร้นไม่ใช่เครื่องมือเอนกประสงค์

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นทางมีดนี้แม้ว่าการแปลงเป็นหมอกและภาพมายาน้ำ เมื่อถูกอาวุธตัดใส่แม้ว่าจะไม่ตายทันทีแต่หลังจากฟื้นแล้ว ร่างจะยังมีรอยแยกอยู่ ที่สำคัญที่สุด ทั้งร่างหมอกเปลี่ยนแปลงและร่างมายาน้ำยังด้อยกว่าฟลามิงโกที่สามารถแปลงเป็นเป็นไฟเลือดและคมมีดได้ แม้จะไม่ต้องพึ่งทักษะแฝงเร้นลุกลาม  แต่พวกเขาจะยังไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้

สภาพที่ไม่ธรรมดาของหลิงหวินและถูไห่  ผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองที่อยู่ในการต่อสู้ได้เพิกเฉยไม่สนใจเย่ว์หยางซึ่งเป็นระดับเตรียมนักสู้ปราณฟ้าไปแล้ว

แม้ว่าทั้งเย่ว์หยางและฮุยไท่หลางจะไม่รู้เมื่อพวกเขาหายเข้าไปในหุบเขามีด  พวกเขาก็ยังไม่รู้ตัว

ใครจะให้ความสนใจนักสู้เตรียมปราณฟ้ากันเล่า?

ถ้าจะต้องให้ความสนใจเขาจะต้องกังวลพลังของกุยซิน กุยเจินฉางซือและเถี่ยว่านซึ่งยังติดอยู่ในพื้นที่เส้นทางดาบ...

“ข้ามีเวลาเหลือเฟือจะจัดการกับพวกเจ้าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง”  ผู้อาวุโสฟลามิงโกแค่นเสียง  เขาตัดสินใจใช้ไม้ตายลูกเล่นที่ทำให้ศัตรูแยกขาดจากกัน!...!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด