ตอนที่ 801 กระบี่คู่รู้แจ้ง
ถังเทียนไม่มีความรู้เกี่ยวกับการปรับแต่งอาวุธ แต่เนื่องจากอย่างที่กล่าวเพราะปัญหาเล็กน้อยทำให้เขาไม่สามารถทำเรื่องใหญ่ให้สำเร็จได้ เขาไม่มีทางเลือกได้แต่ฝืนใจกระทำการบางอย่าง
เขาตรวจสอบกระบี่เขียวคู่ในมืออย่างระมัดระวัง
กระบี่พญาเขียวเป็นสมบัติตกทอดของตระกูลฝู จัดเป็นสมบัติลำดับ 39 ในแดนบาป กระบี่พญาเขียวเป็นกระบี่คู่ ยาวหนึ่งสั้นหนึ่ง กระบี่ยาวมีขนาด 45 เซนติเมตร และกระบี่สั้นมีขนาด 21 เซนติเมตร ตัวกระบี่เป็นสีเขียวนวลมีประกายเงางามและจุดเด่นที่สำคัญดูเหมือนจะมีกลุ่มหมอกอยู่ภายในกระบี่
เมื่อถือกระบี่ทั้งสองเล่มเกิดความผันผวนที่บอกไม่ถูกขึ้นในใจของถังเทียน
ถังเทียนตกใจหลังจากนั้นจึงค่อยรู้ตัว มันคือพลังผันผวนจากกฎธรรมชาติ
ฝูเจิ้งจือไม่รู้ว่าถังเทียนกำลังคิดควบคุมอาวุธ แต่เขารู้ว่านายท่านให้ความสนใจกระบี่พญาเขียวของเขามาก แต่สำหรับเขา เขารู้ว่านายท่านคงจะสนใจในสมบัติ และไม่ใช่ตัวกระบี่เอง
“กระบี่พญาเขียวสร้างโดยผู้อาวุโสจากตระกูลหาน ในปีนั้นบังเอิญบรรพบุรุษท่านนั้นได้ชิ้นส่วนไม้หมึกคลื่นชิ้นใหญ่และนั่นคือเหตุผลที่กล่าวกันว่าไม้หมึกคลื่นนี้ดูธรรมดา แต่ชิ้นไม้หมึกคลื่นนี้ถูกฝังอยู่ในโคลนมิติ โคลนมิติจะปล่อยกฎอวกาศออกมาโดยธรรมชาติ ดังนั้นไม้หมึกคลื่นชิ้นนี้จึงได้รับกฎอวกาศมาด้วย ไม้หมึกคลื่นจะเก็บกักพิษตามธรรมชาติซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของกฎชีวิต (เป็น) และหลังจากผสานเข้ากับกฎอวกาศทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ส่วนสายใยกฎสีเขียวปล่อยออกมาจากกระบี่ยาวเป็นพิษมากและยากจะจับได้และถ้าความเข้าใจกฎของฝ่ายตรงข้ามไม่ลึกซึ้งพอ เขาจะถูกพิษเล่นงานอย่างแน่นอน และสามารถติดเชื้อผ่านมิติได้”
ถังเทียนพยักหน้าพลังผันผวนจากกระบี่พญาเขียวยากตรวจจับได้
จากนั้นเขาถาม “สมบัติในแดนบาปเกี่ยวข้องกับกฎธรรมชาติหรือเปล่า?”
ฝูเจิ้งจือตอบเอาใจเขาทันที “นายท่านฉลาดจริงๆ”
ถังเทียนถอนหายใจโล่งอก เพราะตราบเท่าที่เกี่ยวข้องกับกฎธรรมชาติ นั่นก็นับว่าดี! แม้ว่าเขาจะไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่โง่ เพราะเขาใส่ใจการสร้างอาวุธ เขามีวิธีที่สามารถใช้ได้
ความเชื่อมั่นของเขามาจากเกราะเทพเจ้าของเขา ตราบเท่าที่เกี่ยวข้องกับกฎธรรมชาติ อย่างนั้นเกราะเทพเจ้าก็เป็นสิ่งไร้เทียมทาน
หลังเปิดใช้งานเกราะเทพเจ้าแล้ว กระบี่พญาเขียวในมือของเขามีสภาพที่แตกต่างออกไปทันที
กระบี่พญาเขียวที่อยู่ข้างหน้าเขาดูเหมือนถูกขยายใหญ่หลายเท่า ตัวกระบี่สีเขียวสดมีรูเล็กๆ นับไม่ถ้วน พวกมันดูเหมือนกับพืชน้ำและน่าประหลาดใจที่รูเล็กๆ เหล่านี้เชื่อมโยงกับมิติอิสระ รูมิติอวกาศเต็มไปด้วยสายใยสีเขียวและกลุ่มใยเขียวหนาแน่นเหล่านี้ปล่อยหมอกสีเขียวออกมาอย่างต่อเนื่องสายใยเหล่านั้นจะเคลื่อนไหวเหมือนกับพืชน้ำ ไหวเอนไปทางซ้ายและขวาทำให้หมอกที่ปล่อยออกมาดูเหมือนกับโคจรล้อมรอบ
เมื่อสำนึกของถังเทียนขยายผ่านสายใยเขียวเส้นหนึ่งเข้าไปในมิติอิสระ เขาก็ต้องตกใจ
ภายในมิติอิสระสายใยเขียวเติบโตอย่างเหนียวแน่น ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ชัดถึงพลังชีวิตที่แข็งแกร่งบรรจุอยู่ในนั้น
‘พวกมันหยั่งรากเข้ามาในมิติอิสระ!’
แม้แต่ในสภาพตื่นรู้ถังเทียนก็ยังอดแปลกใจไม่ได้
ถังเทียนไม่คุ้นเคยกับมิติอวกาศอิสระ ในมิติว่างของกระบี่ปราบสมุทรก็ยังเป็นมิติที่มีแบบเฉพาะตัว ในสายตาของคนสวรรค์วิถีมิติอิสระเป็นที่ลึกลับมากและยากจะทำความเข้าใจ เป็นเพียงเพราะมิติอิสระเต็มไปด้วยกฎอวกาศที่ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ แต่ในสวรรค์วิถีที่ซึ่งพลังงานเกิดการเปลี่ยนแปลง การต้องหากฎธรรมชาติเฉพาะแบบเป็นเรื่องที่ยากมาก
ในสวรรค์วิถีที่ซึ่งมีพลังงานที่แปลงไปแล้วมิติอิสระที่ไม่ได้รับกระทบจากพลังงานที่แปลงแล้วเป็นที่โหยหาต้องการของเซียนนับไม่ถ้วน
แต่สิ่งที่ถังเทียนกำลังคิดเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป
ระบบฝึกฝนของสวรรค์วิถีก็คือการแปลงพลังงาน เพราะความหนาแน่นของพลังงานมีน้อย พวกเขาจึงเน้นไปที่ประสิทธิภาพและเคล็ดการใช้ กลายเป็นเรื่องซับซ้อนมากขึ้น เทียบพวกเขาแล้วดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยพลังงานทำให้วิธีฝึกของพวกเขาทำได้กว้างขวางมาก
แต่โดยธรรมชาติแล้วทั้งสองอย่างเหมือนกัน
แต่แดนบาปกลับเดินตามแนวที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง
หากปราศจากการมีอยู่ของพลังพวกเขาชินกับการใช้พลังกายเพื่อกระตุ้นพลังกฎธรรมชาติ
นี่แตกต่างจากสิ่งที่ถังเทียนเคยเข้าใจ ในความใจในอดีตของเขา กฎธรรมชาติเองไม่มีพลังในตัวเอง แต่ใช้พลังงานภายนอกมากมายเพื่อผลิตสร้างพลัง ความคิดนี้ถูกเมิน เนื่องจากหมายความว่าพลังงานฉายจากผิวกฎธรรมชาติถูกวางไว้ที่สวรรค์วิถีหรือดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ก็อาจจะทรงพลังอำนาจมาก
เขาตระหนักว่าเขาทำผิดพลาด พลังที่ฉายจากผิวกฎธรรมชาติยังคงเป็นพลังภายนอกที่เรียกว่าผิวกฎธรรมชาติเป็นเหมือนแหล่งพลังที่สร้างขึ้นมาจากความเข้าใจกฎธรรมชาติของนักสู้ผ่านการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย แต่มีระดับเพิ่มขึ้นซึ่งกำลังเปลี่ยนเป็นพลังงานภายนอกที่จับต้องได้เป็นพลังงานที่มองไม่เห็น
นั่นก็หมายความว่าพลังที่ชื่อว่ากฎธรรมชาติยังคงสืบเนื่องมาจากร่างกายของคน
กฎธรรมชาติเป็นเหมือนเตาเผาขนาดใหญ่ ขณะที่พลังภายนอกเป็นเชื้อเพลิงที่ปะทุไหม้ และเปลวไฟที่เกิดขึ้นหลังจากการเผาไหม้เป็นพลังของกฎธรรมชาติที่ฉายออกมา เตาเผาที่แตกต่างจะผลิตเปลวเพลิงที่แตกต่าง ยิ่งรุนแรงเปลวเพลิงยิ่งเผาไหม้มาก
สายใยกฎธรรมชาติเหมือนกับเตาเผาระดับเริ่มต้น ขณะที่ผิวกฎเป็นเหมือนเตาเผาที่ดีกว่าการสร้างเป็นสนามพลังกฎธรรมชาติคือเตาเผาที่ดีที่สุด
ข้อสงสัยและแนวคิดหลายอย่างที่เขาไม่เคยเข้าใจกลับเปิดเผยออกมาทำให้ถังเทียนยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น ขณะที่เขาตระหนักถึงความผิดพลาดที่หลายคนได้ทำไว้ หลายคนเคยคิดว่าได้รับการรู้แจ้งสนามพลังกฎธรรมชาติและเขาต้องการใช้เวลามากมายกับกฎธรรมชาติ เมื่อคิดว่าการรู้แจ้งในกฎธรรมชาติของพวกเขายิ่งลึกซึ้งมากขึ้นพวกเขาจะได้รับการรู้แจ้งกฎธรรมชาติสนามพลัง
แต่หลายคนไม่สังเกตเห็นปัญหาข้อหนึ่งยิ่งเตาเผาใหญ่ขึ้น ก็ต้องการเชื้อเพลิงมากขึ้น
เตาเผาใหญ่จะสร้างเปลวเพลิงด้วยเชื้อเพลิงเล็กน้อยได้อย่างไร
มีพลังเพียงพอก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีสนามพลังกฎธรรมชาติ
แต่หลังจากคิดเกี่ยวกับคนรอบๆตัวเขาอย่างระมัดระวังแล้วตัวอย่างเช่นฝูเจิ้งจือและจี๋เจ๋อผู้พยายามหาวิธีบรรลุกฎธรรมชาติ ความจริงไม่ได้ใช้เวลามากกับการปรับสภาพร่างกายของพวกเขาอย่างเพียงพอ พวกเขาคิดว่าร่างกายของพวกเขาถึงสภาพคอขวด และเทียบกับโลกของกฎธรรมชาติที่กว้างใหญ่ไพศาล ศักยภาพร่างของมนุษย์จะพัฒนาได้อย่างจำกัดและน่าเสียดายจริงๆ
ต้องกล่าวว่าคุณภาพร่างกายของนักสู้แดนบาปเมื่ออยู่ในสวรรค์วิถีหรือในแดนบาปจัดได้ว่าอยู่ในระดับสูงส่ง
ถังเทียนเองเดินตามเส้นทางปรับสภาพร่างกายและรู้ว่าต้องยากลำบากมากเพียงไหนเมื่อร่างกายปรับสภาพถึงระดับหนึ่งที่แน่นอนเป็นเรื่องยากมากที่ก้าวหน้าไปได้อีกก้าว
เขารู้สึกว่าความคิดของเขาอยู่ในระดับที่ควรแต่การปรับปรุงวิธีการดั้งเดิมยังเป็นไปไม่ได้ ความคิดแรกของเขาก็คือใช้กฎธรรมชาติปรับสภาพร่างกายตนเอง ซึ่งเขามีประสบการณ์อยู่ก่อนแล้ว แต่นั่นเป็นแค่ระดับสายใยกฎธรรมชาติ
‘จะเป็นยังไงถ้าข้าใช้ผิวกฎธรรมชาติปรับสภาพกายของเรา?’
‘ข้าควรจะลองดูเมื่อมีโอกาส’
ทันใดนั้นเขาคิดถึงปัญหาอีกเรื่องหนึ่ง ‘ถ้าเราพูดว่ากฎธรรมชาติเป็นเหมือนเตาเผา อย่างนั้นเตาเผานี้สามารถเผาไหม้พลังกายภายนอกได้หรือไม่, พลังจะเป็นยังไง?’
แต่เขาก็ต้องส่ายศีรษะโดยเร็วและทิ้งความคิดนี้ออกไป ‘การปรับสภาพร่างกายและพลังงานเป็นสองระบบที่แตกต่างกันจะทำแบบนั้นได้ยังไง’
แม้แต่ในสภาพตื่นรู้ ข้อสรุปนี้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดในอก
สำหรับเขาแดนบาปเป็นสถานที่ดีที่สุดเพื่อใช้เป็นสนามฝึกฝนเนื่องจากพวกเขาสามารถได้รับการรู้แจ้งกฎธรรมชาติได้เร็วมาก เซียนผู้ได้รับการรู้แจ้งกฎธรรมชาติเมื่ออยู่ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หรือสวรรค์วิถีก็จะเป็นสุดยอดฝีมือ
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจมากขึ้น ความรู้แจ้งของแดนบาปในเรื่องกฎธรรมชาติเกี่ยวข้องกับพลังของร่างกายอย่างใกล้ชิด ขณะที่ในสวรรค์วิถีและดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ความรู้แจ้งในเรื่องกฎธรรมชาติจะมากไปด้วยพลังงาน
เป็นกฎธรรมชาติที่เหมือนกัน แต่อุปสรรคเบาบางที่มองไม่เห็นแยกทั้งสองจากกัน
‘เมื่อคิดดูแล้วแม้ว่าแดนบาปจะไม่เหมาะกับระบบฝึกของสวรรค์วิถี ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เหมาะกับการฝึกของกลุ่มดาวหมีใหญ่’ กลุ่มดาวหมีใหญ่ฝึกทางด้านกายพลังเป็นศูนย์ และหลังจากมีประสบการณ์ทางด้านนี้แล้ว ถังเทียนตระหนักได้ว่าการลดพลังงานเปลี่ยนแปลงหลังจากฝึกการใช้ปราณแท้ทำให้ได้รับร่างพลังกายเป็นศูนย์จะแข็งแกร่งมากกว่าชาวพื้นเมืองแดนบาป
สมาชิกหน่วยสุญญตาทุกคนจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก และเมื่ออยู่ในแดนบาป พวกเขาจะถูกจัดว่าเป็นพวกที่มีร่างกายโดดเด่นที่สุด
อาจกล่าวได้ว่าแดนบาปเป็นที่ทำให้ถังเทียนเข้าใจแก่นแท้และความก้าวหน้าของร่างพลังกายเป็นศูนย์
ถังเทียนกำจัดความคิดทั้งหมดออกไปจากใจ ‘ทั้งหมดนี้คือความคิดในอนาคต คิดตอนนี้ยังเร็วเกินไป’เขาดึงความสนใจกลับมาที่กระบี่พญาเขียวที่อยู่ต่อหน้าเขา ใยแสงสีเขียวสร้างออกมาจากกฎธรรมชาติ ขณะที่ตัวมันเองไม่ได้มีพิษ แต่หมอกสีเขียวจางจะมีสภาพเป็นพิษมาก
และพิษนี้ยังมีคุณสมบัติของกฎอวกาศ ด้วยพลังซึมซาบที่สูงเมื่อต้องพิษก็หมายความว่าเกิดเรื่องยุ่งยากแน่นอน
สิ่งที่น่าประหลาดใจมากก็คือการเข้าไปในมิติภายในสายใยแสงยังเจริญเติบโตอย่างเหนียวแน่น
ภายในมิติภายในที่กว้างขวางไร้ที่สิ้นสุด สายใยแสงดูเบาบางเป็นธรรมดา แต่ถ้าพวกมันยังเจริญเติบโตต่อไป หลังจากร้อยปี หลังจากพันปี หลังจากหมื่นปีสายใยแสงสีเขียวทั้งหมดนี้จะมากสักเพียงไหน?
ภายในมิติภายใน มีทะเลจะมีหญ้าเขียวพิษ
สำหรับมิติภายในที่อิสระ แม้ว่าทะเลหญ้าเขียวพิษจะไม่มีอะไร แต่เซียนคนใดก็ตามสะดุดเข้าไปจะไม่มีใครที่ตระหนักได้ว่ามันสร้างมาจากกระบี่สั้นสองเล่ม
‘เดี๋ยวก่อน,กระบี่สั้นสองเล่ม!’
ตาของถังเทียนเป็นประกายเจิดจ้าทันที สำนึกของเขาแทรกซึมเข้าไปในมิติอิสระและตระหนักว่าสายใยแสงของกระบี่ทั้งสองเข้าไปในมิติอิสระเหมือนกันแต่ทั้งสองกลับแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
‘ทำไมทั้งสองถึงไม่เชื่อมโยงกัน?’
ความคิดประหลาดนี้ผุดขึ้นมาในใจของถังเทียนและทำให้เขาใจเต้นแรง เขาลงมือ แม้ว่าเขาจะใช้งานเกราะเทพเจ้าอยู่ และใจของเขามีความชัดเจนมากกว่าแต่ก่อนแต่ความหุนหันพลันแล่นของเขาฝังอยู่ในกมลสันดานเสียแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ถังเทียนพบสายแสงสองสายข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เขาเริ่มควบคุมสายแสงสองสายและพยายามผูกเข้าด้วยกัน
แต่เขาก็รู้ได้อย่างรวดเร็วว่าสายแสงทั้งสองนั้นลื่นไถลมาก เมื่อใดก็ตามที่เขาพยายามผูกเข้าด้วยกัน สายทั้งสองจะคลายตัวเองตามธรรมชาติ และกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง หลังจากคิดดูแล้ว ถังเทียนรู้สึกว่าเขายังคิดไม่ออกเลยว่าจะเชื่อมโยงสายใยทั้งสองได้ยังไง และตัดสินใจปล่อยให้มันเติบโตควบคู่กัน
เขาควบคุมสายใยกฎธรรมชาติทั้งสองและวางปลายกฎธรรมชาติทั้งสองต่อกันอย่างระมัดระวัง
สายใยกฎทั้งสองค่อยๆโตขึ้นและหลังจากผ่านไปนานพวกมันก็ได้พบกัน เวลาดูเหมือนจะหยุดในขณะนั้น และสายใยแสงทั้งหมดก็หยุดส่ายไหวทันที
ระลอกพลังที่อธิบายไม่ได้ปล่อยออกมาทันที!
ถังเทียนสะดุ้ง
ที่ด้านนอกฝูเจิ้งจือจับตามองเจ้านายที่กำลังกระบี่คู่และหลับตาเหมือนกับว่าเขากำลังเข้าฌาน เป็นเวลานานแล้วที่เจ้านายมองดูเหมือนกับตุ๊กตา เนื่องจากเขาไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย ‘เจ้านายสนใจกระบี่พญาเขียวจริงๆหรือ? เป็นเรื่องน่าอายที่เขาจะขอมันหรือไง?’
ฝูเจิ้งจือสับสนทันที
กระบี่พญาเขียวเป็นของตกทอดของตระกูลฝูและยังมีความสำคัญต่อตระกูลฝู
ทันใดนั้นพลังผันผวนที่บอกไม่ถูกระเบิดออกมาโดยไม่มีคำเตือน
ฝูเจิ้งจือสั่นสะท้าน เขาเงยหน้าขึ้นทันทีและเมื่อเขาเห็นฉากภาพข้างหน้าเขาตกตะลึงไปในทันที