ตอนที่ 800 ประจัญบาน สู้ในความมืด
หุบเขามีด
เมื่อเย่ว์หยางและราชาหลิงหวินกับพวกเดินทางมาถึงหุบเขามีดพวกเขาพบว่าทุกอย่างยังปกติ
สามผู้นำที่รั้งอยู่มองดูด้วยความสงสัยขณะรอให้เย่ว์หยางมาถึง ฮุยไท่หลางส่งจดหมายให้เขาแต่หลังจากพูดคุยกันแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเชื่อข้อความที่ฮุยไท่หลางส่งมา แต่พวกเขาไม่จากไปทันที เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดสมาชิกสามกลุ่มใหญ่หาที่ซ่อนได้แน่นอน แต่หัวหน้ายังรั้งอยู่ลับๆ สิ่งที่ทำให้ราชาหลิงหวินสับสนที่สุดก็คือพวกเขากล่าวว่าไม่เห็นใครผ่านไปทางหุบเขามีด
ประมุขตำหนักใหญ่จีอู๋ลี่ไล่ติดตามร่องรอยของคุกแคริบเบียนไม่ใช่หรือ แต่ ‘ดาบยุติธรรม’ ‘มือตุลาการ’ ‘ค้อนพิพากษา’ สามตุลาการตำหนักยังไม่มีใครมานั่นเป็นเรื่องแปลกเกินไป
“อย่างน้อยจีอู๋ลี่ก็ค้นพบเจอความมีอยู่ของเราแล้ว” เย่ว์หยางคิดถึงความเป็นไปได้
จีอู๋ลี่ในฐานะเป็นประมุขใหญ่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จุดอ่อนบริวารของเขา
ก่อนที่เขาจะทิ้งหน่วยทหารเล็กไว้เป็นการทดสอบ
เมื่อพบว่ามีคนสามารถฆ่าทหารตำหนักกลางได้ จีอู๋ลี่นี้จึงเอาบริวารของตนเองไปซ่อนทันทีอย่างง่ายดายและพรางตัวได้ไม่ทิ้งร่องรอยและซ่อนอยู่ในที่ลับ ด้วยแผนใหญ่ของจีอู๋ลี่ต้องการฆ่าคุ้กแคริบเบียน เขาจึงไม่กำจัดกลุ่มเขตรกร้างที่แปด กลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงคราม แต่มีการเคลื่อนไหวอย่างหนึ่ง
อย่างไรก็ตามนักรบสามกลุ่มซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจากดินแดนฝึกฝน
เย่ว์หยางคิดอย่างหนักและในใจมีความคิดที่ไม่ชัดเจนผุดขึ้นเขาขมวดคิ้ว “หรือว่าจีอู๋ลี่มาที่นี่ไม่เพียงแต่นำคนของเขามาเท่านั้น แต่ยังล่อลวงทหารรับจ้างนักล่าสมบัติที่ไม่รู้ความจริง เมื่อนักรบของสามกลุ่มใหญ่ของกลุ่มรกร้างที่แปดกลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงครามออกมาจากพื้นที่ฝึกฝน นักล่าสมบัติจะถือโอกาสปิดล้อม
ด้วยวิธีนี้เหมาะที่สุดคือพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์กระตุ้นให้แดนสวรรค์ตะวันตกฉวยโอกาสลงมือ
“คุณชายสาม, ท่านว่าจีอู๋ลี่จะซ่อนทหารของตำหนักไว้ในคัมภีร์อัญเชิญหรือไม่?และเขาพาพวกเขาผ่านเข้าไปที่หุบเขามีดใช่ไหม?” ราชาหลิงหวินตอบสนองแม้ว่าจะไม่ได้ใตร่ตรองลึกเกินไปแต่เขาคาดเดาการกระทำบางอย่างของจีอู๋ลี่
“บางทีเขาอาจรังเกียจที่จะสู้กับเรา...” องค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง
“อย่างนั้นจีอู๋ลี่จะต้องลงมืออย่างดุเดือด” เย่คงและคนอื่นที่อยู่กับเย่ว์หยางมายาวนาน พยายามอนุมานถึงเหตุผลการต่อสู้
“จีอู๋ลี่เจ้านั่นคงวางกำลังคนไว้ลอบทำร้ายเราใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆเราอยู่ในอันตรายต้องถูกบังคับให้เดินไปข้างหน้า และยิ่งพบกับพื้นที่ทดสอบพวกเขาก็ยิ่งมีโอกาสเป่าเราทิ้งได้ง่ายเหมือนกับฝุ่น!” เจ้าอ้วนไห่ตะโกนและทำให้ราชาหลิงหวินมีสีหน้าสุดฝืน ถ้าเป็นความจริงอย่างที่เจ้าอ้วนไห่พูดอย่างนั้นสามกลุ่มใหญ่จะตกอยู่ในภาวะจำยอม ออกจากดินแดนทดสอบ เป็นไปได้ว่าจะต้องพบกับอันตรายจะไปต่อข้างหน้าความแข็งแกร่งก็ไม่เพียงพอ
ด้วยพลังที่น่ากลัวของประมุขตำหนักใหญ่จีอู๋ลี่และทหารที่บ้าคลั่งเกือบพันที่ซ่อนเร้นอยู่ในความมืดจะรับมือคนพวกนี้ได้อย่างไร?
เย่ว์หยางไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับคนอื่น แต่เขาไม่ยอมปล่อยสหายจากไปแน่
จากไปก็หมายความเข้าแผนของศัตรู
หมายถึงความตาย!
“พวกเจ้าเข้าไปในคัมภีร์ก่อน เราจะรับมือกับเหตุเปลี่ยนแปลงโดยใช้หลักการพื้นฐาน ฮุยไท่หลางจะติดตามข้าอย่างใกล้ชิดไม่จากไปไหน” เย่ว์หยางให้เจ้าอ้วนไห่และเย่คงรวมทั้งสหายอื่นเข้าไปอยู่ในโลกคัมภีร์ของฮุยไท่หลาง ด้วยพลังของพวกเขาหากปล่อยให้เผชิญกับศัตรูเป็นไปได้จะถูกฆ่าทันที
“แล้วเราจะทำยังไง?” หัวหน้าของทั้งสามกลุ่มรู้แล้วว่าเหตุการณ์คับขัน หน้าของพวกเขาบิดเบี้ยว ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป
“มีสองทางเลือกหนึ่งคือติดตามเราและฝ่าด่านหุบเขามีดและด่านทดสอบที่จะตามมาไม่ใช่แค่หุบเขามีด แต่ยังต้องผ่านด่านที่สามด้วย เรามีแต่ต้องเคลื่อนไปข้างหน้า หลังจากผ่านสามด่านได้ การฝึกฝนที่นี่จึงถือว่าสำเร็จแล้วข้าจะหาทางพาพวกเจ้าออกไป ทางเลือกที่สองคือ พวกเจ้าจากไปเดี๋ยวนี้ออกไปจากดินแดนฝึกฝนให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ หลังจากออกไปแล้ว ถ้าจะให้ดีให้ไปซ่อนตัวในเมืองเจิ้งฝู”เย่ว์หยางให้สองทางเลือก
“พวกเราส่วนใหญ่ยังไม่แข็งแกร่งพอจะติดตามคุณชายสามได้....” หัวหน้าคนหนึ่งส่ายศีรษะอย่างกระวนกระวาย
“ข้าเพียงแต่พูดว่าจะพยายามดูแล ข้าไม่อาจพูดว่าจะไม่มีใครไม่ได้รับบาดเจ็บเสียหายที่สำคัญนี่เป็นการทดสอบด้วยกฎส่วนบุคคล คนอื่นไม่สามารถช่วยได้” เย่ว์หยางมีความสามารถพาทุกคนไปจากดินแดนทดสอบได้ แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงของนักรบแดนสวรรค์ เขาจะไม่ทำอะไรที่แสดงถึงความใจดีอย่าว่าแต่นำกลุ่มนักรบสามกลุ่มเหล่านี้ออกไปโดยปลอดภัยในครั้งนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่ขอบคุณเขา? บางทีหลังจากนั้นเย่ว์หยางอาจโดนกล่าวหาว่าหลอกลวงพวกเขาเมื่อครู่นี้ยังให้ฮุยไท่หลางส่งจดหมายไปให้พวกเขา พวกเขาก็ยังไม่สนใจ แค่เพียงจุดนี้เย่ว์หยางไม่สามารถเชื่อพวกเขาได้เต็มที่
“ทำไมเราไม่ออกไปด้วยกัน?นี่จะทำให้ปลอดภัยมากขึ้นไม่ใช่หรือ?” หัวหน้าคนหนึ่งค่อนข้างขลาดเขลาและไม่กล้าสู้กับจีอู๋ลี่หัวหน้าประมุขตำหนักกลาง และเจ้าตำหนักทั้งสาม
จีอู๋ลี่ไม่ใช่นักสู้ของตำหนักธรรมดาชื่อของเขาเป็นที่ยอมรับไปทั่วแดนสวรรค์
เทียบกับแดนสวรรค์ตะวันตกเมื่อเทียบกับสามจอมภพแดนสวรรค์ที่ถูกลืมไปแล้วหกพันปี ยังน่ากลัวยิ่งกว่า
พวกเขากับเย่ว์หยางมีความมั่นใจว่าสามารถท้าทายต่อสู้กับนักรบธรรมดาของตำหนักกลางได้แม้กระทั่งผู้อาวุโสของตำหนัก แต่สำหรับจีอู๋ลี่ประมุขตำหนักใหญ่ความกล้าหาญสุดท้ายของเขาไม่อาจยกระดับได้ ต้องรู้ไว้ว่าเหนือผู้อาวุโสและรองเจ้าตำหนักขึ้นไปก็เป็นเจ้าตำหนัก สำหรับเจ้าตำหนักมิอาจเทียบพลังกับประมุขเจ้าหนักได้เลย
นอกจากนี้จีอู๋ลี่เป็นประมุขตำหนักใหญ่เป็นบุรุษอันดับหนึ่งของสามเจ้าตำหนักใหญ่ในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ มีบุคลิกแทบจะเทียบกับเทพเจ้าได้แล้ว
เย่ว์หยางยังคงมีสีหน้าสงบ แต่ใจเขายอมยกเลิกการไล่ติดตาม และตอบตามปกติ“บางทีจีอู๋ลี่อาจจับตามองข้าอยู่แล้ว ถ้าข้าไปกับทุกคน อย่างนั้นอาจถูกทำลายล้างได้ ถ้าพวกเจ้าจากไป จีอู๋ลี่ไม่ง่ายนักกับการตามกับปตันคุ้ก ข้าจะอยู่หุบเขาวายุ ดังนั้นเขาจะไม่เบี่ยงเบนความสนใจไปจากข้าดังนั้นพวกเจ้าอาจจะปลอดภัยที่สุดถ้าจากไปเดี๋ยวนี้! ราชาหลิงหวิน สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วท่านสามารถตรองใหม่ได้”
ในที่สุดเย่ว์หยางก็ยังลองใจราชาหลิงหวินอีกครั้ง
ราชาหลิงหวินฟังแล้วกลัวว่าเย่ว์หยางจะสงสัยความจริงใจของเขา เขาสาบาน “คุณชายสาม! ในเมื่อหลิงหวินตัดสินใจแล้วข้าสาบานว่าจะติดตามท่านแน่นอน!”
ถูไห่และหัวหน้าอีกสี่คนที่ตัดสินใจอยู่ต่อ ยังคงไตร่ตรองและกล่าวว่าพวกเขาจะไม่จากไปพวกเขาตัดสินใจติดตามเย่ว์หยาง
ล้อเล่นหรือเปล่าสถานการณ์ตอนนี้ การอยู่กับคุณชายสามปลอดภัยที่สุด...พวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มาถึงและจีอู๋ลี่ปรากฏตัวและหายไปสัญญาณทั้งหมดนี้แสดงถึงจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายในแดนสวรรค์ ในยุคแห่งความวุ่นวายนี้ชีวิตของมนุษย์มีราคาถูกอาจกลายเป็นวีรบุรุษหรือไม่ก็ตายอย่างเดียวดาย
ติดตามคุณชายสามไม่จำเป็นต้องปกป้องชีวิต แต่สามารถเป็นวีรบุรุษได้แน่นอน
จากไปตอนนี้เป็นไปได้ว่าจะต้องพบกับการทำลายล้างครั้งใหญ่!
คนโง่เท่านั้นที่รีบจากไป!
“ถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะไปรอพวกท่านในเมืองเจิงฝู”หัวหน้ากลุ่มทั้งสามไม่เคยเห็นพลังที่แท้จริงของคุณชายสาม ดังนั้นเขาไม่ยินดีทุ่มเทชีวิตให้เขา เขาตัดสินใจนำกลุ่มของพวกเขากลับ พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาทั้งสามกลุ่มพึ่งพากันและกันถ้าทางตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มุ่งเน้นที่ล้อมฆ่า ก็น่าจะปลอดภัย
“ระวังตัวด้วย” ราชาหลิงหวินมีแรงกระตุ้นให้รู้สึกว่าสหายที่จะแยกจากไปนี้อาจจะวิ่งออกไปหาความตายก็ได้
“รักษาตัวด้วย ระมัดระวังให้มาก!” ถูไห่ก็มีความรู้สึกอย่างเดียวกัน
อย่างไรก็ตามเหตุผลบอกพวกเขาอย่างนั้น
ไม่ว่าพวกเขาจะโน้มน้าวอะไรในตอนนี้ คนพวกนี้ก็คงไม่ฟังเพราะหลายอย่างยังไม่ย่ำแย่ถึงที่สุด และนักรบของทั้งสามกลุ่มยังมีความหวัง
เพื่อนร่วมกลุ่มที่ไม่สามารถโน้มน้าวได้มองดูพวกเขาผ่านประตูเทเลพอร์ตซึ่งใช้งานโดยสามหัวใหญ่ราชาหลิงหวินถอนหายใจไม่สามารถทนดูได้ เขาไม่รู้ว่าถูกหรือผิดแต่รู้ว่านักรบทั้งสามกลุ่มที่ออกไปตอนนี้ไม่ถูกแน่นอน
เย่ว์หยางถามชื่อของระดับหัวหน้าทั้งสี่ซึ่งทำให้พวกเขาดีใจ
การสอบถามครั้งนี้คือการรับรอง
“ข้ากุยซิน ส่วนเขาเป็นพี่ชายแท้ๆของข้าชื่อกุยเจิน!” บุรุษสองคนที่มีหน้าตาคล้ายกันแนะนำตัวพลังของพี่กุยซินน้อยกว่าราชาหลิงหวินเล็กน้อย ถ้าพวกเขาผนึกพลังสู้พวกเขาสามารถเอาชนะได้ทั้งหลิงหวินและถูไห่ ส่วนอีกสองคน คนหนึ่งชื่อฉางซืออีกคนหนึ่งชื่อเถี่ยว่าน ทั้งสองเป็นสหายของพี่น้องกุยซินแม้ว่าพวกเขาจะมาจากที่ต่างๆ แต่เพราะคบกันมานาน พวกเขานับเป็นเพื่อนเก่า
“หลิงหวินก่อนพบกับคุณชายสามเป็นทหารหน่วยเล็กของแดนสวรรค์บน”หลิงหวินและอีกสี่คนไม่คุ้นเคยกัน เขารีบถือโอกาสแนะนำตัวอีกครั้ง
“ข้าคือถูไห่เดิมทีเป็นเจ้าเมืองภายใต้บัลลังก์ราชาหลิงหวิน เขารับผิดชอบปกป้องประตูแดนสวรรค์ให้ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์และด้วยเหตุผลด้านพลังจึงทำให้ไม่เคยมีโอกาสเข้าแดนสวรรค์บนเลย”ถูไห่พูดแนะนำตัวเองอย่างเปิดใจกับทุกคน เขายังหวังความเห็นใจจากเย่ว์หยาง หวังให้เย่ว์หยางไม่ปิดโอกาสเขาที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ชั้นสูง
“แดนสวรรค์คือความหวังและผู้คนต่างมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างหนักเพื่อความก้าวหน้า!” เย่ว์หยางปลอบโยนด้วยสองประโยค
เขาเอายาเม็ดพลังยุทธออกมาหกเม็ดและแจกจ่ายให้ทุกคนคนละเม็ด
เมื่อราชาหลิงหวินได้รับยาเม็ดพลังยุทธคุณภาพดีที่สุดซึ่งเป็นของที่หาได้ยากเย็นที่สุดแม้แต่ในแดนสวรรค์บน เขาตกใจจนพูดไม่ออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถูไห่แทบจะร้องไห้โฮออกมา ด้วยยาเม็ดพลังยุทธนี้ เขาจะมีโอกาสบรรลุผ่านพลังปราณฟ้าระดับสี่ที่ไม่สามารถผ่านได้มาถึงเกือบพันปีแล้ว
พลังปราณฟ้าระดับห้าเป็นมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับการเข้าแดนสวรรค์บน
บัดนี้ในที่สุดก็มีความหวัง
สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการยอมรับมานานแล้วสามารถได้รับการยอมรับความปรารถนาที่เก็บกดอยู่ในใจมาหลายปีได้รับการปลดปล่อยผ่อนคลายต่อหน้าคุณชายสาม
ทันทีที่ท่านชูมือรุ่งอรุณแห่งความหวังจะปรากฏ
นี่คือความสามารถของคุณชายสาม...ไม่สิ,นี่เป็นแค่การเริ่มต้น ถ้าได้สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่และได้รับอนุมัติจากเขาโดยตรงแดนสวรรค์บนที่ยังเป็นความฝัน จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป?
“มันล้ำค่าเกินไป คุณชายสาม! เรายังไม่ได้ทำงานอะไรที่คุ้มค่าเลย” ราชาหลิงหวินพูดจนคนอื่นกลัวไม่กล้ารับไว้ด้วย
“เมื่อมีโอกาสในการได้รับรางวัลเรื่องยาเม็ดพลังยุทธไม่ต้องไปสนใจมาก สู้เพื่อให้ชนะก็พออย่าว่าแต่ยาเม็ดพลังยุทธเลย ต่อให้เป็นยาเม็ดเทพยุทธข้าก็ไม่เสียดาย”เย่ว์หยางโบกมือและโยนเหยื่อล่ออย่างยาเม็ดพลังยุทธออกไป ถ้าท่านต้องการให้ม้าวิ่งเร็วอย่าให้มันกินแต่หญ้าอย่างเดียว แค่นั้นยังไม่พอ คนเราควรจะให้สิ่งของที่ถูกใจเพื่อกระตุ้นให้ทำงานมิฉะนั้นใครจะทุ่มเทชีวิตทำงานให้?
“ยาเม็ดเทพยุทธ?” เย่ว์หยางพูดยาเม็ดเทพยุทธด้วยอารมณ์ที่ไม่กังวลใจแม้แต่น้อยก็ยิ่งทำให้ราชาหลิงหวินตกใจหนักยิ่งกว่าเดิม
ยาเม็ดเทพยุทธเป็นตำนานยาเพิ่มพลังระดับเทพ
เจ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ได้ยาเม็ดเทพยุทธนี้ยังต่อสู้กันเองโดยไม่สนใจความสามัคคี
เมื่อความแข็งแกร่งมาถึงความแน่นอนระดับหนึ่ง สิ่งที่มีค่าที่สุดไม่ใช่การบรรลุระดับหรือพลัง แต่เป็นศักยภาพ เมื่อไม่มีศักยภาพนักสู้ปราณฟ้าหลายคนก็แค่อยู่ในระดับที่แน่นอนไปตลอดชีวิตได้แต่มองดูคนอื่นไล่ตามทัน และแซงระดับพลังของตนขึ้นไป.. ถ้าท่านมียาเม็ดเทพยุทธเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น! นั่นเป็นสาเหตุให้ยาเม็ดเทพยุทธทำให้นักสู้ถึงกับคลั่ง!
แน่นอนว่าเย่ว์หยางแค่โยนเหยื่อล่อ
เว้นแต่ราชาหลิงหวินจะกลายเป็นกัปตันคุ้กบริวารผู้ภักดีของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีมิฉะนั้นต่อให้เย่ว์หยางมียาเม็ดเทพยุทธมากมายก็คงไม่ให้พวกเขาแน่
ยาเม็ดเทพยุทธจะมีมากหรือไม่มากก็ตามเย่ว์ซวงคงกินได้ไม่ต่างกับขนมถั่วกวน แต่คนภายนอกนั้นทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น
“ข้าสาบานว่าจะขอสู้ตาย!” พวกราชาหลิงหวินตื่นเต้นจนหัวใจแทบกระดอนออกมานอกตัว แน่นอนพวกเขาก็รู้ดีว่ายาเม็ดเทพยุทธมิใช่จะได้รับกันง่ายๆ แต่บัดนี้มียาเม็ดพลังยุทธอยู่ในมือพวกเขาไม่สนใจว่าตนเองจะยอมเชื่อเย่ว์หยางหรือไม่ แต่ขณะนี้พวกเขาลอบตัดสินใจแน่วแน่ แม้ว่าจะยากลำบาก พวกเขาจะต้องได้ยาเม็ดเทพยุทธสักครั้งในชีวิต มิฉะนั้นชีวิตพวกเขาคงตายไปเปล่าๆ
ถ้ามีโอกาสเช่นนั้นถ้าท่านไม่หวงแหนเอาไว้ เกรงว่าคนนอกคงจะรู้ว่าพวกเขามีชีวิตที่สูญเปล่าเกิดมาแล้วก็ตายไป
ตอนนี้ราชาหลิงหวินรู้สึกว่าพวกเขาโชคดีอีกครั้ง
โชคดีที่เลือกติดตามคุณชายสามอย่างแน่วแน่ มิฉะนั้นจะได้รับยาเม็ดพลังยุทธได้ยังไง?เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีความหวังได้รับยาเม็ดเทพยุทธ?
ในหุบเขามีด
เงาร่างล่องหนปรากฏอยู่เหนือหนูทองค้นสมบัติ
การมาถึงของพวกเขาผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองไม่รู้อะไร
หนึ่งในร่างเงารู้ทันทีเมื่อเห็นหนูทองค้นสมบัติและร่างเงาเลียนแบบและในที่สุดอดชื่นชมอย่างจริงใจไม่ได้“เป็นคู่หูที่ดีที่สร้างมาใช้ในการรบในแดนสวรรค์นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะฉลาดคล่องแคล่วอย่างนั้น หาได้ยากจริงๆ”
“หลานฟง,หนูทองค้นสมบัตินี้ด้วยฝีมือของช่างในตำหนักของเจ้าสามารถสร้างได้ไหม?” ร่างเงาอีกร่างประหลาดใจ
“เป็นไปไม่ได้คนพวกนั้นไม่สมควรหิ้วรองเท้าให้กับผู้สร้างหนูทองนี้ด้วยซ้ำ มันน่าทึ่งมากสามารถอยู่ในสถานการณ์พรางตัวของเราได้แล้วส่งข้อมูลให้เจ้านายทำให้สองผู้อาวุโสเหมือนตัวโง่งมได้...ว่านม่อเจ้าเห็นคู่ต่อสู้สามารถรอดชีวิตจากผู้อาวุโสตำหนักได้ไหม?” บุรุษชื่อหลานฟงเจ้าตำหนักไฟคนที่อวี่ป๋อพูดถึง ในตำหนักกลางทั้งหมดเขาอาจถูกจัดไว้ในห้าสุดยอดหรือสามสุดยอดก็ได้
“เจ้าชิงเอามาเลยได้ไหม?” บุรุษชื่อว่านม่อถาม
“แม้ในที่อย่างนี้คงไม่สามารถชิงมาได้สำเร็จ อาจจะทำลายก็ได้” แต่บุรุษผู้ลึกลับที่สุดซึ่งอยู่ตรงกลางพูดขึ้น เขาคือประมุขใหญ่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จีอู๋ลี่
“อะไรนะ? แม้แต่ท่านก็ไม่สามารถทำลายได้หรือ?” บุรุษชื่อว่านม่อตกใจ
“นี่มันอสูรที่มีคุณสมบัติทางโลหะ พวกมันคงจะถูกหลอมรวมมาห้าตัวหรือหนึ่งตัวและเจ้าตัวเล็กนี้สามารถซ่อมแซมได้ตัวได้ในคัมภีร์อัญเชิญ” หลานฟงให้ความเห็น
“ข้าเกลียดของดีๆที่ข้าหาไม่ได้และทำลายไม่ได้จริงๆ...” บุรุษชื่อว่านม่อโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เขากล่าวในที่สุด “เมื่อเห็นอสูรที่ยอดเยี่ยมของศัตรูแล้วรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ เห็นแล้วอยากจะซัดผู้อาวุโสตำหนักสักตุ้บสองตุ้บ! ศัตรูดีกว่า แต่พวกเขากลับโง่กว่ามีหนูน้อยวิ่งอยู่รอบตัว พวกเขากลับไม่พบเจอ เป็นผู้อาวุโสประสาบ้าอะไรกัน แม่มันเถอะข้าไม่ได้ระบายอารมณ์แล้วพาลจะบ้าตาย!”
“พวกเขาเป็นคนของตำหนักแสงจงหัว ถ้าเจ้าทำอะไรพวกเขาจงหัวจะต้องกล่าวโทษเจ้าตำหนักมืดต่อสาธารณชนแน่” หลานฟงหัวเราะลั่น
“.....” ว่านม่อพูดไม่ออก
“ถ้ารู้สึกเบื่อ ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรก่อนอื่นแค่ไล่จับตาดูหัวหน้าโจรสลัดคู่สงครามนี้อย่างช้าๆ ไปก่อน” จีอู๋ลี่คนที่อยู่ตรงกลางโบกมือ อีกหกคนหายไปเหลืออยู่แต่ผู้อาวุโสที่ยังไม่รู้อะไร
ด้านนอกหุบเขามีดเย่ว์หยางยิ้มมุมปากและปิดคัมภีร์อัญเชิญ