ตอนที่ 800 ถังเทียนสะท้อนพลัง
ฝูเจิ้งจือปลื้มใจอย่างมากกับความสำเร็จของตัวเขาเอง
กองทัพกำลังเติบโตอย่างมั่นคงและรวดเร็ว และในช่วงสองสามวันก็เริ่มมีเค้าร่าง แม้ว่านายท่านจะค่อนข้างรุนแรง แต่เมื่อคิดถึงอนาคตที่สดใส หัวใจของเขาอดตื่นเต้นไม่ได้
กองทัพแรกของแดนบาปเมื่อคิดถึงชื่อนั้นแล้วทำให้เขายิ้มได้ทั้งคืน
ถ้าจะมีอะไรเลวร้ายนั่นก็คงจะเป็นเรื่องที่เจ้านายเข้มงวดเกินไป มีหลายครั้งเมื่อเขารู้สึกว่าทุกคนทำได้ดี แต่พวกเขามักจะได้ยินเสียงโกรธว่า “เอาอีก” หลังจากนั้น
ตอนนี้เมื่อใดก็ตามที่เขาได้ยินคำเหล่านั้นเขาจะสั่นโดยไม่รู้ตัว
ไม่ใช่แค่เพียงเขาเท่านั้น แต่จี๋เจ๋อดาบพิศวงก็ไม่กล้าใช้อารมณ์ทั้งสองคนถูกเล่นงานถึงจุดที่พวกเขาไม่กล้าพูดสักคำ และคนที่อยู่เบื้องล่างเขาไม่กล้าหอบหายใจ
หลังจากผ่านไปนานฝูงเจิ้งจือก็เข้าใจถึงอารมณ์ของเจ้านาย
‘จอมเพ้อฝันอุดมคติแน่นอน!’
‘เขาไม่เห็นข้อบกพร่องหรือจุดอ่อนและความต้องการของเขาอันตรายมากถึงจุดที่กลายเป็นความน่ากลัว นอกจากนี้ คนที่เจ้าเล่ห์และพยายามตอแยเขาจะต้องตายอย่างสยดสยอง’ แม้ว่าทหารทุกคนจะมีฝูเจิ้งจือดูแลให้เป็นอย่างดี แต่ไม่มีใครในนักสู้เหล่านี้เคยคิดว่าการฝึกฝนจะยากลำบากมากมาย
‘นี่โหดร้ายเกินไป!’
ฝูเจิ้งจือตอนแรกคิดว่าตนเองมองเห็นทะลุปรุโปร่ง แต่การฝึกฝนประจำวันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าเวลาหลายวันนี้ยืดยาวเหมือนเป็นปี หนังของเขาชาด้านและตัวเขาเองไม่รู้ว่าจะทนได้นานเท่าใด แม้แต่จี๋เจ๋อผู้ประกาศด้วยความภูมิใจว่าเขาไม่เคยทนทุกข์ยากลำบากมาก่อนก็ยังจ้องมองพื้นที่อย่างว่างเปล่าอยู่บ่อยครั้งเมื่อได้ยินนายท่านเรียกพวกเขาไปฝึก ตาของเขามีความรู้สึกกลัวอยู่ลึกๆ
โดยเคล็ดความเข้าใจผิวกฎของพวกเขาที่ถึงระดับจุดสุดยอดและการควบคุมพลังของพวกเขาทำได้ง่าย การฝึกอย่างนั้นไม่น่าจะยากเกินไปสำหรับพวกเขา แต่ไม่มีใครคาดว่านายท่านมีความต้องการสูงส่ง สำหรับพวกเขาเปลี่ยนจากเป็นไปได้กลายเป็นไปไม่ได้
ผิวกฎทั้ง 200บรรลุเป้าสะท้อนพลังได้ 100%!
นั่นเป็นไปไม่ได้
เมื่อฝูเจิ้งจือได้ยินท่านหน้ากากผีประกาศว่าด้วยเสียงเฉื่อยชาซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของเขาเขาจะตะลึงและอยู่กับที่เป็นเวลาสองสามนาทีก่อนที่จะค่อยๆ รู้สึกตัว ความปรารถนาต้องการจะปฏิเสธเขาเกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แต่เงาของท่านหน้ากากผีบีบหัวใจเขาอย่างรุนแรงและเงาร่างนั้นทำให้เขานิ่งอยู่สองสามวินาทีก่อนที่เขาจะโพล่งคำพูดออกมา
‘เพราะข้าปฏิเสธคำสั่งแรกของเจ้านาย ข้าจะเหนื่อยตายไหม?’
สำหรับเขาไม่มีอะไรพูดมากในเรื่องความแข็งแกร่งของเจ้านาย เขาแข็งแกร่งเกินไป ‘ในทั่วทั้งแดนบาปมีเพียงคนเดียวที่สามารถรับมือนายท่านได้ก็คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งตู้เค่อ’ ไม่ว่าเจ้านายหรือตู้เค่อจะแข็งแกร่งกว่ากัน ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะตัดสินได้ แต่นายท่านยังเยาว์วัยมากดังนั้นจึงต้องการการสนับสนุน
‘ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะไม่มีทางเสนอเป้าหมายที่ไม่เป็นจริงเช่นนี้’
อย่าเพิ่งตัดสินพวกเขาไม่ว่าจะเป็นเขาและจี๋เจ๋อล้วนสะท้อนพลังกฎธรรมชาติด้วยผิวกฎของพวกเขา พวกเขาระดับสูงเท่าใดแล้ว? การควบคุมพลังที่ฉายอยู่บนผิวกฎธรรมชาติของพวกเขาอยู่ในระดับสูงในแดนบาป อาจจะดูเหมือนไม่ยากสำหรับการสะท้อนให้สมบูรณ์ แต่ระดับของการใช้จำเป็นต้องไม่ต่ำทราม
คนสองร้อยคนยังคงมีผิวกฎธรรมชาติที่สมบูรณ์ แต่พวกเขามาตรฐานต่ำเมื่อเทียบกับสองคนนี้
การควบคุมพลังของพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดและความระมัดระวังเต็มที่ได้
นอกจากนี้ เป็น200 คน!
ไม่ใช่สองแต่เป็น 200 คน 200คนบริบูรณ์การสะท้อนผิวกฎธรรมชาติได้สำเร็จหมายความว่ายังไง? ตราบใดที่ใครก็ตามทำผิดพลาดไม่ว่าจุดใดก็ตามในแต่ละครั้ง พวกเขาจะไม่สามารถสะท้อนพลังได้
ฝูเจิ้งจือคิดหาทางอื่น ‘บางทีเจ้าก็แค่ให้ทุกคนมีเป้าหมายระยะยาว100% มันเกินไป แต่ 50% ยังเป็นไปได้ แม้ว่าเราได้50% ผิวกฎธรรมชาติ 100 สายถูกสะท้อนนั่นจะมีพลังน่ากลัวเพียงไหน’
ฝูเจิ้งจือคิดว่าเขาเข้าใจเรื่องชัดแล้วค่อยตระหนักว่าเขายังไร้เดียงสาเท่าไหนหลังจากฝึกมาแล้ว
‘เจ้านายพยายามสะท้อนพลังให้ได้ 100%!’
ดูเหมือนว่าเป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้ ทำให้ทุกคนตะลึง แต่นายท่านนำทุกคนฝึกด้วยตัวเอง เขายังคงไร้สีหน้าอารมณ์และไม่พูดเรื่องหน้าแน่นอน ตราบใดที่มีความผิดพลาด พวกเขาจะทำใหม่ซ้ำขั้นตอนเดิมทั้งหมด
ความรู้สึกนับไม่ถ้วนที่นายท่านมุ่งมั่นจะทำสิ่งที่ไม่ธรรมดาให้สำเร็จและผ่านการฝึกฝนที่มีความเข้มข้นสูง ในที่สุดเจ้านายนั่นแหละที่จะพังทลายก่อน
เป็นไปตามคาดหลังจากฝึกวันแรกผ่านไป เจ้านายเหนื่อยจนยกนิ้วไม่ขึ้น
ทุกคนลอบถอนหายใจโล่งอก
พอวันที่สองเจ้านายเหนื่อยยิ่งกว่าเดิม
ทุกคนเห็นประกายแสงแห่งความหวัง
วันที่สามขณะฝึกเจ้านายล้มลงหลับและกินอะไรไม่ลง
ทุกคนรู้สึกว่าชัยชนะใกล้เข้ามา
วันที่สี่วันที่ห้า วันที่หก...
ผ่านไปวันแล้ววันเล่าพวกเขาที่กำลังรออย่างอดทนก็ไม่สามารถทนได้
ทุกคนรู้ว่าในวันก่อนเจ้านายเหนื่อยเพียงไหน วันที่สอง เจ้าดูเหมือนกลับชาติเกิด เขาไม่สั่นเหมือนเหตุการณ์ในวันก่อนและดูเหมือนกับเครื่องจักรกลที่ไม่รู้จักเหนื่อยล้า เขาไปฝึกโดยไม่ย่อหย่อนผ่อนคลายมีแต่จะเพิ่มขึ้น เมื่อการฝึกผ่านไป เจ้านายเป็นเหมือนปีศาจ สีหน้าของเขาไม่เคยเปลี่ยน เขาคร่ำเคร่งและมุ่งมั่น เขาไม่เคยตะคอก น้ำเสียงพูดของเขาราบเรียบเหมือนกับคนป่วยที่สั่งการพวกเขา
ในความสิ้นหวังนั้นบางคนยอมแพ้ และอู้ตลอดทั้งคืน
ฝูเจิ้งจือมาถึงสนามฝึกตามปกติแต่เสียงฝีเท้าเขาแผ่วเบามาก
ในระยะห่างมีเสาไผ่อยู่สองสามต้นและมีทหารสองสามคนห้อยตัวจากเสาไผ่นั้น
ฝูเจิ้งจือเพ่งสายตาทันที เขาไม่รู้ว่าเจ้านายใช้วิธีอะไรเพราะผิวกฎธรรมชาติของพวกเขาถูกผนึกหมดฝูเจิ้งจือใจสั่นสะท้าน เขาไม่เคยได้ยินเลยว่าผิวกฎธรรมชาติถูกผนึกได้ แต่ฉากที่อยู่ต่อหน้าเขาบ่งบอกความจริง
“เจ้านายเข้าใจกฎธรรมชาติมากแค่ไหน? หรือว่าเจ้านายจะเป็นเหมือนตู้เค่อจริงๆยอดฝีมือผู้มีสนามพลังกฎธรรมชาติ?’
ความคิดนั้นผุดวาบขึ้นมาในใจเขา
คนที่ถูกแขวนอยู่ไม่สามารถอาศัยพลังที่ฉายออกมาจากผิวกฎธรรมชาติได้ทำให้พวกเขาเหมือนกับทารกถูกแขวนอยู่ทั้งคืน สีหน้าของพวกเขาหดหู่
ทหารทุกคนที่เข้ามายังสนามฝึกกระโดดผาง มีหลายคนดีใจที่พวกเขาไม่บ้าและไม่พยายามจะหลบหนีนี่เป็นช่วงเวลาที่ทั้งกองทัพหวาดกลัว
ทั้งกองทัพยังเงียบเพราะความกลัว
ในเวลานี้ถังเทียนเหมือนตัวตนที่ปกติของเขาเตรียมตัวเริ่มฝึก แต่เขาเอามือลูบคางและสะท้อนใจ เขาไม่ได้ถูกฝึกมาเพื่อกิจการทหาร แต่ถูกบังคับให้ทำ ปิงมีความคิดจะผลักดันให้เขาเป็นนักสู้จักรกล แต่ใช้ให้เขาเป็นแม่ทัพทหาร แม้ว่าปิงจะเป็นผู้ที่ทำงานอยู่ในกองทัพดาวกางเขนใต้ที่เจริญรุ่งเรืองก็ยังรู้สึกผิดหวังเมื่อคิดถึงแนวการฝึกถังเทียนให้เป็นแม่ทัพนายกองทหาร ดังนั้นถังเทียนไม่คิดว่าพรสวรรค์ในด้านการทหารของเขาจะดีแต่อย่างใด
แต่ความจริงอยู่เบื้องหน้าเขาและเป็นความคิดที่ดีที่สุดของเขา ถ้ากองทัพทำได้สำเร็จจริงๆแดนบาปจะไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้ และไม่ว่าตู้เค่อจะเป็นใครก็ตาม ถังเทียนไม่จำเป็นต้องสนใจ ‘เวลานั้นใครจะกล้ากักขังสมาชิกหน่วยสุญญตาต่อไปเล่า พวกเขามีแต่จะรีบส่งพวกเขาคืนให้อย่างว่าง่ายไม่ใช่หรือ?’
ถังเทียนไม่ใช่คนที่ชอบยอมรับความพ่ายแพ้ และตั้งแต่เขามีความคิดดีๆ ก็ต้องเป็นเขาที่ยังทำได้ไม่ดี
‘ว่าแต่..ข้าทำอะไรผิดกันแน่?’
‘ถ้าเพียงแต่ปิงอยู่ที่นี่, ถังเทียนคงเบิกบานใจ แต่ก็เป็นชั่วครู่เท่านั้น ‘ไม่มีใครช่วยข้าได้ ดังนั้นข้าต้องพึ่งตัวเอง’ เขาเค้นสมองและทบทวนวิธีที่ปิงใช้ฝึกทหารอย่างดีที่สุด
‘ระเบียบวินัยเคร่งครัดและร่วมมือ มีการให้รางวัลและลงโทษ..’
‘เดี๋ยวก่อน!’
ถังเทียนตาเป็นประกาย เขารู้สึกว่าเขาจับปมของปัญหาได้! ‘ใช่แล้ว ข้ามักเอาแต่ลงโทษ แต่ไม่เคยให้รางวัลเลย, มิน่าเล่า, มิน่าเล่า’ ถังเทียนมีท่าทีรู้แจ้ง ต้องการจะให้ม้าวิ่งก็ต้องให้อาหารม้าก่อน ถังเทียนยังคงเข้าใจตรรกะง่ายๆนี้
‘แต่คำถามก็คือ, ข้าจะเอารางวัลอะไรให้พวกเขา?’
ถังเทียนรู้สึกดีใจอย่างเห็นได้ชัด ‘นี่นับว่าคลี่คลายได้ดีแล้วเดี๋ยวก่อน เดี๋ยว เดี๋ยว!’ ถังเทียนตระหนักได้ทันที เขาไม่ได้อยู่ที่กลุ่มดาวหมีใหญ่หรือดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ แต่อยู่ในแดนบาป ที่ซึ่งเขาไม่มีเงินเลย
‘ข้าไม่มีเงินเลย...’
หน้าของถังเทียนเขียวคล้ำอุตส่าห์เป็นเศรษฐีใหม่ผู้ใช้เงินซื้อกองทัพและซื้อเรือรบได้และหว่านเงินไปทุกที่กระทั่งชนะศัตรูได้ ความรู้สึกขัดสนนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ
‘สัญญาที่ว่างเปล่า?’ แม้ว่าถังเทียนจะหน้าหนาแค่ไหนก็ตาม แต่เขาไม่มีทางจะทำเรื่องเช่นนั้น
สมควรคิดเรื่องฝูเจิ้งจือและสมบัติตระกูลของเขา แต่ถังเทียนไม่เคยคิดใช้สิ่งนั้น จอมเกเรแห่งสถาบันแอนดรูว์ถังเทียนมีแนวคิดง่ายๆ ถ้ามีคนติดตามเขาและเขาไม่ให้ผลประโยชน์ใดๆกับพวกเขาเลย แต่เจ้าต้องการขูดเอาสมบัติความมั่งคั่งตระกูลพวกเขาน่ะหรือ?
นั่นไม่สมเหตุผลเลย
ถังเทียนไม่เคยพูดเรื่องหลักการกับศัตรูของเขา แต่เกี่ยวกับสหายของเขาเอง เขาจะรอบคอบมาก
และเมื่อคิดถึงศัตรูคนต่อไปของเขาตู้เค่อสมบัติเล็กน้อยทั้งหมดไม่สามารถทำให้เขาตื่นเต้นได้
เงินทองก็มีพลังอำนาจอยู่ส่วนหนึ่ง ความเป็นจริงนี้เหมือนกันทุกที่
เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว ถังเทียนไม่โกรธ แต่รู้สึกว่าเขาเอาเปรียบทุกคนในวันธรรมดานับเป็นเรื่องดีถ้าทุกคนฟังคำสั่งของท่าน แต่ถ้าท่านจะให้ทุกคนทุ่มเททุกอย่างโดยไม่ได้อะไรคงเป็นเรื่องที่อภัยให้ไม่ได้กับความตระหนี่ถี่เหนียว
หลังจากสั่งฝูเจิ้งจือให้นำคนลงมาเขาคิดถึงปัญหาต่อไป
‘ถ้าเพียงแต่ข้ามีตู้ควาเรียสเงิน นั่นคงจะดีแค่ไหน มีสมบัติเก่าแก่เป็นกองๆและสมบัติดวงดาวอยู่ในนั้น ถ้าไม่อย่างนั้น ข้าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากหรือ?’
‘ถ้าไม่อย่างนั้น เสี่ยวเอ้อก็ช่วยได้เช่นกัน เขาสามารถปรับแต่งอาวุธจิตวิญญาณได้สองสามอย่างคงทำให้ทุกคนที่นี่ตกตะลึงแน่!’
‘เอ่, ปรับแต่อาวุธวิญญาณ...’
ถังเทียนที่กำลังจะบ้าเพราะคิดเรื่อยเปื่อยจู่ๆ ก็มีความคิดทำให้ตาของเขาเป็นประกายทันที
เขาไม่รู้วิธีปรับแต่งวัตถุจิตวิญญาณและไม่มีสมบัติดวงดาวในแดนบาปที่เขาจะปรับสร้างด้วยเช่นกัน แต่วัสดุในแดนบาปมีความเฉพาะตัวและต่างจากสวรรค์วิถีและดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์อย่างเห็นได้ชัด
ลูกปัดข่มวิญญาณของผู้อาวุโสกุ่ยอู๋มีวิธีการปรับสร้างที่อยู่นอกสารบบหลายอย่าง แต่เสี่ยวเอ้อเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น เนื่องจากถังเทียนไม่เคยให้ความสนใจ ตอนนี้เขาถูกสถานการณ์บังคับ เขาได้แต่ขมวดคิ้วและพยายามทบทวนประกายความคิดทีละน้อย
การทบทวนนี้เป็นไปตลอดทั้งคืน
ฝูเจิ้งจือชักจะกังวล‘นายท่านท้อแท้เพราะพวกทหารพยายามหลบหนีงั้นหรือ?’
‘นั่นช่วยไม่ได้จริง! แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆแต่อนาคตของกองทัพก็ยังไร้ขีดจำกัด!’
เขาเตรียมจะแนะนำเจ้านายว่ากองทัพเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรงและอนาคตของตระกูลของเขา‘ข้าไม่สามารถปล่อยให้เจ้านายซึมเซาต่อไป’
เขาไปพบเจ้านายและได้ยินถังเทียนพึมพำเพ้อเจ้อซึ่งเขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น ถังเทียนเห็นเขาแล้วนัยน์ตาเป็นประกายและพูดขึ้น “กระบี่เขียวของเจ้า,เอามาให้ข้าดูหน่อย”
ฝูเจิ้งจือตกใจ ‘นายท่านเห็นอะไรบางอย่างในกระบี่เขียวของข้างั้นหรือ?’
แต่หลังจากคิดดูแล้ว เขารู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากถังเทียนไม่ใช้กระบี่ ‘นอกจากนี้นายท่านยังยกแหวนมรณะให้สวี่เย่ แล้วจะต้องการกระบี่เขียวของข้าไปทำอะไร?’
ทั้งศีรษะของฝูเจิ้งจือมีเม็ดเหงื่อเกาะพราว แต่เขาก็ยังส่งกระบี่เขียวให้เจ้านาย