ตอนที่ 799 จุดอ่อน จุดอ่อนที่ร้ายแรง
ทหารของตำหนักพอถูกสหายแทงใส่ก็ระเบิดร่างตนเองทันที
เลือดเนื้อระเบิดกระจายเต็มฟ้า
แรงระเบิดสั่นสะเทือนไปทั้งพื้นโลก..ในพื้นที่ระเบิดราชาหลิงหวินร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลสาหัสหลบออกมาได้หลังจากระเบิดใหญ่ด้วยพลังปราณฟ้าระดับห้าของเขา แรงระเบิดของนักสู้ปราณฟ้าระดับสามยากจะทานทนได้...ทหารตำหนักกลางเหล่านี้มีความสามารถพิเศษเพิ่มพลังพวกเขาเองให้สูงขึ้นเป็นร้อยเท่าในช่วงเวลาสั้นๆ แน่นอนว่าราคาที่เพิ่มขึ้นมานั้นก็คือความตาย
พลังของนักรบตำหนักกลางที่เพิ่มขึ้นมาร้อยเท่านั้นเทียบกับราชาหลิงหวินแล้วไม่อ่อนแอแม้แต่น้อย
การเพิ่มพลังร้อยเท่าควบคู่ไปกับการได้รับเกราะพิเศษและยังฝึกวิทยายุทธ์ไม้ตายเพิ่มขึ้น ทั้งสามส่วนนี้ทำให้พลังในการทำลายล้างเกินขีดจำกัดที่ราชาหลิงหวินจะรับได้
ราชาหลิงหวินสามารถหลบหนีออกมาจากศูนย์กลางแรงระเบิดก็นับว่าเป็นเรื่องยากในตัวอยู่แล้ว
เมื่อเขาหนีไปหาสหายหวังว่าจะช่วยเหลือให้ทันเวลา
ด้วยความรวดเร็วกว่าหัวหน้ากลุ่มเขตรกร้างที่แปดกลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงคราม นักรบมรณะของตำหนักกลางสองคนรวมกำลังพุ่งเข้าหาร่างของราชาหลิงหวินราวกับลูกธนูเหมือนกับจะรู้ว่าราชาหลิงหวินสามารถหลบหนีได้ และเขายังระเบิดตัวเองไม่สมบูรณ์
ซ้ายด้านหนึ่งและขวาอีกด้านหนึ่ง
จับขาซ้ายและขวาของราชาหลิงหวิน
มือทั้งสองของพวกเขามีแรงอัดโลหิตเป็นพิเศษโลหิตพุ่งออกมาเหมือนโซ่แทงเข้าไปในร่างของศัตรูยึดร่างและเกราะของศัตรูไว้อย่างแน่นอน
เว้นแต่สามารถทำลายเกราะพิเศษนี้ได้เป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดพ้นเป็นอิสระจากมีดโซ่โลหิต
นักรบตำหนักทั้งสองคนตาเป็นประกายบ้าคลั่งเหมือนกับว่าพวกเขาพร้อมจะระเบิดตายไปพร้อมกับศัตรูนั่นถือเป็นเกียรติยศกับชีวิตพวกเขาราชาหลิงหวินเงื้อมือด้วยความโกรธและฟันศีรษะของทหารตำหนักทั้งสอง เขาทรงพลังและทำลายเกราะหมวกและกะโหลกได้ ทหารตำหนักทั้งสองคนศีรษะแตกทำลายใบหน้านองไปด้วยโลหิต กลับเอ่ยปากอย่างมั่นคง “ตาย!”
ปังปัง!
เสียงระเบิดใหญ่ทำลายตัวเองดังขึ้นถึงสองครั้ง
“มะ..ไม่!” เจ้าเมืองถูไห่ครวญครางอย่างสิ้นหวัง ราชาหลิงหวินเหมือนกับพี่ชายของเขามักจะดูแลเขาเสมอ ตอนนี้เขากำลังมองดูเขาถูกศัตรูระเบิดและเขายังตายต่อหน้าต่อตาของเขา เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดและเศร้าสลด
“เขายังมีชีวิต!” จากแรงระเบิดที่ผ่านมาหัวหน้ากลุ่มเขตร้างที่แปดพบว่ามีเงาระเบิดกระจายอยู่ในศูนย์กลางแรงระเบิด
ตาย
อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะวิ่งเข้าไปช่วย
มีนักรบมรณะของตำหนักสองคนได้จับราชาหลิงหวินและระเบิดร่างให้ตกตายพร้อมกัน
นัยน์ตาของพวกเขาเป็นบ้าดูน่ากลัว
เจ้าเมืองถูไห่แม้ต้องการจะวิ่งไปช่วยราชาหลิงหวินอย่างสิ้นหวัง แม้แต่หัวหน้ากลุ่มเขตรกร้างที่แปดก็ยังไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้ เงาร่างหนึ่งอยู่ข้างหน้าเจ้าเมืองถูไห่ดวงตาที่บ้าคลั่งสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเจ้าเมืองถูไห่ที่กำลังโกรธ...หัวหน้ากลุ่มเขตร้างที่แปดต้องการถอยก็พบว่ามีเงาร่างทั้งสามลอบมาถึงอย่างอย่างเงียบงันในทันใดนั้นเงาแห่งความตายครอบงำหัวใจของเขา ความจริงขณะที่หัวหน้ากลุ่มบินออกมาช่วยเหลือเงาร่างหนึ่งแยกออกมาจากกลุ่มและระเบิดร่าง
แม้แต่หัวหน้านายกองทหารตำหนักก็มาถึงข้างหน้าเย่ว์หยางและเหมือนต้องการจัดการกับเย่ว์หยาง
ปังปัง ปัง ปัง!
เสียงระเบิดฆ่าตัวตายดังเป็นชุดต่อเนื่องกัน
พื้นที่การต่อสู้ทั้งหมดตรงที่หลิงหวินถูไห่และหัวหน้าเขตรกร้างที่แปดหายไป และแม้แต่หัวหน้าคนสุดท้ายที่โผล่มาช่วยใช้พลังทำลายตัวเองที่น่ากลัวเช่นกัน
“เจ้าคิดหรือว่าจะฆ่าข้าได้?” เย่ว์หยางถามหัวหน้านายกองอย่างไม่แยแส
“ไม่, แต่ตราบใดที่จับมือเจ้าได้และทำลายมันไปด้วยแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว” นายกองผู้นั้นไม่ใช่คนโง่ เขารู้เช่นกันว่าเย่ว์หยางเป็นสุดยอดนักสู้ในกลุ่มทั้งหมด เขาไม่คิดว่าพลังปราณฟ้าระดับห้าจะสามารถฆ่าเย่ว์หยางได้ ต่อให้พลังเพิ่มขึ้นสูงเป็นร้อยเท่ารวมกับพลังระเบิดฆ่าตัวตายก็ยังไม่สามารถทำได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามเขายังเลือกเย่ว์หยางที่ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ ไม่ใช่คนอื่น เพราะในสายตาของเขาตราบใดที่สามารถใช้ชีวิตของเขาแลกเปลี่ยนกับมือหรือขาข้างหนึ่งของเย่ว์หยางนั่นก็นับว่าคุ้มแล้ว
“เจ้าไม่สามารถแตะต้องได้แม้กระทั่งเส้นผมของข้า” เย่ว์หยางยิ้มเยาะเย้ยมุมปาก
“ข้าต้องลองดู” นายกองตำหนักกลางไม่หวั่นไหว
เย่ว์หยางกระดิกนิ้วเรียกนายกองตำหนักกลางเป็นการสื่อความว่าให้เขาเริ่มได้ นายกองตำหนักกลางระเบิดพลังที่น่ากลัวทันทีและเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาหายไป
เขาหันมองกลับหลัง
และเห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อ
ราชาหลิงหวินเจ้าเมืองถูไห่และหัวหน้ากลุ่มเขตร้างที่แปดซึ่งถูกฆ่าตายพร้อมกันไปแล้วแม้แต่บริวารทั้งเก้าผู้ระเบิดตัวเองไปแล้ว พวกเขายังคงยืนอยู่ข้างหลัง...มีแต่นัยน์ตาของเขาที่ดูเหลือกเหมือนคนตาย นัยน์ตาหลือกขาว หัวใจหยุดเต้น ดูเหมือนจะตายมานานแล้ว... นายกองตำหนักกลางกวาดตามองหน้าราชาหลิงหวินและพบว่าราชาหลิงหวินเจ้าเมืองถูไห่และคนอื่นมีสีหน้าประหลาดใจและเหลือเชื่อไม่มีบาดแผลบนร่างกายพวกเขา แต่นี่เป็นไม่ใช่การฟื้นคืนชีพแน่นอน... มีคำตอบผุดขึ้นในใจของนายกองตำหนักกลาง‘ภาพลวงตา’
เด็กหนุ่มผู้ลึกลับนี้ใช้ภาพลวงตาที่ยากจำแนกทำให้บริวารของเขาระเบิดตัวตาย
ความจริงราชาหลิงหวินและพวกไม่ได้อยู่ในศูนย์กลางระเบิดฆ่าตัวตาย
แม้แต่บริวารของเขาเองไม่ได้ระเบิดฆ่าตัวเองตายแม้แต่น้อย พวกเขาแค่คิดว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในการระเบิดฆ่าตัวตายและวิญญาณยอมรับความตายด้วยความพึงพอใจ...เด็กหนุ่มผู้ลึกลับหลอกพวกเขาด้วยภาพลวงตาได้สำเร็จ รวมทั้งตัวเขาเองด้วยและยังแฝงตัวอยู่ในเงามืด ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไล่ภาพลวงตาออกไปได้สำเร็จน่ากลัวว่าเขาคงจะระเบิดตายจากภาพลวงตาไปแล้ว
เขาพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นธรรม
สนามพลังสร้างโลกที่เย่ว์หยางมีนอกจากผู้มีพลังปราณราชันย์ คนอื่นจะต้องยอมแพ้ยกเลิกความคิดที่จะมองให้ทะลุสนามพลังนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เว้นแต่พระเจ้า ใครจะกล้าพูดมองเห็นทักษะแฝงเร้นอำพรางปลอมของเย่ว์หยางได้เต็มที่ สนามพลังสร้างโลกและมีอสูรอมตะเป็นผู้คุ้มกัน? ในทำนองเดียวกันนี้ แม้ด้วยความสามารถของจักรพรรดินีฟ้าก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะมองทะลุเย่ว์หยาง หัวหน้านายกองทหารเล็กแพ้เขาภายใต้สนามพลังสร้างโลกนั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดา!
“ตอนนี้เจ้ายังมีความมั่นใจว่าจะฆ่าข้าได้อีกไหม?” เย่ว์หยางยิ้มมุมปากและถามเบาๆ
“เจ้า, แข็งแกร่ง ทรงพลังมากกว่าที่ข้าคิด วันนี้เราตายในเงื้อมมือของเจ้าเราไม่มีความเสียใจ...อย่างไรก็ตามประมุขตำหนักใหญ่ของเราจะต้องล้างแค้นให้เรา เขามีสำนึกเทพ ภาพลวงตาของเจ้าหลอกลวงเขาไม่ได้แน่นอน! ต่อให้เจ้าแข็งแกร่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าประมุขใหญ่ ก็เป็นแค่มดแมลงตัวหนึ่ง!” หัวหน้านายกองเห็นราชาหลิงหวินและคนอื่นค่อยก้าวเท้าเข้ามาพยายามจะจับเขา เสียงร้องโหยหวนของเขาดังขึ้นก่อนที่ราชาหลิงหวินจะชักกริชโลหิตออกมาถือไว้ นายกองเปล่งเสียงโหยหวนพร้อมกับใช้พลังต้องห้าม
เย่ว์หยางยื่นมือ
ท้องฟ้ามีดวงดาวระยิบระยับปรากฏในมือของเขา
มีดวงดาวนับไม่ถ้วนในท้องฟ้าอย่างไรก็ตามพวกมันมีแสงคงที่ไม่เคลื่อนไหว
เมื่อนายกองทหารตำหนักกลางระเบิดร่างกระจายคลื่นระเบิดถูกพลังฝ่ามือของเย่ว์หยางต้านในพริบตา วินาทีต่อมาเย่ว์หยางพลิกฝ่ามือท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวและก่อตัวเป็นดาราจักรทางช้างเผือกมีหลุมดำอยู่ในจุดศูนย์กลางคอยดูดกลืนสรรพสิ่งเลือด เนื้อ แรงระเบิดทั้งหมดหลังจากนั้นสามวินาทีนายกองทหารตำหนักกลางก็หายตัวไปจากโลกไม่เหลืออยู่แม้แต่น้อยไม่มีตัวบุคคลปรากฏให้เห็นเหมือนกับว่าเขาไม่เคยเกิดมาในแดนสวรรค์
“สวรรค์!” ราชาหลิงหวินเบิกตาค้างหน้าถอดสี
นายกองทหารของตำหนักกลางมีพลังระดับใดกันแน่?
หลังจากเพิ่มพลังและใช้พลังต้องห้ามระเบิดนี่ก็ว่าแข็งแกร่งแล้ว อย่างไรก็ตามเขากล้าทำหยิ่งยโสต่อหน้าคุณชายสามตระกูลเย่ว์แต่กลับทำร้ายคุณชายสามไม่ได้แม้แต่ปลายผม และระเบิดหายไปจากโลกอย่างสิ้นเชิง
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวทั้งเวลาและมิติคงหยุดนิ่งได้พลังสีดำซึ่งสามารถกลืนกินสรรพสิ่งได้นั้นคือพลังแบบไหน?
นี่ไม่ใช่พลังกฎสวรรค์!
ถ้าคุณชายสามใช้พลังกฎสวรรค์นอกไปจากดวงดาวเต็มท้องฟ้าและหลุมดำเชื่อได้ว่าศัตรูที่ทรงพลังคงถูกทำลายไปไม่เหลือร่องรอย
“นักรบฆ่าตัวตายฝ่ายศัตรูมีนับไม่ถ้วนและนักสู้แบบนั้นมีมากมายเหมือนก้อนเมฆ ประมุขใหญ่ตำหนักกลางก็มีพลังใกล้เคียงเทพและเป็นไปไม่ได้ที่เราจะผนึกพลังกันสู้กับเขาโดยตรงได้ ราชาหลิงหวินเจ้าเมืองถูไห่ ท่านยังคงกลับออกไปจากดินแดนฝึกฝนที่นี่เถอะ!” เย่ว์หยางพูดอย่างนี้เพื่อลองใจว่าราชาหลิงหวินยินดีร่วมทางไปต่อหรือไม่
“คุณชายสามสุดท้ายความตายย่อมอยู่บั้นปลายของชีวิต” ราชาหลิงหวินลังเลเล็กน้อยและหัวเราะทันที “เมื่อครู่นี้ถ้าท่านไม่ใช้ภาพลวงตาช่วยข้าข้าคงตายไปพร้อมกับนักรบมรณะแล้ว หลังจากรอดตายแล้วตอนนี้ยังมีร่างกายถ้าไม่ตอบโต้ศัตรูข้าคงทำใจลำบากถ้าคุณชายสามไม่รังเกียจว่าข้าหลิงหวินไร้ประโยชน์โปรดให้ข้าหลิงหวินได้ติดตามไปด้วย แม้จะต้องทำงานในฐานะพลเดินเท้าก็ตามแต่ก็ยังดีกว่าเป็นเต่าหดหัวในกระดอง นอกจากนี้ ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ตั้งใจล่อลวงแดนสวรรค์ตะวันตก ต่อให้เรากลับไป ก็คงอยู่ได้ไม่นาน!”
“ถูกต้องแล้ว ดีกว่านั่งรอความตาย,มิสู้ออกไปสู้เสี่ยงชีวิตให้ตายกันไปข้างหนึ่งดีกว่า!” เจ้าเมืองถูไห่เกือบถูกทหารตำหนักฆ่าตาย จะให้เขายอมแพ้ได้อย่างไร
เขากับราชาหลิงหวินสองคนนี้เย่ว์หยางไม่กังวล
อย่างไรก็ตามหัวหน้ากลุ่มอื่นไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นที่คล้ายกัน
นักรบมรณะของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์น่ากลัวประมุขตำหนักใหญ่มีพลังแทบใกล้เคียงเทพ ความจริงเช่นนี้ทำให้หลายคนท้อถอย
คนทั้งเก้าปรึกษากันชั่วครู่สี่คนตัดสินใจอยู่ต่อ สองคนจากเขตร้างที่แปดและอีกสองคนจากกลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงครามตัดสินใจจากไป แต่พวกเขาสัญญาว่าถ้าราชาหลิงหวินไปยังตำแหน่งเดิมพวกเขาจะยอมรับอำนาจทุกอย่าง สำหรับการเลือกของพวกเขา เย่ว์หยางไม่ต่อต้านทุกคนคิดไม่เหมือนกัน กล่าวคือองค์กรขนาดใหญ่ยังยากที่จะต่อสู้ให้มีความคิดเหมือนกัน เย่ว์หยางและราชาหลิงหวินอำลาห้าคนและเอาเกราะทหารตำหนักไปใช้ด้วย และมองหาโอกาสโจมตีทหารของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
ประมุขใหญ่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์และอีกห้าคนออกไล่ล่าคุ้กแคริบเบียนไม่สามารถอยู่กับกองทัพใหญ่ได้
เย่ว์หยางติดตามและคอยก่อกวนตลอดทางทำให้กำลังของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อ่อนแอลง
ฮุยไท่หลางเขียนหนังสือบอกหัวหน้ากลุ่มทั้งสามให้เร่งฝีเท้า
เขาหวังว่าจะไล่ทันกลุ่มพวกก่อนที่ทหารตำหนักกลางจะไปถึงและพบกับสามกลุ่มใหญ่ที่รออยู่ที่หุบเขาใบมีดและเร่งให้พวกเขาออกไปโดยเร็ว มิฉะนั้นจะถูกทหารทำลาย
“พวกเจ้าทุกคนเปลี่ยนเกราะก่อน! แม้ว่าเกราะเหล่านี้จะไม่ใช่คุณภาพดีที่สุด แต่คุณภาพพอๆ กับสมบัติชั้นทองเพราะผลิตจากวัสดุพิเศษ ที่สำคัญที่สุดเกราะเหล่านี้ให้พลังสนับสนุนถึงสามเท่าจะช่วยเสริมพลังให้ทุกคนเป็นอย่างดี” เย่ว์หยางให้เจ้าอ้วนไห่และพวกออกมาจากโลกคัมภีร์ของฮุยไท่หลางมอบเกราะของทหารตำหนักให้ใช้
เกราะเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีระบบช่วยลวงตาเท่านั้นแต่ยังสามารถช่วยเสริมพลังได้
อย่างไรก็ตามข้อบกพร่องประการเดียวก็คือ พลังปกป้อง
แทบไม่มีพลังป้องกันที่ดี
ไม่ต้องพูดถึงพลังปราณฟ้าระดับสามแค่พลังปราณฟ้าก็สามารถทำลายได้ แค่เพียงใช้ป้องกันพลังโจมตีของนักสู้เตรียมปราณฟ้าเท่านั้น
นอกจากให้ทุกคนเปลี่ยนไปใช้เกราะของทหารตำหนักกลางแล้วเย่ว์หยางยังพูดถึงจุดอ่อนที่ไม่รู้แก่ราชาหลิงหวิน “ทหารของตำหนักกลางเป็นพวกคลั่งเกียรติยศสูงสุดอย่างมาก เมื่อพวกเขาเอาชนะศัตรูไม่ได้พวกเขาจะใช้พลังต้องห้ามในร่างกายทันที เพื่อเพิ่มพลังขึ้นอีกเป็นร้อยเท่าและระเบิดตัวไปพร้อมกับศัตรู มองดูผิวเผินการระเบิดฆ่าตัวตายและการคลั่งไคล้เกียรติยศสูงสุดทำให้ไร้เทียมทานแต่ข้าบอกพวกเจ้าได้เลยว่ามันมีจุดอ่อน! ตราบใดที่พวกท่านเกาะกุมจุดอ่อนนี้ได้ พวกท่านก็สามารถฆ่าทหารตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้ ไม่ต้องพูดถึงราชาหลิงหวินกับเจ้าเมืองถูไห่เลยอย่างเจ้า เย่คง เจ้าก็สามารถฆ่าได้!”
“อะไรนะ?” ราชาหลิงหวินพอได้ยินคำพูดที่น่าตกใจพวกเขาลอบดีใจรู้สึกว่าตัดสินใจถูกแล้วที่อยู่ต่อ คนที่จากไปจะไม่มีทางรู้ความลับได้ ตราบเท่าที่คนผู้นั้นอยู่ฝ่ายคุณชายสามก็สามารถรู้จุดอ่อนทหารของตำหนักกลางได้
“เราก็สามารถฆ่าทหารตำหนักที่มีพลังปราณฟ้าระดับสามได้ด้วยหรือ?” เจ้าอ้วนไห่เต้นด้วยความดีใจ ในชีวิตเขาไม่ได้มีพลังอำนาจมากมาย สำหรับนักสู้ปราณฟ้าระดับสามต่อให้หยุดนิ่งปล่อยให้เขาโจมตีเขาก็ไม่สามารถฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้
“แน่นอน นอกจากนี้ยังเป็นการฆ่าแบบฉับพลัน!” เย่ว์หยางสร้างขวัญกำลังใจให้ทุกคนอีกครั้ง
“ดีแล้ว!”เสวี่ยทันหลางกำหมัดแน่น ฆ่านักสู้ปราณฟ้าระดับสามได้ทันทีนั่นคือความหวังของเขา
“สาเหตุที่ทหารตำหนักเพิ่มพลังเป็นร้อยเท่าได้มาจากการระเบิดพลังภายในร่างของพวกเขาซึ่งมีพลังต้องห้ามอยู่ อันพลังต้องห้ามนี้แทบใกล้เคียงพลังกฎสวรรค์ ตราบใดที่พวกเขาเริ่มใช้พลังต้องห้าม อย่างนั้นร่างของพวกเขาจะไม่สามารถทนทานการแผ่กระจายของพลังต้องห้ามทันทีทำให้ร่างระเบิดตาย นี่คือสาเหตุให้เรียกพลังระเบิดนั้นว่าเป็นพลังต้องห้าม!” เย่ว์หยางชำเลืองมองทุกคนและกล่าวคำหนึ่ง “คิดดูถ้าพวกเจ้าเริ่มให้พลังต้องห้ามทำงานก่อนหน้าศัตรูหนึ่งก้าว จะเกิดอะไรขึ้น?”
“พวกมันจะระเบิดโดยที่แม้แต่แม่มันยังไม่รู้ตัว!” เจ้าอ้วนไห่ดีใจจนเนื้อเต้น
“ใช่แล้ว จุดอ่อนของพวกเขาก็คือตรงนี้..ข้ามีวิธีให้พวกเจ้าเข้าไปเร่งการทำงานของพลังต้องห้ามต่อให้พวกเจ้าไม่สามารถเรียนรู้ ข้าจะมอบหินผลึกรูนกับพวกเจ้าด้วยความช่วยเหลือของหินผลึกรูนนี้ จะไปกระตุ้นการทำงานของพลังต้องห้ามในร่างของพวกเขา ทำให้พวกเขากลายเป็นระเบิดขยะเน่า” เย่ว์หยางคิดว่าศัตรูที่มีพลังต้องห้ามอยู่ในตัวไม่น่ากลัว นั่นเท่ากับมีระเบิดเวลาอยู่ในตัวตราบใดที่การควบคุมอยู่ในมือของตน พวกเขาก็ต้องยอมรับการกลายเป็นระเบิดมนุษย์แล้วยังจะมีผลอะไรบ้าง?
“เราเริ่มการทำงานของพลังต้องห้ามแล้วเราจะหนีออกจากศูนย์กลางแรงระเบิดได้ยังไง?”องค์ชายเทียนหลัวผู้เยือกเย็นที่สุดถามถึงปัญหายุ่งยากนี้
“ง่ายมาก” เย่ว์หยางชูหนึ่งนิ้วเกี่ยวกับปัญหาที่ยากลำบากที่คนอื่นอธิบายไม่ได้ เขากลับตอบได้อย่างง่ายดาย“ข้าเพิ่งบอกไปแล้วว่าค้นพบจุดอ่อนข้าสามารถพูดได้ว่าจุดอ่อนทั้งสองนี้เชื่อมโยงกัน ศัตรูไม่สามารถกำจัดออกไปได้ จุดอ่อนที่สองก็คือพวกเขาหลังจากเริ่มใช้พลังต้องห้ามแล้วจะควบคุมร่างกายไม่ได้อย่างน้อยหนึ่งวินาที ในกระบวนการนี้พวกเขาไม่สามารถใช้ตาดู หูฟังนอกจากอยู่ในสภาพนั้นก่อนระเบิด พวกเขาไม่มีอะไรเปลี่ยน บางทีราชาหลิงหวินและท่านถูไห่คงสังเกตเห็นแล้ว พวกเขาหลังจากเกาะแขนแล้วจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยและเพื่อไม่ให้ศัตรูป้องกันได้เพิ่มโอกาสสำเร็จโซ่มีดโลหิตในมือของท่านคือหลักฐานพิสูจน์เป็นอย่างดี พวกเขาต้องปิดกั้นศัตรูไว้ด้วยวิธีนี้ แต่ไม่สามารถปรับตัวเองได้ หรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งเมื่อเริ่มใช้พลังต้องห้ามพวกท่านมีเวลาอย่างน้อยหนึ่งวินาทีเพื่อหนีจากรัศมีระเบิดถ้าใช้ร่วมกับทักษะแฝงเร้นและอาวุธสมบัติ พวกเจ้ามีเวลาหนีอย่างปลอดภัยเหลือเฟือ!”
“คุณชายสาม, ด้วยข้อมูลสำคัญนี้ข้ารับประกันได้ว่าพวกเขาได้ตายอย่างอนาถแน่!” ราชาหลิงหวินดีใจแทบคลั่ง เพราะวินาทีเดียวเป็นเรื่องง่ายสำหรับระดับเขาที่จะหนีออกมาจากรัศมีระเบิด
ความยากในการถอยภายในหนึ่งวินาทีไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเจ้าอ้วนไห่และเย่คงและคนอื่น
ถ้าใช้ผลึกรูนกระตุ้นการทำงานในอากาศก็ยังสามารถฆ่าทหารตำหนักผู้ดื้อด้านเหล่านั้นได้!
ในใจราชาหลิงหวินรู้สึกมีความสุขมากที่เลือกข้างคุณชายสาม นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด สหายที่แยกตัวไปก่อนคงจะต้องเสียใจตีอกชกหัวเป็นแน่! อย่างไรก็ตามโอกาสมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเลือกผิดย่อมต้องเสียใจอย่างไม่รู้จบ!
เย่ว์หยางพาพวกราชาหลิงหวินเข้าหุบเขาวายุ
จุดหยุดในที่แรก
ใช้อักษรรูนสวรรค์อธิบายพวกเขาถึงวิธีเริ่มทำงานพลังต้องห้าม
สิ่งที่ทำให้ราชาหลิงหวินรู้สึกอายก็คือในกระบวนการเชี่ยวชาญทักษะใหม่ไม่ใช่พวกเขาทั้งหกที่เป็นนักรบปราณฟ้า แต่เป็นองค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางที่รู้ก่อนห้านาทีต่อมาพวกเขาก็เข้าใจเต็มที่ จากนั้นราชาหลิงหวินและเย่คงเรียนรู้ร่วมกันในการหาความชำนาญและอีกสามนาทีต่อมาเจ้าอ้วนไห่และถูไห่กับหัวหน้ากลุ่มอีกสี่คนเรียนรู้ทักษะร่วมกัน
คนที่เรียนรู้ช้าที่สุดก็คือพี่น้องตระกูลหลี่แต่ใช้เวลาเรียนไม่เกินสิบห้านาที
ผู้เยาว์เหล่านี้แม้ว่าจะเป็นนักสู้ปราณดินที่เล็กและอ่อนแอแต่รับรู้และเรียนรู้ได้รวดเร็วอย่างน่าทึ่งถ้าเทียบกับเด็กรุ่นหลังของแดนสวรรค์ หลายคนโดดเด่นสามารถอวดฝีมือได้ทุกที่
ฉลาดล้ำมีทักษะที่ยอดเยี่ยม มิน่าเล่าถึงทำให้คุณชายสามให้ความสนใจดูแลเป็นพิเศษ
หลังจากราชาหลิงหวินเห็นแล้วพวกเขาอดลอบถอนหายใจไม่ได้
บางทีใช้เวลาอีกไม่นานผู้เยาว์เหล่านี้อาจไล่ตามพวกเขาทันก็ได้ ดูพวกเขาเติบโตพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วน่าทึ่ง แต่พวกเขาไม่สามารถบรรลุระดับใหม่ได้ช่างรู้สึกจนใจ โชคดีที่ตอนนี้พวกเขาเลือกติดตามคุณชายสาม ถ้าได้รับการชี้แนะจากเขาบ้างหรือได้ยาพลังยุทธบ้างบางทีอาจช่วยให้มีความก้าวหน้าต่อไป..คิดถึงเรื่องนี้แล้วราชาหลิงหวินยิ่งตื่นเต้น
ติดตามคุณชายสามและมีอนาคตที่ดีดูจากความก้าวหน้าของเสวี่ยทันหลางก็รู้
ราชาหลิงหวินและถูไห่มองหน้ากันเองและลอบพยักหน้าให้กัน
เพิ่มความมั่นใจ
“เริ่มได้ ถ้ามีกลุ่มทหารของตำหนัก เราพยามเคลื่อนไหวใหม่ ถ้ากองทัพใหญ่เป็นกองทัพผสม เราก็ค่อยๆย่ำเท้าไปตามกันฝึกฝนด้วยกันจนผ่านด่านทั้งสิบ เราจะค่อยๆ เล่นงานพวกเขา!” เย่ว์หยางโบกมือพวกราชาหลิงหวินแสดงความขอบคุณ ในใจของพวกเขา แม้ว่าเย่ว์หยางไม่ได้ตอบรับให้พวกเขาเข้าร่วมแต่พวกเขาจะทำตามความคิดริเริ่มตนเองแต่เกี่ยวเนื่องกับเย่ว์หยาง