ตอนที่ 799 การต่อสู้เริ่มต้น
ไม่มีใครคุ้นเคยกับป้อมพิทักษ์สมุทรมากไปกว่าเซี่ยอวี่อัน ทุกตารางนิ้วของพื้นที่ภายในเขาจดจำได้ และตำแหน่งรบถูกเขาเลือกไว้อย่างระมัดระวัง เขารื้อการติดตั้งและการใช้งานก่อนทั้งหมดออก และสร้างใหม่ทุกอย่าง
ฝ่ายข่าวกรองของทวีปกวงหมิงได้รับแบบและตำแหน่งของป้อมพิทักษ์สมุทร แต่ไม่ถือว่าทำงานสมบูรณ์เต็มที่เนื่องจากพวกเขามีแผนใหม่
แต่แม่ทัพนายกองของทวีปกวงหมิงไม่สนใจ ในการเผชิญหน้ากับเรือล้อมโจมตียักษ์ 22 ลำ ป้อมปราการทั้งหมดเป็นแค่ขนามกรุบกรอบ
พวกเขาฝ้ามองสนามรบอย่างสบาย บางคนก็เตรียมชา และมีถ้วยชาอยู่ในมือ บ้างก็จับกลุ่มเล็กๆสนทนาและบางครั้งหันไปมองสถานการณ์เป็นครั้งคราว
“นี่ช่างน่าตื่นเต้นอย่างแท้จริงเปลวไฟใหญ่ขนาดนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มาก่อน”
“เราทำเราเองจนใจร้อนไปบ้าง ข้าพนันได้ว่าฝ่ายศัตรูคงต้องทนทุกข์ทรมานจากสถานการณ์เหล่านี้แน่”
“ใช่แล้ว ข้ายังคงคิดว่าข้าสามารถเห็นกับตาว่ายอดองครักษ์ดีที่สุดเป็นอันดับสามภายใต้ผู้สังเกตการณ์แห่งสวรรค์เป็นยังไง แต่ข้าว่าเราคงไม่มีโอกาสแล้ว”
“เผชิญหน้ากับพลังอำนาจเด็ดขาดพวกเขาเรียกตัวเองเป็นแม่ทัพผู้ลือชื่อจะมีประโยชน์อะไร?”
……
โกวเฉิงเวิ่นเต้าฟังการสนทนาของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา เขาก้มหน้าและดื่มชาโดยไม่ส่งเสียงห้ามพวกเขา เมื่อเขานำแผนนี้ออกมาใช้ครั้งแรก หลายคนต่อต้านคัดค้านเขาอย่างรุนแรง และถ้าไม่ใช่เพราะความชื่อมั่นของเขา พวกเขาจะไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จถึงหนึ่งในสี่ของระดับปัจจุบันนี้เลย
เมื่อคิดว่าป้อมพิทักษ์สมุทรจะต้องโหยหวนภายใต้แสงพลังโจมตีและทั่วทั้งภูมิภาคใต้จะต้องสั่นสะท้านต่อหน้าเขาความยินดีสุดจะพรรณนาผุดขึ้นมาจากใจ
เรือรบล้อมโจมตีขนาดมหึมาเพิ่งจะเสร็จสิ้นการเตรียมการโอบล้อมซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างซับซ้อน ปริมาณพลังงานที่ปล่อยออกมาจากเรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่มากอย่างน่าทึ่ง เนื่องจากไม่เคยมีวัสดุใดสามารถทนพลังขนาดนั้นได้ ดังนั้นตัวเรือจึงต้องใช้โครงสร้างที่ซับซ้อนแบ่งภาระแรงกดดัน
เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ทรงอานุภาพมาก แต่ก็มีจุดอ่อนในทำนองเดียวกัน เนื่องจากเรือพวกนี้โดยพื้นฐานไม่มีความสามารถในการป้องกัน องค์ประกอบที่ซับซ้อนก็หมายความว่าพวกมันจะถูกทำลายได้ง่าย
เซี่ยอวี่อันมีแต่เพียงฉวยโอกาสขณะที่อสูรสงครามยักษ์นี้กำลังเตรียมตัวโจมตีอย่างน่าประหลาดใจและทำลายเรือรบหลายลำ
ทันทีที่พวกเขาเตรียมตัวพร้อม เซี่ยอวี่อันจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป
โกวเฉิงเวิ่นเต้าวางกับดักไว้อย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษ ดังนั้นกองทัพที่เป็นบริวารโดยตรงของเขากำลังรออย่างใจจดใจจ่อ ถ้าเซี่ยอวี่อันยอมทิ้งป้อมรับและตัดสินใจสู้ตายกับพวกเขา โกวเฉิงเวิ่นเต้าคงจะมีความสุขพอกัน
ป้อมพิทักษ์สมุทรที่ยังเหลืออยู่มีค่ามากกว่าป้อมรบที่กลายเป็นซากปรักหักพัง เขาแค่ต้องการจัดสรรกองทัพขนาดเล็กป้องกันคอขวดและจะช่วยเหลือในกระบวนการยกทัพเข้าภูมิภาคใต้
ความสนใจของโกวเฉิงเวิ่นเต้าเปลี่ยนมาที่สถานการณ์ในภูมิภาคใต้ทั้งหมด
เขารู้ว่าระดับสูงสนใจสวรรค์วิถีมากกว่าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ แต่โกวเฉิงเวิ่นเต้าคิดแตกต่าง แทนที่จะวางเดิมพันกับสวรรค์วิถีที่ห่างไกลและไม่รู้จักทำไมไม่ให้ความสำคัญดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์?
ความรู้สึกของการควบรวมดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเป็นเรื่องน่าหลงใหลสำหรับแม่ทัพทหารมากกว่าไปพิชิตดินแดนที่ไม่รู้จัก
‘ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือเราสามารถรวมดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้’
‘การพิชิตสวรรค์วิถีอาจช่วยทำให้เรารวมดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้ง่ายขึ้นแต่เวลาที่เราจะพิชิตสวรรค์วิถี ข้าจะไม่ใช่คนอายุเยาว์อีกต่อไป ทวีปซางโจวไม่อาจใช้เล่ห์อุบายเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ในภูมิภาคใต้ได้อีกต่อไป แค่นี้ก็พอแล้ว’
‘ด้วยการเอาชนะพันธมิตรใต้ เราสามารถได้สะพานลอยทะเลพลังงานเพื่อเคลื่อนย้ายได้เร็งขึ้น เราจะโจมตีภูมิภาคใต้และนั่นจะช่วยทำให้ลดความยุ่งยากทุกอย่าง’
“ท่านขอรับ! การเตรียมการสำเร็จแล้ว”
การรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชาเขาหยุดชะงักความคิดของเขา เขาเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าเซี่ยอวี่อันไม่ปรากฏตัว เขาได้แต่ส่ายศีรษะ ‘เซี่ยอวี่อันอาจจะเก่งในเรื่องป้องกัน แต่ไม่มีกำลังพลมากพอ แม้ว่าจะเป็นกับดัก ก็เป็นแค่โอกาสเดียวของพวกเขา เป็นความหวังที่เอาแน่นอนไม่ได้ แต่เซี่ยอวี่อันไม่ฉวยเอาไว้และกำลังรอความตาย’ การกระทำแบบนั้นทำให้โกวเฉิงเวิ่นเต้าผู้อุทิศชีวิตให้กับการรุกรานไม่สามารถยอมรับได้
‘แต่พอคิดถึงเรื่องนี้แล้ว แม่ทัพนายกองทั้งหมดผู้เชี่ยวชาญในการป้องกันดูเหมือนจะมีแนวคิดทำนองเดียวกัน’
โกวเฉิงเวิ่นเต้าคิด ‘ในเมื่อเจ้าจริงใจแต่เปลือกนอก อย่างนั้นข้าจะทำลายมันให้เจ้า’
“เริ่มโจมตี”
แม่ทัพนายกองทั้งหมดหยุดพูดคุยขณะที่พวกเขาเพ่งสมาธิอยู่กับสมรภูมิ หลังจากนั้นอสูรร้ายตัวเท่าภูเขาก็สว่างไปด้วยรัศมี เหมือนสัตว์ร้ายดึกดำบรรพ์ตื่นขึ้นจากการหลับใหล
ภายในป้อมพิทักษ์สมุทร เงียบมากจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตก ทุกคนกลั้นลมหายใจ
สายตาของเซี่ยอวี่อันไม่เคยห่างจากเรือล้อมโจมตีมหึมา และเมื่อเขาเห็นแสงสว่างวาบขึ้นเขาสูดหายใจและตะโกน เปิดช่องประตูทั้งหมด!”
“ช่องประตูหนึ่งเปิดแล้ว!”
“ช่องประตูสองเปิดแล้ว!”
……
คำสั่งด่วนส่งลงไปอย่างรวดเร็ว บรรยากาศกลายเป็นน่ากังวลอย่างรวดเร็ว
ภายในเงาที่ไม่อาจสังเกตได้ง่ายมีช่องประตูเปิดออกทำให้พลังงานปั่นป่วนจากทะเลพลังงานทะลัก ด้านหลังช่องประตูเป็นสมบัติดวงดาวระดับเงิน
สมบัติดวงดาวสูบกินพลังงานที่ไหลเข้ามาเหมือนกับว่าอดอยากมาเป็นพันปี
สมบัติดวงดาวทุกชิ้นเปล่งประกายแสงกระพริบ
ทหารภายในป้อมตื่นตัว พลังผันผวนที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันพวกเขายังไม่คุ้นเคย เพราะพวกมันสร้างความผันผวนของพลังงานที่เกิดจากสมบัติดวงดาวกำลังดูดซับพลังงาน เป็นพลังงานปั่นป่วนที่เกินคาดพวกเขาไปมาก
‘พวกมันทรงพลังอย่างแท้จริง!
ม่านตาของเซี่ยอวี่อันเป็นประกายแสง เขาไม่รู้ว่าเขาคู่ควรกับการได้รับฉายาผู้พิทักษ์ดีที่สุดเป็นอันดับสามในใต้ฟ้านี้หรือไม่ แต่ในด้านการเตรียมพร้อมการใช้งาน เขามีความเชื่อมั่นไม่หวั่นไหว ความภูมิใจนี้ซ่อนอยู่ลึกเป็นบางอย่างที่ไม่มีใครรู้ เหมือนกับว่าไม่มีใครรู้ว่าเขาจัดการสร้างป้อมพิทักษ์สมุทรใหม่อย่างพิถีพิถันเพียงไหน ซึ่งสำหรับเขาแล้วเป็นสิ่งที่เขาสร้างอย่างดีที่สุด
เขาวางแผนกับป้อมรบไว้อย่างระมัดระวัง ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังเตรียมไม้ตายที่ไม่มีใครรู้
สมบัติดวงดาว
ช่วงเวลาเมื่อเขาเห็นป้อมไพรกระบี่กับตา เขาสนใจเคล็ดลับการป้องกันที่เฉพาะแบบทันที ความสามารถในการป้องกันของเขามีความลึกล้ำและไม่ต้องใช้เวลามาก เขาก็เข้าใจทฤษฎีที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังป้อมไพรกระบี่ หลังจากนั้นเมื่อท่านปิงมอบสมบัติดวงเป็นอาวุธให้กับกองพลนางแอ่น เขาจึงร้องขอให้เซี่ยอวี่อันตรวจสอบกลยุทธของตัวเขาเอง เซี่ยอวี่อันใช้ความสามารถมากมายเพื่อทำความเข้าใจสมบัติดวงดาวดังนั้นความรอบรู้ของเขาจึงมีความลึกซึ้งมาก
ป้อมพิทักษ์สมุทรเก่าในใจของเขาว่าสมบูรณ์แล้ว แต่เขายังได้รับสมบัติดวงดาวสองสามชิ้นจากปิง เป็นเพียงเพราะความต้องการความสมบูรณ์ของเขา ซึ่งเขารู้สึกว่าแม้ไม่มีสมบัติดวงดาวก็ไม่มีใครสามารถล้อมโจมตีเพื่อชิงป้อมพิทักษ์สมุทรได้
ใครจะรู้ว่าพวกมันถูกใช้จริงๆ
เซี่ยอวี่อันไม่ได้ระดมกำลังโจมตีตั้งแต่แรกเขากำลังรอ รอให้เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่เริ่มโจมตีเขาไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรือรบอย่างนั้นมาก่อน แต่เขามีความรู้เรื่องจุดอ่อนของอสูรสงคราม
เมื่อพวกมันปลดปล่อยพลังโจมตี พวกมันจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และจำเป็นต้องใช้เวลามากเพื่อให้มันเย็นลง
“เป้าหมาย 15เตรียมตัวร่วม”
เสียงของผู้ใต้บังคับบัญชาปนความวิตก บรรยากาศกลายเป็นน่ากังวลอย่างรวดเร็ว เรือรบล้อมโจมตีเล็งเป้าหมายและเตรียมรับคำสั่งต่อไป
ลำแสงแสงหนาใหญ่ยิงผ่านสมรภูมิทันทีบดขยี้ใส่ป้อมพิทักษ์สมุทรอย่างรุนแรง
ปัง!
สายตาของทุกคนขาวพร่าไปหมดไม่มีใครสามารถเห็นอะไรได้ ทั่วทั้งป้อมพิทักษ์สมุทรสั่นสะเทือน และทุกคนที่อยู่ภายในเซไปรอบๆ ทุกคนพยายามยึดเกาะเท่าที่จะทำได้ขณะที่ใจสั่นสะท้าน
เสียงเย็นชาและประหลาดใจดังมาจากบนเรือรบของโกวเฉิงเวิ่นเต้า แม้แต่แม่ทัพนายกองของทวีปกวงหมิงมีน้อยคนจะได้เห็นเรือรบล้อมโจมตีขนาดยักษ์เปิดฉากโจมตี
“โอวพระเจ้า!”
“น่ากลัวเหลือเกิน!”
“เป็นไปตามคาดอาวุธล้อมโจมตีที่ดีที่สุด ลำแสงนั่นเส้นผ่าศูนย์กลางอย่างน้อยก็ 20 เมตร”
“ถ้าข้าคาดไม่ผิดน่าจาะ 38 เมตร”
“หมดหวังอย่างแท้จริง...”
“ใช่แล้วพลังของคนไม่มีอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์ประหลาดเหล่านี้...”
เสียงร้องประหลาดใจและสรรเสริญชื่นชมดังขึ้นต่อเนื่อง แม่ทัพนายกองของทวีปกวงหมิงมีท่าทางเหี้ยมหาญ ใจของพวกเขาสั่นสะท้าน ทั่วทั้งตัวของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ ‘พวกเราช่างทรงอานุภาพจริงๆ นี่คือทวีปกวงหมิง ทวีปกวงหมิงของพวกเรา!’
‘ต่อหน้าพลังเช่นนั้นใครจะหยุดเราได้?’
‘ไม่มีใครหยุดเราได้!’
‘ภูมิภาคใต้เป็นของเรา ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็เป็นของเรา!’
เมื่อแสงสว่างจางหายไป ป้อมพิทักษ์สมุทรปรากฏในสายตาพวกเขาอีกครั้งม่านพลังป้องกันหมองลงอย่างชัดเจน ทำให้เกิดเสียงประหลาดใจอยู่โดยรอบ สำหรับป้อมรบขนาดใหญ่เช่นนั้น ม่านพลังของป้อมพิทักษ์สมุทรแน่นอนและมั่นคง
ในเวลาต่อมาม่านพลังป้องกันของป้อมพิทักษ์สมุทรก็สว่างขึ้น
แต่ทุกคนไม่สนใจ พวกเขาแค่ปล่อยพลังโจมตีจากเรือล้อมโจมตีขนาดใหญ่ เมื่อพวกเขาปล่อยพลังโจมตีมากขึ้น ม่านพลังงานของป้อมพิทักษ์สมุทรจะแตกสลาย ถ้าพวกเขาไม่มีเรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ พวกเขาคงต้องเสียกำลังคนหลายคนก็แค่ทำให้ม่านพลังป้องกันสั่นสะเทือนเท่านั้น ก่อนนี้เมื่อพวกเขาส่งกำลังไปโจมตีก็ไม่สามารถทำอะไรม่านพลังได้เลยแม้แต่น้อย
เรือล้อมโจมตีขนาดใหญ่ 22 ลำอยู่ด้านนอกระยะยิงโจมตีของอาวุธเรือรบของป้อมพิทักษ์สมุทรทำให้พวกเขาสามารถมองดูกระดองเต่าแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ โดยพวกเขาโต้ตอบไม่ได้
นั่นช่างน่าสมเพช!
เรือล้อมโจมตีลำที่สองยิง และลำที่สาม...
ลำแสงแพรวพราวคลุมไปทั่วสมรภูมิรัศมีแสงสว่างแยงนัยน์ตาของทุกคนจนรู้สึกเจ็บแต่ถึงกระนั้นพวกแม่ทัพนายกองของทวีปกวงหมิงก็ยังพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อลืมตาดูสนามรบ เนื่องจากการพลาดเห็นมีแต่จะทำให้พวกเขาเสียดายไปตลอดชีวิตที่เหลือ
เรือล้อมโจมตียักษ์โจมตีในความถี่ที่ช้า ทุกการโจมตีจะปะทะใส่ม่านพลังป้องกันจะเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นเสียงเหมือนกับยักษ์โบราณหวดค้อนยักษ์ใส่ ทุกครั้งที่หวดฟาดใส่หัวใจทุกคนจะสั่นสะท้าน ความรู้สึกชาทำให้พวกเขาโน้มตัวลงขณะโจมตี
แสงเงินระยิบระยับแสบตาและพลังระเบิดกลบไปทั่วทั้งสนามรบ
แดนมรณะที่ป้อมพิทักษ์สมุทรเผชิญและโดยรอบสร้างคลื่นพลังงานปั่นป่วนภายใน พลังโจมตีของเรือยักษ์โจมตีนั้นรุนแรง เป็นอสูรสงครามชั้นสุดยอดในสมรภูมิ
ป้อมพิทักษ์สมุทรที่ไม่สามารถเอาชนะได้เป็นเหมือนกระท่อมไม้อยู่ในท่ามกลางพายุโยกเยกไม่หยุด
ปัง!
แรงระเบิดต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงซึ่งมีแต่จะกล้าแข็งรุนแรงมากขึ้นทำให้ทุกคนตื่นตะลึง
‘ม่านพลังป้องกันของป้อมพิทักษ์สมุทรกำลังจะแตก!’
แต่ภายในป้อมพิทักษ์สมุทร กลับเงียบมากจากความตื่นเต้นภายใน ทหารของกองพลนางแอ่นปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าพื้นใต้เท้าพวกเขากำลังสั่นสะเทือนพวกเขายังอดทนและสงบ
แต่บรรยากาศตึงเครียดมาก สีหน้าของทุกคนตึงเครียดคำสั่งรวดเร็วตะโกนออกมาอย่างต่อเนื่องและซ้ำๆ ดังไปทั่วป้อมรบ
“ม่านพลังป้องกันเหลือน้อยกว่า 10%”
“สมบัติดวงดาวเกือบเต็มแล้ว
……
“ม่านพลังป้องกันแตกแล้ว!”
“สมบัติดวงดาวเติมพลังเต็มแล้ว!”
นายทหารสองนายผู้รับผิดชอบสมบัติดวงดาวตะโกนพร้อมกันจนหน้าแดง
‘ได้เวลาแล้ว!’
ในขณะนั้นหน้าของเซี่ยอวี่อันเปลี่ยนเป็นน่ากลัว ขณะที่เขาตะโกนสุดเสียง “ยิง!”