ตอนที่แล้วตอนที่ 797 ตำหนักกลาง, นักรบแดนทมิฬ ศัตรูแข็งแกร่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 799 จุดอ่อน จุดอ่อนที่ร้ายแรง

ตอนที่ 798 การสังหารที่น่ากลัว


สองชั่วโมงต่อมา

ทหารสามกองของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์นำโดยนายกองผู้น่าเกรงขามก้าวเดินผ่านประตูเทเลพอร์ตของศาลาหลบฝน

เงาห้าร่างที่ลึกลับยืนอยู่หน้าผู้เฒ่าอวี่ป๋

หัวหน้าของร่างเงาทั้งห้าไม่มีการสนองตอบ แต่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนร่างเงาพูดเหมือนกับเสียงขูดเหล็ก มือที่ค้ำคออวี่ป๋อค่อยๆคลายออกเหมือนกับว่าการตัดสินใจครั้งนี้ผ่านการตรองอย่างทั่วไป

ร่างเงาอีกร่างหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้างบุรุษผู้นี้ยิ้มตามปกติและพูดด้วยน้ำเสียงเสมือนสหายเก่า“สหายเฒ่า! เชื่อว่าเจ้าคงเคยเห็นเฟ่ยเหวินหลีและจักรพรรดิอวี้และคนอื่นๆที่กลายเป็นประวัติศาสตร์มาแล้ว แต่เราฟื้นฟูความแข็งแกร่งในหลายพันปีต่อมาใครเป็นผู้ชนะที่แท้จริงก็เห็นกันได้ชัดแล้ว!  หอทงเทียนไม่มีผู้เยาว์ที่โดดเด่นไม่ได้สร้างนักสู้ปราณราชันย์ออกมาอีกเลย อย่าคาดหวังเลยว่าจะมีจักรพรรดิอวี้คนที่สองออกมาอีก  หอทงเทียนมาถึงเวลาพ่ายแพ้เบ็ดเสร็จครั้งสุดท้ายแล้ว  เจ้ายังหวังว่าจะฟื้นฟูชีวิตได้อีกหรือ?   เจ้าขอความเมตตาจากเราคงจะดีกว่า ฮ่าฮ่า!”

“เราจะไม่ยอมแพ้” สีหน้าของผู้เฒ่าอวี่ป๋อเจ็บปวดมือของเขากุมอยู่ที่คอที่มีเหล็กล่ามไม่สามารถฟื้นฟูได้

“ทำไม?แค่อาศัยกลุ่มทหารผ่านศึกของเฟ่ยเหวินหลีน่ะหรือ? ตอนเริ่มต้นมีเฟ่ยเหวินหลี เจ้าก็ยังเอาชนะไม่ได้ ตอนนี้นางถูกผนึกไปแล้วและบางทีอาจถูกกำจัดไปแล้วก็ได้ แค่กลุ่มเศษเดนที่อ่อนแอยังต้องการจะฟื้นฟูโลกอีกหรือ นี่คือความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่” ร่างเงาเยาะเย้ย

“หอทงเทียนจะไม่พินาศจะมีทายาทรุ่นหลังรับตกทอดมรดกพลังของบรรพบุรุษ ไม่มีพลังใดๆ เอาชนะได้ตั้งแต่โบราณกาลมาก็เป็นแบบนี้!”  อวี่ป๋อมีสีหน้าเจ็บปวดแต่ก็ยิ้มในทันใด

“ใช่แล้ว เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่โบราณแต่จะไม่เกิดขึ้นในอนาคต เพราะหลังจากการตายของจักรพรรดิอวี้ จะไม่มีจักรพรรดิอวี้คนที่สอง  เจ้าฝึกจักรพรรดิอวี้ใช้ความพยายามมากมายแต่เขามีสมบัติเทพเพียงสามชิ้น ด้วยพลังเต็มที่ของนักรบมังกรทะยาน พวกบันไดสวรรค์และแดนนรกทั้งสามฝึกเพื่อให้ไล่ตามเฟ่ยเหวินหลีและจักรพรรดิอวี้ให้ทัน อาจกล่าวได้ว่าเจ้าทำได้สำเร็จ  แต่ความสำเร็จของเจ้าก็เท่านั้น ตอนนี้ด้วยความสามารถของเจ้ายังสามารถฝึกจักรพรรดิอวี้คนที่สองได้หรือไม่?  เจ้ายังมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?  เจ้ายังมีพลังศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?เจ้ามีประกายศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?...ไม่มีเลยเวลาฝึกของจักรพรรดิอวี้ยังไม่เพียงพอเข้าถึงขอบเขตของปราณราชันย์อันศักดิ์สิทธิ์ได้  เขาไม่สามารถหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ได้อาวุธเทพและพลังเทพที่ว่างเปล่า แต่ก็ยังตายในเงื้อมมือของสามจอมภพแดนสวรรค์ตอนนี้จิ่วเซียว ซิวคงและหมิงเยี่ยกวงกลับมาแล้ว ตอนเราถูกปลดปล่อย จักรพรรดิอวี้ก็ตายแล้ว หอทงเทียนไม่มีความแข็งแกร่งอีกแล้ว”ร่างเงานั้นยื่นแขนจับไหล่ผู้เฒ่าอวี่ป๋อเบาๆ เหมือนกับเป็นสหายเก่ายิ้มแล้วกล่าว“บางทีเจ้าอาจยังไม่หมดหวังคิดว่าหัวหน้าโจรสลัดก็เป็นเช่นนั้นช่วยให้เขาผ่านได้สิบด่านและได้รับคัมภีร์เทพ อย่างนั้นคงจะมีโอกาสกอบกู้ได้  เจ้าคิดอย่างนั้นใช่ไหม?”

“คัมภีร์เทพจะไม่มีทางตกเป็นของนักรบตำหนักกลางของพวกเจ้าแน่พวกเจ้าทุกคนล้วนแต่ทรยศหักหลัง คัมภีร์เทพจะไม่ยอมรับพวกกบฏ!”  ผู้เฒ่าอวี่ป๋อแค่นเสียงเย็นชา

“หลายหมื่นปีผ่านไปจะกบฏหรือไม่กบฏเจ้าก็พูดเกินไปตอนนี้ใครจะรู้ความจริงเกี่ยวกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของเรา?  ในทั่วแดนสวรรค์ในสายตานักรบทั้งหมดเราคือผู้พิทักษ์ความยุติธรรมและเจ้าคือรากเหง้าแห่งความชั่วร้าย” ร่างเงานั้นมีความสุขหัวเราะและโบกมือ“เราไม่ต้องการคัมภีร์เทพ เจ้าสิ่งนั้นทำสัญญาได้ยาก เป็นของอันตรายมากถ้าเจ้าไม่ระวังให้ดี มันจะทำให้แดนสวรรค์ห่างไกลออกไปทุกทุกที บอกตามตรงข้าเองยอมรับว่าในใจข้าก็อยากได้คัมภีร์เทพเหมือนกัน  แต่ข้าไม่ใช่เจ้าของสิ่งนั้นทำไมข้าจะต้องหลงรักมันด้วยเล่า ข้าแค่ต้องการให้เจ้าได้มันไป”

“เฟ่ยเหวินหลีไม่สามารถเอาชนะด่านที่สิบได้ คุ้กแคริบเบียนยิ่งไม่มีทางทำได้สำเร็จ” ร่างเงาที่พูดเหมือนเสียงเหล็กแตกพูดอย่างดีใจ

“ใช่แล้ว แม้ว่าเราจะนั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเขาก็ยังพ่ายแพ้หนีไปทางแดนสวรรค์ใต้เป็นหัวหน้าโจรสลัด   อย่างไรก็ตามปีนี้แตกต่างจากวันเวลาเก่าก่อนจิ่วเซียวและซิวคงกลับมาแล้ว คาดว่าจักรพรรดิอวี้คงตายไปแล้ว และด้วยพลังของเราที่เหมือนๆกันไม่จำเป็นต้องรออีกแล้ว ทำลายหอทงเทียนได้เดี๋ยวนี้เลย” เสียงพูดดังขึ้นแต่มาจากเงาร่างที่ยโสโอหัง

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมเจ้าไม่ไปเล่า?”  อวี่ป๋อไม่เลิกคิ้วไม่คุกคามฝ่ายตรงข้าม

“เราอยู่ที่นี่นอกจากนี้เพื่อดับความหวังสุดท้ายของเจ้า ความหวังที่พวกเจ้าทุกคนปีศาจเฒ่าถ้าเจ้าฉลาดจงบอกความลับแดนล่มสลายแห่งทวยเทพที่เจ้ารู้ อย่าบังคับข้าให้ลงมือ”

“แดนล่มสลายแห่งทวยเทพเป็นสถานที่ดี  แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่เคยไป”  อวี่ป๋อถอนหายใจ

“ดูกันว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหน และสักวันหนึ่งเจ้าจะต้องหลั่งน้ำตานองหน้าเสนอหน้าขอร้องเรา จำคำข้าไว้ให้ดีเจ้าจะต้องตระหนักในไม่ช้าหรือเจ้าจะดูหอทงเทียนทั้งหมดตกไปอยู่ในโลกมืดกับตาตัวเองและกลายเป็นดินแดนสวะ!”  ร่างเงาหัวเราะและไม่สนใจความรู้สึกของผู้เฒ่าอวี่ป๋อจะเป็นเช่นไร

“...” ผู้เฒ่าอวี่ปัวไอ  “เจ้าต้องการให้ข้าพูดอะไรตอนนี้จะให้ข้าขอร้องเจ้าหรือ? เด็กน้อย!เจ้าต้องการขู่ให้ข้ากลัวและโอนอ่อนผ่อนตามหรือ”

ร่างเงานั้นตบหน้าผู้เฒ่าอวี่ป๋อทันทีหน้าของผู้เฒ่าอวี่ป๋อบวมทันที

มุมปากของผู้เฒ่าอวี่ปัวมีเลือดไหลเป็นสาย

เขาแค่ยิ้มอย่างไม่สนใจ

เมื่อร่างเงานั้นเตรียมจะลงมือต่อร่างเงาแรกที่อยู่ตรงกลางซึ่งเงียบมาตลอดยื่นมือออกกันไว้ทันที  “พอ, ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์ปล่อยคนกลุ่มน้อยไว้ปิดด่านที่หนึ่งจะได้แน่ใจว่าหัวหน้าโจรสลัดจะไม่อยู่ในด่านที่หนึ่งอีกต่อไป มิฉะนั้นอวี่ป๋อจะไม่พูดกับเจ้ามากมายเป็นแน่  เขากำลังถ่วงเวลา”

ร่างเงาห้าร่างเข้าประตูเทเลพอร์ตของศาลาหลบฝน

ภายใต้การข่มสติของพวกเขาแม้แต่ผู้เฒ่าอวี่ป๋อก็ไม่สามารถซ่อนประตูเทเลพอร์ตได้ ตั้งแต่แรกเริ่มเป็นไปไม่ได้ที่จะขัดขวางคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์

มีหน่วยทหารสิบคนรั้งอยู่

ประมาณห้านาทีต่อมา

ความจริงมีเงาร่างหนึ่งที่สามารถล่องหนและไม่ปรากฏกระพริบวาบในอากาศไม่ยอมเข้าไปในประตูเทเลพอร์ต

เงาร่างนี้ถ้าไม่เข้าประตูเทเลพอร์และออกไปจากหุบเขาพิรุณ ไม่มีใครสามารค้นพบความคงอยู่ของเขา หลังจากเงาร่างทั้งห้าออกไปแล้ว เขาไม่ได้ออกไปอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามหลังจากรอห้านาที เขาพบว่าผู้เฒ่าอวี่ป๋อไม่มีปฏิกิริยา และรู้สึกว่าเป้าหมายสามารถออกไปได้ ความจริงใครยังจะอยู่ต่อหน้าทหารกลุ่มใหญ่เป็นเวลานาน?

อวี่ป๋อส่ายศีรษะและสีหน้าของเขาเยาะเย้ยเล็กน้อย

แต่ในที่สุดก็เงียบและไม่ใส่ใจการกระทำของศัตรูต่อไป

รอจนกระทั่งเงาล่องหนลอยตัวจากไปเย่ว์หยางจึงลอยออกมาราวกับว่าไม่เห็นทหารสิบคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ยืนเฝ้าอยู่ในศาลาหลบฝน

หลังจากบินเข้ามาในศาลาหลบฝนเขานั่งบนม้านั่งหินราวกับว่าเป็นบ้านของตนเอง

ภายใต้การสังเกตการณ์ของทหารของตำหนักทั้งสิบเขาเอื้อมมือรินเหล้าใส่แก้ว

“เด็กน้อย, ให้ข้าสักหน่อยได้ไหม?”  ผู้อาวุโสอวี่ป๋อรู้สึกว่าพยาธิสุรากำเริบ

“กลุ่มคนเมื่อครู่นี้ที่หยิ่งยโสมากเป็นตัวอะไร?” เย่ว์หยางไม่สนใจทหารตำหนักที่รายล้อม และถามถึงเงาลึกลับที่มาก่อนหน้าเขา

“ตาย!”  ทหารทั้งสิบโจมตีใส่เย่ว์หยาง

“เหล้าดีจริงๆ!” เย่ว์หยางเหมือนกับจะไม่เห็นอาวุธทั้งสิบที่ฟันใส่ตัวเขา ยังคงแหงนหน้าดื่ม

ปังปัง ปัง ปัง!

ราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่และผู้นำอีกเก้าคนพุ่งออกมาจากศาลาหลบฝนด้วยความเร็วสูงโจมตีใส่ทหารตำหนักกลางทั้งสิบ  เมื่อพวกเขาโจมตีเย่ว์หยาง พวกเขาทุกคนถูกบังคับให้ออกจากศาลาหลบฝน  เย่ว์หยางไม่สนใจกับสภาพรอบตัวส่งแก้วเหล้าให้ผู้เฒ่าอวี่ป๋อและถาม “ถ้าท่านเห็นคนเลว นั่นไม่ใช่เรื่องดี ผู้เฒ่า! ท่านต้องเป็นเหมือนกับข้า  เป็นคนดีดังนั้นจึงปล่อยให้คนคุมขังตัวเองที่นี่ ไม่สามารถตอบโต้ใครได้เลย ไม่ว่าเขาจะทำเลวยังไง”

ผู้เฒ่าอวี่ป๋อหัวเราะ  “สายเกินไปแล้วถ้าเราผู้ชรารู้เรื่องเลวร้ายมากเกินไป ก็ไม่สามารถเป็นคนดีได้ตั้งแต่แรก  มันสายเกินไป!”

เย่ว์หยางลังเลเล็กน้อย“นั่นเป็นเรื่องไม่สามารถเข้าใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่รู้สึกละอายใจมากกว่าข้า มันน่ารำคาญที่สุดแต่เราคุณชายนี้ยังไม่พร้อมตอนนี้ ข้าจะให้ท่านได้แก้แค้นในภายหลัง!”

“แก้แค้น? ฮะฮะ, ไม่ใช่ว่าเราผู้เฒ่าคัดค้านเจ้าหรอกนะ  พวกนั้นแต่ละคนสามารถฆ่าเจ้าได้ด้วยมือข้างเดียว เมื่อครู่นี้เราผู้เฒ่ายังกลัวว่าเจ้าจะกระโดดออกมาหาเรื่อง คนพวกนั้นเป็นหัวหน้าสามประมุขใหญ่ของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เป็นประมุขใหญ่ที่รู้จักกันดีทั่วแดนสวรรค์มีพลังแข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับสามจอมภพแดนสวรรค์ หากเจ้าต้องการลงมือก็จงกลับไปฝึกอีกสักสองปีแล้วค่อยมาพูดกัน! อย่าว่าแต่ประมุขใหญ่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จีอู๋ลี่เลยเอาแค่เจ้าตำหนักไฟหลานฟงเจ้าตำหนักมืดว่านหมอและกระบี่คุณธรรมของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ หัตถ์ชี้ขาดและขุนค้อน สามตุลาการใหญ่ตำหนักกลาง ไม่ว่าเป็นคนไหนเด็กน้อยเจ้าก็ยากจะทานทนรับได้แล้ว!”  ผู้เฒ่าอวี่ป๋อกระดกเหล้าในแก้วสีหน้าของเขาแสดงอาการเหมือนคนถูกพิษ เจ็บปวด จากนั้นฟื้นตัวมีสติและยิ้มให้เย่ว์หยาง “เด็กน้อย! เจ้ามีจิตใจเช่นนี้ เราผู้เฒ่าพอใจจริงๆ  เจ้าเด็กจักรพรรดิอวี้นั่นดีแต่ผายลมต่างจากเด็กน้อยเจ้าที่ยังมีน้ำใจ”

“แน่นอน,นี่คือบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก”  เย่ว์หยางตีเสมอยิ่งชมก็ยิ่งชอบ

“คุ้ก, เจ้านั่นลำบากเสียแล้วเป็นเรื่องลำบากมากเพราะจีอู๋ลี่จับตาอยู่ ถ้าเด็กน้อยเจ้ายังหาวิธีที่ดีไม่ได้จงกลับไปหอทงเทียนเสียเถอะ!”  ผู้เฒ่าอวี่ป๋อเงยหน้าเล็กน้อย และถอนหายใจ“แดนสวรรค์! ดูเหมือนจะปั่นป่วนอีกครั้ง”

“อย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไป  จักรพรรดิอวี้ทำได้เด็กน้อยผู้นี้ก็ต้องทำได้เหมือนกัน” เย่ว์หยางตบไหล่ผู้เฒ่าอวี่ป๋อด้วยความมั่นใจในตนเอง

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาออกมาดูการต่อสู้ข้างนอก ก็มีสีหน้าประหลาดใจอย่างควบคุมไม่ได้

ขณะนี้การต่อสู้เปลี่ยนไปอย่างไม่ธรรมดา

หัวหน้ากลุ่มทั้งสามทุกคนมีพลังปราณฟ้าระดับห้าทั้งยังมีราชาหลิงหวินและถูไห่โจมตีใส่นักรบตำหนักกลางที่มีพลังปราณฟ้าระดับสามยกเว้นนายกองที่มีพลังปราณฟ้าระดับห้าซึ่งมีไม่กี่คนไม่เพียงแต่ไม่ชนะ แต่ยังทำให้อีกฝ่ายอับอายอย่างมาก

ทำไมเป็นเช่นนี้

นักรบปราณฟ้าระดับห้าคนหนึ่งต้องการจะฆ่านักรบปราณฟ้าระดับสามสิบคนกลับทำไม่ได้

ตอนนี้ทั้งสิบเอ็ดคนโจมตีคนอ่อนแอกว่าไม่กี่คนได้แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามบีบตีโต้จนต้องถอยร่น เป็นเรื่องนึกไม่ถึงจริงๆ

เจ้าเมืองถูไห่อยู่ในสภาพย่ำแย่ปล่อยให้นายกองฝ่ายตรงข้ามไล่ต้อนจนบาดเจ็บหนักและกระอักโลหิตจนต้องถอนตัวจากการต่อสู้เย่ว์หยางตัวสั่นเล็กน้อย ตอนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะฮุยไท่หลางช่วยทันเวลาเชื่อว่าถูไห่คงถูกฝ่ายตรงข้ามฆ่าทันที!

“เด็กน้อย,ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าตำหนักกลางร้ายกาจเพียงไหน?คนพวกนี้เป็นทหารของตำหนักกลางโดยตรงที่เจ้าเคยเผชิญหน้าก่อนนั้นเป็นแค่กองกำลังผสมรอบนอก!”  ผู้เฒ่าอวี่ป๋อยิ้มและเตือนเย่ว์หยางให้ระวัง เพราะประมาทเล็กน้อยอาจถึงแก่ชีวิตได้!

“ตาย!”ขณะนั้นทหารตำหนักกลางโจมตีใส่ราชาหลิงหวินโดยไม่สนใจความเป็นความตายเขาใช้แขนโอบรัดร่างราชาหลิงหวินไว้

ทหารอีกคนไม่ลังเลใช้ง้าวยาวฟันใส่

เพื่อแทงทั้งสหายและราชาหลิงหวินด้วยกัน

ทหารที่กอดราชาหลิงหวินดูเหมือนกับบ้าไปแล้วและพร้อมจะตายพร้อมกับเขาเพื่อเกียรติยศสูงสุด

ปัง..เขาคว้าราชาหลิงหวินไว้และระเบิดตัวเอง...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด