ตอนที่ 21-44 ข้าคือพระเจ้า!
ภายในร่างของลินลี่ย์พลังมหาเทพสี่สายธาตุเริ่มเดือดพล่านปลดปล่อยพลัง
“ลินลี่ย์! กะอีแค่หลอมรวมประกายมหาเทพน้อยธาตุไฟ เจ้าก็แค่ได้รับพลังปณิธานเพิ่มขึ้นบ้างเท่านั้น ไม่มีสมบัติจอมเทพไม่มีทางที่เจ้าจะต้านทานพลังโจมตีของข้าได้” ร่างของประมุขมหาเทพวิถีชะตาล้อมรอบด้วยกระบี่มายาที่เริ่มหมุนรอบตัวเขาอีกครั้ง
แต่ลินลี่ย์เพียงแต่หลับตากล้ามเนื้อใบหน้าของเขากระตุกเล็กน้อย “พลัง...พลังมหาเทพสี่สายธาตุเหล่านี้....”
ในอดีตเอกลักษณ์เฉพาะตัวของการหลอมรวมพลังเทพสี่สายธาตุทำให้ลินลี่ย์รู้สึกมั่นใจ...ว่าเมื่อพลังมหาเทพสี่รูปแบบหลอมรวมกันจะต้องสร้างพลังพิเศษเฉพาะออกมาได้เช่นกัน แต่ความพิเศษที่ไม่เหมือนใครนี้เกินจินตนาการของลินลี่ย์ไปมากมาย
“แครก...” หลังจากพลังมหาเทพสี่สายธาตุหลอมรวมกัน พลังเหล่านั้นเปลี่ยนสภาพไปเป็นพลังงานรูปหมอกสีเทาไม่เหมือนใคร พลังงานหมอกสีเทานี้ขยายไปจนเต็มร่างกายทุกส่วนทุกตารางนิ้วของลินลี่ย์ กระดูกผิวหนัง เส้นเลือด อวัยวะภายใน...แม้แต่จิตและวิญญาณของเขาด้วยเช่นกัน
เลือดเนื้อของลินลี่ย์สั่นสะท้าน ทั้งร่างของเขากำลังกระตุก “แครก...” มันเปลี่ยนแปลงกล้ามเนื้อ กระดูกและร่างกายทุกอณูของเขา การเปลี่ยนแปลงสะท้านโลกเกิดขึ้นในร่างกายของเขา และแทบจะทุกวินาทีร่างกายของลินลี่ย์จะได้รับการเสริมพลังความแข็งแกร่งเป็นร้อยเท่า เขามีพลังเพิ่มขึ้นและได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ต่อหน้าพลังงานสีเทาที่ถูกสร้างโดยพลังมหาเทพหลอมรวมสี่สายธาตุ ร่างของลินลี่ย์ดูเหมือนจะตอบสนองและเติบโตแข็งแกร่งมากขึ้นทุกที
“ระวัง! ลินลี่ย์” เสียงของเบรุตดังขึ้นในใจของลินลี่ย์ ลินลี่ย์ลืมตา “ควั่บ!” กระบี่จอมเทพวิถีชะตาที่มีสีสันสี่รูปแบบลอยหมุนคว้างมาถึงเบื้องหน้าของลินลี่ย์แล้ว “ฉัวะ!” เสื้อผ้าลินลี่ย์แตกกระจาย..และบนอกของลินลี่ย์ กระบี่จอมเทพชะตาทิ้งรอยขีดข่วนเลือดซิบไว้บนร่างของเขา
“อะไรกัน!” ตาของประมุขมหาเทพวิถีชะตาและทุกคนเบิกกว้าง “เป็นไปได้ยังไง?” มหาเทพที่ชมดูการต่อสู้นี้ตกตะลึงกันไปหมดสุดยอดไม้ตายเหนือสังสารวัฏของโอล็อฟ เมื่ออยู่ต่อหน้าลินลี่ย์ทำได้แค่ ...สร้างรอยขีดข่วนบนผิวของลินลี่ย์ได้เท่านั้นเองหรือ?
“แครก...”รอยขีดข่วนเลือดสมานตัวหายไปทันที ขณะเดียวกัน ร่างของลินลี่ย์ยังคงเสริมพลังต่อไป กระดูก กล้ามเนื้ออวัยวะภายในทุกส่วนแตกสลายและก่อตัวอีกครั้ง เพิ่มพลังให้ในแต่ละครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่าการเพิ่มพลังแต่ละครั้งยิ่งใหญ่น่ากลัว และยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดพลังงานสีเทาปริมาณมหาศาลถูกใช้สร้างร่างของลินลี่ย์
“ข้าได้ค้นคว้ามานานนับปีไม่ถ้วนเพื่อพัฒนาไม้ตายพลังกระบี่โจมตีที่ทรงพลังที่สุดของข้า เป็น...เป็นไปได้ยังไงที่ข้าไม่สามารถแทงทะลุผิวเขาได้? เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!!!” โอล็อฟอดตะโกนออกมาไม่ได้ ความจริงเขากวาดฟันกระบี่จอมเทพวิถีชะตาโจมตีใส่ลินลี่ย์อีกครั้ง และกระบี่มายาปรากฏขึ้นอีกครั้งและกลายเป็นกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัว!
“ฉัวะ” กระบี่จอมเทพฟันใส่ร่างของลินลี่ย์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้..ไม่ระคายผิวของเขาเลย
โอล็อฟและคนอื่นตกตะลึงจ้องมองลินลี่ย์กันหมด “ครืน...” พื้นที่รอบตัวลินลี่ย์สั่นสะเทือนและปล่อยคลื่นพลังออกมาอย่างรุนแรงกระแทกโอล็อฟกระเด็นถอยหลังออกไป ขณะที่ลินลี่ย์ยืนนิ่งกับที่เงียบๆในท่ามกลางคลื่นพลังงาน เขายังหลับตามองดูเหมือนเทพสงครามไร้เทียมทาน
“นึกไม่ถึง นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นไปได้” ลินลี่ย์หลังจากรับพลังโจมตีจากศัตรูของเขาก็มุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงตนเอง ร่างของเขากำลังอยู่ในช่วงวิวัฒนาการสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ลินลี่ย์คาดหวังเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เขาไม่เคยคิดว่า..ประกายมหาเทพของเขาจะหลอมละลายจริงๆ!
ถูกแล้ว ประกายเหล่านั้นหลอมละลายราวกับก้อนน้ำแข็งละลาย ประกายมหาเทพมีความแข็งทนทานเหลือเชื่อไม่มีทางถูกทำลายได้แม้จะผ่านไปนานปีนับไม่ถ้วน แต่ประกายมหาเทพเหล่านั้นก็เริ่มต้นละลายจริงๆ!
ลินลี่ย์มีพลังงานสีเทารายล้อมประกายมหาเทพหลอมรวมทั้งสี่ของลินลี่ย์เริ่มละลายวิญญาณรูปกระบี่ทั้งสี่ภายในประกายมหาเทพเผยตัวออกและวิญญาณรูปกระบี่ทั้งสี่และวิญญาณรูปกระบี่ของร่างหลักเช่นกันเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงหลังจากจมเข้าไปในพลังงานสีเทาราวกับว่าวิญญาณเหล่านั้นทำลายกระเปาะดักแด้กลายเป็นผีเสื้อ..
วิญญาณรูปกระบี่ทั้งห้าที่ลอยตัวค่อยๆผสานเข้าด้วยกันเหมือนกับของเหลวไหลเข้าหากัน จากนั้นเปลี่ยนไปเป็นวิญญาณรูปกระบี่วิญญาณเดียวในที่สุด วิญญาณรูปกระบี่วิญญาณเดียวนี้เริ่มเปลี่ยนสีตอนแรกสีฟ้า จากนั้นเป็นสีเหลืองเข้ม และเป็นสีเขียวหยก และสีแดงในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นสีใส กลายเป็นวิญญาณรูปกระบี่สีใสแทบมองไม่เห็น
“ปัง” ร่างแยกมหาเทพทั้งสี่ของลินลี่ย์ทั้งประกายมหาเทพและวิญญาณทั้งสองส่วนสลายไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เหลืออยู่เพียงร่างเดียวเท่านั้นและวิญญาณรูปกระบี่ใสเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงนี้ใช้พลังงานสีเทาไปมากมาย
“เหลือเชื่อจริงๆ” แม้ว่าวิญญาณของเขาจะผสานเข้าด้วยกันและเขาสูญเสียประกายมหาเทพไปแต่ลินลี่ย์รู้สึกได้ชัดถึงความคงอยู่ถึงทะเลธาตุทั้งสี่ได้หมด เขาสามารถดึงพลังมหาเทพจากทะเลธาตุเหล่านั้นมาใช้ได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดเลยและไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงทะเลธาตุแสง ทะเลธาตุมืด..และทะเลธาตุพิภพโลกธาตุอื่นที่เป็นแหล่งพลังอำนาจ ลินลี่ย์แค่เพียงคิดก็สามารถเรียกพลังมหาเทพทุกรูปแบบออกมาใช้ได้
“พลังปณิธานของข้าหายไปด้วยหรือ?” ลินลี่ย์ค้นพบว่าหลังจากประกายมหาเทพของเขาถูกกลืนหายไปและวิญญาณต่างๆของเขากลายเป็นหนึ่งเดียว พลังปณิธานหลักของเขาหายไปด้วย เพียงแต่...ลินลี่ย์รู้ได้ถึงพลังควบคุมที่เฉพาะแบบเหนือพื้นที่โดยรอบ ความรู้สึกที่ควบคุมได้อยางนี้...เป็นส่วนหนึ่งของโลกเหมือนว่าเป็นขอบเขตอำนาจของเขาเอง เขาไม่จำเป็นต้องได้พลังปณิธาน เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรอื่น เขาสามารถใช้พลังของโลกกำจัดศัตรูและฆ่าได้ทั้งหมด
“เป็น...เป็นไปไม่ได้!” โอล็อฟที่มักจะดูเหนือกว่าอยู่เสมอเหมือนกับจะบ้าไปแล้ว เขาใช้อาวุธจอมเทพของเขาฟันใส่ลินลี่ย์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของลินลี่ย์ทำให้เขาอยู่ในระยะห่างและเขาไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้เลย
มหาเทพทุกคนมองดูภาพนี้อย่างระมัดระวังไม่สามารถพูดได้ เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้เกินไปกว่าที่พวกเขาจะคาดได้ พลังที่ลินลี่ย์แสดงออกมานั้นเกินขอบเขตระดับมหาเทพไปมาก
“เขากลายเป็นจอมเทพแล้วหรือ?” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะพึมพำ ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างที่อยู่ใกล้ๆได้แต่ปากอ้าค้างกระพริบตาปริบๆ “หรือว่าสิ่งมีชีวิตสามารถฝึกฝนจนถึงระดับจอมเทพได้?”
“ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยมมาก” บลูไฟร์และเบรุตที่อยู่ภายในเทือกเขาสกายไรท์มองเห็นโอล็อฟโจมตีดุจคนบ้าแต่ก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้ลินลี่ย์ได้ พวกเขาอดรู้สึกลิงโลดดีใจมิได้
“โจมตีเสร็จหรือยัง?”
เสียงสงบราบเรียบดังขึ้น ลินลี่ย์ที่มีคลื่นพลังงานรายล้อมลืมตาและมองดูโอล็อฟที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขา ในขณะนั้นเองลินลี่ย์เหมือนกับเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง หลังจากวิญญาณของเขาเปลี่ยนแปลงกระบี่เจตจำนงเหมือนกับระเบิดออกมาจากเขาได้แค่มองดูลินลี่ย์ก็ทำให้ใจพวกเขาสั่นสะท้าน
“หือ?” ประมุขมหาเทพวิถีชะตาใช้กระบี่จอมเทพชะตาฟันเต็มที่จากนั้นเขารู้สึกว่า...เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เพราะมือขวาของลินลี่ย์ยึดจับกระบี่จอมเทพชะตาไว้
“กระบี่จอมเทพนี้...” ลินลี่ย์ถอนหายใจ ทันใดนั้นเขามีความรู้สึกแปลกเหมือนกับว่ากระบี่จอมเทพนี้ไม่มีความแข็งแม้แต่น้อย มือขวาของลินลี่ย์เพิ่มแรงกดขึ้นอีกเล็กน้อย “แครก!”
เสียงดังชัดเจน มันคือสมบัติจอมเทพที่เป็นของล้ำค่า แต่กลับถูกลินลี่ย์หักครึ่ง
“ธรรมดาจริงๆ” ลินลี่ย์โยนทิ้งไปตามปกติและกระบี่จอมเทพที่อยู่ในมือของเขาร่วงตกจากท้องฟ้าร่วงลงไปในทะเลข้างล่าง “จ๋อม”กระบี่หักจมลงไปในทะเล
บรรดามหาเทพทุกคนที่ชมดูพูดไม่ออกอีกครั้ง แม้แต่ประมุขมหาเทพวิถีชะตาได้แต่ตะลึงมอง กระบี่จอมเทพครึ่งหนึ่งอยู่ในมือของเขา “นี่..เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง...”ทันทีที่เขาพูดออกมาไม่กี่คำ...
“ควั่บ!” ร่างของโอล็อฟกลายเป็นลำแสงทันทีขณะที่เขาหนีไปด้วยความเร็วสูง แม้แต่ตอนนี้โอล็อฟก็ยังมีความหวังเลือนรางว่าเขาจะสามารถรอดชีวิตได้..บ้านเกิดของเขาคือพิภพโลกธาตุ และเขาต้องการหนีเข้าไปในนั้น โอล็อฟจะทำการค้นคว้าต่อไป จนกว่าสักวัน เขาจะเหนือกว่าลินลี่ย์
เขารู้สึกว่าแม้ว่าพลังโจมตีของลินลี่ย์จะเพิ่มขึ้นมากแต่ความเร็วของเขาคงไม่เพิ่มขึ้นเป็นแน่ น่าเสียดาย...
“ต้องการจะหนีหรือ?” ร่างของลินลี่ย์กระพริบวูบ และเขาเคลื่อนที่ไปได้ไกลมิอาจคาดคำนวณได้ พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่หน้าโอล็อฟ ความเร็วของเขาเร็วกว่าโอล็อฟไม่รู้ต่อกี่เท่า
แววตัดสินใจเด็ดเดี่ยวในดวงตาของโอล็อฟหายไป “ข้าแพ้ แพ้อย่างสิ้นเชิง” เขาเข้าใจแล้วว่าลินลี่ย์สามารถทำลายกระบี่จอมเทพวิถีชะตาได้ง่าย คงสามารถทำลายเกราะจอมเทพได้ง่ายเช่นกัน ตาของประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟเป็นประกายอีกครั้ง เขาจ้องมองลินลี่ย์ “ลินลี่ย์...ข้าหวังว่าเจ้าจะใช้พลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดฆ่าข้า”
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูกัน ลินลี่ย์ยังคงรู้สึกชื่นชมโอล็อฟ ชื่นชมความบ้าดีเดือดของโอล็อฟ “ก็ได้ข้าจะใช้พลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดฆ่าท่าน”
ลินลี่ย์กดนิ้วสองนิ้วเข้าด้วยกันเป็นท่ากระบี่กระบี่สีเทาเลือนรางที่มีขนาดยาวราวๆ 1.5 เมตรค่อยๆ โผล่ออกมา ทันทีที่ภาพกระบี่มายาสีเทาโผล่ออกมามิติโดยรอบสั่นสะเทือนและแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
โอล็อฟจ้องกระบี่มายาเขม็ง “ควั่บ” กระบี่พุ่งแหวกอากาศ กระบี่โจมตีที่ทรงพลังที่สุดของลินลี่ย์ถูกปล่อยออกไปในที่สุดกระบี่เจตจำนงที่หลอมรวมกับพลังเทพสี่ชนิด!
“ปัง!”ระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้น เป็นระเบิดที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์! กระบี่ของลินลี่ย์ดูเหมือนสร้างพลังเปลี่ยนแปลงโลกที่น่ากลัว! เกิดหลุมดำที่น่ากลัวขนาดมหึมาเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบหมื่นกิโลเมตรอยู่ข้างหน้าลินลี่ย์ พลังงานสีเทาหนาแน่นปริมาณมหาศาลพุ่งออกมาจากหลุมดำหลากเข้ามาในแดนนรกและแพร่กระจายออกไปทั่วทุกทิศ
“แย่แล้ว!” พลังงานสีเทานี้แพร่ออกไปเร็วมากแทบจะทันทีมันกระจายออกไปได้ไกลหลายล้านกิโลเมตร มหาเทพสิบเอ็ดคนที่หนีช้าไปเล็กน้อย สัมผัสกับพลัง และทุกอย่างที่สัมผัสกับพลังสีเทาจะสลายหายไป แม้แต่ประกายมหาเทพก็ยังหลอมละลายสูญหายไป ทั่วภูมิภาคนี้กลายเป็นพื้นที่แห่งความตายทันที
“อะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้น...” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะและวิถีทำลายล้างและมหาเทพต่างๆ หวาดกลัวจนหน้าซีดขาว เมื่อครู่นี้พลังหลุมดำที่น่ากลัวซึ่งกระบี่ของลินลี่ย์สร้างขึ้นพ่นพลังงานสีเทาออกมาไม่มีจำกัดซึ่งเป็นตัวแทนของพลังทำลายล้าง อะไรก็ตามที่สัมผัสกับพลังงานสีเทาไม่ว่าจะเป็นเทพธรรมดาหรือมหาเทพที่ทรงพลังแม้แต่ศิลาและน้ำที่ไม่มีชีวิตสูญสลายหายไปไม่เหลืออะไร
“ช้าไปก้าวเดียวเราคงจะตายกันหมด” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างยังคงเครียด“เมื่อครู่นี้...นั่นคืออะไร?” มหาเทพที่รอดชีวิตหวาดกลัวจนทำอะไรถูก แม้ว่าพวกเขาจะเห็นว่าลินลี่ย์ทรงพลังมากเพียงไหน แต่พวกเขาไม่เคยหวาดกลัวเหมือนในขณะนี้ หลุมดำที่จู่ๆก็พ่นพลังสีเทาออกมาอย่างกะทันหันน่ากลัวเกินไป “มหาเทพที่อยู่ใกล้กว่าตายกันหมด ไม่มีเหลือแม้กระทั่งประกายมหาเทพ” หน้าของประมุขมหาเทพวิถีมรณะซีดขาว “และลินลี่ย์ เขาถูกพลังงานสีเทารุมล้อมไว้และสลายหายไปเช่นกัน”
พลังงานสีเทาสร้างพื้นที่ซึ่งมหาเทพไม่สามารถใช้สำนึกเทพตรวจสอบผ่านไปได้ มหาเทพเหล่านี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่เมื่อพลังงานสีเทาแพร่กระจายออกมาจากภายในพื้นที่นั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาแน่ใจ ทุกสิ่งทุกอย่างภายในพื้นที่นั่นจะสลายหายไปไม่เหลืออะไร
“ลินลี่ย์!” หน้าของเบรุตซีดขาว หน้าของบลูไฟร์ไร้สีเลือดอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่า... เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะกลับกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวไปได้ ลินลี่ย์มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันจากนั้นก็หายไปในพลังงานสีเทาที่น่ากลัว
ตอนนี้ พลังงานสีเทาไหลกลับเข้าไปในหลุมดำและหายไปไม่เหลือทั้งหมด และแม้แต่หลุมดำก็ค่อยๆหดตัวลงก่อนที่จะหายไปด้วยเช่นกัน คลื่นพลังที่น่ากลัวทำให้เกิดความประหลาดใจทั่วทั้งแดนนรก
“...นี่คือที่ไหน?”
ลินลี่ย์จ้องมองดูรอบๆ ตัวเขา พื้นที่รอบตัวเขาเต็มไปด้วยพลังงานหมอกเทาแปลกประหลาดนั้น พลังมหาเทพสี่สายธาตุของเขาเองรวมกันและสร้างพลังงานรูปแบบเดียวกันนี้แล้วเปลี่ยนแปลงกายและวิญญาณของเขา ตอนนี้พลังกระบี่โจมตีของเขาดูเหมือนทำให้ท้องฟ้าแตกจนพลังงานนี้ไหลบ่าเข้ามาและทำให้มหาเทพตายไปหลายคน
ลินลี่ย์หันไปมอง จากนั้นมองเห็นเยื่อพลังใสด้านตรงกันข้ามเยื่อพลังงานเป็นมิติปั่นป่วน “ข้า...อยู่ที่ไหน?”
ทันใดนั้นสายตาของลินลี่ย์พลันเฉียบคมขึ้นขณะที่เขามองดูข้างหน้า เพราะ...มีบางคนปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขา คนผู้นี้สวมชุดปอเรียบง่าย ผมบนศีรษะของเขากระเซิงยุ่งเหยิง หน้าของบุรุษวัยกลางคนผู้นี้ยิ้มตื่นเต้น “ฮ่าฮ่า.. เป็นเวลาพันมหากัปแล้ว แต่ในที่สุดการรอคอยของข้าก็สิ้นสุดจนได้”
(มหากัป = ตามคติพุทธคือช่วงเวลาตั้งแต่จักรวาลเริ่มก่อกำเนิดจนเจริญเต็มที่และเริ่มเสื่อมสลายไปจนกระทั่งแตกทำลายจนไม่เหลืออะไร)
“พันมหากัป?”ลินลี่ย์สับสนไปหมด “น้องรอง! มากับข้าก่อน” บุรุษวัยกลางคนยิ้มจากนั้นยื่นมือคว้าแขนฉุดดึงเขาไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
สิ่งที่ทำให้ลินลี่ย์ประหลาดใจก็คือทุกย่างก้าวของบุรุษวัยกลางคนนี้กินระยะทางไม่อาจคำนวณได้ ความเร็วของเขาไวจนลินลี่ย์คำนวณไม่ถูก
“ทำไมท่านถึงเรียกข้าเป็นน้องรอง?” ลินลี่ย์มองดูเขาด้วยความสงสัย“และท่านเป็นใคร?”
“ฮ่าฮ่า..เพราะเจ้าเป็นคนแรกหลังจากเวลาผ่านมานานเป็นอสงไขยปี ใครจะสามารถทำลายพันธนาการจักรวาลเข้ามายังสถานที่นี้นี่คือห้วงมิติหมอกอนันต์” บุรุษวัยกลางคนพูดและหัวเราะลั่น“พลังจักรวาลคืออะไร?” ลินลี่ย์ถาม “ท่านบอกว่าข้าทำลายพันธนาการพลังจักรวาลได้ ท่านบอกว่าพิภพนับไม่ถ้วนที่ข้าอาศัยประกอบด้วยพลังจักรวาลอย่างนั้นหรือ?”
“พูดให้ถูกยิ่งขึ้นพิภพโลกธาตุนับไม่ถ้วน เจ็ดโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์ สี่พิภพชั้นสูง พิภพน้อยใหญ่ทั้งหลายและมิติปั่นป่วนทั้งหมดรวมกันเป็นรูปร่างประกอบมาจากสิ่งที่เรียกว่าพลังจักรวาล”บุรุษวัยกลางคนยิ้มขณะกล่าว “สำหรับพลังงานนี่น่ะหรือข้าเรียกว่าพลังวิญญาณหมอกอนันต์”
ลินลี่ย์สูดหายใจลึกเป็นจริงดังที่ประมุขมหาเทพวิถีชะตารู้สึกได้ว่าเหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นคอยควบคุมพิภพต่างๆ และต้องการเป็นอิสระจากการควบคุมนี้ ตอนนี้ดูเหมือนมือที่มองไม่เห็นน่าจะเป็นบุรุษวัยกลางคนที่อยู่ข้างหน้าลินลี่ย์
“พลังวิญญาณหมอกอนันต์?” ลินลี่ย์จ้องมองพลังงานสีเทาอย่างระมัดระวัง “บ้านของข้าอยู่ข้างหน้า” บุรุษวัยกลางคนชี้ไปที่ข้างหน้า ในใจกลางพลังงานอนันต์ไร้ที่สิ้นสุดมีเกาะที่มีพื้นที่ไม่กี่สิบเมตร เกาะนี้สร้างกระท่อมไว้บนเกาะด้านข้างกระท่อมมีไม้แคระหนาทึบใต้ต้นไม้มีโต๊ะและม้านั่งหินสองตัว
“นั่งก่อนแล้วค่อยคุยกัน” บุรุษวัยกลางคนหัวเราะและนั่งลง ลินลี่ย์นั่งลงทั้งที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ดูสิ” บุรุษวัยกลางคนโบกมือและในทันใดนั้น เกิดกระจกเงาใสลูกกลมขนาดยักษ์ผุดขึ้นมาจากกระจกและลูกโลกกลมนี้ยังมีลูกโลกกลมขนาดเล็กกว่าสี่ลูกล้อมรอบ บุรุษวัยกลางคนหัวเราะ ขณะที่เขาชี้ไปที่ลูกกลมเล็กทางด้านขวา “นี่คือจักรวาลที่เจ้าอาศัยอยู่!”
“อะไรนะ?” ลินลี่ย์จ้องมองปากอ้าค้าง “มีจักรวาลอื่นอีกสามจักรวาลเหมือนของข้าด้วยหรือนี่?แถมยังใหญ่กว่าด้วย?” ลินลี่ย์ตะลึงจริงๆ
“จักรวาลที่อยู่ในตรงกลางเป็นจักรวาลหลักขณะที่อีกสี่จักรวาลรายล้อมเป็นจักรวาลรอง ทั้งหมดมีขนาดหนึ่งในสิบของจักรวาลหลัก” บุรุษวัยกลางคนยิ้ม “จักรวาลต่างๆดำรงคงอยู่ในห้วงอันธกาลหมอกอนันต์! ขณะที่ตัวข้าเองก็ชื่อแกรนด์มิสต์”
“แกรนด์มิสต์?” ลินลี่ย์มองดูบุรุษวัยกลางคน “เป็นเรื่องจริง...” บุรุษวัยกลางคนถอนหายใจ “ลินลี่ย์ ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างนี้ก็แล้วกัน เป็นเวลานานมากๆ แล้วพื้นที่ห้วงอันธกาลนี้ให้กำเนิดข้า ข้าเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในห้วงอันธกาล” ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“หลังจากเวลาผ่านไปนานโข ข้ารู้สึกเบื่อ ทันใดนั้นข้ามีประกายความคิดอย่างหนึ่งและเริ่มสร้างจักรวาล! ตอนแรกข้าสร้างจักรวาลหลัก แต่ข้ารู้สึกว่าโดยตัวมันเอง จักรวาลหลักยังมั่นคงไม่พอ ดังนั้นข้าจึงสร้างจักรวาลรองมากกว่าสี่เพื่อให้เกิดความเสถียรกับจักรวาลทั้งหมด”ลินลี่ย์พยักหน้า
“พลังงานที่ข้าใช้สร้างจักรวาลก็คือพลังวิญญาณในห้วงอันธกาลนี้” แกรนด์มิสท์หัวเราะขณะที่เขาชี้ไปที่พลังงานสีเทา “ในจักรวาล ข้าได้สร้างสิ่งมีชีวิตต่างๆเพื่อเป็นการประกันว่าเผ่าพันธุ์ต่างๆ จะสามารถพัฒนาวิวัฒนาการไปอย่างมีสมดุล ข้าตั้งกฎและวิถีต่างๆ” แกรนด์มิสต์หัวเราะ “ตัวอย่างเช่น ในบ้านเกิดของเจ้าสี่จอมเทพในจักรวาลรองก็ข้าเองที่สร้างขึ้น เกี่ยวกับสี่วิถีที่ข้าได้สร้างขึ้น ทั้งหมดนั้นสามารถรับคำสั่งข้าได้ พวกเขาไม่มีอารมณ์ความรู้สึกแม้แต่น้อย”
หัวใจลินลี่ย์สั่นสะท้าน อย่างนั้นสี่จอมเทพก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเครื่องมือที่แกรนด์มิสต์สร้างขึ้นสุ่มๆ
“จักรวาลที่ใหญ่กว่าก็จะมีความเสถียรมากขึ้น ข้าให้ส่วนต่างๆ ของห้วงอันธกาลเปลี่ยนไปเป็นห้าธาตุคือโลหะ ไม้ น้ำ ไฟและดิน พลังห้ารูปแบบนี้ใช้เป็นรากฐานของจักรวาลหลักและจากนั้นก็ให้กำเนิดหยิน-หยางพลังงานสองรูปแบบที่ตรงกันข้ามเช่นเดียวกับพลังสายฟ้า” หงเหมิ่งหัวเราะ “สำหรับจักรวาลรอง..จะมีขนาดที่เล็กดังนั้นจึงไม่ต้องการธาตุทั้งห้า ข้าแค่ควบคุมพลังห้วงอันธกาลและสร้างเป็นพลังพื้นฐานสี่พลังคือ ดิน ไฟ น้ำและลม จากนั้นให้กำเนิดแสง และความมืดพลังสายฟ้าด้วยเช่นกัน”
“ห้วงอันธกาลถูกเปลี่ยนไปเป็นดิน ไฟ น้ำ และลม?” ลินลี่ย์ตะลึง เขาเริ่มเข้าใจ จักรวาลหลังสร้างจากพื้นฐานธาตุโลหะ ไม้ น้ำ ไฟ และดินในฐานะห้าธาตุ ขณะที่จักรวาลรองสร้างจากพื้นฐานธาตุทั้งสี่คือดิน ไฟ น้ำ และลม
“แม้ว่าข้าจะสร้างจักรวาลหลักและจักรวาลรองทั้งสี่ แต่เป็นเรื่องที่ยากมากๆที่สิ่งมีชีวิตภายในจะหลบหนีออกมาในโลกภายนอก” แกรนด์มิสต์ถอนหายใจ “ยากมากเลยหรือ?” ลินลี่ย์ถามด้วยความสงสัย
“ถูกแล้ว จักรวาลหลักมีความกว้างใหญ่ไพศาลมีสิ่งมีชีวิตมากมายหลายเผ่าพันธุ์ซึ่งยังทรงพลังมากกว่ามหาเทพของในจักรวาลรองของเจ้า! ในหมู่พวกเขามีทั้งราชันย์เทพเจ้าและสวรรค์ผู้มีความสามารถในการรับรู้กฎอวกาศและกฎเวลา ถ้าพวกเขาไปยังจักรวาลรองของพวกเจ้า พวกเขาคงสามารถทำลายพันธนาการผูกพันของจักรวาลนั้น”
ลินลี่ย์ตะลึง ยอดฝีมือของจักรวาลมีมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ? “อย่างไรก็ตามเสถียรภาพของจักรวาลรองยังด้อยกว่าจักรวาลหลัก ดังนั้นข้าจึงไม่ยอมให้สิ่งมีชีวิตสามารถเข้าใจกฎของเวลาและอวกาศที่คงอยู่ในนั้น และภายในจักรวาลรองจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกฝนกฎอวกาศและกฎเวลาอย่างมากก็มีทักษะเทพธรรมชาติที่สามารถส่งผลต่อพวกเขาได้” แกรนด์มิสต์หัวเราะ
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย “อย่างไรก็ตาม, ลินลี่ย์!ระดับพลังปัจจุบันของเจ้านี้ ยังทรงพลังมากที่สุดแม้แต่ในสรวงสวรรค์ของจักรวาลหลักด้วย” แกรนด์มิสต์หัวเราะ
“โอว?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ “เพราะเจ้ามีร่างที่สร้างจากหมอกอันธกาล!” แกรนด์มิสต์หัวเราะ “มีร่างที่ทรงพลังอยู่สองรูปแบบ ที่ทรงพลังมากที่สุดคือ ร่างอมตะขณะที่ร่างซึ่งอ่อนกว่าก็คือร่างหมอกอันธกาล เจ้าต้องเข้าใจนะว่าพลังหมอกอันธกาลเป็นระดับพลังงานพื้นฐานที่มี แม้แต่สรวงสวรรค์ของจักรวาลหลักที่เข้าไปในที่อย่างนี้ก็จะสลายกลายเป็นพลังงานหมอกอันธกาล
“เพราะร่างจากห้วงอันธกาลถูกสร้างมาจากพลังหมอกอันธกาลตั้งแต่แรก พลังงานอันธกาลที่นี่จะไม่ทำร้าย” แกรนด์มิสต์อธิบาย
“แล้วอย่างนั้นร่างอมตะนี้มาจากไหน?” ลินลี่ย์ถาม “หลังจากที่เจ้าสร้างจักรวาล เจ้าจะเริ่มสร้างพลังงานอนันต์เป็นเรื่องปกติซึ่งก็จะรวมอยู่ในร่างของเจ้าและจะทำให้พลังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเจ้าจะได้รับร่างอมตะที่ทำลายไม่ได้” แกรนด์มิสต์หัวเราะ
“ข้าน่ะหรือ? สร้างจักรวาล?” ลินลี่ย์ตะลึง “ใช่แล้วเหมือนอย่างที่ข้าทำ” แกรนด์มิสต์หัวเราะ “ข้าไม่สนใจหรอกว่าสิ่งมีชีวิตในจักรวาลสร้างจะเป็นหรือตาย ข้าสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตได้ทุกเมื่อ ข้าเพียงแต่สนใจแต่พวกที่มีความสามารถทำลายพันธนาการจักรวาลและรอดอยู่ในที่นี่ได้ เจ้าคู่ควรเป็นน้องชายของข้าแกรนด์มิสต์แล้ว” แกรนด์มิสต์หัวเราะขณะที่เขาโบกมือ และใบไม้ใบหนึ่งร่วงลงมาจากต้นไม้ใกล้ๆ ทันที
ใบไม้เป็นประกายแสง “ข้าบรรจุวิธีสร้างจักรวาลไว้ภายในใบไม้นี้จงใช้พลังวิญญาณของเจ้ามองเข้าไปข้างในและเจ้าจะเข้าใจทุกอย่าง” แกรนด์มิสต์ส่งใบไม้ให้ลินลี่ย์
ลินลี่ย์มองดูแกรนด์มิสต์ จากนั้นรับใบไม้มา “นี่...” ความรู้นับไม่ถ้วนหลากไหลเข้ามาในใจของลินลี่ย์ ในทันทีนั้นลินลี่ย์เข้าใจพื้นที่ห้วงมิติอันธกาลได้ในระดับลึกซึ้งเขายังเข้าใจเต็มที่ถึงวิธีต่างๆ ที่ห้วงมิติอันธกาลสามารถใช้ได้ วิธีที่สามารถแบ่งออกเป็นห้าธาตุหรือแก้ให้เป็นดิน น้ำ ลมและไฟ
“ดังนั้น...สำหรับข้าที่หลุดพันธนาการจักรวาลมาได้ต้องใช้ความสอดคล้องและบังเอิญมากมาย มันยากมาก” ลินลี่ย์ตอนนี้เข้าใจแจ่มแจ้ง
“ใช่แล้ว!” แกรนด์มิสต์พยักหน้าและหัวเราะ “เจ้าแค่บังเอิญมีร่างแยกธาตุดิน ไฟน้ำและลม ถ้าเจ้ามีร่างพิเศษอีกหนึ่งก็คงใช้ไม่ได้ ถ้าเจ้ามีขาดไปหนึ่งก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน และตอนนั้นเจ้ากลายสภาพวิญญาณได้สำเร็จ!นี่ทำให้เจ้ามีโอกาส แต่...พลังงานสี่รูปแบบในจักรวาลซึ่งคือพลังมหาเทพสี่ธาตุที่ต่างกัน เจ้าต้องสามารถควบคุมพลังมหาเทพสี่รูปแบบเหล่านั้นและหลอมรวมได้และเจ้าก็หลอมรวมประกายมหาเทพทั้งสี่ได้จริงๆ”
ลินลี่ย์หัวเราะและฝืนพยักหน้า ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว... เขามีร่างแยกดิน ไฟลมและน้ำ จากนั้นผ่านกระบวนการกลายสภาพของวิญญาณ และกลายเป็นมหาเทพทั้งสี่ธาตุ ถึงตอนนี้เขาจึงหลอมรวมพลังงานมหาเทพสี่รูปแบบกลายเป็นพลังห้วงอันธกาลความลำบากยากเข็นในทุกขั้นตอนมากมายมหาศาล
“จะหลุดพ้นจากจักรวาลหลักก็เป็นเรื่องยาก” แกรนด์มิสต์หัวเราะอย่างสงบ “นี่คือเหตุผล แม้จะผ่านไปมากกว่าพันมหากัปก็มีเจ้าเพียงผู้เดียวที่หลุดออกมาถึงที่นี่ได้”
“พี่แกรนด์มิสต์ ท่านบอกว่ามากกว่าพันมหากัป มหากัปหนึ่งยาวนานแค่ไหนกันแน่?” ลินลี่ย์สามารถบอกได้ว่ามหากัปคือมาตราเวลาแต่จะยาวนานเพียงไหนกันแน่?
“แต่ละมหากัปก็คือหกควาดิลเลียนปี (หกเติมศูนย์สิบห้าตัว)”หงเหมิ่งหัวเราะ ลินลี่ย์สูดหายใจลึกมากกว่าพันมหากัปก็มากกว่าหกควอดิเลียนปีพันครั้ง ในจักรวาลของเขาเอง สงครามมหาพิภพจะมีขึ้นทุกล้านล้านปี ดูเหมือนว่ามีสงครามมหาพิภพมาเป็นล้านครั้งแล้ว
“เหลือเชื่อจริงๆ!” ลินลี่ย์ถอนหายใจชื่นชม “พี่แกรนด์มิสต์จักรวาลรองทั้งสี่ของท่านมีวัฒนธรรมที่ต่างกัน จักรวาลบ้านเกิดข้าคือจักรวาลเวทมนต์ อีกสามจักรวาลเป็นจักรวาลจักรกลจักรวาลชีวภาพและจักรวาลปีศาจ ขณะที่จักรวาลหลัก กลับรวมเอาทุกอย่างไว้เหลือเชื่อจริงๆ”
ตอนนี้ลินลี่ย์ตะลึงไปหมด เพียงแต่ตอนนี้เขาจึงได้ตระหนัก..ว่านอกจากกฎธาตุธรรมชาติแล้ว ยังมีหนทางฝึกฝนอื่นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีทั้งจักรกล มีทั้งชีวภาพและมีฝึกเส้นทางอมตะและทางชั่วร้าย
“ฮ่าฮ่า, ในอนาคตเจ้าจะต้องสร้างจักรวาลของตัวเองเช่นกัน เมื่อเจ้ามีเวลาเจ้าสามารถไปดูงานที่จักรวาลของข้าได้” แกรนด์มิสต์หัวเราะ “โอว..แต่ก่อนจะทำเรื่องนี้เจ้าต้องไปดูบางอย่างเสียก่อน”
“มีอะไรหรือ?” ลินลี่ย์สงสัย แกรนด์มิสต์โบกมือและในทันใดนั้นธงสีทองบินมาจากที่ไกลนับกิโลเมตรไม่ถ้วนและตกลงใกล้ๆลินลี่ย์ ธงสีทองนี้มีกลิ่นอายที่ทำให้ลินลี่ย์ใจเครียดธงนั้นยาวหกเมตรและกว้างครึ่งเมตร
“โอว..มีคำพูดอยู่ด้านหลังด้วย?” ลินลี่ย์เห็นอักษรเหล่านั้นทันที ด้านหลังธงทองมีคำพูดหนึ่งซึ่งมีขนาดเดียวกับธง คำที่มีลักษณะเฉพาะตน ลินลี่ย์แน่ใจว่าเขาไม่เคยเห็นภาษานี้มาก่อน แต่ขณะที่เขาดู เขาเข้าใจความหมายของคำนี้ได้
มิสต์
“นี่คือธงหมอกอนันตกาล!” แกรนด์มิสหัวเราะ “มันเกิดจากห้วงมิติอันธกาลเช่นกันดูแถวแรกบนธงหมอกอนันต์สิ” ลินลี่ย์มองดู แถวแรกบนธงหงเหมิ่งมีคำอยู่คำหนึ่ง
แกรนด์
หรือจะพูดให้ถูก ด้านบนมุมซ้ายธงทองแกรด์มิสต์ มีแค่คำเดียว
“ชื่อใครก็ตามที่อยู่บนธงทองแกรนด์มิสต์จะกลายเป็นผู้ควบคุมห้วงมิติอันธกาล เมื่อเป็นผู้ควบคุมห้วงมิติอันธกาลเจ้าก็สามารถใช้พลังงานจักรวาลใดๆ ก็ได้ และสามารถคำนวณกำหนดชะตาสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง!” แกรนด์มิสต์หัวเราะ “แต่ถ้าเจ้าต้องการให้ชื่อของเจ้าปรากฏอยู่บนธง อย่างน้อยเจ้าจะต้องทำลายพันธนาการจักรวาลของเจ้าและมายังห้วงมิติอันธกาลนี้”
“ลินลี่ย์! จงควบคุมวิญญาณของเจ้าและส่งเข้าไปในธงนี้” แกรนด์มิสต์กล่าว ลินลี่ย์พยักหน้าและส่งพลังวิญญาณเข้าไป
ธงทองแกรนด์มิสต์เริ่มดูดซับพลังวิญญาณและบนแถวแรกถัดจากคำว่า‘แกรนด์’ มีอีกคำหนึ่งปรากฏคือ ‘ลิน’
ในทันใดนั้นใจของลินลี่ย์ท่วมทับไปด้วยข้อมูลอีกครั้งราวกับว่ามีทักษะเทพธรรมชาติอีกมากมาย “งั้น... ยังมีระดับความแตกต่างของผู้ควบคุมห้วงมิติอันธกาลอีกเหมือนกันสินะ” ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ “ข้าก็เหมือนท่าน พี่ใหญ่เราเป็นผู้ควบคุมห้วงมิติอันธกาลระดับหนึ่งแล้ว”
“เป็นธรรมดา ห้วงมิติอันธกาลกว้างไกลไร้ขอบเขต แต่เพราะเหตุผลด้านเสถียรภาพ ธงทองแกรนด์มิสต์อย่างมากก็อนุญาตให้เราสร้างได้สี่จักรวาลเหมือนอย่างจักรวาลส่วนใหญ่ที่ข้าสร้าง และเป็นธรรมดาว่ามีผู้ควบคุมห้วงมิติอันธกาลระดับแรกมีเพียงสี่ ผู้ควบคุมที่ห้าจะมีระดับที่ต่ำกว่าและคนอื่นทั้งหมดจะถูกเราจำกัดไว้”
ลินลี่ย์พยักหน้า เพียงผู้ควบคุมห้วงมิติอันธกาลระดับสูงสุดจะเข้าใจได้ทุกอย่าง “จากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะมีชื่อใหม่ของข้าเอง อย่างนั้นเป็น ลินมิสต์”ลินลี่ย์ถอนหายใจ “ใช่แล้ว ให้จักรวาลที่เจ้าจะสร้างในอนาคตชื่อว่าจักรวาลลินมิสต์” แกรนด์มิสต์หัวเราะ
ประกายเคร่งขรึมปรากฏอยู่ในใบหน้าของลินลี่ย์ “โธ่..ปู่เดลิน...” หลังจากกลายเป็นผู้ควบคุมห้วงมิติอันธกาลลินลี่ย์เข้าใจว่าไม่มีทางที่คนซึ่งวิญญาณสลายไปแล้วจะกลับมามีชีวิตได้ แต่แน่นอนว่าลินลี่ย์สามารถสร้างชีวิตใหม่เขาสามารถสร้างสถานะเดลิน โคเวิร์ทขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะมีความทรงจำเดียวกับปู่เดลิน
เพียงแต่นั่นเป็นเพียงร่างเหมือน หาใช่ปู่เดลินที่แท้จริงไม่
“ปู่เดลิน...” ลินลี่ย์จารึกชื่อของปู่เดลินไว้ในใจเงียบๆ
หลังจากกลายเป็นผู้ควบคุมห้วงมิติอันธกาลเขาได้เรียนรู้หลายอย่าง ลินลี่ย์เปลี่ยนความตั้งใจ และเขารู้สึกผ่อนคลายเป็นธรรมชาติมากกว่าแต่ก่อน “โอว, พี่ใหญ่,ดูเหมือนว่าข้าจะต้องเดินทางกลับเสียแล้ว” ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้
“ได้สิ, สมาชิกครอบครัวของเจ้ากำลังตื่นตระหนกอยู่” แกรนด์มิสต์หัวเราะ “ในตอนนี้จักรวาลบ้านเจ้า.. ต่อไปในอนาคตเจ้าสามารถช่วยข้าดูแลได้เลย ตอนนี้เจ้าเป็นผู้ควบคุมห้วงมิติอันธกาลพลังเทพธรรมชาติของเจ้าไม่ด้อยกว่าข้าเท่าใดนัก”
“แต่ข้าไม่มีประสบการณ์ จะเป็นยังไงถ้าข้าทำพัง?” ลินลี่ย์ยิ้ม “งั้นเจ้าก็ต้องช่วยข้าสร้างใหม่ นั่นแหละทั้งหมดที่ต้องทำ” แกรนด์มิสต์หัวเราะตามปกติ
ในฐานะผู้ควบคุมมิติอันธกาลย่อมสามารถสร้างจักรวาลได้ ความจริงความสามารถหลายอย่างของลินลี่ย์ไม่ด้อยไปกว่าของแกรนด์มิสต์เลย เพียงแต่เขายังไม่ได้สร้างจักรวาลจริงๆ ความสามารถของลินลี่ย์ ยังขาดไปบ้าง
“อย่างนั้นข้าขอตัวกลับเดี๋ยวนี้เลย” ลินลี่ย์กลับหลังหันและก้าวเท้าข้างหนึ่งก็ข้ามผ่านหนทางระยะไกลได้ จากนั้นเข้าไปในพิภพชั้นสูงแดนนรก
ในอากาศเหนือทะเลเชาติค ลินลี่ย์ในชุดอาภรณ์ยาวสีฟ้าหัวเราะอย่างเยือกเย็นขณะยืนอยู่กับที่ “มีมหาเทพตายไปหลายคนเลยสินะ ข้าต้องสร้างประกายมหาเทพทดแทน” แค่เพียงโบกมือครั้งเดียวลินลี่ย์เริ่มกลั่นสร้างประกายมหาเทพทีละลูก ประกายมหาเทพลูกแล้วลูกเล่าพุ่งออกไปจากมือของเขาและจากนั้นลินลี่ย์หันไปมองทางเทือกเขาสกายไรท์
เดินเพียงก้าวเดียวลินลี่ย์ก็หายไป
ตอนแรกเมื่อลินลี่ย์ออกไปจากจักรวาลถิ่นกำเนิดของเขา ครอบครัวของลินลี่ย์แตกตื่นกันยกใหญ่ ตอนนี้ทุกคนรวมตัวกันอยู่ในคฤหาสน์ของเขาและบรรยากาศเงียบเหงาวังเวงจนทุกคนสั่นสะท้าน
“พี่ใหญ่, พี่ใหญ่...” บีบีน้ำตาไหล “ข้า..ข้าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายวิญญาณของของพี่ใหญ่ได้อีกต่อไปแล้ว ข้าไม่รู้สึกได้เลย”
เดเลียยืนนิ่งกับที่ นางหลับตา สั่นสะท้านไปทั้งตัว
เบรุตและบลูไฟร์ได้แต่มองหน้ากันเองและมีรอยยิ้มสุดฝืน
“ท่านพ่อ!” เวด เทย์เลอร์และซาชาคร่ำครวญเช่นกัน
“น้องสาม” จอร์จ เยลและเรย์โนลด์อยู่กันพร้อมหน้า พวกเขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้
ทุกคนยังมีความหวัง แต่พอได้ยินบีบีพูดว่าไม่รู้สึกถึงประกายวิญญาณของลินลี่ย์ได้อีกต่อไปทุกคนสิ้นหวังมากกว่าเดิม
“ทำไมต้องเป็นแบบนี้..” ลีน่ามารดาของลินลี่ย์น้ำตาแห้งไปแล้ว “ทั้งหมดนี้ เป็นความผิดของข้า เป็นความผิดของข้าคนเดียว” ฮ็อกที่อยู่ใกล้ๆ ประคองแขนนางไว้เขาลอบถอนหายใจหน้าซีดขาว
ขณะที่ทุกกำลังจมอยู่ในความเศร้าโศก ทันใดนั้น...
“เอ๊ะ?!” ตาของบีบีเป็นประกายทันใดเดิมทีเขาไม่สามารถรู้สึกถึงกลิ่นอายของลินลี่ย์ได้แม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ เขารู้สึกได้ ความจริงก่อนนี้ลินลี่ย์ออกไปจากจักรวาลนี้ ดังนั้นเป็นไปได้อย่างไรที่บีบีจะรู้สึกถึงความคงอยู่ของลินลี่ย์? แต่ตอนนี้พอลินลี่ย์กลับมา บีบีย่อมรู้สึกถึงเขาได้อีกครั้งเป็นธรรมดา
เดเลียยังคงไม่รู้ตัวและจมอยู่ในความเศร้า อย่างไรก็ตามในทัศนวิสัยที่พร่าเลือนของนางจู่ๆ ก็มีร่างคุ้นเคยร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
เดเลียรีบเช็ดน้ำตาและมองดูร่างนั้นอย่างระมัดระวัง
“พี่ใหญ่!” บีบีร้องเรียกอย่างดีใจ เขาพูดออกมาเป็นคนแรก
คนอื่นๆ ตาเบิกค้างจ้องมองผู้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมา บุรุษชุดอาภรณ์สีฟ้าและใบหน้าที่คุ้นเคย!
“น้อง(พี่) สาม!!!” เยล จอร์จและเรย์โนลด์ต่างก็วิ่งเข้าสมทบ
“ลินลี่ย์” “ท่านพ่อ!”
“พี่ใหญ่!”
…… . .
อวสาน