ตอนที่แล้วตอนที่ 161 ของขวัญของข้า เซิ่งจื่อพอใจหรือไม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 163 เซินอี้เหรินจะแต่งงานกับซูสือ?

ตอนที่ 162 ทะลวงผ่าน!(ตอนฟรี)


เซินอี้เหรินโกรธ

ก่อนหน้านี้ นางตื่นแต่เช้าก็เพราะชายคนนี้ตกใส่หลังคาบ้านนาง

นี่มันเกินไป!

ซูสือถอนหายใจ

เขาไม่รู้จะอธิบายยังไง

เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเขาถูกเตะส่งเพราะไปหมิ่นฝ่าบาท

ส่วนตอนเช้ามันก็…

ด้วยนิสัยของอวิ๋นฉีหลัว นี่ถือว่าอ่อนโยนแล้ว

หัวจของเขายังเต้นตุ่มต่ำตอนคิดถึงเมื่อคืน ที่อีกฝ่ายสวมชุดเพียงกึ่งเดียว อวดหุ่นชวนน้ำลายไหล

“อันตราย อันตรายเกินไป!”

ตอนนั้น เขาได้ยินเซินอี้เหรินกระซิบ”ซูสือ เจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้ แม้พ่อของข้าจะอนุญาต แต่ข้ายังไม่ตอบตกลงเลยนะ’

“หืม?”

ซูสือมองนางอย่างสับสน“ตกลงอะไร?”

หูของเซินอี้เหรินแดง“เจ้าแกล้งโง่อีกแล้ว…ครั้งหน้าเจ้าไม่มีสิทธิ์ปีนขึ้นหลังคาบ้านข้าอีก เจ้า เจ้ารู้จักการเคาะประตูไหม?”

ซูสือนวดขมับ

มันดูเหมือนความเข้าใจผิดนี้จะอธิบายไม่ได้ง่าย

ทันใดนั้น เสียงตะโกนก็ดังขึ้น”ฝ่าบาทมาที่นี่!’

ทั้งสถานที่กลายเป็นเงียบ

ทุกคนแหงนมอง พบเห็นร่งน่ามองก้าวเหยียบอากาศ และค่อยๆบินลงบนแท่นสูง

สายตาของเหล่าศิษย์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ฝ่าบาทจะมาบรรยายเพียงห้าปีครั้ง!

วันนี้เป็นวันดี!

ในฐานะหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ ชื่อเสียงของจักรพรรดินีมารดังก้องไปทั่วโลก!

แม้กระทั่งการเห็นแจ้งเพียงเล็กน้อยก็ถือเป็นโอกาสสำหรับพวกเขา!

แม้กระทั่งผู้อาวุโสสำนักกับสี่นักบุญก็ยังรอฟังเสียงของฝ่าบาท

อวิ๋นฉ๊หลังยืนเอามือไพล่หลัง สายตาก้มมอง

ร่างสีขาวเข้าสู่สายตานาง

ซูสือขยิบตาให้นาง

ใบหน้าของอวิ๋นฉีหลัวร้อนฉ๋าขึ้นมา นางรีบหลบสายตาเขา

“คนโรคจิต คืนนี้ข้าจะสั่งสอนเขา!”

หนึ่งก้านธูปต่อมา

พิธีเริ่ม

อวิ๋นฉีหลัวนั่งสมาธิบนแท่นสูง เสียงของนางดังก้องไปทั่วลาน

“จงมุ่งมั่น การเห็นวิถีเซียนคือเป้าหมายเดียว ถ้ามีแม้แต่หนึ่งอุปสรรค งั้นสมดุลจะทะลาย”

“ไร้ความคลั่ง ไร้ความโกรธ ไร้ความปราถนา ไม่ยอมจำนน ไม่ทอดทิ้ง ไม่กระทำ ไม่…”

การทำสมาธิ

มันถูกคิดค้นเพื่อให้คนเราขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านและจดจ่อกับเต๋าได้เต็มที่

ไม่งั้น ยิ่งคนพยายามจะทำความเข้าใจ คนเราจะยิ่งตกในห้วงหุบเหว และพลาดโอกาสตรัสรู้

ด้วยสัมผัสทั้งห้าที่เผชิญหน้ากับท้องฟ้า ดวงตาพวกเขาปิดลง พวกเขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความว่างเปล่า ที่ที่ไร้เทพและไร้ตัวตน

หลังพวกเขาทำสมาธิ อวิ๋นฉีหลัวก็พูดด้วยเสียงที่เบาลง

นางเริ่มปลูกฝังความหมายแท้จริงของเต๋า

“พลังชีวิตของมนุษย์ หลังบรรลุถึงความสงบนิ่งของธรรมชาติ และโอบกอดกายละเอียด เมื่อนั้นชีวิตอันเป็นนิรันดร์จักถูกสร้าง”

“...โดยปราศจากลมหายใจ พลังชีวิตจะฟื้นฟู ช่วยให้เข้าสู่วิถีเซียน..”

“ภาพฉากของไข่มุกวิญญาณแห่งตะวัน การสะท้อนแสงของเต๋า หมอกแดงที่แหลมคม ภาพของห้วงหุบเหว..”

เสียงของนางใสทะลุหัวใจทุกคน

มันลึกลับ จับต้องไม่ได้

มันดูเหมือนจะหมายถึงบางสิ่ง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้หมายถึงอะไร

ศิษย์ส่วนใหญ่ขมขื่น ดูเหมือนจะไม่สามารถเข้าใจเต๋าได้เลย แม้กระทั่งคิ้วของผู้อาวุโสก็ยังขมวด

แม้อวิ๋นฉีหลัวจะพยายามพูดให้ชัดเจนที่สุดแล้ว แต่การจะไปถึงจุดเดียวกับนางจะเข้าใจง่ายๆได้ยังไง?

การจะรู้นั้น คนเราต้องเข้าใจมันเสียก่อน

ถ้าไม่เข้าใจ ก็จะไม่มีวันรู้

ซูสือยังฝันกลางวัน

แต่ตอนทำนองเต๋าดังขึ้น เคล็ดผสานเก้าวัฏจักรแห่งฟ้าดินก็หมุนเวียนด้วยตัวมันเอง

เขาพัลนตกอยู่ในสภาวะเห็นแจ้ง

[กำลังทำความเข้าใจเคล็ดผสานแห่งเก้าวัฏจักร…]

[กำลังทำความเข้าใจเคล็ดผสานแห่งเก้าวัฏจักร…]

[กำลังทำความเข้าใจเคล็ดผสานแห่งเก้าวัฏจักร…]

ระบบดังขึ้นอยา่งต่อเนื่อง แต่ซูสือไม่ได้ยินอะไรเลย ในหูเขา ในหัวเขา ในจิตสำนึกเขา ในตัวเขา ทุกอย่างถูกสะท้อนด้วยเสียงแห่งเต๋า

แสงแห่งสวรรค์ เงาของเมฆบนพื้น ฉากนับไม่ถ้วนสอดแทรกและเลือนหาย

มันราวกับเขากำลังเร่ร่อนในทะเลมายา ตัวของเขากำลังเลือนหาย วิญญาณหลุดออกจากร่าง

“นี่คือเต๋า?”

ซูสือดำดิ่งอย่างสมบูรณ์

“ดูเซิ่งจื่อสิ!’

เสียงร้องดังขึ้น

เหล่าศิษย์หันไปมองอย่างพร้อมเพรียง

พวกเขาเห็นซูสือกำลังลอยในอากาศ และมีแสงเบ่งบานจากตัว

เหนือเมฆ เขาก้มมองทุกคน

เหมือนดวงตะวันเจิดจ้า!

อวิ๋นฉีหลัวเองก็สังเกตเห็นฉากนี้ และมีร่องรอยของความแปลกใจแวบผ่านตานาง

แต่ ปากนางยังไม่หยุดพูด

ครั้งนี้ เคล็ดผสานเก้าวัฏจักรหมุนเวียนด้วยตัวมันเอง ความเข้าใจเต๋าของซูสือยิ่งมากขึ้น และสุดท้ายเขาก็เปิดปากพูดขึ้น

“ฟ้าดินแท้จริงแล้วเป็นตัวสร้างสิ่งสกปรก ภายในถ้ำอันลี้ลับ มังกรขยับเคลื่อน”

“แปดเทพจุติลงสู่โลก เมื่อครั้งสมบัติถูกสั่ง สวรรค์ทั้งเก้าจักสดับฟัง”

เสียงสองเสียงซ้อนทับกัน สร้างเป็นเสียงสะท้อนที่ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนแปลง!

ภาพนิมิตนับไม่ถ้วนผุดขึ้น

ดอกไม้สวรรค์เบ่งบานในความโกลาหล พื้นดินพลุ่นพล่านด้วยดอกบัวสีทอง

ปราณสีม่วงท้องฟ้าเป็นสัม่วง และเมฆสีทองก็ปกคลุมทั่วลาน!

“ความสกปรกโสมมหายไป และเต๋าแห่งจักรวาลก็ฝืนทน!”

จากนั้นอากาศก็เงียบสงบลงในทันใด

วินาทีต่อมา เสียงระฆังก็ดังขึ้นในท้องฟ้า

ระฆังทั้งหมดในเก้าภูมิภาคส่งเสียง!

บูม!

กลิ่นอายในอากาศพลันเดือดพล่าน กวาดไปทางซูสือ!

แก่นทองคำในตันเถียนของเขาหมุนเร็วขึ้น ปกคลุมด้วยรอยแตกคล้ายใยแมงมุม ขณะที่พลังปราณอัดฉีดเขาไปไม่หยุด

“ทำลายห้วงอนันต์และเผยกายแท้จริงให้ข้าเห็น!”

ซูสือคำรามด้วยเสียงดังสนั่น!

เพล้ง!

เกิดเสียงปริแตกภายในตัวเขา

แก่นทองคำแตกสลาย

การตรัสรู้และพลังปราณสูบฉีดเข้าหัวใจเขา

มันราวกับโลกทั้งใบถูกเปิดเผย และกลายเป็นแจ่มแจ้ง การรับรู้ถึงทุกสรรพสิ่งกลายเป็นแตกต่าง

ภายในตันเถียน พลังปราณไหลเป็นสายฝน ก่อตัวเป็นทะเลสาบขนาดมหึมา

และเหนือทะเลสาบ มีระฆังโบราณขนาดใหญ่มาแทนที่ระฆังแก่นทองคำ

ภายใต้แสงของหมู่ดาวในทางช้างเผือก ระฆังโบราณเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์

ซูสือตัวแข็ง

ตามเหตุผล เขาควรจะทะลวงผ่านไปอาณาจักรวิญญาณแรกก่อตั้งแล้วสิ

แต่รูป ร่างของอาณาจักรวิญญาณแรกก่อตั้งนี้ดุแปลกไปหน่อย?

“เซิ่งจื่อ ซูเซิ่งจื่อ?”

เสียงร้องจากโลกภายนอกปลุกเขาให้ตื่น

ตอนเขาลืมตา เขาก็เห็นทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา

ผู้อาวุโสหนึ่งถาม“เซิ่งจื่อ เกิดอะไรขึ้น?”

ภาพนิมิตนั้นสุดยอดเกินไป

ในอดีต ตอนฝ่าบาทบรรยาย นี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

พอเจอกับสายตาทุกคน ซูสือก็ลูบจมูก“ข้าเพิ่งทะลวงผ่าน”

“ทะลวงผ่าน?”

ผู้อาวุโสขมวดคิ้ว“ท่านอยู่ที่อาณาจักรแก่นทองคำขั้นสมบูรณ์อยู่แล้ว ถ้าท่านทะลวงผ่านก็…”

ซูสือพูดอย่างลังเล“หมายความว่าข้าควรทะลวงผ่านไปอาณาจักรวิญญาณแรกก่อตั้งใช่ไหม?”

เขาไม่มั่นใจว่ามันนับเป็นวิญญาณแรกก่อตั้งไหม…

“อาณาจักรวิญญาณแรกก่อตั้ง?”

ผู้อาวุโสพูดอย่างเหลือเชื่อ“มันจะเป็นไปได้ยังไง ท่านมาถึงอาณาจักรแก่นทองคำขั้นสมบูรณ์นานแค่ไหน?ท่านจะทะลวงผ่านเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?”

เขารีบเดินไปข้างซูสือ คว้าแขนและถ่ายพลังปราณลงไป

จากนั้นตัวของเขาก็แข็งทื่อ

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ผู้อาวุโสหนึ่ง พูดอะไรบ้าง!”

“เกิดอะไรขึ้น?”

ผู้อาวุโสกลืนน้ำลาย ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ“เซิ่งจื่อ เขา..เขาทะลวงผ่านไปอาณาจักรวิญญาณแรกก่อตั้งแล้ว!”

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด