(ฟรี) บทที่ 145 แม่นาง ไม่จำเป็นต้องประหม่าไป!
“ท้องฟ้าเหนือศีรษะเจ้าถูกปกคลุมไปด้วยสายธารแห่งดวงดาว?”
หลินหลางเยว่จ้องมองเขา
ความอหังการของชายคนนี้เกินจินตนาการของนาง
นางเคยเห็นผู้มีอำนาจมากมายที่เต็มไปด้วยโชคตามธรรมชาติ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญระดับจักรพรรดิอย่างอวี้ชิงหลัน พวกเขาทั้งหมดล้วนค้นหาเต๋าแห่งสวรรค์
แต่หลี่หรานกลับบอกว่าเขาจะเป็นเต๋าแห่งสวรรค์?
ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปคงทำให้ผู้คนหัวเราะออกมา พวกเขาจะบอกว่าเด็กคนนี้หยิ่งยโสและโง่เขลา
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ นางไม่สามารถหัวเราะได้
ในใจของนางปรากฏภาพการสำแดงพลังปราณอันยิ่งใหญ่ที่สามารถทะลุทะลวงสวรรค์และโลกได้
ยักษ์ที่เปล่งประกายด้วยแสงสีทอง คชสารมังกรที่อยู่ใต้เท้าเขา และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมายเบื้องหลัง
ไม่ใช่ว่านั่นคือท้องฟ้าเหนือศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยสายธารแห่งดวงดาวหรอกหรือ?
เส้นทางใดจะนำไปสู่การสำแดงพลังปราณที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้?
หลี่หรานกล่าวว่าเขาเป็นเต๋าแห่งสวรรค์ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พูดไร้สาระ แต่เขากำลังเดินไปในเส้นทางนั้น
“ถ้าเขาเป็นเต๋าแห่งสวรรค์ ดวงจันทร์ก็อยู่ในฝ่ามือของเขาโดยธรรมชาติ?”
หลินหลางเยว่ตื่นตระหนก
หากวันดังกล่าวมาถึงในอนาคต นางจะปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นกับนางเช่นนั้นหรือ?
ในขณะนี้เอง นางนึกถึงสิ่งที่หลี่หรานพูดในเมืองชิงโจว
‘จันทราที่ส่องสว่างอยู่บนฟากฟ้า? คอยดูสิว่าข้าจะดึงเจ้าลงมายังไง!’
ใบหน้าของหลินหลางเยว่เปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่นางเอามือปิดหัวใจ และคิ้วของนางก็ขมวดขึ้น
มันจบแล้ว หัวใจเต๋าของนางตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายอย่างสมบูรณ์...
หลี่หรานไม่คาดคิดว่าคำพูดของเขาจะส่งผลกระทบต่อนางมากขนาดนี้
เขายืดไหล่และพูดว่า “ทักษะการนวดของนางฟ้าหลินยังต้องปรับปรุง แต่มันไม่สำคัญ สิ่งที่เราขาดแคลนน้อยที่สุดในตอนนี้คือเวลา”
“……”
หลินหลางเยว่กลับมามีสติและหันหน้าหนีด้วยความลำบากใจ “ทำไมข้าต้องปรับปรุงทักษะการนวดด้วย? ขะ-ข้าไม่ใช่เครื่องมือที่ไว้ทำให้เจ้าพึงพอใจ!”
หลี่หรานลูบคางของเขาและแสร้งทำเป็นจริงจัง “เจ้าพูดถูก แต่ในห้องลับนี้ นอกจากทำให้ข้าพอใจแล้วเจ้าดูเหมือนจะไม่มีอะไรทำอีกแล้วใช่ไหม?”
หลินหลางเยว่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตระหนักว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ที่นี่เป็นโลกที่โดดเดี่ยวและไม่สามารถบ่มเพาะได้ นางไม่มีอะไรจะทำ
“ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยกันแทนก็ได้ ทำไมข้าต้องทำให้เจ้าพึงพอใจด้วย” หลินหลางเยว่พูดเสียงเบา
“ข้าแค่ล้อเล่น” หลี่หรานถอนหายใจ “แม้เราจะไม่ได้นอนบนหมอนใบเดียวกัน แต่เราก็มีจุดฝังเข็มเหมือนกัน มันเป็นโชคชะตา”
“ไม่ได้นอนบนหมอนใบเดียวกันแต่มีจุดฝังเข็มเหมือนกัน?”
หลินหลางเยว่จับชายเสื้อของนาง นางรู้สึกถึงอารมณ์ที่แปลกประหลาด
ในขณะนั้น หลี่หรานยิ้มและพูดว่า “เจ้าคิดว่าถ้าลูกหลานค้นพบห้องลับนี้และพบศพของเรา พวกเขาจะคิดว่าเราเป็นคู่รักเต๋าหรือเปล่า?”
“นางฟ้าผู้ชอบธรรมและบุตรศักดิ์สิทธิ์จากนิกายปีศาจ เนื่องจากวิถีธรรมและวิถีมารไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ พวกเขาจึงยอมตายเพื่อความรัก น่าประทับดีนะว่าไหม?”
หลี่หรานหยอกล้อนาง
ในอีกไม่กี่วันพลังปราณของเจดีย์จะถูกเติมจนเต็ม จากนั้นเมื่อกระดูกพุทธะถูกสร้างขึ้นมา ข้อจำกัดจะสลายไปในไม่กี่นาที
อาหารที่เขานำติดตัวมาก็เพียงพอสำหรับแค่สองสามวันข้างหน้า
หลินหลางเยว่หน้าแดงและพูดตะกุกตะกัก “คะ...ใครเป็นคู่รักเต๋าของเจ้ากัน? และถึงขนาดยอมสละชีวิต?!”
เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การอดตาย แต่เป็นการตายเพื่อความรัก...
หลี่หรานยักไหล่ “เจ้าสามารถจินตนาการฉากนั้นได้ด้วยตัวเอง”
หลินหลางเยว่อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลง
มันเหมือนกับการเสียสละเพื่อคนรัก...
“ท่านอาจารย์ ข้าทำให้ท่านผิดหวัง ข้าไม่เพียงแต่นวดไหล่บุรุษเท่านั้น แต่ข้ากำลังจะตายไปพร้อมกับเขาด้วย” หลินหลางเยว่กดฝ่ามือของนางเข้าด้วยกันและสารภาพ
ฮ่าๆๆ...
หลี่หรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เขาไม่ได้คาดหวังว่านางจะมีด้านที่น่ารักเช่นนี้
หลินหลางเยว่จบคำสารภาพและถอนหายใจเมื่อเห็นชุดคลุมสีขาวที่ยุ่งเหยิงบนร่างกายของนาง
ในฐานะผู้บ่มเพาะขอบเขตกำเนิดจิตวิญญาณ แม้ว่าพลังปราณของนางจะถูกปิดกั้น แต่ร่างกายของนางก็ยังคงสะอาดสะอ้าน
เหงื่อของนางไร้สิ่งสกปรก ดังนั้นอาหารที่นางกินก็จะถูกขัดเกลาโดยอัตโนมัติเช่นกัน
แต่ไม่ใช่กับเสื้อผ้าของนาง
เป็นเรื่องน่าเจ็บปวดสำหรับนางผู้รักความสะอาดมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม นางไม่สามารถใช้พลังปราณของนางในการดูแลเสื้อผ้าให้สะอาดและเป็นระเบียบได้ ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทน
หลี่หรานสังเกตเห็นสิ่งนี้และยิ้ม “เสื้อผ้าของเจ้าสกปรกหรือเปล่า?”
หลินหลางเยว่พยักหน้า “มันช่วยไม่ได้ ข้าทำได้เพียงแค่อดทน!”
ขณะที่นางพูดจบ เสื้อคลุมสีขาวชุดหนึ่งก็ตกลงมาบนแขนของนาง
หลินหลางเยว่ตกตะลึง “นี่คือ...”
หลี่หรานพูดอย่างสบายๆว่า “มันเป็นเสื้อผ้าใหม่ที่ข้ายังไม่ได้ใช้ เจ้าสามารถเปลี่ยนได้หากเจ้าไม่รังเกียจ”
“แน่นอนว่าไม่!” หลินหลางเยว่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่นางก็นึกถึงบางสิ่งและถามอย่างระมัดระวังว่า “ข้าต้องนวดเจ้านานแค่ไหน?”
หลี่หรานพูดด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ “ดูสิว่าเจ้ากลัวแค่ไหน ข้าให้เสื้อผ้าเจ้าฟรี”
ที่นี่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น หากอีกฝ่ายใส่ชุดที่สะอาดเขาก็จะรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
“จริงๆนะ?” หลินหลางเยว่ยิ้มและวิ่งขึ้นบันได
นางหยุดกลางคันและพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เจ้าห้ามแอบดู...”
หลี่หรานโต้กลับว่า “ไม่ต้องห่วง คิดว่าข้าไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้มาก่อนเหรอ? แอบดูเจ้าเนี่ยนะ?”
“เข้าใจแล้ว”
หลินหลางเยว่วิ่งขึ้นบันไดและไปที่ทางเข้าถ้ำเพื่อเปลี่ยนชุด
สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้า หลินหลางเยว่ยืนอยู่หน้าห้อง
หลี่หรานยิ้ม “เจ้าจะทำตัวลับๆล่อเพื่ออะไร? ทำไมไม่เข้ามา?”
“ข้า...” หลินหลางเยว่ลังเลและเดินออกมาอย่างเขินอาย
สามารถเห็นได้เพียงว่านางสวมเสื้อคลุมคอกว้างพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่จับคอเสื้อไว้แน่น ด้วยเหตุผลบางอย่าง กางเกงของนางจึงสั้นมาก เผยให้เห็นขาที่เรียวยาวและกลมกลึงของนาง
ใบหน้าสวยของนางแดงระเรื่อ และดวงตาสีขาวดำของนางก็ดูลุกลี้ลุกลน
ราวกับดอกไม้สีขาวเล็กๆที่ขี้อาย
หลี่หรานมองนางด้วยความมึนงง
“ชุดที่ข้าให้เจ้า... มันสั้นขนาดนี้เลยหรอ?”
หลินหลางเยว่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะปกปิดขาของนางและพูดอย่างเชื่องช้าว่า “เสื้อผ้าของเจ้าใหญ่เกินไปและไม่พอดี ข้าแค่อยากจะตัดกางเกงให้สั้นลง แต่ข้าเผลอตัดมันมากเกินไป...”
ลำคอของหลี่หรานขยับและเขาก็ถอนหายใจ “เจ้ากำลังทดสอบจิตตานุภาพของข้า!”
หลินหลางเยว่รู้สึกอับอาย “ข้าขอยืมชุดอื่นได้ไหม?”
“ข้าไม่มีเหลือแล้ว” เขาพูดอย่างหมดหนทาง
หลังจากการต่อสู้หลายครั้ง ชุดของเขาก็ถูกใข้งานเกือบหมดแล้ว และชุดที่มอบให้นางคือชุดสุดท้าย
“ช่างเถอะ แต่งตัวแบบนี้ไปนั่นแหละ ที่นี่ไม่มีคนนอก” หลี่หรานกล่าว
หลินหลางเยว่กัดริมฝีปากของนางและมองไปที่เขาอย่างกระอ้อมกระแอ้ม
แล้วเจ้าไม่ใช่คนนอกเหรอ...
แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหมอบลงที่มุมห้องแล้วห่อตัวด้วยเสื้อผ้า
นางโผล่เพียงหัวออกมาด้านนอกเท่านั้น
หลี่หรานมองดูท่าทางน่าสงสารของนางและรู้สึกขบขันเล็กน้อย
“แม่นาง ไม่จำเป็นต้องประหม่าไป ภิกษุผู้อาภัพนี้จัดได้ว่าเป็นผู้สำเร็จในธรรม ในสายตาของภิกษุผู้อาภัพนี้ เจ้าเป็นเพียงโครงกระดูกสีชมพูอมแดงเท่านั้น”
หลินหลางเยว่หน้าแดง “ข้าไม่เชื่อเจ้า!”
/////