ตอนที่ 798 เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง
“ว่าไงนะ!”
ไป๋เยี่ยกระโดดผาง เขาตกตะลึง แต่ส่ายศีรษะโดยเร็ว “เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ 22 ลำ? เป็นไปไม่ได้! ทวีปกวงหมิงเอาเรือล้อมโจมตีขนาดใหญ่มามากมายขนาดนั้นได้ยังไง? อย่าล้อเล่นน่ะ 22 ลำมีเรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ 22 ลำในทั่วดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือ?”
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงว่าเป็นแม่ทัพเผิงรั่วยืนอยู่ต่อหน้าเขา เขาคงเตะออกนอกประตูไปแล้ว
ก้วนจินกำลังยืนอยู่ด้านข้างยังคงมีท่าทีสงสัย ข่าวฟังดูเกินจริงไปหน่อย
เรือรบล้อมตีขนาดใหญ่เป็นอาวุธขั้นสุดยอดในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ และเป็นราชาในการรบแบบล้อมโจมตี เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ มีความใหญ่โตมหึมาถึงขนาดคล้ายกับเป็นป้อมรบลอยฟ้า
ขนาดที่ใหญ่โตน่าประหลาดใจต้องใช้วัสดุราคาแพง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่มีราคาแพงมาก ความยากลำบากในการผลิตออกมาจำเป็นต้องใช้เทคนิคระดับสูง
เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ที่สร้างเพื่อต่อต้านป้อมปราการที่มั่นต้องใช้เคล็ดเทคนิคการสร้างระดับสูง ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีองค์กรค้าอาวุธนับไม่ถ้วน แต่มีเพียงสามองค์กรที่สามารถผลิตเรือรบล้อมตีขนาดใหญ่ได้ แม้แต่สมาคมการค้าสวีจี้ก็เหมือนกันที่มีชื่อเสียงกว้างขวางในกิจการค้าอาวุธของพันธมิตรใต้ พวกเขาไม่สามารถผลิตได้
มีเพียงผู้ค้าอาวุธชั้นนำมีความมั่งคงและเทคนิคที่มั่นคงสามารถผลิตเรือล้อมโจมตีได้
แต่แม้อย่างนั้น เวลาและความพยายามที่จำเป็นต้องใช้ผลิตเรือขนาดนั้นต้องใช้เวลานานสามปีทำให้ผู้คนกลัวที่จะสร้างมัน ไป๋เยี่ยและก้วนจินไม่เคยได้ยินว่ามีเรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่สิบลำหรือมากกว่านั้นจะปรากฏพร้อมกันครั้งเดียวจู่ๆ พอได้ยินว่ากองเรือล้อมโจมตีขนาดใหญ่ 22 ลำ พวกเขาจะยอมเชื่อได้ยังไง
เผิงรั่วไม่คิดจะหยอกล้อแต่อย่างใด “ข้าตรวจสอบถึงสองครั้งจึงกล้ายืนยันข่าวนี้”
แม่ทัพเฒ่าจริงจังมาก เมื่อเขาเห็นรายงานเขาก็แทบไม่อยากเชื่อเช่นกัน ไม่เชื่อจนกระทั่งเขารับการยืนยันซ้ำ เขารู้ว่ารายงานที่ดูไร้สาระนี้จริงแท้ไม่มีการผิดพลาด ทำให้อารมณ์ของเขาดิ่งฮวบ
เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ 22ลำเป็นกองเรือล้อมตีที่ฟุ่มเฟือยที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นเหตุให้แม่ทัพเฒ่ายิ่งผิดหวังมาก ‘ฉากภาพเรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่22 ลำซึ่งเป็นเหมือนอสูรสงครามมารวมกันต้องเป็นภาพที่งดงามแน่นอน’
แต่อสูรสงครามนั้นเป็นของฝ่ายศัตรูทำให้แม่ทัพเฒ่าสั่นสะท้าน
ป้อมรบใดก็ตามที่เผชิญหน้ากับกองเรือที่คาดไม่ถึงอย่างนั้นคงพังทลายยุ่ยเหมือนกระดาษ ไม่มีแนวป้องกันที่เป็นไปได้ว่าจะหยุดอสูรสงครามได้ และตำแหน่งที่ได้เปรียบก็จะพิสูจน์ว่าไร้ประโยชน์
สำหรับภูมิภาคใต้ ถือเป็นข่าวที่น่าหวาดหวั่นมากที่สุด
หลังจากสู้รบกับชิวซิ่วหัวเผิงรั่วมีประสบการณ์โดยตรงกับความสามารถในการสู้รบของทวีปกวงหมิง ถ้าไม่ใช่เพราะการลอบโจมตีของไป๋เยี่ยกองทัพศัตรูคงเอาชนะเขาได้ไปนานแล้ว ในสมรภูมิ กองทัพภูมิภาคใต้ต่างๆ ไม่ได้ขาดแคลนความมุ่งมั่นในการสู้รบ และภูมิภาคใต้ไม่ด้อยกว่าในเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมด แต่คุณภาพภายในและมาตรฐานของบุคลากรของทั้งสองฝ่ายต่างระดับกันโดยสิ้นเชิง
ทวีปกวงหมิงมีส่วนร่วมในกลยุทธต่อสู้ทั้งหมดมาเป็นเวลาหลายปี แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยสู้ในสงครามใหญ่ พวกเขาก็ยังสู้ในสงครามขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง กองทัพต่างๆของทวีปกวงหมิงมีประสบการณ์ผ่านศึกตลอด แต่กองทัพภูมิภาคใต้ส่วนใหญ่จะเป็นไปเพื่ออวดหรือแสดง และอาจจะพบโจรสลัดมาบ้างซึ่งเป็นโอกาสที่ยากจะมี หลายกองทัพที่สร้างขึ้นมาเป็นเวลานานไม่เคยมีประสบการณ์การรบที่แท้จริง
ทวีปกวงหมิงมีการรวมตัวเหนียวแน่นมาก เมื่อทำการตัดสินใจทุกคนจะต้องปฏิบัติตามอย่างจริงจัง แต่แม้ว่าเผิงรั่วจะเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพพันธมิตร แต่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใต้บังคับบัญชาเขายุ่งเหยิงและซับซ้อนหลายคนที่ภายนอกคล้อยตาม แต่ภายในตรงกันข้าม และหลายๆ เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นถี่
เหตุผลทั้งหมดนี้ไม่เป็นเหตุให้แม่ทัพเฒ่าสูญเสียความหวัง เพราะพวกเขาอยู่ในดินแดนมาตุภูมิและมีความได้เปรียบในพื้นที่ของตนเองมีความเชี่ยวชาญลึก แม้ว่าพวกเขาจะต้องแยกแยะผู้บาดเจ็บออกไปหลายคน พวกเขามีแต่ต้องคุมเชิงยันกันกับศัตรูและมันอาจเป็นชัยชนะของพวกเขาก็ได้
แต่การปรากฏตัวของอสูรสงครามทำให้ความมั่นใจกระจัดกระจาย
อสูรสงครามนั้นเคลื่อนไหวได้ช้า และกองทัพของทวีปกวงหมิงสามารถรุกรานและยึดพื้นที่ได้มากขึ้น เวลานั้นสถานการณ์จะเลวร้ายเกินกว่าพวกเขาจะหาทางกู้คืน
ปากของไป๋เยี่ยอ้าค้าง สีหน้าของเขาไร้สีเลือด แต่เขาไม่ส่งเสียงอะไร หน้าของก้วนจินก็ขาวเหมือนกระดาษเช่นกัน
เผิงรั่วถอนหายใจ เขาไม่มีอารมณ์จะหยอกล้อไป๋เยี่ย ปฏิกิริยาของเขาเองก็เหมือนกันเมื่อได้รับข่าวนี้ แต่เขายังคงเป็นแม่ทัพเฒ่าที่มากประสบการณ์คนหนึ่ง และแม้ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังที่สุดเขาไม่เคยหมดหวัง
“แนวป้องกันของพันธมิตรใต้จะพ่ายแพ้ในอีกไม่นาน ทวีปซางโจวไม่อาจถูกยืดได้” แม่ทัพเฒ่ากล่าว “หลังจากพวกเขายึดทวีปซางโจวได้พวกเขาจะได้ทองดำไป และสถานการณ์ของเราจะตกอยู่ในสภาพเลวร้าย เราจำเป็นต้องคิดหาวิธีทำลายเรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่นั้นไม่ว่าจะต้องทุ่มเทยังไง...”
ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องพูดต่อ
ก้วนจินเม้มริมฝีปากแน่นจนขาวซีด “มันคงจะยาก โกวเฉิงเวิ่นเต้าจะต้องทุ่มเทปกป้องเรือเหล่านั้นเอาไว้อย่างแน่นอน”
“มันอาจจะยาก” แม่ทัพเฒ่าพยักหน้า “แต่ไม่ว่าจะยากยังไงเราก็ต้องทำลายพวกมัน ป้อมพิทักษ์สมุทรจะไม่อาจทนได้ในที่สุดและแนวป้องกันของพันธมิตรใต้จะต้องแตกสลายแน่นอน ถ้าทวีปกวงหมิงวางแผนยึดทวีปซางโจวจริงๆ เรายังอาจมีโอกาส”
ก้วนจินไม่เข้าใจว่าแม่ทัพเฒ่ากำลังพูดอะไร
เผิงรั่วมองดูไป๋เยี่ยที่หดหู่ และกล่าว“พลังของพันธมิตรใต้ยังแข็งแกร่งมากกว่าที่ข้าคิดไว้มาก ป้อมพิทักษ์สมุทรไม่สามารถหยุดโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้ พวกเขามีแต่ต้องถอย ตลอดทางจนถึงทวีปซางโจวปากอ่าวพลังงานของทวีปซางโจวเล็ก เรือล้อมโจมตีมีขนาดใหญ่โตไม่สามารถเข้าไปได้ และแม้แต่เรือล้อมโจมตีขนาดกลางก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้ สำหรับพันธมิตรใต้ โอกาสของพวกเขาที่มีก็คือนำการสู้รบเข้าสู่ทวีปซางโจว ถ้าทวีปกวงหมิงต้องการจะยึดทวีปซางโจวจริงๆ โกวเฉิงเวิ่นเต้าจะต้องระดมทหารของเขาเข้าไปในทวีปซางโจว ถึงเวลานั้นการป้องกันเรือรบขนาดใหญ่ก็จะกลายเป็นจุดอ่อนของพวกมันที่สุดและนั่นจะเป็นโอกาสของเรา”
ก้วนจินเข้าใจทันทีว่าแม่ทัพเฒ่าเตรียมปล่อยให้พันธมิตรใต้เป็นอาหาร แต่เขาต้องยอมรับว่าเป็นแผนการที่แยบยลและเป็นหนทางเป็นไปได้ในปัจจุบันที่มีอยู่
“เวลาเป็นสาระสำคัญ ข้าหวังว่ากองทัพของเจ้าพร้อมจะเคลื่อนออกไป เราจะเริ่มโจมตีชิวซิ่วหัวและคุ้มกันหลังให้เจ้า” แม่ทัพเฒ่ากล่าว
ก้วนจินมองไป๋เยี่ย ในทั่วทั้งภูมิภาคใต้ มีกลุ่มเดียวที่สามารถทำภารกิจได้สำเร็จก็คือกองพลกาขาวและกองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์, แต่กองกำลังศัตรูต้องการตรึงแม่ทัพเฒ่าไว้ดังนั้นภารกิจอาจหมายถึงพวกเขา
ไป๋เยี่ยเงยหน้าขึ้นทันทีและส่ายหน้าอย่างคาดไม่ถึง“ สถานการณ์อาจไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิด”
เผิงรั่วอดหงุดหงิดไม่ได้ เขาไม่เคยคิดว่าในสภาพแบบนั้นไป๋เยี่ยยังคงมั่นใจเขา เขาค่อนข้างแปลกใจ หลังจากสู้เคียงข้างไป๋เยี่ยผ่านมาสองสามวัน เขาค่อยๆรู้และเข้าใจว่าไป๋เยี่ยเป็นคนที่มั่นคงและมีเหตุผล
แต่เวลาเป็นหัวใจสำคัญ
กองเรือล้อมโจมตีขนาดใหญ่ 22 ลำไม่สามารถหยุดได้ และถ้าไม่ใช่เพราะความเร็วในการเคลื่อนไหวช้า พวกเขาจะไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย ในเมื่อเป็นแบบนั้นถ้าไป๋เยี่ยจากไปเร็วเท่าที่ทำได้และรีบด่วน พวกเขาอาจจะมีโอกาส ถ้าพวกเขาช้ามากขึ้นเท่าไร เวลาและโอกาสของพวกเขาจะหายไป
ไป๋เยี่ยเป็นแม่ทัพที่โดดเด่น และเผิงรั่วเชื่อว่าข้อผิดพลาดง่ายๆจะไม่มีทางเกิดขึ้นกับเขา
เขากำลังรอให้ไป๋เยี่ยอธิบาย
ก้วนจินกำลังรอให้เจ้านายของเขาอธิบาย สำหรับเขามันคือโอกาสที่พวกเขามี เขาไม่เข้าใจเช่นกันทำไมเจ้านายถึงลังเลในเวลาวิกฤติอย่างนั้น
“สถานการณ์ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น” ไป๋เยี่ยทบทวนกับตัวเอง เขาจัดระเบียบความคิดและคิดหาวิธีเรียบเรียง “เซี่ยอวี่อันอยู่ในป้อมพิทักษ์สมุทรและป้อมใดก็ตามกับเขาจะไม่มีทางถูกทำลายได้ง่าย ต่อให้ศัตรูมีเรือโจมตีขนาดยักษ์หลายลำก็ตาม ก็จะไม่ใช่ง่าย ข้ารู้จักเขา เขาไม่ใช่คนที่จะรามือรอความตาย”
ขณะที่เขาพูด ดวงตาของเขาสว่างขึ้นเรื่อย “นอกจากนี้ผู้บัญชาการสูงสุดของพวกเขาไม่ใช่คนที่ปล่อยให้ตัวเองต้องถูกจับในสถานการณ์อย่างนั้น”
เผิงรั่วมีท่าทีผิดหวัง คำพูดของไป๋เยี่ยไม่ใช่ข้อมูลที่มีประโยชน์ เซี่ยอวี่อันไม่ใช่คนที่จะรอความตาย ผู้บัญชาการสูงสุดของพันธมิตรใต้ก็ไม่ใช่คนที่จะนั่งรอความตาย นั่นจะมีประโยชน์อะไร? ในการเผชิญหน้ากับการใช้พลังอำนาจเด็ดขาด คำพูดเช่นนั้นไม่มีประโยชน์
“เลิกแชเชือนได้แล้ว” เผิงรั่วตัดบททันทีและพูดอย่างเย็นชา “ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังพันธมิตร ข้าขอสั่งกองพลกาขาวเคลื่อนกำลังออกไปเดี๋ยวนี้!”
ไป๋เยี่ยหัวเราะ
“เจ้าต้องการขัดขืนคำสั่งข้า?” เผิงรั่วหรี่ตา
“ต้องขออภัย, ข้าไม่ได้อยู่ในบังคับกฎอัยการศึกของกองกำลังพันธมิตร” ไป๋เยี่ยหยุดยิ้ม และพูดอย่างใจเย็น “กองพลกาขาวของข้าอยู่ใต้บังคับพันธมิตรใต้และรับคำบัญชาการจากท่านปิงผู้บัญชาการสูงสุดของสัมพันธมิตรใต้”
ก้วนจินอ้าปากกว้าง ‘ทำไมข้าไม่รู้เรื่องนั้น?’
เผิงรั่วไม่พูดอะไรเขาสังเกตไป๋เยี่ยที่ไม่แสดงความตื่นเต้นหรืออารมณ์หลอกๆ เขาค่อนข้างผิดหวังแต่ประหลาดใจมาก ‘กองพลกาขาวรับคำสั่งจากผู้บัญชาการสูงสุดของสัมพันธมิตรใต้?’
กองพลกาขาวเป็นกองทัพระดับทองมีสถานะสูงส่ง ภูมิภาคใต้มีกองทัพระดับทองเหลืออยู่สองกองทัพ และถ้าไม่ใช่เพราะศักดิ์ศรีของไป๋เยี่ยยังขาดไปบ้างเขาจะสามารถรับอำนาจสั่งการกองกำลังพันธมิตรได้เช่นกัน
ไม่ว่าเผิงรั่วจะมองยังไง กองพลกาขาวมีน้ำหนักมากเกินกว่าผู้บัญชาการสูงสุดของพันธมิตรใต้
เขาไม่คาดเลยว่ากองพลกาขาวจะยอมเชื่อฟังสัมพันธมิตรใต้ ‘มีปัญหาให้แก้มากมายในที่นี้ทุกคนชื่นชมว่าตระกูลไป๋เพียงแต่ลงทุนในพันธมิตรใต้ แต่ไม่ได้นอบน้อมสิ้นเชิง จากที่เห็นดูเหมือนว่าผู้มีอำนาจในพันธมิตรใต้จะต่างจากที่ผู้คนคิด’
นับเป็นครั้งแรกที่เผิงรั่วให้ความสนใจผู้ที่เรียกว่าผู้บัญชาการสูงสุดในสัมพันธมิตรใต้
เมื่อเห็นความหนักแน่นของไป๋เยี่ยเผิงรั่วไม่ทำอะไรและได้แต่พูด“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเจ้าเอง”
“เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง” ไป๋เยี่ยพูดด้วยความเคารพ
เมื่อแม่ทัพเฒ่าจากไปอย่างเฉยเมย หน้าของก้วนจินเขียวคล้ำ “นายท่าน,ทำไมผู้น้อยไม่รู้ข้อมูลสำคัญนั้นเลย?”
ไป๋เยี่ยหัวเราะ “โอวๆๆ ก็ข้าเพิ่งตัดสินใจนี่นา”
ก้วนจินตะลึงตามมาด้วยอารมณ์โมโหที่ผุดขึ้นมาเต็มหัวใจ “นายท่าน, ท่านรู้ไหมว่าสิ่งที่ท่านตัดสินใจหมายความว่ายังไง? ท่านรู้ไหมหลายคนของทั่วทั้งภูมิภาคใต้จะตายเพราะท่าน? ผู้น้อยไม่เข้าใจเลยทำไมนายท่านถึงมั่นใจพวกเขามากมายขนาดนั้น และในยามที่เผชิญสถานการณ์อย่างนั้น นายท่าน ท่านยินดีจะเชื่อว่าพวกเขามีแผนหรือ ถึงได้รีบร้อนตัดสินใจอย่างนั้น...”
ไป๋เยี่ยยิ้มขณะยกแก้วชา “ดื่มชาดับโมโหซะบ้าง”
เมื่อเห็นไป๋เยี่ยไร้ยางอายเหลือเกิน ความโกรธในตัวก้วนจินหายไปด้วยเหตุผลบางอย่าง
“เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง”
รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋เยี่ยหายไปขณะเขาพูดอย่างเฉยเมย