ตอนที่ 794 คนกลางติดต่อ
“จิ้งจอกแดนใต้ สมชื่อจริงๆตัวแทนพันธมิตรใต้ ข้าขอขอบคุณกองทัพของเจ้าอย่างจริงใจที่เข้ามาเสริมกำลังได้ทันเวลา”
ผมของเผิงรั่วขาวบริสุทธิ์และหน้าของเขามีร่องรอยของความยากลำบาก เขามีรูปร่างสูงใหญ่ ทุกคนคงพอจะนึกภาพได้ว่าเมื่อเขายังอายุน้อยเขาต้องสูงใหญ่ราวกับหอคอยเหล็กเขารับหน้าที่เป็นแม่ทัพกองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์มาเกินสามทศวรรษ และชื่อของเขาเป็นที่รู้จักกันทั่วภูมิภาคใต้
ตาของแม่ทัพเฒ่าเป็นประกายด้วยความชื่นชมเมื่อเขามองดูไป๋เยี่ยผู้ยืนอยู่ข้างหน้าเขา
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของกองพลกาขาวในสมรภูมิไม่เพียงสร้างความตกใจให้ชิวซิ่วหัวเท่านั้น แม้แต่เผิงรั่วก็คาดไม่ถึง ปฏิบัติการของกองพลกาขาวหลังจากนั้นคาดไม่ถึง ทำให้แม่ทัพเฒ่ามีประสบการณ์มาหลายปีต้องตกใจ ความเข้าใจในโอกาสและความเด็ดขาดในการร่วมรบด้วยความดุดันและการต่อสู้ที่เฉียบขาดทำให้เอาชนะกองทัพใหญ่ของชิวซิ่วหัวได้อย่างรวดเร็ว
กองทัพพันธมิตรมีคนหลายคนที่สงสัยว่าไป๋เยี่ยมาถึงก่อนแล้วและรอเวลาช่วงสุดท้ายขณะมองดูพวกเขาตาย
เสียงเหล่านี้ทั้งหมดถูกข่มโดยแม่ทัพเฒ่า การเลือกปรากฏตัวของไป๋เยี่ยทำได้สมบูรณ์แบบ ผลที่ออกมาจึงสมบูรณ์ พิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นแม่ทัพที่โดดเด่น นอกจากนี้ไป๋เยี่ยไม่ได้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา ไม่ควรต้องมีความผิด เขาไม่สบายใจมานานกับการดำเนินงานของกองทัพพันธมิตร
“ท่านยกยอข้ามากเกินไป นี่เป็นเพราะโชคของผู้เยาว์ดีกว่า” ไป๋เยี่ยพูดด้วยความเคารพ
ความเคารพของเขาไม่ได้เสแสร้ง กองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมักแข็งทื่อไม่ยืดหยุ่น จะหาความยุติธรรมกับคนที่มาปกป้องพวกเขาและเผิงรั่วก็มีกำลังใจและชื่อเสียงที่ดี เมื่อไป๋เยี่ยยังเรียนอยู่ในโรงเรียน เผิงรั่วมักมีอยู่ในบทเรียนอยู่เสมอ และบ่อยครั้งที่หยิบยกเรื่องของเขามาเป็นหัวข้ออภิปรายรายงาน
เผิงรั่วเมิมปาก เขาไม่ชอบพูดอ้อมค้อมจึงพูดเข้าตรงประเด็น “ม่อซินเล่า?”
“ไม่ต้องสนเขา” ไป๋เยี่ยพูดตามตรง อารมณ์ไม่ใส่ใจของเขาแทบจะกำเริบ แต่เมื่อเห็นแม่ทัพเฒ่าผู้เข้มแข็งอยู่ต่อหน้าเขา เขายืดตัวตรงทันที “เรากำลังสู้ในมาตุภูมิของเราและครอบครองแผ่นดินที่โปรดปรานสิ่งที่เราควรพิจารณาก่อนก็คือ ศัตรูยังมีกำลังต่อสู้มากแค่ไหน”
เผิงรั่วพยักหน้า เขาเห็นด้วยกับความคิดของไป๋เยี่ย จากนั้นถามอีกคำถาม “กองกำลังของเจ้าตั้งใจจะทำอะไรต่อไป?”
“เราจากไปไม่ได้อีกแล้ว” ไป๋เยี่ยฝืนยิ้ม “ชิวซิ่วหัวจะต้องวางแผนตรึงเราไว้ที่นี่”
เผิงรั่วทราบสถานการณ์ของสมรภูมิชัดเจน ชิวซิ่วหัวจะกลับมาและสู้ตอบโต้อย่างรวดเร็วและขู่ขวัญแทบจะทุกคน ก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสฉลองชัยชนะที่ยากลำบากของพวกเขา พวกเขาต้องต้อนรับกับกองทัพในการรบอื่น
ชิวซิ่วหัวจงใจแบ่งกองกำลังของเขาหนึ่งในสามไปสู้กับกองพลกาขาว
เป็นความเคลื่อนไหวที่มากไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ชิวซิ่วหัวนำกำลังพลแปดหมื่นผสมกับกองกำลังพันธมิตรอีกหมื่นห้า แต่ก็ไม่ได้เสียเปรียบ บริวารของเขาเว่ยเยี่ยนำกองทัพสี่หมื่นคนตรึงกองพลกาขาวไว้
เผิงรั่วพูดออกมาทันที “เจ้ามาจากสัมพันธมิตรใต้ และมีภารกิจต้องเสริมกำลังให้ทวีปซางโจว ถ้าเจ้าจำเป็นต้องจากไปจงรีบมาใกล้กองทัพข้าเร็วเข้า ข้าจะเบิกทางออกไปให้เจ้า”
หน้าของคนของเขาเปลี่ยนไปทันที พวกเขาเข้าใจว่าเผิงรั่วกำลังพูดอะไร ถ้าพวกเขาต้องการดึงกองพลกาขาวออกจากการสู้รบ พวกเขาจำเป็นต้องต้านทานเว่ยเยี่ยไว้ นั่นไม่ต่างจากบอกให้พวกเขาใช้ร่างของพวกเขาป้องกันดาบให้กองพลกาขาว
แววเคารพนับถือผุดขึ้นมาในใจของไป๋เยี่ย เขารู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่แม่ทัพเฒ่าจะพูดคำเหล่านั้นออกมาใจสถานการณ์ที่ยากลำบาก
“ขอบคุณในความเมตตาของท่าน” เขายิ้มให้ทันที “ทวีปซางโจวไม่จำเป็นต้องให้ข้าสนับสนุนพวกเขา ข้าสนใจจะทำที่นี้ให้เป็นพื้นที่ฝังศพชิวซิ่วหัวมากกว่า”
สีหน้าของเผิงรั่วไม่เปลี่ยน แต่มีแววประหลาดใจทอประกายลึกอยู่ในตาของเขา ขณะที่เขาพูดอย่างใจเย็น “เจ้ามั่นใจในทวีปซางโจวมากสินะ”
“ใช่แล้ว” ไป๋เยี่ยวพูดอย่างเปิดเผย “พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา”
“ข้าหวังว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนที่เจ้าคิด” แม่ทัพเฒ่าพยักหน้า เขาไม่พูดเรื่องนี้อีกต่อไปและเปลี่ยนหัวข้อพูด “อาวุธเรือรบในหน่วยของเจ้ายอดเยี่ยมมาก ข้าแปลกใจว่าเจ้าจะสนับสนุนเราได้ไหม? เรายินดีจ่ายเพื่อซื้อหา”
กองพลกาขาวติดตั้งอาวุธเรือรบที่ทรงพลังได้รับการพิสูจน์แล้วในสมรภูมิ เรือรบกองพลกาขาวทุกลำเหมือนกับเม่นที่มีหนามเต็มไปทุกที่ มีความสามารถในการสู้รบที่ทรงพลังสร้างความประทับใจให้กับแม่ทัพเฒ่าอย่างลึกซึ้ง
สิ่งประทับใจลึกซึ้งก็คือเรือรบของกองพลกาขาวทุกลำติดตั้งอาวุธเรือรบมากขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับเรือรบของเขาเอง เรือรบของสองกองทัพมีขนาดเท่ากัน ซึ่งก็หมายความเพียงประการเดียวว่าอาวุธเรือรบกองพลกาขาวต้องลดจำนวนพลต้องการคนประจำอาวุธ
ไป๋เยี่ยตกใจชั่วครู่ แต่รีบตอบโดยเร็ว “ข้าเสียใจด้วย เรามีสำรองไว้ไม่มาก ถ้าท่านต้องการซื้อหาอาวุธจริงๆข้ายินดีเป็นตัวกลางเจรจาติดต่อกับผู้ผลิตให้ท่านได้ แต่ท่านจะต้องจัดขบวนขนส่งกลับไปที่ทวีปซางโจว”
“ทวีปซางโจว?” แม่ทัพเฒ่ามองดูไป๋เยี่ยอย่างประหลาดใจ “ไม่ใช่สมาคมการค้าสวีจี้หรอกหรือ?”
ทุกคนรู้ว่าใครเป็นใครในสัมพันธมิตรใต้ แต่ด้วยเรื่องเกี่ยวกับอาวุธ ทุกคนคิดถึงสมาคมการค้าสวีจี้โดยไม่รู้ตัวเนื่องจากอาวุธของพวกเขาก้าวหน้าและมีความซับซ้อนมากกว่าที่อื่น
‘เป็นทวีปซางโจวจริงๆ!’
“ถูกแล้ว ทวีปซางโจว” ไป๋เยี่ยอธิบาย “ทองดำคือผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินค้าเฉพาะของทวีปซางโจว แม้ว่าพวกเขาจะจัดหาบางส่วนให้สมาคมการค้าสวีจี้และผลิตได้ไม่จำกัด แต่อาวุธเรือรบแบบใหม่เหล่านี้สร้างมาจากป้อมไพรกระบี่ ทวีปซางโจวเชี่ยวชาญการผลิตอาวุธเรือรบ ข้าเองยังคิดว่ามาตรฐานของพวกเขายังสูงมากกว่าสมาคมการค้าสวีจี้ แต่พวกเขาไม่ได้ขายมันในตลาด”
ก้วนจินที่ยืนอยู่ข้างไป๋เยี่ยก็แสดงท่าทางเห็นด้วย
ในฐานะเป็นนายทหารผู้ช่วยของไป๋เยี่ย อาวุธทั้งหมดจัดซื้อโดยเขา เวลานั้นเมื่อไป๋เยี่ยแนะนำให้เลือกอาวุธเรือรบที่ผลิตโดยทวีปซางโจวก้วนจินยังคัดค้านไม่เห็นด้วย จนกระทั่งพวกเขาได้ทดสอบระยะหนึ่งหลังจากผ่านการทดสอบแล้วทำให้เขาตระหนักว่าทวีปซางโจวที่ใครไม่รู้จักพวกเขามีอาวุธที่โดดเด่นขนาดนั้น
กองพลกาขาวได้รับการจัดการใหม่และเพิ่มพลังขึ้นอีกมากมาย
‘แต่น่าเสียดาย คนเหล่านี้ไม่สนใจผลิตเรือรบ..”
ก้วนจินรู้สึกว่าถ้าป้อมไพรกระบี่เริ่มผลิตเรือรบ จะต้องทรงพลังอย่างแน่นอน
“ข้าคิดว่าจะต้องได้จดหมายแนะนำจากเจ้า”เผิงรั่วคำนับให้ไป๋เยี่ย
“ข้ายินดีจะทำอะไรบางอย่างให้ท่านได้ ”ไป๋เยี่ยคำนับตอบ
เผิงรั่วได้รับคำแนะนำของไป๋เยี่ยเดินออกมาอย่างมีความสุข ในฐานะแม่ทัพของกองทัพพันธมิตร เขาไม่กังวลเรื่องการใช้เงิน ธุรกิจที่รุ่งเรืองของภูมิภาคใต้ระหว่างทวีปต่างๆแข็งแกร่งมากพอให้เขาได้รับทรัพย์สิน สำหรับการขนส่ง ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย พวกเขาจำเป็นต้องอ้อมเป็นวงใหญ่และตรงเข้าที่ด้านหลังทวีปซางโจว แต่ในสงครามที่ถูกคาดการณ์ไว้ว่าจะคงอยู่หลายวัน พวกเขายังมีเวลา
ไป๋เยี่ยมองดูขณะที่เผิงรั่วจากไปและลูบคางเขา “ด้วยการใช้จ่ายใหญ่ขนาดนั้น ข้าน่าจะไปพบที่ป้อมไพรกระบี่รับค่านายหน้าบางส่วน อากวน, บอกข้าซิ เท่าไหร่จึงจะเหมาะสม 10% ดีไหม?”
“ไม่เห็นจะยอดเยี่ยมตรงไหนเลย” ก้วนจินพูดอย่างไม่เกรงใจ “แทนที่จะสนใจส่วนแบ่งเปอร์เซ็น เราน่าจะให้ความสนใจถึงการผลิตอาวุธใหม่ของป้อมไพรกระบี่มากกว่า มันน่าตื่นตะลึงมาก”
“นั่นก็ถูก! พวกนั้นมันพวกบ้าชัดๆ!” ไป๋เยี่ยพูดทันที “พวกเขาจะมีของใหม่ดีๆ ออกมาแน่นอน! เราต้องส่งคนไปตรวจสอบที่นั่นดู”
กองพลกาขาวมีประการณ์เรื่องผลประโยชน์และตื่นเต้นมากกับอาวุธของทวีปซางโจว
ทันใดนั้นสีหน้าของก้วนจินเปลี่ยน
ไป๋เยี่ยสังเกตได้เขาถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
“โกวเฉิงเวิ่นเต้านำกำลังตีป้อมพิทักษ์สมุทรด้วยตัวเองเอง!” หน้าของก้วนจินซีดขาว
ไป๋เยี่ยสูดอากาศหนาวเหน็บ
เขารู้ว่าแนวป้องกันของทวีปซางโจวจะต้องแบกรับความตึงเครียดครั้งยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาไม่กังวลเรื่องป้อมพิทักษ์สมุทรแม้แต่น้อย ป้อมของที่นั่นตกอยู่ในมือของเซี่ยอวี่อันบุรุษผู้ชำนาญในการตั้งรับ และความสามารถที่เขาสามารถสร้างขึ้นมา เกินคาดจริงๆ
แต่ไป๋เยี่ยรู้ว่าสหายเก่าร่วมชั้นเรียนชำนาญในการตั้งกระบวนรับมากเพียงไหน ในสถานบันตำแหน่งการป้องกันของเซี่ยอวี่อันใช้งานได้ดีทำให้อาจารย์ทุกคนต้องปวดหัว ทำให้เวลาต้องยืดออกไปเกินขอบเขตทุกครั้งที่ไป๋เยี่ยให้เซี่ยอวี่อันช่วยเขาทำงาน เขาต้องเสริมจุดที่เปิดเผยพลังเพียงครึ่งเดียวและต้องปล่อยให้มีข้อบกพร่องอย่างน้อยห้าจุด
ถ้าไม่อย่างนั้น อาจารย์ของพวกเขาจะต้องรู้ทันทีว่าใครคือคนทำงานที่แท้จริง
เขามีความมั่นใจเซี่ยอวี่อันมาก เขาไม่รู้ ไม่ว่าเซี่ยอวี่อันจะได้รับขนานนามเป็นองครักษ์พิทักษ์ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ดีที่สุดเป็นอันดับสามหรือไม่ก็ตาม แต่ในเรื่องการวางแนวต้านรับ เขาเชื่อว่าสหายร่วมรุ่นของเขาเป็นอันดับหนึ่งแน่นอน
แม้แต่ไป๋เยี่ยเองยังไม่กล้าแตะต้องเซี่ยอวี่อันผู้มีฐานอยู่ในระดับต่ำกว่าเขา
‘แต่...’
‘นั่นคือโกวเฉิงเวิ่นเต้า!’
ความสำเร็จในการสู้รบของโกวเฉิงเวิ่นเต้าน่ากลัวที่สุดในห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิง
มู่จือเสียปกป้องอยู่ในทวีปเว่ยเย่กวนมาหลายปี และสู้รบมาในสงครามขนาดต่างๆในทวีปแดนเถื่อนในช่วงเริ่มต้น จะต้องเจ็บตัวแน่นอนอยู่สองสามครั้ง สำหรับเจียย่าผูกขาดในเรื่องพลังป้องกันเขาเป็นคนที่แพ้ยาก ชิวซิ่วหัวก็ได้รับความเสียหายสองสามครั้งในการสู้รบของเขา แต่จากตรงนั้นเขาเดินหน้าสู้ต่อ สำหรับม่อซินผู้แสวงหาทางเลือกที่ดีที่สุด เขาไม่มีวี่แววว่าจะแพ้
แค่ช่วงสี่ปีมานี้โกวเฉิงเวิ่นเต้าก็ได้รับความเสียหายแพ้หลายครั้งแต่เขาเป็นศัตรูที่แม่ทัพทั้งหมดไม่ยินดีเผชิญหน้าด้วย
เขาสนใจแต่จะโจมตีเพื่อสังหาร เขาบ้าระห่ำและชอบทำลายล้าง โกวเฉิงเวิ่นเต้ามักจะปล่อยข้อบกพร่องและจุดอ่อนต่างๆในการรบ แต่เขาไม่สนใจเนื่องจากเขาเชื่อมั่นแน่นอนว่าต่อให้เขาพ่ายแพ้ ศัตรูของเขาจะต้องแตกก่อน แม้ในสถานการณ์สิ้นหวังที่สุดปฏิกิริยาอันดับแรกของเขาคือโจมตี จะสู้กับเขา อีกฝ่ายจะคิดถอยไม่ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องเตรียมตัวตั้งรับตลอดไป
ถ้ามีเขาแค่เพียงทัพเดียวก็ยังไม่น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือเขามีกลุ่มคนที่บ้าระห่ำอำมหิตเป็นกองทัพที่ขึ้นตรงต่อเขา!
คนธรรมดาทั่วไปจะไม่แตะต้องป้อมพิทักษ์สมุทรแน่นอน เนื่องจากเป็นป้อมที่มีองครักษ์พิทักษ์ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ดีที่สุดอันดับสามประจำการอยู่!
มีสถานที่ดีๆ หลายแห่งในแนวป้องกันให้โจมตี แต่ทำไมบางคนถึงเลือกสถานที่มีการป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อโจมตี?
แต่ทางเลือกที่ไร้เหตุผลนี้กลายเป็นสมเหตุผลมากเมื่ออยู่ในมือของโกวเฉิงเวิ่นเต้า
ไป๋เยี่ยอดรู้สึกกังวลไม่ได้
ถ้าเป็นแม่ทัพทหารอื่นบุกตีป้อมพิทักษ์สมุทรเขาคงไม่ใส่ใจ ต่อให้เป็นชิวซิ่วหัวหรือม่อซิน ตราบใดที่พวกเขารู้ว่ามันใช้ไม่ได้ พวกเขาจะไม่มีทางยอมเสียชีวิตทหารของเขา แต่โกวเฉิงเวิ่นเต้าไม่มีคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ อยู่ในพจนานุกรมของเขา
เขาจะโจมตีต่อเนื่องอย่างร้อนแรง แม้ว่าเขาจะต้องเสียเลือดเอง เขาก็จะบังคับให้ศัตรูเสียเลือดด้วย
ก้วนจินกัดริมฝีปาก และเค้นเสียงลอดไรฟัน “พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ”
“ไม่”ไป๋เยี่ยส่ายศีรษะอย่างคาดไม่ถึง “เราจะต้องทำตามแผนเดิมต่อไป”
“แต่...”
“เราต้องเชื่อใจเขา” ไป๋เยี่ยสูดหายใจลึกและกัดฟันพูด “ต่อให้เป็นโกวเฉิงเวิ่นเต้าเราต้องเชื่อมั่นในอาเซี่ย! นอกจากนี้, อย่าลืมท่านปิงสิ บุรุษผู้กลอกกลิ้งเจ้าเล่ห์จะไม่นั่งดูดายปล่อยให้อาเซี่ยต้องทนทุกข์แน่นอน”
ความกังวลบนใบหน้าของก้วนจินไม่ได้ลดลง เขามักรู้สึกว่าไป๋เยี่ยเชื่อมั่นผู้บัญชาการสูงสุดของทวีปซางโจวอย่างตาบอดเกินไป
‘ทำไมอาเยี่ยมักคิดว่าคนผู้นั้นจะต้องมีความคิดเห็นพิเศษ?’
‘หรือว่าคนผู้นั้นเตรียมการนี้ไว้ก่อนแล้ว?’