ตอนที่แล้วตอนที่ 785 หยุดไม่ได้ คำเตือนอ่อนเกินไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 787 ความเจ็บปวดเลื่อนระดับทักษะหกรับรู้

ตอนที่ 786 ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง


เย่ว์หยางกลับไปแดนสวรรค์ตะวันตก

เขาพบว่าค่ายพักแรมก่อนหน้านี้เหลือแต่เถ้าถ่านแม้ว่าการสู้รบจะจบลงแล้ว แต่เปลวไฟยังคงไหม้อยู่ไม่ใช่แต่เพียงที่ตั้งค่ายเท่านั้นที่ไฟไหม้จนเหลือแต่เถ้าถ่าน  แต่พื้นที่โดยรอบถล่มทลายเหลือแต่ซากหักพัง ที่ทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจที่สุดก็คือกลุ่มเขตรกร้างที่แปด กลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงครามร่วมมือกันได้ชัยชนะ อย่างน้อยนักรบแดนทมิฬก็ถอนกำลังออกไปชั่วคราว

ในช่วงเวลาที่นักรบแดนทมิฬโจมตีอย่างหนักทั้งสามกลุ่มทำงานร่วมกัน

เตรียมความพร้อมก่อนสงครามจะเริ่ม

หลังจากทุ่มเทกำลังมหาศาลในที่สุดก็เอาชนะนักรบแดนทมิฬและขับไล่พวกเขากลับไปได้

“คุณชายสาม, ถ้าไม่ใช่เพราะข้อมูลของท่าน  ข้าเกรงว่า...”  เกี่ยวกับการกลับมาอย่างลับๆ ของเย่ว์หยางราชาหลิงหวินรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณ แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางเตือนเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นอย่าว่าแต่ราชาหลิงหวิน บางทีแม้แต่กลุ่มเขตรกร้างที่แปดกระทั่งพื้นที่ตั้งค่ายพักแรมทั้งหมดคงถูกกำจัดหมดสิ้น

“ต่อไปท่านคิดจะทำอะไร?จะเข้าดินแดนทดสอบหรือจะจากไป?” เย่ว์หยางถาม

“เราตัดสินใจจะเข้าไปลองดู”  ราชาหลิงหวินและถูไห่ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนแต่รู้ว่าไม่มีสมบัติลับรอการขุดค้นพบโดยคนรุ่นหลังในโบราณสถาน  แต่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หลังจากพื้นที่ทดสอบลับถูกเปิดเผยกลับมีเรื่องที่ท้าทายความคิดตนเอง ไม่ได้มีสมบัติประดิษฐ์อย่างนั้น อย่างไรก็ตามหลายๆ อย่างไม่สามารถแบ่งปันกันอย่างเท่าเทียมได้  ก็ต้องรู้ว่าเริ่มกันที่ด่านแรก  บางทีอาจจะผ่านการฝึกฝนได้!  ขณะเดียวกันพวกเขายังมีความคิดอย่างหนึ่งนั่นคือ การแยกจากไปอาจจะเสี่ยงถูกนักรบแดนทมิฬล้อมโจมตี  แทนที่จะออกไปเสี่ยง พวกเขาจะอยู่รวมกันและเอาชนะอุปสรรคผ่านด่านไปให้ได้

“ก็ดีเหมือนกัน”  เย่ว์หยางมองดูเจ้าอ้วนไห่ เย่คง เสวี่ยทันหลางองค์ชายเทียนหลัวและพี่น้องตระกูลหลี่ พวกเขาตัดสินใจจะเข้าไปทดสอบ

เมื่อเห็นเย่ว์หยางมีเรื่องอื่นจะพูดอีกราชาหลิงหวินและคนอื่นถอยออกมา

จะเลือกฝึกในบันไดสวรรค์หรือผ่านด่านทดสอบในแดนสวรรค์

เย่ว์หยางอธิบายรายละเอียดสถานการณ์ในที่สุดเสวี่ยทันหลางตัดสินใจในนามพวกเขาขออยู่ฝึกต่อ

ไม่ได้หมายความว่าบันไดสวรรค์ไม่ดีแต่หลักๆ เพราะบันไดสวรรค์อยู่ในหอทงเทียน  ถ้ามีโอกาสก็สามารถไปฝึกได้ทุกเมื่อ แต่การฝึกฝนในแดนสวรรค์นี้จะไม่เกิดอีก เวลาแห่งการฝึกในแดนสวรรค์จะไม่มีให้เห็นอีกต่อไป  ถ้าพลาดครั้งนี้ต่อไปหลายคนจะไม่ได้ท้าทายอีกจะไม่มีนักรบแดนทมิฬมาสร้างสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องเดินหน้าฝึกฝนต่อไป...

เย่ว์หยางไม่ประหลาดใจกับการตัดสินใจเช่นนั้น

ก่อนอื่นฮุยไท่หลางจะให้ความสนใจดูแลความปลอดภัยของทุกคนและจากนั้นอธิบายสถานการณ์ของด่านที่หนึ่งหุบเขาพิรุณ

“ด่านแรกคือหุบเขาพิรุณ  ในหุบเขาพิรุณจะมีข้อจำกัดจากกฎสวรรค์คือห้ามเรียกอสูร  มิฉะนั้นจะมีอสูรมายาออกมาโจมตีสามครั้งและการโจมตีนี้จะไม่หยุดจนกว่าอสูรอัญเชิญจะตายนี่คือเหตุผลที่นักสู้ปราณฟ้ามีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสิบนาที  นอกจากไม่สามารถอัญเชิญสัตว์อสูรได้แล้วยังไม่สามารถบินได้   ถ้าใครต้องการบินจะต้องเผชิญกับขีดจำกัดจากกฎสวรรค์ ถ้าจะพยายามทำลายออกจากเส้นทางพวกเขาจะถูกพลังสายฟ้าลงโทษและในหุบเขาพิรุณมีเส้นทางเขาวงกต แต่เส้นทางมีข้อกำหนดชัดว่าจะต้องไปตามเส้นทางข้างหน้ามิฉะนั้นจะหลงทางได้ มีข้อจำกัดในการทะลุผ่านช่องว่างมิติ มิฉะนั้นจะถูกกฎสวรรค์ลงโทษ  ถ้าทักษะพลังอ่อนแอ จะถูกฆ่าตายเหลือแต่เถ้าธุลี”  เย่ว์หยางไม่พูดบอกราชาหลิงหวิน  แต่เพื่อกลุ่มของพวกเขาเองเขาต้องบอกความจริงเป็นธรรมดา  อย่างน้อยจะได้ไม่ถูกพลังกฎสวรรค์ฆ่าตายทันที

“น่ากลัวจริง” เจ้าอ้วนไห่พอได้ยินก็กลัวจนหน้าซีดขาว เขาไม่กลัวศัตรูแข็งแกร่ง แต่เรื่องกลัวพลังกฎสวรรค์ ไม่มีใครเกินเขา

“เส้นทางวงกตในหุบเขาพิรุณ ข้าสามารถวาดภาพให้พวกเจ้าได้  ท่านหลิงหวิน ถูไห่พวกท่านจะได้ภาพหนึ่ง  ถ้าพวกท่านต้องการผ่านทางเขาวงกตท่านต้องปกป้องตัวเองให้ดี” เย่ว์หยางวาดภาพพร้อมกับชี้ให้ดู ฮุยไท่หลางพยักหน้าแสดงว่ามันเข้าใจ

“อย่างนั้นราชาหลิงหวินไม่รู้จักภาษารูนสวรรค์หรือ?” องค์ชายเทียนหลัวรู้สึกได้ทันที

“อย่าว่าแต่พวกเขาเลยขนาดรองเจ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่มีความเข้าใจภาษารูนสวรรค์เท่าใด ภาษารูนสวรรค์แม้จะไม่ยากเท่าภาษารูนโบราณหรือภาษารูนอมตะแต่เป็นภาษาที่หาได้ยากมาก  ในแดนสวรรค์เมื่อก่อนนี้ภาษารูนเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วไปแต่บัดนี้นอกจากสุดยอดนักรบแต่ละคนแล้ว นักรบท้องถิ่นและนักรบแดนสวรรค์ส่วนใหญ่ไม่ได้รู้ไม่ได้เข้าใจเมื่อเทียบกับหอทงเทียนของเรา  อีกอย่างหนึ่ง อักษรรูนสวรรค์ในแดนสวรรค์แทบจะสาบสูญไปแล้ว ในหุบเขาพิรุณมีหลายที่เขียนคำแนะนำไว้ด้วยอักษรรูน  พวกเจ้าฉวยโอกาสศึกษาเอาไว้  รูปแบบวงเวทอักษรรูนมีความลึกลับมาก  ถ้าพวกเจ้าสามารถถือโอกาสเรียนรู้ในหุบเขาพิรุณ  ต่อไปเรื่องนี้จะช่วยพวกเจ้าได้อย่างแน่นอน”เย่ว์หยางอธิบาย

“เข้าใจแล้ว”เย่คงเชื่อเย่ว์หยางโดยไม่ต้องใคร่ครวญให้เสียเวลา

“มีผู้พิทักษ์ประจำด่านหรือไม่?”  เจ้าอ้วนไห่กังวลเกี่ยวกับปัญหานี้มาก

“ใช่แล้ว มีตาแก่คนหนึ่งเป็นผู้อาวุโสจากหอทงเทียนของเราเป็นที่คาดกันว่าเขามีอายุอย่างน้อยมากกว่าสองหมื่นปีไม่รู้ว่าไปละเมิดความผิดถูกจองจำอยู่ในศาลาหลบฝนของหุบเขาพิรุณได้ยังไง  พวกเจ้าต้องให้ความเคารพและเอาเหล้าดีๆ ให้เขาถ้าตาเฒ่าขี้เมาถูกใจพวกเจ้าคนหรือสองคน พวกเจ้าจะได้กำไรทั้งชีวิตสำหรับในที่ของเขานั้น พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีอันตรายถึงตาย  เขาเป็นผู้อาวุโส  นี่จะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ข้าวางใจปล่อยให้พวกเจ้าไปฝึกที่นั่นได้อย่างปลอดภัยด่านแรกก็ถือว่ายากแล้ว  ถ้าจบลงได้ก็จะผ่านไปที่ด่านที่สองหุบเขาวายุ อยู่ตรงข้ามกับหุบเขาพิรุณถูกระบุไว้ว่าการฝึกฝนนั้นจะต้องบินภายใต้แรงกดดันมหาศาล ถ้าร่วงลงมาเดินบนพื้นพวกเจ้าจะถูกลงโทษ เรื่องนี้จะไม่พูดกันมาก พวกเจ้าต้องผ่านด่านแรกให้ได้เสียก่อน!” เย่ว์หยางคุยกับเสวี่ยทันหลางเกี่ยวกับเรื่องบันไดสวรรค์เมื่อเขาเล่าว่าเย่ว์ปิงได้มุกมายาฟ้าเป็นรางวัลในการทดสอบไต่บันไดสวรรค์ทุกคนรู้สึกสดชื่นโห่ร้องดีใจ

“เมื่อข้าผ่านการทดสอบสามด่านแรกในสนามทดสอบก่อนข้าจึงค่อยกลับไปที่บันไดสวรรค์ข้าไต่ระดับบันไดหมื่นขั้นเพื่อคว้ารางวัลให้ได้” เจ้าอ้วนไห่พูดด้วยความทะเยอทะยานสูง แต่ค่อนข้างโล�

“ฝันไปเถอะ” เย่คงแค่นเสียงเย็นชาเหมือนกับว่าเกิดมาเป็นคู่กัดกัน

“ถ้ายังไม่ผ่านสามด่านแรก ข้าจะไม่กลับหอทงเทียน”เสวี่ยทันหลางตัดสินใจแน่วแน่ แม้ว่าเขากลับไปบ้านเกิดก็คงมีความรุ่งโรจน์รออยู่ก็ตาม

“สุดยอดปราณก่อกำเนิด เรายังไม่มีทางเป็นได้ในตอนนี้  แต่สนามพลังและระดับเตรียมปราณฟ้าหรือระดับปราณฟ้าคือเป้าหมายของเราในตอนนี้ เราจะทำสิ่งนี้ให้ได้ในแดนสวรรค์” องค์ชายเทียนหลัวยังคงมีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่เช่นกันได้คำแนะนำบางอย่างจากเย่ว์หยางในการฝึกฝนโดยตรงมีการทดสอบฝีมือและได้รับการใส่ใจจากคนรุ่นก่อน ถ้าไม่พยายามให้หนักจะเสียเวลาเปล่าไปหรอกหรือ? ทำความเข้าใจสนามพลัง ยกระดับไปให้ถึงเตรียมปราณฟ้า และค่อยกลับไปประตูเป็นตายหรือบันไดสวรรค์ยกระดับพลังปราณราชันย์นี่คือเป้าหมายที่ยากสุดยอดในชีวิต

“ไม่ต้องกังวล ถ้ามีสถานการณ์ใดเกิดขึ้นและข้ายังไม่อยู่ พวกเจ้าจงกลับไปเมืองเจิ้งฝูก่อน มีผู้อาวุโสฝีมือดีอยู่ที่นั่นหลายคนน่าจะยังปลอดภัย  ให้พวกเขาชี้แนะพวกเจ้านับว่าไม่เลว” เย่ว์หยางแนะให้ทุกคนหาทางไปฝึกฝนที่เมืองเจิ้งฝูเมืองแห่งแรกที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีปักหลักสร้างขึ้นในแดนสวรรค์

ราชาหลิงหวินและถูไห่แม้ว่าจะเสียดายเล็กน้อยที่คุณชายสามไม่ได้อยู่ร่วมฝึกด้วย แต่พวกเขาลอบตกใจ

เย่ว์หยางไม่ได้พูดอะไรมากแต่ก็เปิดเผยข้อมูลออกมา

ข้อมูลที่ได้เพราะผ่านด่านได้มอบให้เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ

นี่หมายความว่ายังไง?กลับมาจากการเข้าด่านทดสอบนี้ได้ นี่เขาจากไปนานเท่าใดกันแน่...ราชาหลิงหวินและถูไห่และคนอื่นคิดถึงเรื่องนี้แล้วอดนับถือเย่ว์หยางไม่ได้

หัวหน้าเขตรกร้างที่แปดหลายคนรู้สึกทึ่งหลิงหวินคือคนที่ปกติจะหยิ่งลำพองมาก วันนี้เกิดอะไรขึ้น?

เด็กหนุ่มลึกลับผู้นี้มีอะไรพิเศษกันแน่?

พวกเขาทุกคนต้องการรู้จักเย่ว์หยางแต่ไม่มีโอกาส

หลังจากเย่ว์หยางส่งเจ้าอ้วนไห่และเย่คงและคนอื่นๆ เข้าดินแดนทดสอบ ก็เหาะจากไป

ราชาหลิงหวินและถูไห่แม้จะไม่พูดแต่ลอบมองหน้ากันเอง ตัดสินใจตามเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นไปอย่างกระชั้น ประการแรกเพื่อปกป้องพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นญาติและสหายของคุณชายสาม  ถ้าพวกเขาเป็นอันตรายเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเป็นสหายกับคุณชายสามได้อีก  ประการที่สองเจ้าอ้วนไห่เย่คงและคนอื่นมีข้อมูลในการเอาชนะอุปสรรคอาจจะมีแผนที่ผ่านเส้นทางอุปสรรคอยู่กับตัวพวกเขาทำให้ประหยัดเวลาและเรี่ยวแรงไปในตัว

เมื่อกลุ่มเขตรกร้างที่แปดกลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงครามกลุ่มใหญ่สามกลุ่มนี้เพื่อเอาชีวิตรอดจึงเข้าสู่ดินแดนแห่งการฝึกฝนและทดสอบอย่างเต็มที่

นักรบแดนทมิฬปรากฏตัวขึ้น

ตอนนี้พวกเขาลังเลเล็กน้อย

จะไล่ตาม?

หรือรออยู่ข้างนอก?

พวกเขาถูกตอบโต้อย่างแข็งขันจากพวกในค่ายพักแรม  มีผู้ได้รับบาดเจ็บและมีความเสียหายขนาดหนัก การนำกำลังติดตามอีกครั้งอาจถูกทำลายหมดสิ้นก็ได้

“พวกเจ้ายังห่วงเรื่องอะไร?  เจ้าตำหนักทั้งสองของเราและห้าผู้อาวุโสเข้าไปหมดแล้ว คอยลอบทำร้ายพวกเขา ที่พวกเจ้าต้องทำก็คือไล่ติดตามกดดันพวกเขาไม่ถึงกับทำให้พวกเขาพ่ายแพ้จนกระจายกันแยกย้ายหนี  พวกเจ้าคิดว่าเราต้องการกำลังพวกเจ้าเพื่อให้งานสำเร็จจริงๆหรือ? น่าขันจริงๆ  เราให้โอกาสพวกเจ้าเข้าใจไหม?  ต่อให้ไม่มีพวกเจ้าเราก็ทำงานได้สำเร็จอย่างง่ายดาย นี่เป็นโอกาสนิรโทษกรรมให้แก่พวกเจ้า ไถ่บาปที่พวกเจ้าเคยทำไว้..จัดการให้ข้าเดี๋ยวนี้ ทุ่มเทกำลังทั้งหมด!”  ผู้อาวุโสตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ผู้มีพลังปราณฟ้าระดับห้าชั้นสูงปรากฏตัวขึ้น แม้ว่าพลังของเขาเทียบได้กับหัวหน้าของนักรบแดนทมิฬจะมีความน่าเกรงขามน้อยกว่า แต่สถานะของเขาสูงส่งสามารถดุด่าฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเต็มที่

“ดี, ข้าหวังว่าหลังจากที่เราเสียสละอย่างเพียงพอเราจะได้รับลูกและเมียเป็นการแลกเปลี่ยน สตรี เด็ก คนชราล้วนอ่อนแอ” ในพวกหัวหน้านักรบแดนทมิฬทั้งสิบคนหัวหน้าหลักตัดสินใจพาพวกเข้าสู่ดินแดนทดสอบพลังทันที

เมื่อพวกเขาเข้าไปจนหมดผู้อาวุโสตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หัวเราะ “ก็แค่คนโง่เขลากลุ่มหนึ่ง!”

ในค่ายพักแรมที่พังทลายมีพื้นที่บริการขนาดใหญ่ ที่ปากทางเข้ายังมีทหารเฝ้าประจำการณ์ผู้อาวุโสของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์บินขึ้นไปบนท้องฟ้าควบรวมพลังลูกบอลแสงและยิงลงไปข้างล่าง ทหารที่อยู่ประจำในพื้นที่ซึ่งให้ความเคารพผู้อาวุโส และผู้รับใช้จากกลุ่มอิทธิพลทั้งสามที่เหลืออยู่ถูกโจมตีเต็มที่

ผู้อาวุโสผู้มองอย่างผิวเผินแสดงความเป็นมิตรเห็นผลความเสียหายที่น่ากลัวเกิดจากฝีมือของเขาเองเขาหัวเราะอย่างย่ามใจ  “แดนสวรรค์ตะวันตกจงวุ่นวายเข้าไป  ยิ่งวุ่นวายก็ยิ่งดี!  แดนสวรรค์จะขาดการนองเลือดและไฟสงครามได้ยังไง สงบสุขเกินไป มั่นคงเกินไปยังนับได้ว่าเป็นแดนสวรรค์อีกหรือ?”

“ปัญญาอ่อน!” เสียงด่าเบาๆ ดังแทรกเสียงหัวเราะเหมือนกับประกายสายฟ้าท่ามกลางความมืดมิด

“ใครกัน?”ผู้อาวุโสตกใจหันหน้ากลับมองอย่างตะลึง

เขาพบว่ามีหนึ่งบุรุษและสองสตรีบินมาจากระยะไกลในกลุ่มพวกเขา สตรีสวมชุดนักดาบจ้องมองเขาด้วยสายตาแหลมคมราวกับดาบ

ดูเหมือนว่านางเป็นคนที่พูดออกมา  ใบหน้าของผู้อาวุโสที่สง่างามกลายเป็นน่าเกลียดพวกมดแมลงระดับเตรียมปราณฟ้ากล้าด่าตัวเขา ช่างเป็นเรื่องคาดไม่ถึง?  เขาเตรียมจะใช้พลังโจมตีฝ่ายตรงข้ามเป็นครั้งที่สองแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นดาบในมือของฝ่ายตรงข้ามเป็นดาบชั้นเทพ เขาตกใจทันที“อาวุธระดับเทพ? เจ้าได้อาวุธมาจากไหน? เป็นไปได้ยังไงที่เจ้ามีดาบชั้นเทพ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด