ตอนที่ 786 ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง
เย่ว์หยางกลับไปแดนสวรรค์ตะวันตก
เขาพบว่าค่ายพักแรมก่อนหน้านี้เหลือแต่เถ้าถ่านแม้ว่าการสู้รบจะจบลงแล้ว แต่เปลวไฟยังคงไหม้อยู่ไม่ใช่แต่เพียงที่ตั้งค่ายเท่านั้นที่ไฟไหม้จนเหลือแต่เถ้าถ่าน แต่พื้นที่โดยรอบถล่มทลายเหลือแต่ซากหักพัง ที่ทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจที่สุดก็คือกลุ่มเขตรกร้างที่แปด กลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงครามร่วมมือกันได้ชัยชนะ อย่างน้อยนักรบแดนทมิฬก็ถอนกำลังออกไปชั่วคราว
ในช่วงเวลาที่นักรบแดนทมิฬโจมตีอย่างหนักทั้งสามกลุ่มทำงานร่วมกัน
เตรียมความพร้อมก่อนสงครามจะเริ่ม
หลังจากทุ่มเทกำลังมหาศาลในที่สุดก็เอาชนะนักรบแดนทมิฬและขับไล่พวกเขากลับไปได้
“คุณชายสาม, ถ้าไม่ใช่เพราะข้อมูลของท่าน ข้าเกรงว่า...” เกี่ยวกับการกลับมาอย่างลับๆ ของเย่ว์หยางราชาหลิงหวินรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณ แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางเตือนเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นอย่าว่าแต่ราชาหลิงหวิน บางทีแม้แต่กลุ่มเขตรกร้างที่แปดกระทั่งพื้นที่ตั้งค่ายพักแรมทั้งหมดคงถูกกำจัดหมดสิ้น
“ต่อไปท่านคิดจะทำอะไร?จะเข้าดินแดนทดสอบหรือจะจากไป?” เย่ว์หยางถาม
“เราตัดสินใจจะเข้าไปลองดู” ราชาหลิงหวินและถูไห่ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนแต่รู้ว่าไม่มีสมบัติลับรอการขุดค้นพบโดยคนรุ่นหลังในโบราณสถาน แต่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หลังจากพื้นที่ทดสอบลับถูกเปิดเผยกลับมีเรื่องที่ท้าทายความคิดตนเอง ไม่ได้มีสมบัติประดิษฐ์อย่างนั้น อย่างไรก็ตามหลายๆ อย่างไม่สามารถแบ่งปันกันอย่างเท่าเทียมได้ ก็ต้องรู้ว่าเริ่มกันที่ด่านแรก บางทีอาจจะผ่านการฝึกฝนได้! ขณะเดียวกันพวกเขายังมีความคิดอย่างหนึ่งนั่นคือ การแยกจากไปอาจจะเสี่ยงถูกนักรบแดนทมิฬล้อมโจมตี แทนที่จะออกไปเสี่ยง พวกเขาจะอยู่รวมกันและเอาชนะอุปสรรคผ่านด่านไปให้ได้
“ก็ดีเหมือนกัน” เย่ว์หยางมองดูเจ้าอ้วนไห่ เย่คง เสวี่ยทันหลางองค์ชายเทียนหลัวและพี่น้องตระกูลหลี่ พวกเขาตัดสินใจจะเข้าไปทดสอบ
เมื่อเห็นเย่ว์หยางมีเรื่องอื่นจะพูดอีกราชาหลิงหวินและคนอื่นถอยออกมา
จะเลือกฝึกในบันไดสวรรค์หรือผ่านด่านทดสอบในแดนสวรรค์
เย่ว์หยางอธิบายรายละเอียดสถานการณ์ในที่สุดเสวี่ยทันหลางตัดสินใจในนามพวกเขาขออยู่ฝึกต่อ
ไม่ได้หมายความว่าบันไดสวรรค์ไม่ดีแต่หลักๆ เพราะบันไดสวรรค์อยู่ในหอทงเทียน ถ้ามีโอกาสก็สามารถไปฝึกได้ทุกเมื่อ แต่การฝึกฝนในแดนสวรรค์นี้จะไม่เกิดอีก เวลาแห่งการฝึกในแดนสวรรค์จะไม่มีให้เห็นอีกต่อไป ถ้าพลาดครั้งนี้ต่อไปหลายคนจะไม่ได้ท้าทายอีกจะไม่มีนักรบแดนทมิฬมาสร้างสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องเดินหน้าฝึกฝนต่อไป...
เย่ว์หยางไม่ประหลาดใจกับการตัดสินใจเช่นนั้น
ก่อนอื่นฮุยไท่หลางจะให้ความสนใจดูแลความปลอดภัยของทุกคนและจากนั้นอธิบายสถานการณ์ของด่านที่หนึ่งหุบเขาพิรุณ
“ด่านแรกคือหุบเขาพิรุณ ในหุบเขาพิรุณจะมีข้อจำกัดจากกฎสวรรค์คือห้ามเรียกอสูร มิฉะนั้นจะมีอสูรมายาออกมาโจมตีสามครั้งและการโจมตีนี้จะไม่หยุดจนกว่าอสูรอัญเชิญจะตายนี่คือเหตุผลที่นักสู้ปราณฟ้ามีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสิบนาที นอกจากไม่สามารถอัญเชิญสัตว์อสูรได้แล้วยังไม่สามารถบินได้ ถ้าใครต้องการบินจะต้องเผชิญกับขีดจำกัดจากกฎสวรรค์ ถ้าจะพยายามทำลายออกจากเส้นทางพวกเขาจะถูกพลังสายฟ้าลงโทษและในหุบเขาพิรุณมีเส้นทางเขาวงกต แต่เส้นทางมีข้อกำหนดชัดว่าจะต้องไปตามเส้นทางข้างหน้ามิฉะนั้นจะหลงทางได้ มีข้อจำกัดในการทะลุผ่านช่องว่างมิติ มิฉะนั้นจะถูกกฎสวรรค์ลงโทษ ถ้าทักษะพลังอ่อนแอ จะถูกฆ่าตายเหลือแต่เถ้าธุลี” เย่ว์หยางไม่พูดบอกราชาหลิงหวิน แต่เพื่อกลุ่มของพวกเขาเองเขาต้องบอกความจริงเป็นธรรมดา อย่างน้อยจะได้ไม่ถูกพลังกฎสวรรค์ฆ่าตายทันที
“น่ากลัวจริง” เจ้าอ้วนไห่พอได้ยินก็กลัวจนหน้าซีดขาว เขาไม่กลัวศัตรูแข็งแกร่ง แต่เรื่องกลัวพลังกฎสวรรค์ ไม่มีใครเกินเขา
“เส้นทางวงกตในหุบเขาพิรุณ ข้าสามารถวาดภาพให้พวกเจ้าได้ ท่านหลิงหวิน ถูไห่พวกท่านจะได้ภาพหนึ่ง ถ้าพวกท่านต้องการผ่านทางเขาวงกตท่านต้องปกป้องตัวเองให้ดี” เย่ว์หยางวาดภาพพร้อมกับชี้ให้ดู ฮุยไท่หลางพยักหน้าแสดงว่ามันเข้าใจ
“อย่างนั้นราชาหลิงหวินไม่รู้จักภาษารูนสวรรค์หรือ?” องค์ชายเทียนหลัวรู้สึกได้ทันที
“อย่าว่าแต่พวกเขาเลยขนาดรองเจ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่มีความเข้าใจภาษารูนสวรรค์เท่าใด ภาษารูนสวรรค์แม้จะไม่ยากเท่าภาษารูนโบราณหรือภาษารูนอมตะแต่เป็นภาษาที่หาได้ยากมาก ในแดนสวรรค์เมื่อก่อนนี้ภาษารูนเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วไปแต่บัดนี้นอกจากสุดยอดนักรบแต่ละคนแล้ว นักรบท้องถิ่นและนักรบแดนสวรรค์ส่วนใหญ่ไม่ได้รู้ไม่ได้เข้าใจเมื่อเทียบกับหอทงเทียนของเรา อีกอย่างหนึ่ง อักษรรูนสวรรค์ในแดนสวรรค์แทบจะสาบสูญไปแล้ว ในหุบเขาพิรุณมีหลายที่เขียนคำแนะนำไว้ด้วยอักษรรูน พวกเจ้าฉวยโอกาสศึกษาเอาไว้ รูปแบบวงเวทอักษรรูนมีความลึกลับมาก ถ้าพวกเจ้าสามารถถือโอกาสเรียนรู้ในหุบเขาพิรุณ ต่อไปเรื่องนี้จะช่วยพวกเจ้าได้อย่างแน่นอน”เย่ว์หยางอธิบาย
“เข้าใจแล้ว”เย่คงเชื่อเย่ว์หยางโดยไม่ต้องใคร่ครวญให้เสียเวลา
“มีผู้พิทักษ์ประจำด่านหรือไม่?” เจ้าอ้วนไห่กังวลเกี่ยวกับปัญหานี้มาก
“ใช่แล้ว มีตาแก่คนหนึ่งเป็นผู้อาวุโสจากหอทงเทียนของเราเป็นที่คาดกันว่าเขามีอายุอย่างน้อยมากกว่าสองหมื่นปีไม่รู้ว่าไปละเมิดความผิดถูกจองจำอยู่ในศาลาหลบฝนของหุบเขาพิรุณได้ยังไง พวกเจ้าต้องให้ความเคารพและเอาเหล้าดีๆ ให้เขาถ้าตาเฒ่าขี้เมาถูกใจพวกเจ้าคนหรือสองคน พวกเจ้าจะได้กำไรทั้งชีวิตสำหรับในที่ของเขานั้น พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีอันตรายถึงตาย เขาเป็นผู้อาวุโส นี่จะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ข้าวางใจปล่อยให้พวกเจ้าไปฝึกที่นั่นได้อย่างปลอดภัยด่านแรกก็ถือว่ายากแล้ว ถ้าจบลงได้ก็จะผ่านไปที่ด่านที่สองหุบเขาวายุ อยู่ตรงข้ามกับหุบเขาพิรุณถูกระบุไว้ว่าการฝึกฝนนั้นจะต้องบินภายใต้แรงกดดันมหาศาล ถ้าร่วงลงมาเดินบนพื้นพวกเจ้าจะถูกลงโทษ เรื่องนี้จะไม่พูดกันมาก พวกเจ้าต้องผ่านด่านแรกให้ได้เสียก่อน!” เย่ว์หยางคุยกับเสวี่ยทันหลางเกี่ยวกับเรื่องบันไดสวรรค์เมื่อเขาเล่าว่าเย่ว์ปิงได้มุกมายาฟ้าเป็นรางวัลในการทดสอบไต่บันไดสวรรค์ทุกคนรู้สึกสดชื่นโห่ร้องดีใจ
“เมื่อข้าผ่านการทดสอบสามด่านแรกในสนามทดสอบก่อนข้าจึงค่อยกลับไปที่บันไดสวรรค์ข้าไต่ระดับบันไดหมื่นขั้นเพื่อคว้ารางวัลให้ได้” เจ้าอ้วนไห่พูดด้วยความทะเยอทะยานสูง แต่ค่อนข้างโล�
“ฝันไปเถอะ” เย่คงแค่นเสียงเย็นชาเหมือนกับว่าเกิดมาเป็นคู่กัดกัน
“ถ้ายังไม่ผ่านสามด่านแรก ข้าจะไม่กลับหอทงเทียน”เสวี่ยทันหลางตัดสินใจแน่วแน่ แม้ว่าเขากลับไปบ้านเกิดก็คงมีความรุ่งโรจน์รออยู่ก็ตาม
“สุดยอดปราณก่อกำเนิด เรายังไม่มีทางเป็นได้ในตอนนี้ แต่สนามพลังและระดับเตรียมปราณฟ้าหรือระดับปราณฟ้าคือเป้าหมายของเราในตอนนี้ เราจะทำสิ่งนี้ให้ได้ในแดนสวรรค์” องค์ชายเทียนหลัวยังคงมีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่เช่นกันได้คำแนะนำบางอย่างจากเย่ว์หยางในการฝึกฝนโดยตรงมีการทดสอบฝีมือและได้รับการใส่ใจจากคนรุ่นก่อน ถ้าไม่พยายามให้หนักจะเสียเวลาเปล่าไปหรอกหรือ? ทำความเข้าใจสนามพลัง ยกระดับไปให้ถึงเตรียมปราณฟ้า และค่อยกลับไปประตูเป็นตายหรือบันไดสวรรค์ยกระดับพลังปราณราชันย์นี่คือเป้าหมายที่ยากสุดยอดในชีวิต
“ไม่ต้องกังวล ถ้ามีสถานการณ์ใดเกิดขึ้นและข้ายังไม่อยู่ พวกเจ้าจงกลับไปเมืองเจิ้งฝูก่อน มีผู้อาวุโสฝีมือดีอยู่ที่นั่นหลายคนน่าจะยังปลอดภัย ให้พวกเขาชี้แนะพวกเจ้านับว่าไม่เลว” เย่ว์หยางแนะให้ทุกคนหาทางไปฝึกฝนที่เมืองเจิ้งฝูเมืองแห่งแรกที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีปักหลักสร้างขึ้นในแดนสวรรค์
ราชาหลิงหวินและถูไห่แม้ว่าจะเสียดายเล็กน้อยที่คุณชายสามไม่ได้อยู่ร่วมฝึกด้วย แต่พวกเขาลอบตกใจ
เย่ว์หยางไม่ได้พูดอะไรมากแต่ก็เปิดเผยข้อมูลออกมา
ข้อมูลที่ได้เพราะผ่านด่านได้มอบให้เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ
นี่หมายความว่ายังไง?กลับมาจากการเข้าด่านทดสอบนี้ได้ นี่เขาจากไปนานเท่าใดกันแน่...ราชาหลิงหวินและถูไห่และคนอื่นคิดถึงเรื่องนี้แล้วอดนับถือเย่ว์หยางไม่ได้
หัวหน้าเขตรกร้างที่แปดหลายคนรู้สึกทึ่งหลิงหวินคือคนที่ปกติจะหยิ่งลำพองมาก วันนี้เกิดอะไรขึ้น?
เด็กหนุ่มลึกลับผู้นี้มีอะไรพิเศษกันแน่?
พวกเขาทุกคนต้องการรู้จักเย่ว์หยางแต่ไม่มีโอกาส
หลังจากเย่ว์หยางส่งเจ้าอ้วนไห่และเย่คงและคนอื่นๆ เข้าดินแดนทดสอบ ก็เหาะจากไป
ราชาหลิงหวินและถูไห่แม้จะไม่พูดแต่ลอบมองหน้ากันเอง ตัดสินใจตามเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นไปอย่างกระชั้น ประการแรกเพื่อปกป้องพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นญาติและสหายของคุณชายสาม ถ้าพวกเขาเป็นอันตรายเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเป็นสหายกับคุณชายสามได้อีก ประการที่สองเจ้าอ้วนไห่เย่คงและคนอื่นมีข้อมูลในการเอาชนะอุปสรรคอาจจะมีแผนที่ผ่านเส้นทางอุปสรรคอยู่กับตัวพวกเขาทำให้ประหยัดเวลาและเรี่ยวแรงไปในตัว
เมื่อกลุ่มเขตรกร้างที่แปดกลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงครามกลุ่มใหญ่สามกลุ่มนี้เพื่อเอาชีวิตรอดจึงเข้าสู่ดินแดนแห่งการฝึกฝนและทดสอบอย่างเต็มที่
นักรบแดนทมิฬปรากฏตัวขึ้น
ตอนนี้พวกเขาลังเลเล็กน้อย
จะไล่ตาม?
หรือรออยู่ข้างนอก?
พวกเขาถูกตอบโต้อย่างแข็งขันจากพวกในค่ายพักแรม มีผู้ได้รับบาดเจ็บและมีความเสียหายขนาดหนัก การนำกำลังติดตามอีกครั้งอาจถูกทำลายหมดสิ้นก็ได้
“พวกเจ้ายังห่วงเรื่องอะไร? เจ้าตำหนักทั้งสองของเราและห้าผู้อาวุโสเข้าไปหมดแล้ว คอยลอบทำร้ายพวกเขา ที่พวกเจ้าต้องทำก็คือไล่ติดตามกดดันพวกเขาไม่ถึงกับทำให้พวกเขาพ่ายแพ้จนกระจายกันแยกย้ายหนี พวกเจ้าคิดว่าเราต้องการกำลังพวกเจ้าเพื่อให้งานสำเร็จจริงๆหรือ? น่าขันจริงๆ เราให้โอกาสพวกเจ้าเข้าใจไหม? ต่อให้ไม่มีพวกเจ้าเราก็ทำงานได้สำเร็จอย่างง่ายดาย นี่เป็นโอกาสนิรโทษกรรมให้แก่พวกเจ้า ไถ่บาปที่พวกเจ้าเคยทำไว้..จัดการให้ข้าเดี๋ยวนี้ ทุ่มเทกำลังทั้งหมด!” ผู้อาวุโสตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ผู้มีพลังปราณฟ้าระดับห้าชั้นสูงปรากฏตัวขึ้น แม้ว่าพลังของเขาเทียบได้กับหัวหน้าของนักรบแดนทมิฬจะมีความน่าเกรงขามน้อยกว่า แต่สถานะของเขาสูงส่งสามารถดุด่าฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเต็มที่
“ดี, ข้าหวังว่าหลังจากที่เราเสียสละอย่างเพียงพอเราจะได้รับลูกและเมียเป็นการแลกเปลี่ยน สตรี เด็ก คนชราล้วนอ่อนแอ” ในพวกหัวหน้านักรบแดนทมิฬทั้งสิบคนหัวหน้าหลักตัดสินใจพาพวกเข้าสู่ดินแดนทดสอบพลังทันที
เมื่อพวกเขาเข้าไปจนหมดผู้อาวุโสตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หัวเราะ “ก็แค่คนโง่เขลากลุ่มหนึ่ง!”
ในค่ายพักแรมที่พังทลายมีพื้นที่บริการขนาดใหญ่ ที่ปากทางเข้ายังมีทหารเฝ้าประจำการณ์ผู้อาวุโสของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์บินขึ้นไปบนท้องฟ้าควบรวมพลังลูกบอลแสงและยิงลงไปข้างล่าง ทหารที่อยู่ประจำในพื้นที่ซึ่งให้ความเคารพผู้อาวุโส และผู้รับใช้จากกลุ่มอิทธิพลทั้งสามที่เหลืออยู่ถูกโจมตีเต็มที่
ผู้อาวุโสผู้มองอย่างผิวเผินแสดงความเป็นมิตรเห็นผลความเสียหายที่น่ากลัวเกิดจากฝีมือของเขาเองเขาหัวเราะอย่างย่ามใจ “แดนสวรรค์ตะวันตกจงวุ่นวายเข้าไป ยิ่งวุ่นวายก็ยิ่งดี! แดนสวรรค์จะขาดการนองเลือดและไฟสงครามได้ยังไง สงบสุขเกินไป มั่นคงเกินไปยังนับได้ว่าเป็นแดนสวรรค์อีกหรือ?”
“ปัญญาอ่อน!” เสียงด่าเบาๆ ดังแทรกเสียงหัวเราะเหมือนกับประกายสายฟ้าท่ามกลางความมืดมิด
“ใครกัน?”ผู้อาวุโสตกใจหันหน้ากลับมองอย่างตะลึง
เขาพบว่ามีหนึ่งบุรุษและสองสตรีบินมาจากระยะไกลในกลุ่มพวกเขา สตรีสวมชุดนักดาบจ้องมองเขาด้วยสายตาแหลมคมราวกับดาบ
ดูเหมือนว่านางเป็นคนที่พูดออกมา ใบหน้าของผู้อาวุโสที่สง่างามกลายเป็นน่าเกลียดพวกมดแมลงระดับเตรียมปราณฟ้ากล้าด่าตัวเขา ช่างเป็นเรื่องคาดไม่ถึง? เขาเตรียมจะใช้พลังโจมตีฝ่ายตรงข้ามเป็นครั้งที่สองแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นดาบในมือของฝ่ายตรงข้ามเป็นดาบชั้นเทพ เขาตกใจทันที“อาวุธระดับเทพ? เจ้าได้อาวุธมาจากไหน? เป็นไปได้ยังไงที่เจ้ามีดาบชั้นเทพ!”