ตอนที่ 21-38 โกหก!
“ฮ่าฮ่า...”
เสียงหัวเราะตื่นเต้นร่าเริงดีใจดังมาจากทางเดินดวงดาว
“สำเร็จแล้ว!”
“มันจบแล้ว!”
พวกทูตมหาเทพเหล่านั้นรวมทั้งกลุ่มของบรีเซิลหกคนและทหารของแดนนรกทุกคนมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า พวกเขาตื่นเต้นไม่ใช่เพราะพวกเขาสู้ได้เสมอ แต่เพราะพวกเขายังคงมีชีวิต! พวกเขาสามารถรอดชีวิตจากสงครามมหาพิภพที่น่ากลัวสยดสยองได้
จากอสูรเจ็ดดาวสามร้อยคนเหลือรอดชีวิตราวๆ สี่สิบคนเป็นธรรมดาที่ผู้รอดตายจะลิงโลดดีใจ
ห่างออกไปหลายแสนกิโลเมตรบนยอดเขา มหาเทพต่างสนทนาในกลุ่มพวกเขากันเอง “โอล็อฟ รอบนี้เจ้าแพ้!” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง วอร์เรดก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าได้ในที่สุด
ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟหัวเราะเบาๆ“ฮ่าฮ่า..วอร์เรดในเมื่อเราสู้เสมอกัน ก็อาจกล่าวว่าข้าแพ้ในรอบนี้ก็ได้ อย่างไรก็ตามวอร์เรดเหตุผลใหญ่ที่ฝ่ายแดนนรกของเจ้าสามารถเอาชนะได้เป็นเพราะหกทูตที่ก่อตั้งพยุหะรบหกทูตนั้นเป็นคนของมหาเทพคนไหน?”
โอล็อฟดูไม่เหมือนว่าจะผิดหวังหรือท้อถอยเพราะพ่ายแพ้เลย เขายิ้มร่าเริงเหมือนเคย
“ทูตทั้งหกนั้นเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของลินลี่ย์!” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างกล่าว“โอว?” ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟอดหันไปมองลินลี่ย์ไม่ได้
มหาเทพที่ได้ยินคำสนทนาระหว่างประมุขมหาเทพทั้งสองก็หันไปมองลินลี่ย์เหมือนกัน ดังนั้นทั้งหกคนที่ส่งผลกระทบใหญ่ต่อสงครามมหาพิภพครั้งนี้เป็นทูตของลินลี่ย์
“ลินลี่ย์! ครั้งนี้เจ้าช่วยวอร์เรดไว้ได้มากเลยทีเดียว” โอล็อฟหัวเราะขณะมองดูลินลี่ย์ ลินลี่ย์พูดหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ทั้งหมดที่ข้ามีก็แค่ทูตหกคน ถ้าท่านลอร์ดโอล็อฟสามารถหาเทพพารากอนมาได้ คนผู้นั้นจะสามารถฆ่าเทวทูตสิบสองปีกได้สักร้อยหรือสองร้อยได้ง่าย ถ้าทุ่มเทกันจริงๆพารากอนคนเดียวก็สามารถเปลี่ยนผลการสู้รบได้เช่นกัน”
เมื่อพวกเขาทั้งหกคนผนึกกำลังกันในการสู้รบ พวกเขาก็มีประสิทธิภาพพอๆ กับเทพพารากอนคนหนึ่ง
“เทพพารากอน? จะมีเทพพารากอนสักกี่คนที่ยินดีจะเสี่ยงชีวิตตัวเองเข้าร่วมสงครามมหาพิภพ?”ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟหัวเราะเบาๆ “ถ้าไม่มีอันตรายเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเขาอาจยินดีช่วยก็ได้ แต่เนื่องจากนี่เป็นสถานการณ์อันตรายเพียงไหนไม่มีใครยินดีจะเข้ามาในสถานการณ์เช่นนี้”
สำหรับพารากอนแม้แต่สมบัติมหาเทพก็ยังไม่สำคัญ แล้วอะไรอื่นจะดึงดูดให้พารากอนเข้าร่วมรบได้เล่า? ไม่มีอะไรเลย! และเป็นธรรมดาไม่มีพารากอนคนไหนยินดีจะเข้ามาร่วมรบ
“ลินลี่ย์ ข้ามีความสงสัย ทูตคนไหนที่อยู่ในบังคับบัญชาของเจ้าสามารถพัฒนาพยุหะรบนั้นได้?” ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟถามทันที
“พยุหะรบนี้มีชื่อพยุหะสังสารวัฏ ถูกพัฒนาโดยทูตคนหนึ่งของข้าเขาใช้เวลาค้นคว้านมานานนับปีไม่ถ้วน” ลินลี่ย์ไม่ได้พยายามปกปิดอะไร
“พยุหะรบสังสารวัฏ..สังสารวัฏ...สังสารวัฏ!” ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟพึมพำคำนี้อยู่สองสามครั้ง จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย และเขาหันไปมองลินลี่ย์ยิ้มและพยักหน้าให้เช่นกัน “ทูตที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเจ้านั้นต้องเป็นปรมาจารย์ด้านพัฒนาวงเวทต่างๆเป็นแน่ เขาสามารถพัฒนาการผสานงานที่แปลกประหลาดและใช้พลังน้อยได้ แม้แต่ข้าก็ต้องยอมรับว่ารู้สึกชื่นชมเขา!”
“เฮ้, โอล็อฟ หลังจากแพ้แล้วเจ้ายังดีใจอยู่ได้ยังไง?” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะหัวเราะเบาๆ ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟพูดพร้อมกับยิ้ม“ชัยชนะ, พ่ายแพ้? ได้มา เสียไป ...นี่เป็นแนวความคิดเปรียบเทียบเท่านั้น เจ้าไม่สามารถตัดสินชัยชนะหรือพ่ายแพ้แค่มองจากเหตุการณ์ผิวเผินได้..ฮ่าฮ่า” ประมุขมหาเทพวิถีชะตาหัวเราะอย่างดีใจไม่กังวลอะไรเลย “ทุกคน, ข้าจะไม่รั้งอยู่ที่นี่ต่อไป ข้าจะกลับไปที่แดนสวรรค์ในตอนนี้จริงสิ..ลินลี่ย์..”
โอล็อฟหันไปมองลินลี่ย์ทันที จากนั้นกล่าวและหัวเราะ “เมื่อเจ้าว่าง เจ้าต้องมาเที่ยวเล่นที่อุทยานโอล็อฟให้จงได้ ข้าเชิญเจ้าไว้หลายครั้งแล้ว”
“แน่นอน แน่นอน” ลินลี่ย์ตอบรับทันที และจากนั้นโอล็อฟพามหาเทพของแดนสวรรค์ผ่านเข้าไปในรอยฉีกมิติที่เขาสร้างไว้
“โอล็อฟ...” ลินลี่ย์ต้องถอนหายใจชื่นชมเขาในใจ ในช่วงไม่กี่วันนี้เขาได้ติดต่อกับประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟในหลายโอกาส ลินลี่ย์เริ่มชื่นชมโอล็อฟ
“ไม่ว่าชนะหรือแพ้ เขาก็ยังเยือกเย็นและเก็บตัวเหมือนกับว่าไม่มีอะไรในโลกที่สามารถทำให้เขาโกรธได้” ลินลี่ย์ถอนหายใจชื่นชม ถ้าโอล็อฟชนะในสงครามมหาพิภพนี้เขาจะได้รับพลังปณิธานเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง แต่โอล็อฟดูเหมือนไม่ตื่นเต้นเลยไม่ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ เขาเหมือนกับไม่ท้อแท้เลยแม้แต่น้อย
ความเยือกเย็นเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่มหาเทพอื่นจะเทียบกับเขาได้
แดนนรกเทือกเขาสกายไรท์
ครึ่งปีผ่านไปนับแต่เสร็จสิ้นสงครามมหาพิภพ ที่พำนักของลินลี่ย์ยังคงสงบเงียบเหมือนเคย
“เวดก็ออกไปท่องเที่ยวผจญภัยด้วยเช่นกัน” ลินลี่ย์เดินอยู่บนระเบียงกว้างมองดูลูกหลานตระกูลบาลุคที่รวมตัวอยู่ในสนามหญ้า “พวกเขาทุกคนชอบต่อสู้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน อีกไม่นานลูกหลานเหล่านี้จะออกไปทดสอบตนเองผ่านการผจญภัย”
ลินลี่ย์ออกไปตามทางเดินและเลี้ยวเข้าไปในสวนที่เงียบสงบ บีบีกับนีซกำลังพูดคุยสนทนาบางอย่างที่มุมสวน และทั้งสองต่างหัวเราะร่าเริง
“เอ๊ะ?” ลินลี่ย์หันไปเห็นฮ็อกบิดาของเขา และลีน่ามารดาของเขา พวกเขาเดินออกมาจากประตูสวน “ลินลี่ย์” ฮ็อกยิ้มให้แต่ไกล “ท่านพ่อ ท่านแม่” ลินลี่ย์คำนับทันที
“มีบางอย่างที่พ่ออยากจะคุยกับลูก” ฮ็อกพูดพลางหัวเราะ “เร็วๆนี้แม่ของเจ้ากับพ่อเตรียมจะไปท่องเที่ยวในพิภพโลกธาตุ เจ้ากับเดเลียจะไปพร้อมกับเราด้วยไหม?” มีพิภพโลกธาตุมากเกินไปและหลายๆพิภพมีลักษณะเฉพาะตัว บางพิภพก็มีเผ่าพันธุ์ที่ไม่เหมือนใคร ขณะที่หลายๆ ที่ก็มีสิ่งมีชีวิตที่แปลกแตกต่าง
จะไปท่องเที่ยวพิภพโลกธาตุมากมายในจักรวาลยังน่าสนใจมากยิ่งกว่ารั้งอยู่ในแดนนรกมากนัก
“ไม่จำเป็น” ลินลี่ย์หัวเราะ ปฏิเสธและส่ายศีรษะ “ลูกคนนี้...” ฮ็อกอดส่ายหน้าและถอนหายใจหัวเราะมิได้ ลีน่ามารดาของเขาพูดและหัวเราะไปด้วย “ฮ็อก! อย่าฝืนใจลินลี่ย์เลย เขาสามารถไปที่ใดก็ได้ที่เขาชอบ”
ลินลี่ย์มีร่างแยกธาตุไฟและยังสามารถเข้าดินแดนโลกธาตุได้ตามที่เขาต้องการ
ลินลี่ย์อำลาพ่อแม่จากนั้นเดินออกมาเอง
ภายในลานที่เงียบสงบ นี่คือสถานที่ซึ่งลินลี่ย์ใช้ฝึกตามปกติ เขายืนนิ่งอยู่กับที่บนพื้นหญ้าแผ่สำนึกเทพหลอมรวมของเขาไปจนตลอดแดนนรก “หมื่นปี..กับการเดินทางไกลอย่างนั้น...” ภายในใจของลินลี่ย์มีภาพประวัติศาสตร์ของตัวเขาตั้งแต่เป็นทารกหัดเดิน มีภาพบิดาผุดผ่านเข้ามา ปู่เดลิน บีบี วอร์ตันเดเลีย พี่ใหญ่เยล จอร์จ เรย์โนลด์” ภาพทุกคนปรากฏเข้ามาในใจของเขา คนเหล่านี้ประทับลึกอยู่ในวิญญาณของเขา
แต่บัดดลนั้นลินลี่ย์คิดถึงใครหนึ่ง“ท่านแม่!” เมื่อลินลี่ย์คิดถึงลีน่ามารดาของเขา ลินลี่ย์อดถอนหายใจไม่ได้ แม้ว่าลีนามารดาของเขาจะสนิทสนมกับฮ็อกบิดาของเขาอย่างรวดเร็วแต่หลังจากผ่านไปนานนับปีไม่ถ้วน ยังคงมีระยะห่างระหว่างลีน่าและลินลี่ย์กับวอร์ตัน ลีน่าไม่มีความรักฉันท์มารดาที่มีต่อบุตรของนางอย่างลินลี่ย์และวอร์ตัน
ลินลี่ย์และวอร์ตันไม่รู้จะพูดยังไง?“ น่าเสียดายนั่นเป็นเพราะมารดาสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไปก่อนที่นางเป็นเทวทูต” ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ แต่ในขณะนั้น...
“ควั่บ!มีร่างหนึ่งลอยลงมาจากฟ้า ”ลอร์ดวอร์เรด” ลินลี่ย์เห็นว่าผู้มาใหม่ก็คือประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง วอร์เรด
ใบหน้าวอร์เรดในชุดดำมีรอยยิ้ม “ลินลี่ย์, ครั้งก่อนช่วงสงครามมหาพิภพทูตทั้งหกที่เจ้าส่งไปนั้นมีผลต่อการรบมาก ข้ารู้ว่าเจ้าใช้เวลาหลายร้อยปีในการค้นหาพวกเขาทั้งหกคน ข้ายังไม่เคยมาขอบคุณกับสิ่งที่เจ้าได้กระทำเลยสักครา...”
“ท่านวอร์เรดข้าต้องหาทูตของข้าเองเป็นปกติอยู่แล้ว” ลินลี่ย์หัวเราะ ลินลี่ย์มีสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างอยู่แล้ว
“ฮ่าฮ่า, พอแค่นั้นก่อนลินลี่ย์ ยังไงข้าก็เป็นหนี้เจ้าอยู่ดี” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างวอร์เรดพูดกลั้วเสียงหัวเราะ “ถ้ามีอะไรที่เจ้าต้องการตราบเท่าที่ข้าทำให้ได้.. เจ้าบอกข้าได้ ความจริงต่อให้เจ้าต้องการเรียนรู้สุดยอดวิชาลับ ข้าก็สามารถเปิดเผยต่อเจ้าได้ แต่แน่นอนว่าเจ้าลืมเรื่องวิชากาลมิติบิดเบือนไปได้เลย”
วอร์เรดค่อนข้างตรงไปตรงมากับเรื่องนี้ แม้ว่า ‘กาลมิติบิดเบือน’ จะด้อยกว่าทักษะเทพธรรมชาติหลอมรวมของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่มันช่วยให้พลังเพิ่มขึ้นได้ถึงพันเท่า แม้แต่คนอย่างลินลี่ย์เมื่อได้เรียนวิชานี้ก็ยังสามารถคุกคามสี่ประมุขมหาเทพวิถีได้ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่วอร์เรดจะนำมาสอนให้เขา
“ฮ่าฮ่า, ท่านวอร์เรดแม้ว่าท่านจะไม่พูดเรื่องนั้น แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะขอให้ท่านสอนสุดยอดไม้ตายของท่าน แค่เพียงเพราะข้าช่วยท่านเล็กน้อย ท่านวอร์เรดใช้ความพยายามมานานมากกว่าจะคิดค้นออกมาได้” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น “ความจริงหลังจากสงครามมหาพิภพเสร็จสิ้นท่านโอล็อฟก็หายไป เขามีการกระทำอะไรเป็นพิเศษไหม?”
“เขาน่ะหรือ? เขาจะมีปฏิกิริยาแบบไหนได้? ก็เหมือนอย่างเคย เขาอยู่ที่อุทยานโอล็อฟหมกมุ่นกับการฝึกฝนและค้นคว้า”
ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างวอร์เรดถอนหายใจ “โอล็อฟ เจ้าบ้านั่นเขาไม่รู้ว่าความเหน็ดเหนื่อยคืออะไรเลย บอกตามตรงในบรรดาประมุขมหาเทพสี่วิถีโอล็อฟเป็นคนเดียวที่ทำให้ข้ารู้สึกอึดอัด เจ้าไม่เคยรู้ว่าสุดยอดไม้ตายของโอล็อฟจะเป็นแบบไหน เพราะเจ้าคนบ้านั่นไม่อาจตัดสินได้ด้วยแนวคิดธรรมดา”
ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้ เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง เขาเพียรพยายามอย่างหนักเพื่อพัฒนาสุดยอดไม้ตาย‘กาลมิติบิดเบือน’ แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะโอล็อฟได้ แต่แน่นอนนั่นเป็นเพียงเพราะโอล็อฟมีสมบัติจอมเทพ
“ไม่ต้องพูดเรื่องของเขาแล้ว เมื่อครู่นี้เมื่อตอนข้าเพิ่งเข้ามา ข้าเห็นว่าเจ้าอยู่ในสภาพอารมณ์ไม่ค่อยดี สีหน้าของเจ้าบ่งบอกว่าเจ้าไม่ค่อยสบายใจ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือ?” วอร์เรดยิ้ม
แม้ว่าประมุขมหาเทพจะมีอารมณ์และบุคลิกภาพเฉพาะตน แม้ว่าสี่มหาเทพวิถีจะค่อนข้างหยิ่งและไว้ตัว แต่พวกเขาก็ต้องการสหาย หลังจากลินลี่ย์แสดงพลังของเขา ทัศนคติที่พวกเขามีต่อลินลี่ย์เปลี่ยนไปเช่นกัน นอกจากนี้เพราะสงครามมหาพิภพวอร์เรดมองลินลี่ย์ว่าเป็นเป็นผู้ทรงพลังอำนาจอันดับสองที่อยู่ในฝ่ายเขา
ขณะที่ผู้ทรงอำนาจอันดับหนึ่งย่อมหมายถึงตัววอร์เรดเองเป็นธรรมดา ดังนั้นในตอนนี้พวกเขาจึงค่อนข้างรู้สึกสนิทกัน พวกเขาสามารถพูดคุยกันได้อย่างปกติ
“เหรอ? มีเรื่องลำบากใจเกิดขึ้นจริงๆ เพียงแต่ไม่มีประโยชน์จะบอกท่าน” ลินลี่ย์ถอนหายใจ มารดาของเขาเป็นเทวทูต แต่ความทรงจำเก่าของนางสูญเสียไปหมด ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนเรื่องนั้นได้”
“ทำไมเจ้าไม่ลองเล่าให้ฟังก่อนเล่า?” วอร์เรดพูดพลางหัวเราะ ลินลี่ย์ถอนหายใจอีกครั้ง “เรื่องนี้เกี่ยวกับท่านแม่ของข้า เมื่อท่านแม่ของข้ายังอยู่ในพิภพโลกธาตุ นางถูกพวกลัทธิบูชาแสงในท้องถิ่นจับตัวไปและใช้วิญญาณนางบูชายัญมหาเทพ ท่านแม่ข้ากลายเป็นเทวทูตและเป็นเทวทูตสิบสองปีก! เมื่อข้าไปค้นหาออกุสตาและยอมจ่ายด้วยมูลค่าสูงล้ำเพื่อให้เขาคืนอิสรภาพให้นาง ตอนนี้นางเป็นอิสระ แต่..ความทรงจำเดิมของท่านแม่ข้าหายไปตลอดกาล”
“เจ้าว่ากระไรนะ?” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างวอร์เรดขมวดคิ้ว
“อะไรหรือ? ยังมีวิธีที่เทวทูตฟื้นฟูความทรงจำได้ด้วยหรือ?” ลินลี่ย์อดตื่นเต้นขึ้นไม่ได้ “เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะยอมปล่อยให้มารดาของเจ้าได้รับอิสรภาพ?” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างจ้องลินลี่ย์เขม็ง “ลินลี่ย์, ข้าจะบอกเรื่องนี้ให้เจ้าก็ได้ การคืนอิสรภาพให้เทวทูต มีสองวิธี...และข้ากล้าพูดได้เลยว่าออกุสตาจะไม่เลือกวิธีใดวิธีหนึ่งนี้!”
ลินลี่ย์ตะลึง “อะไรกัน...ท่านกำลังว่าเรื่องอะไร? แต่วันนั้นออกุสตาดูเหมือนได้รับบาดเจ็บทางวิญญาณ...อย่างสาหัส...”
“ฮ่าฮ่า...”
ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างเริ่มหัวเราะเย็นชา “เขาได้รับบาดเจ็บทางวิญญาณหรือ? นั่นไม่มีอะไรมากไปกว่าเป็นข้ออ้าง! ลินลี่ย์ข้าบอกเจ้าได้อย่างหนึ่งเลยว่า ถ้าเทวทูตได้รับอิสรภาพจริง อย่างนั้นเทวทูตจะได้รับความทรงจำเก่าคืนมาด้วย!”
“ท่านว่ายังไงนะ?” ลินลี่ย์สีหน้าเปลี่ยนไป “นี่..เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?”
“มารดาของเจ้าไม่ได้รับความทรงจำกลับคืนมานั่นก็หมายความว่ามารดาของเจ้ายังตกอยู่ภายใต้การควบคุม และยังไม่ได้รับอิสรภาพอย่างสิ้นเชิง!!” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างหัวเราะเย็นชา “เท่าที่ข้าดู, มารดาเจ้าแค่เพียงเชื่อทำตามคำสั่งของเขา นางจงใจอ้างว่าเป็นอิสระแล้ว ออกุสตาไม่ได้ลงทุนอะไรเลยก็สามารถให้เจ้าจ่ายคุณค่ามากมายได้ แล้วทำไมเขาจะไม่รับเอาการต่อรองที่ยอดเยี่ยมนี้เล่า?”
สีหน้าของลินลี่ย์เปลี่ยนไปขณะที่เขาฟังต่อ “และเนื่องจากความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ระหว่างเจ้ากับเขา ทำไมเขาจะต้องกังวลกับการรักษาคำพูดให้เจ้า?” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างแค่นเสียง
“แต่ แต่โอล็อฟก็อยู่ด้วย...” ลินลี่ย์รีบกล่าว “โอล็อฟ? โอล็อฟมีสิ่งที่เขาต้องการจากออกุสตา และนอกจากนี้ออกุสตาก็ช่วยโอล็อฟมาหลายครั้งแล้ว โอล็อฟเป็นหนี้น้ำใจของออกุสตา เจ้าบอกข้าทีโอล็อฟควรจะช่วยเขาหรือช่วยเจ้า?” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างหัวเราะเย็นชา “โอล็อฟจะไม่เข้าไปยุ่งกิจการทางโลก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นนักบุญผู้ยอดเยี่ยมเลย”
“ข้าสรุปให้ง่ายๆ เลยเจ้าโดนออกุสตาตุ๋นจนเปื่อยแล้ว!” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างกล่าว