ตอนที่ 21-36 ศึกสุดท้าย
ลินลี่ย์กวาดสายตาไปยังประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างและประมุขมหาเทพวิถีชะตา
“เหนือพวกเขาให้ได้หรือ...ต่อให้หลอมรวมเคล็ดลึกลับของกฎธาตุทั้งสี่ ข้าก็คงได้แค่เสมอกับพวกเขา เว้นแต่...ข้าหลอมรวมกับประกายมหาเทพน้อยธาตุไฟครั้งสุดท้าย” ลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพตอบ
เบรุตและบลูไฟร์พยักหน้าทั้งคู่
“ศึกสุดท้ายจะมีวันพรุ่งนี้ แค่รอคอยอย่างอดทนก็พอ” เบรุตหัวเราะ
มหาเทพเจ็ดสิบเอ็ดคนพวกเขาคุยกันอยู่ที่ยอดเขาโดยปกติขณะเดียวกันผู้บัญชาการระดับสูงของแดนสวรรค์และแดนนรกเริ่มเตรียมตัวกับการสู้รบในศึกสุดท้าย การสู้รบครั้งนี้อาจอธิบายได้ว่าเป็นการสู้รบด้วยจำนวนผู้บัญชาการน้อยที่สุดในรอบล้านล้านปี
ในอดีตจุดที่เน้นที่สุดสำหรับสงครามมหาพิภพก็คือผู้บัญชาการต่างๆจะไล่ล่าฆ่ากันก่อนจะถึงศึกสุดท้าย แต่คราวนี้ไม่มีผู้บัญชาการที่มีชื่อเสียงยาวนานและพารากอนปรากฏออกมา
ทั่วทั้งสมรภูมิมหาพิภพโดยรวมมียอดฝีมือระดับผู้บัญชาการหรือทูตไม่ถึงสามสิบคน ส่วนใหญ่ของคนเหล่านั้นเป็นคนที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างเช่นหกคนที่รับคำสั่งจากลินลี่ย์ ไม่มีพารากอนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
พารากอนมีโอกาสมากที่จะรอดอยู่ได้อย่างแท้จริง
แต่ถ้าพารากอนต้องสู้กับศัตรูจำนวนมากที่มุ่งเล็งยิงพลังใส่เขา เขาคงไม่อยากจะเสี่ยงชีวิต เว้นแต่จะมีสมบัติมหาเทพที่เก็บไว้เพียงพอ
ประมุขมหาเทพวิถีมรณะและประมุขมหาเทพวิถีคนอื่นยืนเคียงไหล่อยู่บนยอดเขาจ้องมองดูสมรภูมิที่ห่างออกไปแสนกิโลเมตร
“ครืนนน...”
ทันใดนั้นที่แม่น้ำดวงดาวและมวลพลังงานเริ่มเข้ามารวมตัวกันและยิงพลังไปทั่วทุกทิศทำลายค่ายทหารสองฝั่งแม่น้ำดวงดาวทันที ทหารของแต่ละค่ายอย่างน้อยก็เป็นระดับเทพชั้นสูงและทุกคนสามารถต้านทานระลอกคลื่นพลังงานนี้ได้อย่างง่ายดาย
“ควั่บ!” “ควั่บ!”
แสงสีรุ้งงดงามฉายขึ้นท้องฟ้า ทางข้ามแม่น้ำดวงดาวแต่ละด้านมีแสงรุ้งฉายแพรวพราว
“ฆ่า!!!”
นักรบหลายคนที่กำลังฝึกหรือพักไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย พวกเขาลงมือตามแผนการที่ได้เตรียมไว้ก่อนแล้ว และกระแสผู้คนบุกลงไปยังทางเดินดวงดาวอย่างบ้าคลั่ง
“เริ่มกันแล้ว!”
มหาเทพทั้งเจ็ดสิบเอ็ดที่ยืนห่างออกไปแสนกิโลเมตรอดจดจ่อมองดูการสู้รบครั้งนี้ไม่ได้
“โอล็อฟ วอร์เรด พวกเจ้าคิดว่าฝ่ายใดจะชนะ?” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะยินเรื่องความเสียหายของคนอื่นอยู่แล้ว ดังนั้นนางถามคำถามนี้กับพวกเขาและยิ้ม
วอร์เรดในชดดำหน้าเย็นชาและพูดอย่างเยือกเย็น “ชนะ? ฝ่ายแดนนรกของพวกเขาไม่จำเป็นต้องชนะ เราต้องการแค่สู้เสมอ นั่นก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จแล้ว ข้าไม่มั่นใจว่าเราจะมีโอกาสสู้ชนะชิงสองเส้นทางมาได้ แต่การเอาชนะให้ได้สักเส้นทางหนึ่งไม่น่าจะยากเกินไป
“ชนะหรือพ่ายแพ้ขึ้นอยู่กับพวกเขา” ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟ ยังมีรอยยิ้ม มองดูเหมือนชายชราใจดีเหมือนกับว่าไม่มีอะไรที่สร้างความประหลาดใจให้เขาได้
“บ้าไปแล้ว” ลินลี่ย์ส่งผ่านสำนึกเทพของเขาสามารถเห็นการสู้รบห่างออกไปหลายแสนกิโลมเมตร และเขาอดถอนหายใจไม่ได้
“ปัง!” “ปัง!”
นักรบนับไม่ถ้วนทุกคนที่เข้าไปในเส้นทางดวงดาวเริ่มเปล่งประกายรัศมีด้วยพลังมหาเทพทันที อสูรหกดาวผู้ใช้พลังมหาเทพอาจคุกคามผู้บัญชาการได้โดยไม่ต้องใช้พลังมหาเทพ และตอนนี้ยอดฝีมือหลายพันคนเริ่มใช้พลังมหาเทพพร้อมกันเล่า?
นี่มันฉากภาพอะไรกัน? ไม่เคยเห็นมาก่อนในอดีต แต่จะได้พบเห็นกันในวันนี้
“บ้าไปแล้ว” เบรุตเมื่อเห็นภาพเช่นนี้อดส่ายศีรษะไม่ได้ “มิน่าเล่าแม้แต่พารากอนและผู้บัญชาการก็ไม่ยินดีเข้าร่วมสงครามนี้”
“สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั้งหมดนี้เนื่องมาจากความเห็นแก่ตัวเองของมหาเทพ” บลูไฟร์ถอนหายใจ
ลินลี่ย์ยังคงมองการต่อสู้ต่อไป ทั้งสองทางเดินของทะเลดวงดาวเกิดการสู้รบพร้อมกัน
“เป้าหมายอยู่ตรงข้างหน้า ร่วมกันโจมตีบุรุษเขาดำคนแรก” นักรบร้อยคนที่ตอนนี้เปล่งพลังมหาเทพสีสันต่างๆใช้อาวุธของพวกเขาหรือใช้เท้าเตะพร้อมกันทันที พลังโจมตีวัตถุร้อยสายระเบิดออกพุ่งไปข้างหน้าพวกเขา และทุกอย่างในภายในระยะสิบเมตรโดยเฉพาะบุรุษผู้มีเขาดำค่อยสลายจนไม่เหลืออะไร
“เป้าหมาย, ยี่สิบเมตรข้างหน้าเรารวมพลังโจมตีวิญญาณ!”คลื่นพลังโจมตีวิญญาณโปร่งแสงระเบิดพลังทันที นักรบหลายคนที่ปะทะเข้าโดยตรงถึงกับสั่นสะท้านจากนั้นร่วงหล่นจากท้องฟ้าขณะที่สมบัติเทพหลุดจากตัว
ยอดฝีมือของแดนสวรรค์และแดนนรกต่างเข่นฆ่ากันอย่างไม่มีความปราณีนี่คือความเป็นจริงโดยเฉพาะจากการต่อสู้นี้ ผู้บัญชาการและทูตน้อยคนมากที่แยกต่างหาก ดังนั้นชัยชนะในการสู้รบนี้จึงถูกกำหนดโดยการเข่นฆ่าสังหาร
“เทวทูตสิบสองปีกเข้าสู่สมรภูมิแล้ว” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะพูดพลางหัวเราะเบาๆ
“กองทัพเทวทูตสิบสองปีกนับว่าน่ากลัวจริงๆ” เบรุตถอนหายใจทึ่ง และลินลี่ย์อยู่ข้างๆเบรุตอดมีนัยน์ตาเป็นประกายไม่ได้
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ที่ฝ่ายของแดนสวรรค์เทวทูตสิบสองปีกจัดกระบวนรบอยู่ที่เส้นทางดวงดาวทั้งสองด้าน พวกเขามีรัศมีแสงสีขาวคลุมทั้งตัวและปีกทั้งสิบสองที่ด้านหลังกระพือ
“ข้างหน้า ใช้พลังโจมตีวัตถุ!” เทวทูตสิบสองปีกซึ่งมีใบหน้าเย็นชาหกคนมีแสงรัศมีขาวคลุมตัวก่อตั้งค่ายกลเทวทูต พวกเขาเปล่งรัศมีแสงสีขาวสาดใส่ศัตรูข้างหน้าแสงผ่านไปทางที่ใด มิติจะแตกกระจาย ทหารของแดนนรกที่อยู่เป็นกลุ่มหนาแน่นเมื่อเผชิญกับแสงนี้ทหารของแดนนรกหลายสิบคนร่างสลายไปจนไม่เหลืออะไร
กลุ่มเทวทูตสิบสองปีกในแต่ละหน่วยจะมีกันกลุ่มละหกคน ทุกๆ สิบหน่วยจะกลายเป็นกองทหาร ขณะที่ทุกกองร้อย จะก่อตั้งเป็นกองพัน
“ควั่บ”
เทวทูตสิบสองปีกจำนวนมากกำลังรุกคืบไปข้างหน้าในอีกด้านหนึ่งพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากทหารแดนสวรรค์ เทวทูตสิบสองปีกอยู่ที่ตำแหน่งปลายดาบ ขณะที่ทหารธรรมดาหลายคนมีหน้าที่สนับสนุน พวกเขากดดันฝ่ายแดนนรกได้และบดขยี้ต่อเนื่อง
“ปัง!”
ทุกๆการโจมตีของเทวทูตสิบสองปีกแต่ละหน่วยจะฆ่าทหารไปเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญเทวทูตสิบสองปีกทุกคนไม่ได้อ่อนแอกว่าอสูรเจ็ดดาว นักรบส่วนใหญ่ของแดนนรกเป็นเพียงอสูรหกดาว มีความแตกต่างในเรื่องพลังมาแต่ต้น เนื่องจากเทวทูตสิบสองปีกเหล่านี้มีทักษะในการผสานพลังโจมตีและใช้พยุหะรบ พวกเขาจึงสามารถรุกคืบได้อย่างต่อเนื่องราวกับเจาะผ่านไม้เน่าได้อย่างง่ายดาย
“บุกไปข้างหน้า หน่วยเทวทูตอยู่ข้างหน้าเราผนึกพลังโจมตีวัตถุ” นักรบแดนนรกมากกว่าเจ็ดร้อยผนึกพลังโจมตีวัตถุ และท้องฟ้าเต็มไปด้วยรังสีแสงที่ยิงออกไป เทวทูตสิบสองปีกไม่สามารถหลบได้ทันหน่วยเทวทูตหน่วยหนึ่งสลายกลายเป็นผุยผงทันที แต่ในทันทีหลังจากนั้น...
รังสีแสงสีขาวยิงใส่ฝ่ายแดนนรกอย่างต่อเนื่องนักรบเกือบร้อยถูกสังหารทันที และฝ่ายแดนนรกตกอยู่ในความปั่นป่วนอีกครั้งหนึ่ง
“พวกเขาเป็นระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง” เบรุตส่ายศีรษะและขมวดคิ้ว “เทวทูตสิบสองปีกแต่ละคนเทียบได้กับอสูรหกดาวสิบคน ทางฝ่ายแดนนรกแม้ว่าจะมีคนเป็นร้อยผนึกพลังโจมตีแต่พลังโจมตีไม่เป็นระเบียบและไม่สามารถฆ่าเทวทูตสิบสองปีกซึ่งตั้งค่ายกลรบเทวทูตได้ โอกาสอย่างเดียวที่มีก็คือทหารเป็นร้อยผนึกพลังด้วยกัน”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน เขาสามารถบอกได้ว่าเทวทูตสิบสองปีกเหล่านี้เหมือนกับปลายดาบที่คมกล้า พวกเขาไม่กลัวตาย และพวกเขาทรงพลังมาก! จะฆ่าเทวทูตสิบสองปีกแดนนรกจะต้องสูญเสียนักรบไปเกือบพันคนทีเดียว และนั่นแค่จำนวนอย่างเดียว ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือปัญหาขวัญกำลังใจทหาร!
มีเทวทูตสิบสองปีกคอยทำหน้าที่หัวหอกทะลวงฟัน นักรบของแดนสวรรค์รู้สึกว่าขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นเทียมฟ้าและพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ขณะที่ทหารแดนนรก แม้ว่าพวกเขาจะไม่กลัวตายแต่เนื่องจากความห่างชั้นของพลังทำให้ทหารหลายคนรู้สึกหัวใจเย็นเฉียบ ถ้าพวกเขายังตายต่อไปอย่างนี้..พวกเขาจะเอาชนะได้อย่างไร? ขวัญกำลังใจเริ่มตกอีกครั้ง พวกเขาจะพังทลายกันได้ง่ายๆ
“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ในช่วงเวลาสั้นๆฝ่ายแดนสวรรค์จะเอาชนะในทั้งสองฝั่งได้สำเร็จ” ลินลี่ย์พูดพลางขมวดคิ้ว
“ในฝ่ายแดนนรกไม่ควรจะพังทลายได้เร็วขนาดนั้น” เบรุตส่ายศีรษะ ขณะที่ลินลี่ย์พยักหน้าเช่นกัน “ใช่แล้ว ทูตทั้งหกที่รับคำสั่งของข้าในตอนนี้ซ่อนตัวรวมอยู่ในกลุ่มทหารแดนนรกพวกเขายังไม่ได้เข้ารบและปลดปล่อยพลังพวกเขา ข้าคิดว่าฝ่ายแดนนรกต้องมีแผนการบางอย่าง”
ทางเดินดวงดาวทั้งสองในแต่ละแห่งจะมีเทวทูตสิบสองปีกเกือบหกร้อย พวกเขามีเทวทูตสิบสองปีกรวม 1200 ตนซึ่งเทียบได้กับอสูรเจ็ดดาว 1200คน ทั้งหมดกล้าหาญไม่กลัวตายและสามารถประสานงานกันได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขามีประสิทธิภาพในการรบมาก
หนึ่งในสองเส้นทางดวงดาวเห็นแดนนรกถูกตีโต้กลับอย่างต่อเนื่อง อีกด้านหนึ่งแม้ว่าแดนนรกจะถอยด้วยเช่นกัน แต่พวกเขาถอยได้ช้ามากกว่า และจำนวนเทวทูตสิบสองปีกที่พวกเขาฆ่าก็มากขึ้นเช่นกัน
ในเส้นทางดวงดาวด้านที่นักรบแดนนรกถอยอย่างรวดเร็วขึ้น
“ควั่บ!” “ควั่บ!”
รังสีแสงขาวยิงออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า นี่คือพลังผสานโจมตีของเทวทูตสิบสองปีก และทหารแดนนรกหลายคนตกตายอย่างน่าอนาถ แม้ว่าพวกเขาจะสามารถผนึกพลังโจมตีได้ผลและเทวทูตสิบสองปีกได้หกตนก็ตาม...แต่ความสูญเสียของฝ่ายแดนนรกนับว่ามากมาย และพวกเขามีคนตายไปมากมาย
แสงสีขาวกระพริบวาบในทุกที่ นั่นคือการเข่นฆ่า!” ทหารแดนนรกนับไม่ถ้วนถูกแสงนั้นยิงสลายกลายเป็นธุลี
“ฆ่า!” ทหารของแดนสวรรค์ตะโกนยินดีขณะที่พวกเขาไล่ล่าตามฆ่า
ฝ่ายแดนนรกถอยร่นต่อเนื่องจนกระทั่งในที่สุดพวกเขาล่มสลายยับเยิน ภายใต้การกดดันไล่ล่าป่าเถื่อน พวกเขาล่มสลายอย่างสิ้นเชิง และการล่มสลายของพวกเขา ทำให้ผลการรบไม่เป็นที่สงสัยอีกต่อไปในไม่ช้าฝ่ายแดนสวรรค์ก็ไปถึงอีกฝั่งหนึ่งของทางเดินดวงดาว แสงสีรุ้งที่เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้หายไป
แดนสวรรค์ได้รับชัยชนะในเส้นทางดวงดาวด้านหนึ่ง
จากที่ไกลมหาเทพหลายคนยังคงดูอย่างต่อเนื่อง
“วอร์เรด,เจ้าแพ้เสียเส้นทางดวงดาวด้านหนึ่งไปแล้ว” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะหัวเราะ “ยังเหลืออีกเส้นทางหนึ่ง” วอร์เรดพูดอย่างใจเย็น
“โอว,งั้นยอดฝีมือทั้งหมดก็คงเพ่งความสนใจไปที่เส้นทางนี้นั่นเอง” ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟหัวเราะ ลินลี่ย์และมหาเทพอื่นพบว่าเส้นทางดวงดาวอีกด้านฝ่ายแดนนรกเริ่มลงมือโจมตีอย่างดุเดือดแล้ว
“ความจริงฝ่ายแดนนรกก็สามารถขุดหายอดฝีมือระดับอสูรเจ็ดดาวมาได้มากเหมือนกัน พวกเขาร้อยคนรวมกำลังกันและมีรวมสามกองร้อย” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ แดนนรกและพิภพศักดิ์สิทธิ์อื่นยังคงมีอสูรเจ็ดดาวอยู่มาก และหลายคนอยู่ภายใต้การควบคุมหรือครอบงำด้วยวิธีอย่างที่แม่ทัพโมซีใช้ควบคุมอสูรเจ็ดดาวได้
อสูรเจ็ดดาวเหล่านั้นตกอยู่ภายใต้การครอบงำวิญญาณ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะภักดีไม่กลัวตาย ดังนั้น แดนนรกยมโลกและพิภพศักดิ์สิทธิ์อื่นสามารถสร้างกองร้อยอสูรเจ็ดดาวได้สามกอง
อย่างไรก็ตามแม้ว่าในแง่ของพลังพวกเขาก็แค่เทียบเท่ากับเทวทูตเท่านั้น อสูรเจ็ดดาวของแดนนรกไม่สามารถจัดตั้งค่ายกลรบได้
“ตอบโต้อย่างดุเดือด” เบรุตเริ่มหัวเราะ “ภายใต้การสั่งการของกองร้อยอสูรเจ็ดดาวนี้ ทหารของแดนนรกเริ่มมีขวัญกำลังใจเพิ่มพูนขึ้น
ทั้งแดนนและแดนสวรรค์ต่างบ้าเลือดทั้งสองฝ่าย พลังโจมตีเต็มไปทั้งท้องฟ้าและเข้าปะทะศัตรูอย่างดุเดือด อสูรเจ็ดดาวหลายคนและแม้แต่เทวทูตสิบสองปีกเริ่มร่วงหล่น
เทวทูตสิบสองปีกเริ่มตั้งค่ายกลรบขบวนละหกตนแต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถต้านการผนึกกำลังโจมตีจากอสูรเจ็ดดาวมากมาย แต่อสูรเจ็ดดาวของฝ่ายแดนนรกก็ตายด้วยเช่นกัน
“ฉัวะ!” “ฉัวะ!” เกิดเรื่องแปลกก็คือเทวทูตสิบสองปีกคนแล้วคนเล่าเริ่มร่วงหล่นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มีหลายร่างเคลื่อนตัวผ่านพวกเขาด้วยความคล่องแคล่วว่องไวแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว
ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟขมวดคิ้วเล็กน้อย และจากนั้นเขาหันไปมองประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง “โอว? ยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการ?”
“ข้าไม่มีมากขนาดนั้น ก็แค่นั้นแหละ” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างพูดอย่างเยือกเย็น
ทูตเหล่านั้นที่เลือกมาที่นี่ส่วนใหญ่ใกล้จะอยู่ในระดับเดียวกับผู้บัญชาการมาตั้งแต่แรก เนื่องจากพวกเขาครอบครองสมบัติมหาเทพจึงไม่ยากเกินไปที่พวกเขาแต่ละคนจะสามารถลอบและสังหารเทวทูตสิบสองปีกได้
เพราะในการสู้รบเช่นนี้พิภพศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ รวมพลังกันเพื่อเอาชนะโอล็อฟ ทูตหลายคนถูกส่งเข้ามาในฝ่ายแดนนรกทั้งหมด แดนสวรรค์มีน้อยมาก นอกจากนี้ทูตทุกคนยังส่งผลต่อเทวทูตสิบสองปีกในค่ายกลรบทั้งหกด้วย
“ลินลี่ย์! ดูเหมือนแดนรกไม่ได้เปรียบเท่าใดนะ” เบรุตพูดพลางขมวดคิ้ว “เทวทูตสิบสองปีกเหล่านั้นกล้าหาญไม่กลัวตาย ถ้ามีเทวทูตจำนวนหนึ่งตาย เทวทูตอื่นจะเข้าแทนที่ฟื้นฟูค่ายกลรบใหม่ทันที เทวทูตสิบสองปีกทั้งหกสามารถสร้างค่ายกลรบเทวทูตได้ต่อไป”
ลินลี่ย์ก็เห็นภาพนี้เช่นกัน เทวทูตสิบสองปีกบ้าคลั่งมาก พวกเขายอมตายไม่ยอมถอย นี่ทำให้แดนนรกต้องส่งกองร้อยอสูรเจ็ดดาวและทูตอีกจำนวนหนึ่งลงมือลอบโจมตี ไม่มีทางที่พวกเขาจะบีบบังคับให้แดนสวรรค์ถอยได้
“ทั้งหกคนกำลังวางแผนอะไรอยู่? ทำไมพวกเขาถึงยังไม่ลงมือ?” ลินลี่ย์จ้องมองด้วยความสงสัย