ตอนที่ 21-35 พันปี
สงครามมหาพิภพเริ่มขึ้นแล้ว! แต่มหาเทพยังไม่ให้ความสนใจมากนักในตอนนี้
ทั้งนี้เพราะผลของสงครามจะกำหนดอย่างจริงจังในศึกสุดท้าย
มหาเทพมีอายุขัยไม่จำกัด พันปีผ่านไปในพริบตา เริ่มมีมหาเทพหลายคนพูดคุยถึงแนวโน้มว่าจะชนะหรือแพ้ในสงครามมหาพิภพ ขณะที่มหาเทพที่อายุน้อยที่สุดอย่างลินลี่ย์เล่า? เขากำลังผ่านช่วงเวลาที่เติบใหญ่กล้าแข็งมากขึ้น
ชายขอบพิภพยูลานมีพิภพขนาดมหึมากำลังถือกำเนิด
ภายในพิภพนี้
“วิ้ววว” สายลมพัดแรง ภูเขาศิลาบางส่วนถูกสายลมพัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
นี่คือพิภพกำเนิดใหม่เต็มไปด้วยพลังเทพหนาแน่นมหาศาลและแก่นธาตุที่แข็งตัวเป็นหินจนลมมิอาจทำลายได้
ภูเขาสูงเสียดเมฆแผ่นดินที่กว้างไกลสุดสายตา
มวลธาตุที่หนาแน่นลอยอยู่รอบๆ และในบรรดามวลธาตุนั้นมีร่างกำยำโดดเด่นอยู่ร่างหนึ่ง เริ่มมีความชัดขึ้นทีละนิ้วๆ ดวงอาทิตย์สีเขียวแพรวพราวเกิดขึ้นลอยเด่นอยู่ในท้องฟ้า
“หลังจากใช้เวลา 1100 ปีพิภพลมศักดิ์สิทธิ์ก็สร้างสำเร็จจนได้” ลินลี่ย์ผมสีเขียวมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ผ่านมา 1100ปีกับการฝึกฝนทำให้ลินลี่ย์ก้าวหน้าหลอมรวมเคล็ดลึกลับของกฎธาตุลมได้หกเคล็ด อย่างไรก็ตามกฎธรรมชาติธาตุลมมีทั้งหมดเก้าเคล็ด
การหลอมรวมเคล็ดลึกลับธาตุลมได้หกเคล็ดเทียบได้กับหลอมรวมเคล็ดลึกลับธาตุดินสี่เคล็ด
“ยังมีเวลามากกว่าห้าร้อยปีก่อนศึกสุดท้ายในสงครามมหาพิภพจะมาถึง ไม่จำเป็นที่ข้าต้องเร่งรีบ!”
ลินลี่ย์ผมเขียวหลับตาฝึกต่ออีกครั้ง
ปัจจุบันนี้เขาก้าวหน้าจนถึงระดับคอขวดของการหลอมรวมเคล็ดลึกลับสี่เคล็ดในต่างกฎสายธาตุ ลินลี่ย์ไม่ต้องการหยุดในตอนนี้
765ปีหลังจากสงครามมหาพิภพเริ่ม
แดนนรกเทือกเขาสกายไรท์
แสงเลือนรางกระพริบวาบอยู่ในอากาศเหนือเทือกเขาสกายไรท์ รอยมิติฉีกขาดรอยแล้วรอยเล่าปรากฏอยู่ในท้องฟ้าต่อเนื่อง ครู่ต่อมาแสงพร่าเลือนนั้นพุ่งลงไปที่คฤหาสน์ลินลี่ย์ในเทือกเขาสกายไรท์อีกครั้ง พอแสงหายไปร่างของคนหกคนปรากฏ เป็นบรีเซิลชุดดำและทูตอีกห้าคน
บรีเซิลชุดขาวมองดูจากข้างล่างและยิ้มในที่สุด “ฮ่าฮ่า สำเร็จแล้ว!”
“สมบูรณ์แบบ เราสิ้นเปลืองพลังไม่ถึงหนึ่งในสิบ” สาววีวาไตตันผมยาวถอนหายใจทึ่ง
อสูรศักดิ์สิทธิ์จิ้งจอกสายลมเก้าหางรัสเซลพยักหน้าเช่นกัน “เมื่อเราหกคนผนึกกำลังกัน ฮึ่ม..ต่อให้ยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการสามสิบคนบางทีก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเรา ถ้าพวกเขาไม่ร่วมมือกัน” หกยอดฝีมือที่มีสมบัติมหาเทพ จะสามารถผนึกกำลังกันได้สมบูรณ์แบบ...พลังที่พวกเขาปลดปล่อยออกมาได้นั้นนับว่าน่ากลัวอย่างแท้จริง
“โชคดีที่เรามีสมาชิกธาตุน้ำสองคนและธาตุมืดสองคน” บรีเซิลชุดดำหัวเราะเบาๆ “ธาตุน้ำมีความยืดหยุ่นและรองรับได้ ขณะที่ธาตุมืด..เป็นสิ่งที่ข้าเข้าใจได้ดี นี่คือเหตุผลที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ”
ขณะนั้นเอง...
ลินลี่ย์ปรากฏตัวราวกับเทเลพอร์ตมาอยู่ต่อหน้าคนทั้งเจ็ด
“คารวะมหาเทพ” เมื่อเห็นเขา พวกเขารีบคำนับแสดงความเคารพ
สายตาของลินลี่ย์กวาดมองดูทูตของเขามีความรู้สึกลิงโลดอยู่ในใจ ความสำเร็จในการเลือกทูตของเขาก็คือการเลือกบรีเซิลผู้นี้ ปรมาจารย์พยุหะค่ายกล
“ด้วยการใช้งานพหุยะสังสารวัฏนี้ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าจะสร้างผลงานให้ท่านในสงครามมหาพิภพครั้งนี้” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น “อย่างไรก็ตามอย่าเพิ่งย่ามใจเกินไป แม้แต่พารากอนเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นยังมีโอกาสตายได้ถึง50% พวกเจ้าทั้งหกคนต้องระวังให้ดี!”
“ขอรับ มหาเทพ”
ทูตทั้งหกคำนับ
พวกเขาทุกคนเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องอันตรายมาก แม้ด้วยพยุหะสังสารวัฏพวกเขาก็แค่มีโอกาสรอดชีวิตได้สูง แต่พวกเขายังห่างจากระดับควบคุมสมรภูมิรบได้
“ในเมื่อพวกเจ้าเสร็จสิ้นการฝึกฝนร่วมกันแล้ว วันนี้ข้าจะส่งพวกเจ้าไปยังสมรภูมิมหาพิภพ” ลินลี่ย์พูดอย่างเยือกเย็น “บรีเซิล... ร่างแยกแสงศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะรั้งอยู่ที่นี่หรือจะเข้าไปพร้อมกับพวกเขา?”
“ในแง่ทักษะการสู้รบ ข้ายังอ่อนกว่าร่างแยกธาตุมืดของข้าบ้าง” บริเซิลชุดขาวหัวเราะ “และค่ายกลรบครั้งนี้ประกอบด้วยยอดฝีมือธาตุมืดสองคนและธาตุน้ำสองคนรวมทั้งยอดฝีมือธาตุดินและธาตุลมอย่างละหนึ่งคน การประสานงานกันของทั้งหกคนนี้ถึงจะใช้ได้”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
บรีเซิลชุดขาวและบรีเซิลชุดดำมีความคิดและจิตใจที่ต่างกัน แต่ในที่สุดแล้วพวกเขาก็ยังเป็นคนๆเดียวกัน สมบัติมหาเทพปกป้องวิญญาณที่ลินลี่ย์มอบให้บรีเซิลชุดขาว เป็นบรีเซิลชุดดำเป็นผู้ได้ใช้
ลินลี่ย์ส่งทูตทั้งหกที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขาไปยังสมรภูมิมหาพิภพ จากนั้นกลับมายังเทือกเขาสกายไรท์
หลังจากสงครามมหาพิภพเริ่มไปได้893 ปี
“ควั่บ!” ร่างๆ หนึ่งบินเข้ามาด้วยความเร็วที่น่ากลัวและเหาะเป็นแนวโค้งเป็นระยะทางสิบล้านกิโลเมตรและลงมายังเทือกเขาสกายไรท์
ลินลี่ย์นั่งสงบเงียบอยู่ภายในลานว่างเงยหน้ามองทันที
ร่างนั้นเหาะลงมาจากฟ้าและเข้าผสานกับลินลี่ย์เป็นร่างเดียว
“ในที่สุดร่างแยกทั้งหมดของข้าก็มารวมกันในที่เดียวกัน” ลินลี่ย์มีรอยยิ้ม
“ลินลี่ย์”
เบรุตและบลูไฟร์แทบจะมาถึงพร้อมกัน เบรุตพูดด้วยความดีใจ “ร่างแยกธาตุลมของเจ้ากลับมาแล้วหรือ? นี่หมายความว่าการหลอมรวมเคล็ดต่างกฎสายธาตุของเจ้าสำเร็จแล้วใช่ไหม?” ก่อนหน้านี้หลังจากลินลี่ย์สร้างพิภพลมศักดิ์สิทธิ์สำเร็จ เขายังคงฝึกฝนต่อ ถ้าเขาฝึกไม่สำเร็จ เขาจะกลับมาทำไม?”
“แค่พื้นฐานเท่านั้น” ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า “ข้าฝึกมาถึงคอขวดในการหลอมรวมสี่กฎต่างสายธาตุขั้นสุดท้ายแล้ว”
“อีกก้าวสุดท้ายก้าวเดียว ข้าก็จะสำเร็จหลอมรวมสี่เคล็ดลึกลับต่างสายธาตุได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามแค่เพียงก้าวเดียวนี้ยากกว่าการบรรลุระดับพารากอนเสียอีก” ลินลี่ย์ถอนหายใจ
เบรุตและบลูไฟร์เข้าใจทั้งคู่
การเป็นพารากอนนั้นยากเย็นเพียงไหน?
เพราะลินลี่ย์มีร่างแยกมหาเทพสามร่าง ระดับความก้าวหน้าของเขานับว่าน่าประหลาดซึ่งเป็นเหตุผลให้เขาสามารถก้าวหน้าได้ต่อเนื่องจนกระทั่งติดค้างอยู่ที่ระดับคอขวด อย่างไรก็ตาม... จะบรรลุผ่านระดับคอขวดได้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับความสามารถในการวิเคราะห์ มีมหาเทพมากมายซึ่งติดอยู่ที่ระดับคอขวดสุดท้ายก่อนจะกลายเป็นพารากอน แต่หลังจากผ่านไปเป็นล้านล้านปี พวกเขาก็ยังไม่บรรลุผ่านคอขวดนั้นได้
สำหรับลินลี่ย์เล่า?
ใครจะรู้ว่าลินลี่ย์จะบรรลุผ่านระดับคอขวดสุดท้าย การหลอมรวมสี่สายธาตุนี้ที่สำคัญทรงพลังมากกว่าการกลายเป็นพารากอนในกฎธาตุถึงสิบเท่า เป็นธรรมดาที่จะยากมากกว่าเช่นกัน
“ข้าติดอยู่ที่ระดับคอขวด แต่พลังของข้าแข็งแกร่งกว่าตอนที่ข้าสู้กับออกุสตาครั้งสุดท้ายถึงสิบเท่า” ลินลี่ย์พูดพลางยิ้ม
“สิบเท่า!” บลูไฟร์และเบรุตต่างดีใจทั้งคู่
“ฮึ่ม...ออกุสตา เจ้าบัดซบนั่น” เบรุตอดเริ่มหัวเราะไม่ได้ “ครั้งสุดท้าย เขาโชคดีพอที่จะรอดชีวิตได้แต่ตอนนี้ ลินลี่ย์มีพลังมากกว่าเดิมสิบเท่า ฮ่าฮ่า..ออกุสตาแค่มีโอกาสบรรลุระดับพารากอน แต่โอกาสนั้นยังอยู่ห่างไกลเกินไป” ออกุสตาไม่สามารถบรรลุได้แม้จะใช้เวลานานนับไม่ถ้วน
ความจริงทั้งหมดนี้รับรองได้ว่าออกุสตาไม่มีหวังจะกลายเป็นพารากอนได้
“ฆ่าออกุสตาไม่ใช่แค่ความฝันของเรา แต่ยังคงเป็นความฝันของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์” เบรุตหัวเราะขณะมองดูลินลี่ย์
“เบรุต! อย่าเพิ่งใจร้อน” บลูไฟร์ที่อยู่ใกล้ๆ ยิ้ม “สงครามมหาพิภพอยู่ในช่วงร้อยปีสุดท้าย ออกุสตาเป็นไปได้ว่าคงอยู่กับประมุขมหาเทพวิถีชะตา หลังจากจากช่วงเวลานี้ผ่านไปลินลี่ย์จึงจะสามารถเคลื่อนไหวได้”
“บางทีคงอีกช่วงร้อยปีถัดไป ข้าอาจจะบรรลุอีกระดับก็ได้” ลินลี่ย์หัวเราะลั่น
“เลิกฝันกลางวันได้แล้ว!” เบรุตอดหัวเราะไม่ได้ “การบรรลุผ่านช่วงสุดท้ายเป็นเรื่องยากมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าบรรลุช่วงเวลานั้นได้ พลังของเจ้าในแง่เคล็ดความรู้ลึกลับจะเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า และ..บางทีเจ้าอาจได้รับพลังปณิธานเพิ่มเป็นของตัวเองอีกส่วนหนึ่ง ลินลี่ย์ เมื่อเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นจริงๆ เจ้าไม่ต้องกลัวประมุขมหาเทพสี่วิถีอีกต่อไป”
“ปู่เบรุต การบรรลุเป็นเรื่องยาก แต่นั่นไม่จำเป็นต้องหมายความว่าข้าจะไม่สามารถบรรลุในร้อยปีถัดไปก็ได้” ลินลี่ย์หยอกล้อ
ในความเป็นจริงการหลอมรวมกฎธาตุสี่อย่างที่แตกต่างกันเป็นเรื่องที่ยากมาก แม้ในปีที่ 999 ของสงครามมหาพิภพลินลี่ย์ก็ยังไม่สามารถบรรลุได้
ท้องฟ้ามืดสนิท
“ควั่บ!” “ควั่บ!”
มีร่างเจ็ดร่างบินเคียงไหล่กันออกมาจากทวีปบลัดริจเหนือแดนนรก หลังจากบินออกมาไม่นาน ร่างทั้งเจ็ดกลายเป็นสิบเอ็ดร่างทันที แต่เมื่อกลุ่มนี้บินขึ้นไปในอากาศเหนือทะเลเชาติคพวกเขาขยายกลุ่มกลายเป็นสิบเจ็ดร่างทันที!
“ประมุขมหาเทพ!” หลายคนคำนับด้วยความเคารพ
“ทุกคน! ศึกสุดท้ายสำหรับสงครามมหาพิภพจะมาถึงในอีกสองวัน เราไปที่นั่นพร้อมกันเถอะ” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างวอร์เรดใช้รัศมีสีดำคลุมและกวาดสายตามมองดู สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ลินลี่ย์ “ไปกันเถอะ, เราจะออกไปกันเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่เขาพูดประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างโบกมือเปิดรอยฉีกมิติจากนั้นผ่านเข้าไป
มหาเทพทั้งสิบหกด้านหลังของเขาติดตามเข้าไป
“ลินลี่ย์! สงครามมหาพิภพที่จะได้เห็นครวนี้ เป็นไปได้ว่าแม้แต่มหาเทพมากมายจะมาดูการทดสอบของเจ้า” เบรุตส่งสำนึกเทพบอกลินลี่ย์ มหาเทพทุกคนในแดนนรก บลูไฟร์และเบรุตต่างก็มุ่งหน้าไปดูสงครามมหาพิภพด้วย
ลินลี่ย์ยิ้มอย่างเยือกเย็น “ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟชนะเลิศมาครั้งหนึ่งแล้ว เจ็ดมหาเทพวิถีชะตาทั้งหมดได้รับพลังปณิธานเพิ่มส่วนหนึ่งกันแล้ว มหาเทพอื่นๆส่วนใหญ่ไม่ยินดีเห็นพวกเขาเพิ่มพลังอีก”
เนื่องจากเรื่องนี้ดึงดูดความสนใจของพวกเขา พวกเขาจึงมาดูเป็นธรรมดา
“ลินลี่ย์” ทันใดนั้นเสียงของประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างดังขึ้น
ความเร็วในการบินของลินลี่ย์เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยขณะที่เขาเคลื่อนไปอยู่ใกล้แทบเคียงไหล่ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง
“ลอร์ดวอร์เรด” ลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพตอบ
ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างวอร์เรดมองหน้าลินลี่ย์ด้วยสายตาลึกซึ้ง มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา “เจ้าส่งทูตหกคนเข้าร่วมในครั้งนี้ ขอบใจเจ้าจริงๆ”
ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างเพิ่งจะพูดขอบคุณเขาหรือ?
“ด้วยความเต็มใจท่านเคยช่วยชีวิตข้าไว้ครั้งหนึ่งแล้ว เทียบกันแล้วแค่นี้จะเป็นอะไรไป?” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ ในอดีต,ประมุขมหาเทพแห่งแสงออกุสตาคุกคามลินลี่ย์บังคับเขาให้ส่งมอบมุกวิญญาณทั้งเก้าและถึงขนาดจะลงมือทำร้าย โชคดีที่ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างปรากฏตัว
ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มมากกว่าเดิม
“โอว, เรากำลังจะถึงสมรภูมิมหาพิภพแล้ว” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างมองดูข้างหน้า
สี่พิภพชั้นสูงและเจ็ดโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ใกล้กันในภูมิภาคมิติปั่นป่วนใจกลางของดินแดนพิภพชั้นสูงต่างๆ เป็นพิภพขนาดเล็กนั่นคือสมรภูมิมหาพิภพ รอยฉีกรอยเปิดของมิติปั่นป่วนจากสิบเอ็ดดินแดนชั้นสูงสำหรับในสมรภูมิมหาพิภพใช้เวลาเล็กน้อย
เมื่อผ่านประตูมิติเข้าสมรภูมิมหาพิภพจะใช้เวลาที่นานกว่าเดิม
การผ่านไปทางมิติปั่นป่วนเป็นเส้นทางตรงและลัดที่สุด
“ลินลี่ย์” เสียงคุ้นเคยทักขึ้น
ลินลี่ย์หันไปมองจากที่ไกลกลุ่มคนที่ใกล้เข้ามามีประมุขมหาเทพวิถีมรณะหญิงงามผมแดงเป็นผู้นำพวกเขา คนกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยมหาเทพแห่งยมโลกมหาเทพทั้งสิบสี่คนมาจากยมโลก
“ครืน...”
มหาเทพทั้งหมดตรงเข้าไปในสมรภูมิมหาพิภพ
เงียบสงัดภายในสมรภูมิมหาพิภพที่น่ากลัวและเยือกเย็น มีสายลมพัดโหยหวน
ยมโลกและแดนนรกพากลุ่มมหาเทพรวมสามสิบคนและทั้งหมดเหาะลงที่ยอดเขา ต่อมามีอีกเก้าคนบินมาสบทบแต่ไกล กลุ่มคนเหล่านี้คือมหาเทพดินแดนชีวิต และจากนั้นมีมหาเทพบินเข้ามาสมทบประปราย ในไม่ช้ามีมหาเทพรวมถึง 49 คน
“ตอนนี้เราขาดอยู่แต่เพียงแดนสวรรค์และโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะมีรอยยิ้มบนใบหน้าขณะที่นางชม้ายตามองประมุขมหาเทพวิถีมรณะ “วอร์เรด, ดูเหมือนว่าโอล็อฟจะมั่นใจมาก”
“มั่นใจหรือ? ใครเล่าไม่มั่นใจ? ชัยชนะและพ่ายแพ้จะได้รับการตัดสินเมื่อการสู้รบครั้งนี้จบแล้ว” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างพูดอย่างเยือกเย็น
ลินลี่ย์,เบรุตและบลูไฟร์อยู่ด้วยกันในมุมของยอดเขาด้านหนึ่ง เท่าที่มหาเทพทั้งหลายเห็น กลุ่มลินลี่ย์ทั้งสามคน สามมหาเทพแห่งยูลานเป็นเหมือนหน่วยเดียวกัน หน่วยของพวกเขาเพราะความคงอยู่ของลินลี่ย์จึงเป็นกลุ่มที่น่ากลัวมากกว่ากลุ่มของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ในอดีตเสียอีก
“พวกเขามาแล้ว” ลินลี่ย์พูดและหัวเราะอย่างเยือกเย็น
บลูไฟร์และเบรุตหันไปมองทันที มหาเทพอื่นสังเกตได้ว่ามีผู้เพิ่งมาถึงเช่นกัน จากระยะไกลกลุ่มที่กำลังบินมาสมทบมีสมาชิกรวมยี่สิบสองคน
ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟเป็นผู้นำ ประมุขมหาเทพแห่งแสงออกุสตาอยู่ข้างๆ เขา มหาเทพอื่นเป็นชาวกฎธาตุหรือวิถีต่างๆ รวมกัน
“ฮึ่ม” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาหันไปมองโอล็อฟ
ขณะที่โอล็อฟก็จ้องมองประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าสองประมุขมหาเทพต่างมองว่าเป็นศัตรูที่ทรงพลังที่สุด
“ลินลี่ย์พวกเขาสองคนมองกันว่าเป็นเพียงคู่ต่อสู้เท่านั้น พวกเขาดูถูกมหาเทพคนอื่น ถ้าสักวันลินลี่ย์เจ้าสามารถเอาชนะทั้งสองได้ พวกเขาทั้งสองจะทำหน้ายังไง?” เบรุตส่งสำนึกเทพบอกลินลี่ย์ขณะยิ้ม