ตอนที่แล้วตอนที่ 21-33 เผ่าบูลา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21-35 พันปี

ตอนที่ 21-34  ค่ายกลสังสารวัฏ


“เพื่อให้คนหนึ่งเกิด คนหนึ่งต้องตาย  อย่างนั้นชาวเผ่าบูลาคนแรกเกิดได้ยังไง?”บีบีกระพริบตาปริบๆ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้

“บีบี บอกข้าทีหนูกินเทพตัวแรกเกิดมาได้ยังไง?” ลินลี่ย์พูด

“เอ่อ...” บีบีพูดไม่ออก

“เราชาวบูลากับเผ่าพันธุ์อื่นหลายเผ่าที่ไม่เหมือนใครกำเนิดมาโดยสวรรค์”  บรีเซิลหัวเราะ  “อย่างเช่นตัวข้า เกิดในพิภพนาลา  แต่สมาชิกเผ่าข้าที่ข้าได้พบเกิดจากพิภพอื่น แม้ว่าข้าจะรู้ว่าข้าต้องสละตัวเองเพื่อให้กำเนิดลูก  แต่สำหรับตอนนี้ ข้าไม่มีความต้องการจะทำเช่นนั้น”

ลินลี่ย์เข้าใจ

นี่คือกฎของจักรวาลยิ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังมาก พวกเขาก็มีจำนวนน้อยลง

ตัวอย่างเช่นมังกรฟ้า,พยัคฆ์ขาวและสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อื่น หรือตัวอย่างเช่นต้นผลสิ้นหวัง ประมุขมหาเทพวิถีมรณะ และประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง  พวกเขาล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตเฉพาะแบบ  แม้ว่าเผ่าบูลานี้จะมีทักษะที่เฉพาะตัวมาก  แต่พวกเขาไม่อาจเทียบได้กับหนูกินเทพหรือต้นผลสิ้นหวังดังนั้นจึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หรืออีกตัวอย่างในช่วงหลายปีมานี้ ลินลี่ย์เองก็ได้พบมากับตัวแม้ใช้สำนึกเทพ ก็พบเจอราชสีห์กลืนฟ้าอสูรศักดิ์สิทธิ์มากกว่าร้อย

อสูรศักดิ์สิทธิ์ถูกแบ่งเป็นระดับชั้น

“ฮ่าฮ่า, ข้าไม่คาดเลยว่าครั้งนี้ข้าจะได้รับชาวเผ่าบูลามาเป็นทูตของข้า” ลินลี่ย์หัวเราะ “และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญวงเวทค่ายกลอีกด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ  ตอนนี้ไปกันเถอะ”

ลินลี่ย์ปล่อยพลังมหาเทพนำพากลุ่มทั้งหมดที่อยู่กับเขาเปลี่ยนสภาพเป็นรังสีเหลืองเข้มบินไปทางประตูเทเลพอร์ตที่ใกล้ที่สุดด้วยความเร็วสูง

ขณะที่กลุ่มของลินลี่ย์รีบเร่งไปที่แดนนรกโบเทียร์และมอนโรมหาเทพน้อยทั้งสองกลับไปยังแดนสวรรค์

อาคารหลังหนึ่งลอยอยู่ในกลางอากาศในแดนสวรรค์..อุทยานโอล็อฟ

อุทยานแห่งนี้เป็นที่พำนักของหนึ่งในสองผู้ทรงพลังที่สุดในประมุขมหาเทพสี่วิถี..ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟ

ภายในอุทยานเงียบสงัด  โอล็อฟนั่งขัดสมาธิอยู่เหนือพื้นหญ้าเคราขาวของเขายาวจรดอก

“ล็อดโอล็อฟ” โบเทียร์และมอนโรคำนับขณะที่พวกเขามาถึง

“โอว, พวกเจ้ากลับมาแล้ว”  โอล็อฟยิ้ม

โบเทียร์และมอนโรอดรู้สึกสบายใจไม่ได้  เท่าที่พวกเขาเห็นการเลือกเป็นบริวารของประมุขมหาเทพวิถีชะตาด้วยตนเองเป็นการตัดสินใจที่ฉลาด  ประมุขมหาเทพวิถีชะตา โอล็อฟทรงพลังมาก  นอกจากนี้เขายังปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยดี   เนื่องจากความเย็นชาของประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง  การยอมแพ้ต่อเขาเป็นเรื่องที่ไม่น่าพอใจ

แต่ประมุขมหาเทพวิถีชะตาเล่า?เขามักทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม

แน่นอนว่าพวกเขารู้สึกสบายใจ  และทำให้พวกเขาทุกคนรู้สึกภักดีต่อประมุขมหาเทพวิถีชะตามากขึ้น

“ลอร์ดโอล็อฟ,ท่านขอให้เรารับคนชื่อบรีเซิลเป็นทูต แต่พอเวลาที่เรารู้ตำแหน่งของบรีเซิล เขาก็อยู่กับลินลี่ย์แล้ว”  โบเทียร์พูดอย่างจนใจ  “เราขอให้เขายกบรีเซิลให้เราแต่ลินลี่ย์ปฏิเสธ เรายังอ้างชื่อของท่านลอร์ดโอล็อฟ แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย  เขากับตวาดใส่เรา”

ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะ  “ช่างเถอะ,ลินลี่ย์ผู้นี้เป็นยอดฝีมือระดับประมุขมหาเทพไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมีทัศนะแบบนั้น”

“ขอรับ”

โบเทียร์และมอนโรคำนับทั้งคู่

“จริงสิ, ในอีกร้อยปีข้างหน้า สงครามมหาพิภพจะเริ่มขึ้น”  ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟลุกขึ้นยืน  จากนั้นเหม่อมองในที่ไกล “ข้าต้องไปเยี่ยมเยือนโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์ด้วยเหมือนกัน”

แดนนรกทวีปบลัดริจ ภายในชายแดนของแคว้นอินดิโก

“ควั่บ!”

รังสีแสงสีเหลืองเข้มพุ่งวาบผ่านท้องฟ้าและไปลงที่เทือกเขาสกายไรท์ รังสีแสงเคลื่อนไหวได้เร็วมากจนเทพชั้นสูงชาวเผ่าตระกูลไม่ทันได้สังเกตเห็น

เทือกเขาสกายไรท์  คฤหาสน์ลินลี่ย์

กลุ่มของลินลี่ย์จู่ๆก็ปรากฏตัวภายในสนามหญ้าว่างของคฤหาสน์

“ผู้อาวุโสลินลี่ย์!”

หญิงรับใช้และทหารยามเมื่อเห็นลินลี่ย์ต่างพากันตกใจ  พวกเขารีบทำความเคารพทันที

“ฮ่าฮ่า, ลินลี่ย์,ครั้งนี้เจ้าไปนานเลยทีเดียว” มีเสียงทักดังขึ้น เบรุตและบลูไฟร์เดินออกมาพร้อมกัน

เบรุตกวาดตามองมองลินลี่ย์และบีบีพร้อมทั้งเจ็ดคนที่ข้างหลังพวกเขา  ทั้งเจ็ดคนเป็นทูตห้าคนและบรีเซิลในชุดดำและชุดขาว  ขณะที่ผู้บัญชาการวิลเฮล์มเมื่อกลุ่มของลินลี่ย์มาถึงประตูเทเลพอร์ตวิลเฮล์มเลือกรั้งอยู่พร้อมกับทหารคุ้มกันประตูเทเลพอร์ตแทนที่จะมาพร้อมกันกับพวกเขา

“คนเหล่านี้เป็นทูตที่เจ้าหาได้หรือนี่?”  เบรุตหัวเราะ

“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า “แต่แน่นอนว่าการหาทูตไม่ได้ใช้เวลามากนัก เรื่องหลักก็คือบีบีกับข้าท่องเที่ยวอยู่ในสามโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์”

บลูไฟร์ที่อยู่ใกล้อดพูดบ้างไม่ได้  “ดูเหมือนเจ้าจะค่อนข้างสบายๆ  ตอนนี้นี้ร่างแยกที่เจ้าเหลืออยู่ที่คฤหาสน์..ทำไมพวกเขาเอาแต่หมกมุ่นฝึกฝนเล่า? ข้าอยากจะสนทนากับเจ้า แต่หาโอกาสไม่ได้เลย”

ลินลี่ย์ได้แต่หัวเราะ

ความจริงร่างหลักทั้งห้าของเขามีแต่ร่างเดิมเท่านั้นที่ผ่อนคลายสบายๆ อีกสามร่างแยกมหาเทพและร่างแยกธาตุไฟล้วนแต่ฝึกฝนกันทั้งหมด

“ท่านก็มาอยู่ที่นี่ในตอนนี้แล้ว”  ลินลี่ย์ชำเลืองมองดูทูตที่อยู่ด้านหลังเขาและจากนั้นมองดูหญิงรับใช้ที่อยู่ไกลๆ  “ช่วยจัดการที่พักให้พวกเขาด้วย”

“ค่ะ ท่านผู้อาวุโส”  หญิงรับใช้รับคำด้วยความเคารพ

ทูตทั้งหกติดตามหญิงรับใช้จากไป

ลินลี่ย์และมหาเทพอีกสองนั่งล้อมโต๊ะกัน  ทั้งสามเริ่มดื่มและพูดคุยกัน

“โอว จากที่เจ้าพูด ในช่วงห้าร้อยปีที่ผ่านมาเจ้าค่อนข้างก้าวหน้าเลยใช่ไหม?” เบรุตพูดอย่างประหลาดใจ

ลินลี่ย์พยักหน้า  “พลังของข้าก้าวหน้ากว่าครั้งก่อนถึงสามเท่า”

“สามเท่า!”  เบรุตและบลูไฟร์อดตะลึงมิได้

ความจริงตั้งแต่เขาเริ่มหลอมรวมกฎทั้งสี่ได้สำเร็จ ‘กระบี่เจตจำนง’ของลินลี่ย์ก็เริ่มมีพลังเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

ความแตกต่างระหว่างการหลอมรวมเคล็ดลึกลับสามเคล็ดต่างสายธาตุและสี่เคล็ดลึกลับต่างสายธาตุมีพลังแตกต่างกันเกือบร้อยเท่า  สำหรับลินลี่ย์มีพลังก้าวหน้าถึงสามเท่ายังไม่นับว่ามาก

แต่สำหรับยอดฝีมือระดับประมุขมหาเทพพลังเพิ่มขึ้นสามเท่านับว่าน่ากลัวจริงๆ

“ฮ่าฮ่า, ยอดเยี่ยม!” เบรุตอดตบโต๊ะถอนหายใจมิได้ “ดูเหมือนว่าวันคืนของประมุขมหาเทพแห่งแสงจะถูกกำหนดไว้แล้ว”

“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า “สงครามหาพิภพรอบต่อไปเหลือเวลาอีกไม่ถึงร้อยปีจากนี้  ช่วงเวลานี้กองทัพที่จะส่งคนไปรบเริ่มรวมตัวกัน มีความเป็นไปได้ว่าออกุสตาคงร่วมมือกับประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟ  เนื่องจากเขาเคยทำมาก่อน  นี่ยังไม่ใช่เวลาโจมตี  นอกจากนี้พลังของข้ายังเพิ่มขึ้นช้าๆ  ตอนนี้ข้าจะรอไปก่อน  นี่เป็นเวลาที่ควรรอ  และยิ่งกว่านั้น ข้ามั่นใจมาก”

เบรุตและบลูไฟร์อดหัวเราะไม่ได้

ลินลี่ย์ไม่เคยทิ้งเป้าหมายฆ่าออกุสตา ความเกลียดชังระหว่างลินลี่ย์และออกุสตามีมาหลายสาเหตุ  ครั้งสุดท้ายลินลี่ย์ต้องยอมประนีประนอมด้วยเพื่อช่วยมารดาของเขา  เขาไม่มีทางเลือกอื่น

ออกุสตาเองก็รู้ว่าลินลี่ย์ต้องใช้เวลาควบคุมอารมณ์และความโกรธของเขาไว้ก่อนตอนนี้

แต่เท่าที่ออกุสตาเห็นเนื่องจากลินลี่ย์เป็นพารากอนคนหนึ่งไปแล้ว เขาไม่มีศักยภาพก้าวหน้าได้อีกต่อไป ลินลี่ย์ไม่ใช่คนที่เขาต้องกลัว ในความเป็นจริงๆออกุสตาฉวยโอกาสรีดทรัพย์ลินลี่ย์อย่างหนักระหว่างการเจรจาของพวกเขา

เวลาผ่านไปและในพริบตาผ่านไปหลายสิบปี

ทูตทั้งหกภายใต้การควบคุมของลินลี่ย์ยังไม่รีบเข้าสู่สมรภูมิมหาพิภพ  พวกขายังคงอยู่ในเทือกเขาสกายไรท์!

เทือกเขาสกายไรท์คฤหาสน์ของลินลี่ย์

ในพื้นที่ว่างบรีเซิลชุดดำและทูตอีกห้าคนก่อตั้งขบวนพยุหะดาวหกเหลี่ยม คลื่นพลังเทพที่ไม่ธรรมดาหมุนเวียนผ่านตัวพวกเขาอย่างต่อเนื่อง บรีเซิลร่างดำและคนที่เหลืออีกหกคนเคลื่อนไหวต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงบางครั้งก็อยู่ในอากาศ บางครั้งก็อยู่ในที่ไกล และบางครั้งก็ลงกลับมาบนพื้น

นอกจากนี้พวกเขาโจมตีใส่อากาศบ่อยครั้ง ทำให้เกิดรอยแยกมิติรอยแล้วรอยเล่า

“ทุกคน..หยุด” บรีเซิลร่างขาวตวาดอย่างไม่พอใจ

ทันใดนั้นทั้งหกคนลงมาอยู่บนพื้น

“มีอะไรหรือบรีเซิล?”  บุรุษสี่คนและสตรีสองคนมองดูบรีเซิลชุดขาว

“มันผิด วิถีของรูปพยุหะที่ทำงานตอนนี้... ใช้พลังมากเกินไป  เสียพลังไปมากกว่าครึ่ง”  บรีเซิลอดส่ายศีรษะไม่ได้

“มันก็ดียอดเยี่ยมอยู่แล้ว” สตรีงามผู้มีเกล็ดปลาบนหน้าผากพูดพลางหัวเราะ  “เมื่อเราทั้งหกคนผนึกกำลัง พลังโจมตีของเราและพลังป้องกันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้พวกเรามีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้นจะช่วยเหลือรับภาระแทนคนที่พลังป้องกันอ่อนแอเมื่อโจมตีด้วยกัน เราก็เหมือนกับมีทูตสิบแปดคนต่างคนต่างแยกสู้กัน”

บางครั้งการผนึกพลังเป็นเรื่องที่ดี  บางครั้งเป็นเรื่องที่แย่  ระหว่างเวลาสงครามมหาพิภพทูตทั้งหกรวมตัวกันอยู่ในที่เดียวกันจะทำให้ศัตรูได้โอกาสกำจัดพวกเขาทั้งหมดด้วยการโจมตีใหญ่รวดเดียว

อย่างไรก็ตามถ้าทูตทั้งหกเหล่านั้นสามารถใช้พยุหะที่ให้พวกเขามีแรงและพลังป้องกันร่วมกัน  อย่างนั้นสถานการณ์จะแตกต่างออกไปเป็นธรรมดา

“ไม่,มันสิ้นเปลืองพลังมากเกินไปในการทำงานของพหุหะนี่แตกต่างจากค่ายกลสังสารวัฏที่ข้าจินตนาการไว้” บรีเซิลร่างขาวส่ายศีรษะ

ขณะนั้นเอง...

“ค่ายกลสังสารวัฏ?”  เสียงหนึ่งดังขึ้น  ลินลี่ย์และเดเลียเดินมาหาพวกเขาด้วยกัน

“คารวะมหาเทพ” ทุกคนคำนับ

ลินลี่ย์หัวเราะขณะมองดูบรีเซิลในชุดขาว  “บรีเซิลความสำเร็จในวิชาค่ายกลพยุหะของเจ้าน่าประทับใจมาก ในช่วงหลายวันนี้ ข้ามองดูพวกเจ้าหกคนทดสอบพยุหะนี้อย่างต่อเนื่อง ข้ามีความรู้สึกว่า...พวกเจ้าทั้งหกคนจะกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในสมรภูมิมหาพิภพ”  เมื่อทูตมหาเทพทำได้ดีมหาเทพพลอยได้หน้าไปด้วยเช่นกัน

“มหาเทพนี่ยังแตกต่างไปจากสิ่งที่ข้าคิดไว้อีกมาก” บรีเซิลชุดขาวส่ายศีรษะ  “นานมาแล้วข้าใช้เวลาเกือบร้อยล้านปีพัฒนาค่ายกลสังสารวัฏเพื่อช่วยให้ตัวข้ากับบรีเซิลดำร่วมพลังกันปลดปล่อยพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ พยุหะหกคนนี้เป็นสิ่งที่ข้าคิดค้นขึ้นโดยอาศัยการอนุมานตีความขยายความมาจากค่ายกลสังสารวัฏเดิม  แต่ค่ายกล...หกคนนี้พอผนึกพลังกลับทำได้ยากมาก”

ลินลี่ย์พยักหน้า

การพัฒนาพยุหะรบให้ทรงพลังและสมบูรณ์แบบเป็นเรื่องที่ยากอย่างที่สุด! จะพัฒนาพยุหะรบในเวลาไม่กี่พันปีน่ะหรือ?  เป็นไปไม่ได้

บรีเซิลใช้เวลาเกือบร้อยล้านปีกับค่ายกลสังสารวัฏ ตอนนี้เนื่องจากค่ายกลใหม่นี้ใช้หลักการเดียวกันการพัฒนาจึงมีความรวดเร็ว อย่างไรก็ตามก็ยังต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปี

เดเลียที่อยู่ด้านข้างลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ  “เท่าที่ข้าเห็น  เมื่อเวลามาถึงพวกท่านทั้งหกควรใช้พลังมหาเทพพร้อมกัน  ด้วยวิธีนั้นเมื่อค่ายกลเริ่มทำงาน พวกท่านจะเสียพลังน้อยลง

“นั่นคือสิ่งที่เราตั้งใจจะทำเช่นกัน”  บรีเซิลชุดขาวพูดด้วยความเคารพ  “แต่พยุหะรบนี้เห็นได้ชัดว่ายังไม่สมบูรณ์ แต่..มหาเทพ..เรามีเวลาอีกไม่กี่สิบปีก่อนสงครามมหาพิภพจะเริ่ม  เราจะทำไม่ทันเวลา ข้าคิดอย่างนั้น”

“ไม่ต้องรีบร้อน”  ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น  “สงครามมหาพิภพจะดำเนินไปเป็นเวลาพันปี ช่วงแรกของพันปีจะเป็นเรื่องของการไล่ล่าฆ่ากัน มีแต่ช่วงท้ายของสงครามพันปีที่จะจบลงด้วยการต่อสู้สุดท้าย พวกเจ้าเพียงแค่ต้องเข้าไปก่อนศึกสุดท้ายเริ่ม  ดังนั้นเจ้ายังมีเวลาอีกพันปี  เมื่อเวลามาถึง ข้าจะส่งพวกเจ้าเข้าสมรภูมิมหาพิภพด้วยตนเอง”

การเดินทางจากเทือกเขาสกายไรท์ไปประตูมิติแดนนรกเพื่อเข้าสู่สมรภูมิมหาพิภพจะต้องใช้เวลามาก  แต่สำหรับมหาเทพจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวัน

“ขอบคุณ มหาเทพ”  คนเหล่านี้พากันดีใจทุกคน

ยิ่งพวกเขาพัฒนาค่ายกลได้สมบูรณ์แบบ พลังป้องกันและพลังโจมตีของพวกเขาจะสมบูรณ์แบบมากขึ้น  ดังนั้นโอกาสรอดของพวกเขาจะมากขึ้นไปด้วย

“พวกเจ้าฝึกต่อไปเถอะ  ข้าจะไม่รบกวนอีกแล้ว”  ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่พาเดเลียออกไป

เวลาผ่านไปอีกสิบปีอย่างเงียบสงบ

ในแดนนรกลึกลงไปในทะเลเชาติค

“ครืน....”

ภาพมังกรตัวยาวที่เกิดจากแถวของร่างมนุษย์มองเห็นได้ชัดขณะที่คลื่นมหาชนมุ่งไปยังปราสาทดำแต่ไกล ยอดฝีมือเป็นพันๆ ของแดนนรกหลั่งไหลเข้าไปในปราสาทดำ  ปราสาทดำไม่ได้ใหญ่มากนัก  แต่กระแสผู้เยี่ยมชมนี้มีเข้ามาเรื่อยๆ

มีสองคนหยุดอยู่ที่หน้าต่างภายในปราสาทดำ  พวกเขายืนเคียงไหล่กัน เป็นลินลี่ย์และโบซัน

“มีผู้เข้าร่วมครั้งนี้ค่อนข้างมากจริง”  ลินลี่ย์อดพูดด้วยความประหลาดใจไม่ได้

“มีผู้เข้าร่วมหลายคนในครั้งนี้  แม้ว่านี่คือการสู้รบระหว่างแดนสวรรค์และแดนนรกแต่ยอดฝีมือหลายคนจากดินแดนอื่นเช่นยมโลกและดินแดนชีวิตต่างมาร่วมกับฝ่ายเรา” มหาเทพบลัดริจโบซันที่ยืนอยู่ข้างลินลี่ย์ถอนหายใจพูด  “พูดถึงปริมาณทหาร เราเหนือกว่าแดนสวรรค์  แต่ในแง่คุณภาพ เราด้อยกว่ามากมาย”

ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น “ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างคนอื่นก็ทุ่มสุดตัว  ก็คงยากที่แดนสวรรค์จะเอาชนะศึกนี้ได้”

“จริงสิ ลินลี่ย์, ทูตทั้งหกของเจ้าอยู่ไหนแล้ว?”  มหาเทพบลัดริจเอ่ยขึ้นทันที  “มีอะไรต้องรีบเร่งด้วยเล่า?ยังมีเวลาให้พวกเขาร่วมกับทหารก่อนที่ศึกสุดท้ายไม่ใช่หรือ?”  ลินลี่ย์ตอบพลางหัวเราะ

“เพราะเจ้าเลือกไว้แล้วนั่นเอง” มหาเทพบลัดริจมองดูแถวผู้คนข้างล่างที่ไม่สุดสิ้น  เขาอดถอนหายใจไม่ได้  “สงครามมหาพิภพเริ่มแล้ว ผู้คนจะต้องตายอีกมากมาย”

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน

สงครามมหาพิภพพันปี...เริ่มขึ้นแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด