ตอนที่ 21-34 ค่ายกลสังสารวัฏ
“เพื่อให้คนหนึ่งเกิด คนหนึ่งต้องตาย อย่างนั้นชาวเผ่าบูลาคนแรกเกิดได้ยังไง?”บีบีกระพริบตาปริบๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้
“บีบี บอกข้าทีหนูกินเทพตัวแรกเกิดมาได้ยังไง?” ลินลี่ย์พูด
“เอ่อ...” บีบีพูดไม่ออก
“เราชาวบูลากับเผ่าพันธุ์อื่นหลายเผ่าที่ไม่เหมือนใครกำเนิดมาโดยสวรรค์” บรีเซิลหัวเราะ “อย่างเช่นตัวข้า เกิดในพิภพนาลา แต่สมาชิกเผ่าข้าที่ข้าได้พบเกิดจากพิภพอื่น แม้ว่าข้าจะรู้ว่าข้าต้องสละตัวเองเพื่อให้กำเนิดลูก แต่สำหรับตอนนี้ ข้าไม่มีความต้องการจะทำเช่นนั้น”
ลินลี่ย์เข้าใจ
นี่คือกฎของจักรวาลยิ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังมาก พวกเขาก็มีจำนวนน้อยลง
ตัวอย่างเช่นมังกรฟ้า,พยัคฆ์ขาวและสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อื่น หรือตัวอย่างเช่นต้นผลสิ้นหวัง ประมุขมหาเทพวิถีมรณะ และประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง พวกเขาล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตเฉพาะแบบ แม้ว่าเผ่าบูลานี้จะมีทักษะที่เฉพาะตัวมาก แต่พวกเขาไม่อาจเทียบได้กับหนูกินเทพหรือต้นผลสิ้นหวังดังนั้นจึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หรืออีกตัวอย่างในช่วงหลายปีมานี้ ลินลี่ย์เองก็ได้พบมากับตัวแม้ใช้สำนึกเทพ ก็พบเจอราชสีห์กลืนฟ้าอสูรศักดิ์สิทธิ์มากกว่าร้อย
อสูรศักดิ์สิทธิ์ถูกแบ่งเป็นระดับชั้น
“ฮ่าฮ่า, ข้าไม่คาดเลยว่าครั้งนี้ข้าจะได้รับชาวเผ่าบูลามาเป็นทูตของข้า” ลินลี่ย์หัวเราะ “และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญวงเวทค่ายกลอีกด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ ตอนนี้ไปกันเถอะ”
ลินลี่ย์ปล่อยพลังมหาเทพนำพากลุ่มทั้งหมดที่อยู่กับเขาเปลี่ยนสภาพเป็นรังสีเหลืองเข้มบินไปทางประตูเทเลพอร์ตที่ใกล้ที่สุดด้วยความเร็วสูง
ขณะที่กลุ่มของลินลี่ย์รีบเร่งไปที่แดนนรกโบเทียร์และมอนโรมหาเทพน้อยทั้งสองกลับไปยังแดนสวรรค์
อาคารหลังหนึ่งลอยอยู่ในกลางอากาศในแดนสวรรค์..อุทยานโอล็อฟ
อุทยานแห่งนี้เป็นที่พำนักของหนึ่งในสองผู้ทรงพลังที่สุดในประมุขมหาเทพสี่วิถี..ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟ
ภายในอุทยานเงียบสงัด โอล็อฟนั่งขัดสมาธิอยู่เหนือพื้นหญ้าเคราขาวของเขายาวจรดอก
“ล็อดโอล็อฟ” โบเทียร์และมอนโรคำนับขณะที่พวกเขามาถึง
“โอว, พวกเจ้ากลับมาแล้ว” โอล็อฟยิ้ม
โบเทียร์และมอนโรอดรู้สึกสบายใจไม่ได้ เท่าที่พวกเขาเห็นการเลือกเป็นบริวารของประมุขมหาเทพวิถีชะตาด้วยตนเองเป็นการตัดสินใจที่ฉลาด ประมุขมหาเทพวิถีชะตา โอล็อฟทรงพลังมาก นอกจากนี้เขายังปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยดี เนื่องจากความเย็นชาของประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง การยอมแพ้ต่อเขาเป็นเรื่องที่ไม่น่าพอใจ
แต่ประมุขมหาเทพวิถีชะตาเล่า?เขามักทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
แน่นอนว่าพวกเขารู้สึกสบายใจ และทำให้พวกเขาทุกคนรู้สึกภักดีต่อประมุขมหาเทพวิถีชะตามากขึ้น
“ลอร์ดโอล็อฟ,ท่านขอให้เรารับคนชื่อบรีเซิลเป็นทูต แต่พอเวลาที่เรารู้ตำแหน่งของบรีเซิล เขาก็อยู่กับลินลี่ย์แล้ว” โบเทียร์พูดอย่างจนใจ “เราขอให้เขายกบรีเซิลให้เราแต่ลินลี่ย์ปฏิเสธ เรายังอ้างชื่อของท่านลอร์ดโอล็อฟ แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย เขากับตวาดใส่เรา”
ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะ “ช่างเถอะ,ลินลี่ย์ผู้นี้เป็นยอดฝีมือระดับประมุขมหาเทพไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมีทัศนะแบบนั้น”
“ขอรับ”
โบเทียร์และมอนโรคำนับทั้งคู่
“จริงสิ, ในอีกร้อยปีข้างหน้า สงครามมหาพิภพจะเริ่มขึ้น” ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟลุกขึ้นยืน จากนั้นเหม่อมองในที่ไกล “ข้าต้องไปเยี่ยมเยือนโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์ด้วยเหมือนกัน”
แดนนรกทวีปบลัดริจ ภายในชายแดนของแคว้นอินดิโก
“ควั่บ!”
รังสีแสงสีเหลืองเข้มพุ่งวาบผ่านท้องฟ้าและไปลงที่เทือกเขาสกายไรท์ รังสีแสงเคลื่อนไหวได้เร็วมากจนเทพชั้นสูงชาวเผ่าตระกูลไม่ทันได้สังเกตเห็น
เทือกเขาสกายไรท์ คฤหาสน์ลินลี่ย์
กลุ่มของลินลี่ย์จู่ๆก็ปรากฏตัวภายในสนามหญ้าว่างของคฤหาสน์
“ผู้อาวุโสลินลี่ย์!”
หญิงรับใช้และทหารยามเมื่อเห็นลินลี่ย์ต่างพากันตกใจ พวกเขารีบทำความเคารพทันที
“ฮ่าฮ่า, ลินลี่ย์,ครั้งนี้เจ้าไปนานเลยทีเดียว” มีเสียงทักดังขึ้น เบรุตและบลูไฟร์เดินออกมาพร้อมกัน
เบรุตกวาดตามองมองลินลี่ย์และบีบีพร้อมทั้งเจ็ดคนที่ข้างหลังพวกเขา ทั้งเจ็ดคนเป็นทูตห้าคนและบรีเซิลในชุดดำและชุดขาว ขณะที่ผู้บัญชาการวิลเฮล์มเมื่อกลุ่มของลินลี่ย์มาถึงประตูเทเลพอร์ตวิลเฮล์มเลือกรั้งอยู่พร้อมกับทหารคุ้มกันประตูเทเลพอร์ตแทนที่จะมาพร้อมกันกับพวกเขา
“คนเหล่านี้เป็นทูตที่เจ้าหาได้หรือนี่?” เบรุตหัวเราะ
“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า “แต่แน่นอนว่าการหาทูตไม่ได้ใช้เวลามากนัก เรื่องหลักก็คือบีบีกับข้าท่องเที่ยวอยู่ในสามโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์”
บลูไฟร์ที่อยู่ใกล้อดพูดบ้างไม่ได้ “ดูเหมือนเจ้าจะค่อนข้างสบายๆ ตอนนี้นี้ร่างแยกที่เจ้าเหลืออยู่ที่คฤหาสน์..ทำไมพวกเขาเอาแต่หมกมุ่นฝึกฝนเล่า? ข้าอยากจะสนทนากับเจ้า แต่หาโอกาสไม่ได้เลย”
ลินลี่ย์ได้แต่หัวเราะ
ความจริงร่างหลักทั้งห้าของเขามีแต่ร่างเดิมเท่านั้นที่ผ่อนคลายสบายๆ อีกสามร่างแยกมหาเทพและร่างแยกธาตุไฟล้วนแต่ฝึกฝนกันทั้งหมด
“ท่านก็มาอยู่ที่นี่ในตอนนี้แล้ว” ลินลี่ย์ชำเลืองมองดูทูตที่อยู่ด้านหลังเขาและจากนั้นมองดูหญิงรับใช้ที่อยู่ไกลๆ “ช่วยจัดการที่พักให้พวกเขาด้วย”
“ค่ะ ท่านผู้อาวุโส” หญิงรับใช้รับคำด้วยความเคารพ
ทูตทั้งหกติดตามหญิงรับใช้จากไป
ลินลี่ย์และมหาเทพอีกสองนั่งล้อมโต๊ะกัน ทั้งสามเริ่มดื่มและพูดคุยกัน
“โอว จากที่เจ้าพูด ในช่วงห้าร้อยปีที่ผ่านมาเจ้าค่อนข้างก้าวหน้าเลยใช่ไหม?” เบรุตพูดอย่างประหลาดใจ
ลินลี่ย์พยักหน้า “พลังของข้าก้าวหน้ากว่าครั้งก่อนถึงสามเท่า”
“สามเท่า!” เบรุตและบลูไฟร์อดตะลึงมิได้
ความจริงตั้งแต่เขาเริ่มหลอมรวมกฎทั้งสี่ได้สำเร็จ ‘กระบี่เจตจำนง’ของลินลี่ย์ก็เริ่มมีพลังเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ความแตกต่างระหว่างการหลอมรวมเคล็ดลึกลับสามเคล็ดต่างสายธาตุและสี่เคล็ดลึกลับต่างสายธาตุมีพลังแตกต่างกันเกือบร้อยเท่า สำหรับลินลี่ย์มีพลังก้าวหน้าถึงสามเท่ายังไม่นับว่ามาก
แต่สำหรับยอดฝีมือระดับประมุขมหาเทพพลังเพิ่มขึ้นสามเท่านับว่าน่ากลัวจริงๆ
“ฮ่าฮ่า, ยอดเยี่ยม!” เบรุตอดตบโต๊ะถอนหายใจมิได้ “ดูเหมือนว่าวันคืนของประมุขมหาเทพแห่งแสงจะถูกกำหนดไว้แล้ว”
“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า “สงครามหาพิภพรอบต่อไปเหลือเวลาอีกไม่ถึงร้อยปีจากนี้ ช่วงเวลานี้กองทัพที่จะส่งคนไปรบเริ่มรวมตัวกัน มีความเป็นไปได้ว่าออกุสตาคงร่วมมือกับประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟ เนื่องจากเขาเคยทำมาก่อน นี่ยังไม่ใช่เวลาโจมตี นอกจากนี้พลังของข้ายังเพิ่มขึ้นช้าๆ ตอนนี้ข้าจะรอไปก่อน นี่เป็นเวลาที่ควรรอ และยิ่งกว่านั้น ข้ามั่นใจมาก”
เบรุตและบลูไฟร์อดหัวเราะไม่ได้
ลินลี่ย์ไม่เคยทิ้งเป้าหมายฆ่าออกุสตา ความเกลียดชังระหว่างลินลี่ย์และออกุสตามีมาหลายสาเหตุ ครั้งสุดท้ายลินลี่ย์ต้องยอมประนีประนอมด้วยเพื่อช่วยมารดาของเขา เขาไม่มีทางเลือกอื่น
ออกุสตาเองก็รู้ว่าลินลี่ย์ต้องใช้เวลาควบคุมอารมณ์และความโกรธของเขาไว้ก่อนตอนนี้
แต่เท่าที่ออกุสตาเห็นเนื่องจากลินลี่ย์เป็นพารากอนคนหนึ่งไปแล้ว เขาไม่มีศักยภาพก้าวหน้าได้อีกต่อไป ลินลี่ย์ไม่ใช่คนที่เขาต้องกลัว ในความเป็นจริงๆออกุสตาฉวยโอกาสรีดทรัพย์ลินลี่ย์อย่างหนักระหว่างการเจรจาของพวกเขา
เวลาผ่านไปและในพริบตาผ่านไปหลายสิบปี
ทูตทั้งหกภายใต้การควบคุมของลินลี่ย์ยังไม่รีบเข้าสู่สมรภูมิมหาพิภพ พวกขายังคงอยู่ในเทือกเขาสกายไรท์!
เทือกเขาสกายไรท์คฤหาสน์ของลินลี่ย์
ในพื้นที่ว่างบรีเซิลชุดดำและทูตอีกห้าคนก่อตั้งขบวนพยุหะดาวหกเหลี่ยม คลื่นพลังเทพที่ไม่ธรรมดาหมุนเวียนผ่านตัวพวกเขาอย่างต่อเนื่อง บรีเซิลร่างดำและคนที่เหลืออีกหกคนเคลื่อนไหวต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงบางครั้งก็อยู่ในอากาศ บางครั้งก็อยู่ในที่ไกล และบางครั้งก็ลงกลับมาบนพื้น
นอกจากนี้พวกเขาโจมตีใส่อากาศบ่อยครั้ง ทำให้เกิดรอยแยกมิติรอยแล้วรอยเล่า
“ทุกคน..หยุด” บรีเซิลร่างขาวตวาดอย่างไม่พอใจ
ทันใดนั้นทั้งหกคนลงมาอยู่บนพื้น
“มีอะไรหรือบรีเซิล?” บุรุษสี่คนและสตรีสองคนมองดูบรีเซิลชุดขาว
“มันผิด วิถีของรูปพยุหะที่ทำงานตอนนี้... ใช้พลังมากเกินไป เสียพลังไปมากกว่าครึ่ง” บรีเซิลอดส่ายศีรษะไม่ได้
“มันก็ดียอดเยี่ยมอยู่แล้ว” สตรีงามผู้มีเกล็ดปลาบนหน้าผากพูดพลางหัวเราะ “เมื่อเราทั้งหกคนผนึกกำลัง พลังโจมตีของเราและพลังป้องกันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้พวกเรามีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้นจะช่วยเหลือรับภาระแทนคนที่พลังป้องกันอ่อนแอเมื่อโจมตีด้วยกัน เราก็เหมือนกับมีทูตสิบแปดคนต่างคนต่างแยกสู้กัน”
บางครั้งการผนึกพลังเป็นเรื่องที่ดี บางครั้งเป็นเรื่องที่แย่ ระหว่างเวลาสงครามมหาพิภพทูตทั้งหกรวมตัวกันอยู่ในที่เดียวกันจะทำให้ศัตรูได้โอกาสกำจัดพวกเขาทั้งหมดด้วยการโจมตีใหญ่รวดเดียว
อย่างไรก็ตามถ้าทูตทั้งหกเหล่านั้นสามารถใช้พยุหะที่ให้พวกเขามีแรงและพลังป้องกันร่วมกัน อย่างนั้นสถานการณ์จะแตกต่างออกไปเป็นธรรมดา
“ไม่,มันสิ้นเปลืองพลังมากเกินไปในการทำงานของพหุหะนี่แตกต่างจากค่ายกลสังสารวัฏที่ข้าจินตนาการไว้” บรีเซิลร่างขาวส่ายศีรษะ
ขณะนั้นเอง...
“ค่ายกลสังสารวัฏ?” เสียงหนึ่งดังขึ้น ลินลี่ย์และเดเลียเดินมาหาพวกเขาด้วยกัน
“คารวะมหาเทพ” ทุกคนคำนับ
ลินลี่ย์หัวเราะขณะมองดูบรีเซิลในชุดขาว “บรีเซิลความสำเร็จในวิชาค่ายกลพยุหะของเจ้าน่าประทับใจมาก ในช่วงหลายวันนี้ ข้ามองดูพวกเจ้าหกคนทดสอบพยุหะนี้อย่างต่อเนื่อง ข้ามีความรู้สึกว่า...พวกเจ้าทั้งหกคนจะกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในสมรภูมิมหาพิภพ” เมื่อทูตมหาเทพทำได้ดีมหาเทพพลอยได้หน้าไปด้วยเช่นกัน
“มหาเทพนี่ยังแตกต่างไปจากสิ่งที่ข้าคิดไว้อีกมาก” บรีเซิลชุดขาวส่ายศีรษะ “นานมาแล้วข้าใช้เวลาเกือบร้อยล้านปีพัฒนาค่ายกลสังสารวัฏเพื่อช่วยให้ตัวข้ากับบรีเซิลดำร่วมพลังกันปลดปล่อยพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ พยุหะหกคนนี้เป็นสิ่งที่ข้าคิดค้นขึ้นโดยอาศัยการอนุมานตีความขยายความมาจากค่ายกลสังสารวัฏเดิม แต่ค่ายกล...หกคนนี้พอผนึกพลังกลับทำได้ยากมาก”
ลินลี่ย์พยักหน้า
การพัฒนาพยุหะรบให้ทรงพลังและสมบูรณ์แบบเป็นเรื่องที่ยากอย่างที่สุด! จะพัฒนาพยุหะรบในเวลาไม่กี่พันปีน่ะหรือ? เป็นไปไม่ได้
บรีเซิลใช้เวลาเกือบร้อยล้านปีกับค่ายกลสังสารวัฏ ตอนนี้เนื่องจากค่ายกลใหม่นี้ใช้หลักการเดียวกันการพัฒนาจึงมีความรวดเร็ว อย่างไรก็ตามก็ยังต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปี
เดเลียที่อยู่ด้านข้างลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ “เท่าที่ข้าเห็น เมื่อเวลามาถึงพวกท่านทั้งหกควรใช้พลังมหาเทพพร้อมกัน ด้วยวิธีนั้นเมื่อค่ายกลเริ่มทำงาน พวกท่านจะเสียพลังน้อยลง
“นั่นคือสิ่งที่เราตั้งใจจะทำเช่นกัน” บรีเซิลชุดขาวพูดด้วยความเคารพ “แต่พยุหะรบนี้เห็นได้ชัดว่ายังไม่สมบูรณ์ แต่..มหาเทพ..เรามีเวลาอีกไม่กี่สิบปีก่อนสงครามมหาพิภพจะเริ่ม เราจะทำไม่ทันเวลา ข้าคิดอย่างนั้น”
“ไม่ต้องรีบร้อน” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น “สงครามมหาพิภพจะดำเนินไปเป็นเวลาพันปี ช่วงแรกของพันปีจะเป็นเรื่องของการไล่ล่าฆ่ากัน มีแต่ช่วงท้ายของสงครามพันปีที่จะจบลงด้วยการต่อสู้สุดท้าย พวกเจ้าเพียงแค่ต้องเข้าไปก่อนศึกสุดท้ายเริ่ม ดังนั้นเจ้ายังมีเวลาอีกพันปี เมื่อเวลามาถึง ข้าจะส่งพวกเจ้าเข้าสมรภูมิมหาพิภพด้วยตนเอง”
การเดินทางจากเทือกเขาสกายไรท์ไปประตูมิติแดนนรกเพื่อเข้าสู่สมรภูมิมหาพิภพจะต้องใช้เวลามาก แต่สำหรับมหาเทพจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวัน
“ขอบคุณ มหาเทพ” คนเหล่านี้พากันดีใจทุกคน
ยิ่งพวกเขาพัฒนาค่ายกลได้สมบูรณ์แบบ พลังป้องกันและพลังโจมตีของพวกเขาจะสมบูรณ์แบบมากขึ้น ดังนั้นโอกาสรอดของพวกเขาจะมากขึ้นไปด้วย
“พวกเจ้าฝึกต่อไปเถอะ ข้าจะไม่รบกวนอีกแล้ว” ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่พาเดเลียออกไป
เวลาผ่านไปอีกสิบปีอย่างเงียบสงบ
ในแดนนรกลึกลงไปในทะเลเชาติค
“ครืน....”
ภาพมังกรตัวยาวที่เกิดจากแถวของร่างมนุษย์มองเห็นได้ชัดขณะที่คลื่นมหาชนมุ่งไปยังปราสาทดำแต่ไกล ยอดฝีมือเป็นพันๆ ของแดนนรกหลั่งไหลเข้าไปในปราสาทดำ ปราสาทดำไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่กระแสผู้เยี่ยมชมนี้มีเข้ามาเรื่อยๆ
มีสองคนหยุดอยู่ที่หน้าต่างภายในปราสาทดำ พวกเขายืนเคียงไหล่กัน เป็นลินลี่ย์และโบซัน
“มีผู้เข้าร่วมครั้งนี้ค่อนข้างมากจริง” ลินลี่ย์อดพูดด้วยความประหลาดใจไม่ได้
“มีผู้เข้าร่วมหลายคนในครั้งนี้ แม้ว่านี่คือการสู้รบระหว่างแดนสวรรค์และแดนนรกแต่ยอดฝีมือหลายคนจากดินแดนอื่นเช่นยมโลกและดินแดนชีวิตต่างมาร่วมกับฝ่ายเรา” มหาเทพบลัดริจโบซันที่ยืนอยู่ข้างลินลี่ย์ถอนหายใจพูด “พูดถึงปริมาณทหาร เราเหนือกว่าแดนสวรรค์ แต่ในแง่คุณภาพ เราด้อยกว่ามากมาย”
ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น “ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างคนอื่นก็ทุ่มสุดตัว ก็คงยากที่แดนสวรรค์จะเอาชนะศึกนี้ได้”
“จริงสิ ลินลี่ย์, ทูตทั้งหกของเจ้าอยู่ไหนแล้ว?” มหาเทพบลัดริจเอ่ยขึ้นทันที “มีอะไรต้องรีบเร่งด้วยเล่า?ยังมีเวลาให้พวกเขาร่วมกับทหารก่อนที่ศึกสุดท้ายไม่ใช่หรือ?” ลินลี่ย์ตอบพลางหัวเราะ
“เพราะเจ้าเลือกไว้แล้วนั่นเอง” มหาเทพบลัดริจมองดูแถวผู้คนข้างล่างที่ไม่สุดสิ้น เขาอดถอนหายใจไม่ได้ “สงครามมหาพิภพเริ่มแล้ว ผู้คนจะต้องตายอีกมากมาย”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน
สงครามมหาพิภพพันปี...เริ่มขึ้นแล้ว!