ตอนที่ 21-31 พบเจอกัน
ลินลี่ย์ใช้เวลามากกว่าห้าร้อยปีในการสร้างพิภพลมศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง
“ควั่บ”ลมพัดรุนแรงปั่นป่วนไม่เป็นระเบียบทำให้ทั่วทั้งพื้นที่ตกอยู่ในสภาพปั่นป่วน
ในพื้นที่ที่พร่ามัวไม่ชัดเจนแม้แต่ท้องฟ้าและแผ่นดินยังไม่ก่อตัวอย่างเต็มที่ลึกลงไปในพื้นที่เลือนรางนี้ เห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ในใจกลางอย่างคลุมเครือ มีแสงรัศมีสีเขียวอ่อนเปล่งออกจากร่างนั้นกระจายไปทั่วทุกทิศทำให้พื้นที่พร่าเลือนขยายตัวและคงที่อยู่ตลอด
ลินลี่ย์หลับตายืนนิ่งอยู่กับที่ผมยาวสีเขียวอ่อนของเขาโบกสะบัดพลิ้ว
เขายืนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งบัดนี้มาเป็นเวลาห้าร้อยปีแล้ว
“ลม ไม่เห็นรูป ไร้ลักษณ์สามารถควบแน่นได้เหมือนเหมือนกับดาบกระบี่ แต่จะกระจายหายไปในความว่างเปล่า”
ภายในใจของลินลี่ย์เงากระบี่มากมายกระพริบวาบต่อเนื่องแสดงถึงการรับรู้และความเข้าใจที่เขาได้รับ
กระแสแห่งศรัทธาไร้ที่สิ้นสุดไหลลงสู่จิตสำนึกของลินลี่ย์เหมือนกับแม่น้ำทำให้ความเข้าใจกฎธาตุลมของเขาเพิ่มมากขึ้นในระดับที่น่ากลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการสร้างพิภพลมศักดิ์สิทธิ์นี้ทำให้ลินลี่ย์ได้รับความรู้แจ้งมากมาย และเขาบรรลุผ่านคอขวดและคลี่คลายข้อสงสัยที่ยากๆได้
ในอดีตห้าร้อยปีที่ผ่านมาระดับความเข้าใจของลินลี่ย์เกี่ยวกับกฎธาตุลมเพิ่มมากขึ้นในระดับที่น่าตกใจ
ทั้งนี้เป็นเพราะลินลี่ย์มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่เริ่ม
ในช่วงห้าร้อยกว่าปีที่ผ่านมาลินลี่ย์บรรลุไปถึงระดับหลอมรวมเคล็ดลึกลับธาตุลมห้าเคล็ด แต่แน่นอนกฎธาตุลมมีเคล็ดถึงเก้าเคล็ด ลินลี่ย์แค่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ฮ่าฮ่า....”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะดังลั่นกึกก้องอยู่ในพื้นที่พร่าเลือนทำให้สั่นสะเทือน
“หลังจากใช้เวลามากกว่าห้าร้อยปี ในที่สุดข้าก็หลอมรวมเคล็ดพลังโจมตีมิติและเคล็ดพลังระเบิดเข้าด้วยกันได้ ตอนนี้เคล็ดพลังระเบิดได้หลอมรวมเข้ากับอีกสามเคล็ดลึกลับอื่นสำเร็จแล้ว” ลินลี่ย์อดยิ้มเต็มใบหน้าไม่ได้ แทบจะทันทีลินลี่ย์เริ่มหลอมรวมเคล็ดลึกลับทั้งสี่ทั้งหมดเข้าในร่างของเขา
ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับเคล็ดลึกลับที่แตกต่างสายธาตุทั้งสี่เริ่มยกระดับช้าๆ
“เป็นอย่างนี้นี่เอง!”
ขณะที่เขานั่งสมาธิพัฒนาการของพลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของลินลี่ย์ ‘กระบี่เจตจำนง’ เริ่มเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
‘กระบี่เจตจำนง’ เมื่อกระบี่ยิงออกไปพลังกระบี่ไร้ลักษณ์จะโจมตีสะเปะสะปะเกินไปบ้างไม่สามารถลงตัวในจุดเดียวได้อย่างสมบูรณ์
แต่ตอนนี้ที่เขาเริ่มหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับทั้งสี่ ลินลี่ย์สามารถเริ่มเล็งให้พลังโจมตีของเขาพุ่งลงในจุดเดียวได้
ในอดีตเมื่อลินลี่ย์กลายเป็นเทพ ความเข้าใจเคล็ดลึกลับของเขาเพิ่มขึ้นมากพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ตอนนี้เนื่องจากความเข้าใจในการหลอมรวมเคล็ดลึกลับทั้งสี่เพิ่มขึ้นอีก กระบี่เจตจำนงของลินลี่ย์เริ่มมีพลังเพิ่มขึ้น
“การสร้างพิภพนี้จะต้องใช้เวลาอีกสี่หรือห้าร้อยปีแค่นี้ก็เพียงพอทำให้ข้าเพิ่มพลังได้อีกครั้ง” ขณะที่สร้างพิภพลมศักดิ์สิทธิ์ ลินลี่ย์ก็ฝึกฝนไปด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่ร่างแยกมหาเทพธาตุลมเท่านั้น แม้แต่ร่างแยกธาตุไฟ ร่างมหาเทพธาตุน้ำและร่างมหาเทพธาตุดินก็เพ่งอยู่กับการฝึกฝนด้วยเหมือนกัน
ลินลี่ย์เพ่งอยู่กับการฝึกฝนเพิ่มพลังของเขาอย่างสมบูรณ์!
โลกธาตุดินศักดิ์สิทธิ์ ทวีปแบล็คทอร์เทิร์ส
ทวีปแบล็คทอร์เทิร์สเป็นทวีปซึ่งมหาเทพพญาเต่าดำหนึ่งในบรรพบุรุษทั้งสี่ปกครอง แม้ว่าพญาเต่าดำจะประสบเคราะห์กรรมเมื่อสองหมื่นปีที่แล้วแต่ทวีปทอร์เทิร์สก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
หญ้าเขียวขจีมองเห็นได้ทุกที่และกลุ่มผู้คนเดินทางผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ผู้นำเป็นบุรุษหนุ่มผมน้ำตาล ขณะที่ด้านหลังของเขามีบุรุษสี่และสตรีสองนี่คือกลุ่มของมหาเทพลินลี่ย์
“โอว..เป็นอย่างนี้นี่เอง”
ขณะที่กำลังเดินไปข้างหน้าจู่ๆใบหน้าของลินลี่ย์ก็มีรอยยิ้มขึ้น มือขวาของเขาทำท่าเล็กน้อยอยู่สองครา และระลอกกระบี่เลือนรางยิงออกมาจากมือของเขาทำให้มิติแตกกระจาย
“มหาเทพ...นี่มัน?
ทุกคน,รัสเซลรวมทั้งคนอื่นที่เหลือพากันงุนงงกันหมด เมื่อครู่นี้ช่วงที่พวกเขาเดินทางลินลี่ย์อดทดสอบไม้ตายของเขาเป็นครั้งๆไม่ได้ เรื่องเป็นธรรมดาที่จะทำให้อีกหกคนรู้สึกประหลาดใจเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่กล้ารบกวนลินลี่ย์
“พี่ใหญ่! ถ้าท่านกำลังฝึก ก็ปล่อยให้ร่างแยกอื่นฝึกไปเถอะทำไมท่านต้อง...” บีบีอดพูดขึ้นไม่ได้
ลินลี่ย์ซึมซับกับเคล็ดลับไม้ตายใหม่ของเขาถึงกับสะดุ้งตื่น เขาหัวเราะอย่างเก้อเขิน “บีบี ข้าลืมตัวไปหน่อย!” ตอนนี้นอกจากร่างหลักของเขาร่างแยกทั้งสี่ซึมซับอยู่กับการหลอมรวมเคล็ดลึกลับทั้งสี่เคล็ด ทุกๆวันลินลี่ย์จะได้รับความรู้แจ้งในการหลอมรวมกฎธาตุทั้งสี่เหล่านี้
พลังของไม้ตายกระบี่เจตจำนงของเขาเริ่มมีพลังเพิ่มขึ้นช้าๆเมื่อผ่านไปในแต่ละวัน
พลังที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกวันจะมีความน่ากลัวเพียงไหน?
“พี่ใหญ่, ท่านคลั่งไคล้การฝึกฝนจริงๆ!” บีบีแค่นเสียง อย่างไรก็ตามเขากลับถูเริ่มจมูกและหัวเราะ“แต่..พี่ใหญ่ อย่าเพิ่งเร่งร้อน เราได้ทูตมาห้าคนแล้ว ยังขาดอยู่อีกเพียงคนเดียว! ทวีปแบล็คทอร์เทิร์สมียอดฝีมือระดับอสูรเจ็ดดาวมากกว่าพันคน และท่านบอกไม่ใช่หรือว่าสองคนนั้นอยู่ใกล้เรามากแค่ไหน แค่ไปต่อข้างหน้า?”
ลินลี่ย์พยักหน้า
เขาหันไปมองหกคนที่อยู่ด้านหลังของเขา บรรดาหกคนนั้น คนหนึ่งเป็นผู้บัญชาการทัพแบล็คทอร์เทิรส์วิลเฮล์ม ขณะที่อีกห้าคนเป็นทูตของเขา บรรดาทูตทั้งห้าเป็นบุรุษสามคนเป็นสตรีสองคน และพวกเขาทุกคนมีพลังแข็งแกร่งที่ไม่เหมือนใคร
คนหนึ่งเป็นผู้ปกครองเผ่าเงือกไซเรนมงกุฎทอง คนหนึ่งเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์จิ้งจอกวายุเก้าหางอีกคนเป็นเผ่าวีวาไตตัน...
ในช่วงเวลาสั้นๆทั้งห้าคนนี้มีพลังกายที่แข็งแกร่งมากอยู่แล้วเพิ่มพลังป้องกันวิญญาณให้แข็งแกร่งขึ้น เมื่อให้สมบัติมหาเทพหนึ่งชิ้นจุดบกพร่องพวกเขาก็ถูกปกป้องไว้อย่างสมบูรณ์
นี่คือข้อกำหนดเบื้องต้นในการคัดเลือกของลินลี่ย์ซึ่งเขาจะสามารถให้พลังกับพวกเขาไว้เพียงพอต่อโอกาสรอดชีวิตได้ในสงครามมหาพิภพ
“ห้าร้อยปีผ่านไปในพริบตาเดียว” ลินลี่ย์ถอนหายใจ “มีคนมากกว่าสองคนอยู่ข้างหน้า ตามรายงานข่าวกรองของเรา พวกเขาทั้งสองเป็นนักล่าเทพเจ็ดดาวชื่อบรีเซิลเป็นคนใจกว้าง อีกคนชื่อกัลลาสนับได้ว่ามีพลังสุดยอดในกลุ่มนักล่าเทพเจ็ดดาว”
ข่าวกรองนี้ทางผู้บัญชาการกองทัพแบล็คทอร์เทิร์สวิลเฮล์มจัดหาให้เขา
“วิลเฮล์ม! ส่งรายละเอียดรายงานเกี่ยวกับพวกเขาให้ข้าหน่อย” ลินลี่ย์พูดอย่างเยือกเย็น
ก่อนหน้านี้ลินลี่ย์ได้ตรวจทานดูรายงานคร่าวๆแต่เขาไม่ได้อ่านรายละเอียด
“บรีเซิลฝึกมาทางกฎธาตุแสง เขาเป็นคนจริงใจและปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างสุภาพและเขายินดีจะเสี่ยงชีวิตเพื่อสหาย ดังนั้นเขาจึงนับได้ว่าเป็นสหายที่ดี เพียงแต่ข้าพบว่าเป็นเรื่องแปลก แม้ว่าเขาจะเป็นคนมีอารมณ์และทัศนคติแบบนี้แต่เขายังมีชีวิตอยู่มาได้หลายปี เหลือเชื่อจริงๆ” ผู้บัญชาการวิลเฮล์มหัวเราะ
ลินลี่ย์พยักหน้าเหมือนกัน
ถ้ารายงานข่าวกรองถูกต้อง อย่างนั้นบรีเซิลผู้นี้ควรใช้คำนิยามว่าสมบูรณ์แบบ
บีบีพึมพำ “สำหรับคนนิสัยดีอย่างนี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในที่มีการต่อสู้ฆ่าฟันอย่างพิภพศักดิ์สิทธิ์ได้และยังมีพลังถึงระดับอสูรเจ็ดดาว... เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ”
“ไปกันเถอะ ทั้งสองคนนั้นกำลังเริ่มซ้อมมือกัน” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น
ทันใดนั้นกลุ่มของลินลี่ย์เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นร่างๆ หนึ่งกระพริบเลือนรางเหมือนกับว่าพวกเขาหายตัวไปในอากาศ
บนพื้นหญ้ามีอาคารหลังหนึ่งก่อสร้างด้วยแก่นธาตุ ข้างหน้ามีทะเลสาบส่องประกายระยิบระยับ
ร่างสองร่างลอยอยู่ในอากาศเหนือทะเลสาบกำลังต่อสู้กันด้วยความเร็วสูง
“ควั่บ!” คนชุดยาวสีฟ้าร่างมีประกายสายฟ้าคลุมเคลื่อนที่ได้ไกลกว่าคนอีกผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในชุดสีขาว
แต่คนชุดขาวเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมากเพียงแต่เขาไม่สามารถไล่ตามศัตรูได้ทัน อย่างไรก็ตามพลังป้องกันของเขาแข็งแกร่งมาก
“ฮึ่ม”
ร่างคนชุดขาวส่งเสียงคำรามเบาๆและร่างของเขาขยายทันที ผิวของเขาเปลี่ยนเป็นสีฟ้าทันทีและแขนขาของเขามีขนาดเพิ่มขึ้น อักษรรูนขาวปรากฏบนร่างของเขาเช่นกัน และเส้นเลือดสีน้ำเงินบนร่างของเขาปูดโปนบิดตัวขณะที่มีเขางอกออกมาจากหน้าผากของเขา
“ปัง!”
“ปัง!
พลังโจมตีของคนชุดฟ้าปะทะลงที่ร่างของของคนชุดขาว แต่ผิวที่เหมือนเกราะหนังของคนชุดขาวได้รับการปกป้องด้วยแสงสีขาวนั้นและเขายืมพลังปะทะถอยออกมา
“ทั้งสองคนแค่นับได้ว่าใกล้เคียงกับระดับผู้บัญชาการ” ลินลี่ย์มองดูทั้งสองแต่ที่ไกลเหนือทะเลสาบ และเขาหัวเราะอย่างเยือกเย็นขณะสรุป
“มหาเทพ” ผู้บัญชาการวิลเฮล์มพูดด้วยความเคารพ “กัลลาสผู้นี้ไวมากจริงๆ และพลังโจมตีของเขาก็ถือได้ว่าแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน เขาไม่มีจุดอ่อนแต่ในขณะเดียวกันเขาไม่มีจุดแข็งเด่นใดๆ! สำหรับบรีเซิลผู้นี้ลายเส้นที่ไม่เหมือนใครในร่างกายของเขา และพลังป้องกันของเขา! พลังป้องกันของเขาแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะหลังจากแปลงร่างแล้วแม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงก็ยังพบว่ายากจะฆ่าเขาได้ ดูสิ แม้ว่ากัลลาส จะอาศัยความเร็วของเขาสามารถโจมตีบรีเซิลได้หลายครั้งแล้ว แต่บรีเซิลไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
แม้ว่าคนชุดขาวบรีเซิลจะมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ในการต่อสู้นี้กัลลาสได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด
“ฮ่าฮ่า สหายกัลลาส พอแค่นี้เถอะ” บุรุษชุดขาวหัวเราะ “ถ้าเจ้าใช้วิชาที่ร้ายกาจที่สุดของเจ้าพลังป้องกันวิญญาณของข้าคงไม่สามารถทนได้”
“บรีเซิลพลังป้องกันการโจมตีวัตถุของเจ้าก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน” บุรุษชุดฟ้าหัวเราะเช่นกัน
ร่างบุรุษชุดขาวค่อยเปลี่ยนสภาพกลับคืนร่างเดิม เขาทั้งสองบนหน้าผากหายไปและกลายเป็นลักษณะของมนุษย์ธรรมดา
“พลังของร่างข้าเป็นส่วนหนึ่งของพรสวรรค์ธรรมชาติแต่ในแง่ความแข็งแกร่งข้ายังอ่อนแอกว่าสหายกัลลาส” บุรุษชุดขาวหัวเราะแต่ในทันใดนั้นเขาขมวดคิ้วและจ้องมองในที่ไกล ขณะที่คนชุดฟ้าที่อยู่ข้างเขาก็เป็นเหมือนกัน กลุ่มของลินลี่ย์เดินมาหาพวกเขาจากระยะไกล
บรรดากลุ่มของลินลี่ย์มีเพียงผู้บัญชาการวิลเฮล์มแห่งกองทัพแบล็คทอร์เทิร์สเป็นคนพื้นที่โลกธาตุดินศักดิ์สิทธิ์
ด้วยฐานะอย่างเขาสองคนนี้ไม่เคยเห็นเขามาก่อน
แต่แน่นอน...
แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่รู้ว่าสมาชิกกลุ่มของลินลี่ย์เป็นใครแต่พวกเขาสามารถรู้สึกได้ว่าคนกลุ่มนี้ไม่อาจตอแยได้ง่าย
“บรีเซิล, ระวังตัวด้วย เท่าที่ข้าเห็นพวกเขาแข็งแกร่งกันทุกคน”บุรุษชุดฟ้าส่งสำนึกเทพบอก
“ไม่เป็นไรกัลลาส เราไม่ได้ล่วงเกินพวกเขา พวกเขาจะไม่ลงมือกับเราโดยไม่มีเหตุผล”บุรุษชุดขาวหัวเราะเบาๆ
“อย่านึกว่าทุกคนจะเป็นเหมือนเจ้า” บุรุษชุดฟ้ากัลลาสเตรียมตัวพร้อมอย่างเห็นได้ชัดขณะที่เขาจ้องมองกลุ่มลินลี่ย์ที่กำลังเดินเข้ามาเขม็ง
จากนั้นกัลลาสตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ทุกท่าน ข้าขอถาม ทำไมพวกท่านถึงมายังที่ของข้า?”
“ข้าอยากจะคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว”ผู้นำในกลุ่มผมสีน้ำตาลชี้มาที่บุรุษชุดขาวบรีเซิลขณะกล่าว
“ข้าชื่อบรีเซิล ท่านเป็นใคร?” บรีเซิลหัวเราะขณะที่เขาเดินเข้ามาหา
“บรีเซิล!” กัลลาสที่อยู่ใกล้ๆต้องการจะห้ามเขา เขาส่งสำนึกเทพห้ามอย่างแตกตื่น “เจ้าไม่รู้จักพวกเขา อย่าไปใกล้พวกเขา”
ลินลี่ย์ชำเลืองมองกัลลาส
แค่เพียงคิด...
“ครืน....”คลื่นพลังมหาเทพธาตุดินแผ่ขยายออกไปทันทีและเต็มไปด้วยพลังของปณิธานมหาเทพที่ทรงพลัง พลังนั้นแยกกัลลาสและบรีเซิลจากกัน สร้างเป็นม่านพลังกันบรีเซิลและกลุ่มของลินลี่ย์และกัลลาสไว้ข้างนอก
กัลลาสตกตะลึงกับพลังมหาเทพธาตุดิน เขากระเด็นถอยหลังออกไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่เขาพอพลิกตัวได้ก็กลับยืนกับพื้นได้อีกครั้ง เขาจ้องมองกลุ่มคนในม่านพลังสีเหลืองโปร่งแสงหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที “มะ..มหาเทพ...”
พลังที่ลินลี่ย์แสดงออกง่ายๆก็ยังนับว่าน่าสะพรึงกลัว
บุรุษชุดขาวบรีเซิลเมื่อเห็นสถานการณ์เขารู้สึกตัวทันทีเช่นกัน เขารีบคุกเข่า “บรีเซิลขอคารวะมหาเทพ ข้าขอบังอาจถาม ท่านมหาเทพต้องการอะไรจากข้า? ถ้ามีอะไรที่ข้าทำได้โปรดบัญชาข้าได้”
“บรีเซิล! ข้ามีข้อทดสอบให้เจ้า ถ้าเจ้ายินดีเข้าร่วม เจ้าจะกลายเป็นทูตของข้าและข้าจะมอบสมบัติมหาเทพที่เจ้าเลือกให้เจ้า” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น
“อา!” บรีเซิลตะลึง
เป็นทูตมหาเทพ?ได้รับสมบัติมหาเทพ?
นี่คือจังหวะแห่งโชคที่หล่นลงมาจากฟ้าตกลงต่อหน้าเขา! บรีเซิลรู้สึกมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากฝึกฝนมานานนับปีไม่ถ้วนใครเล่าจะไม่ค้นหาทางไปถึงจุดสุดยอด? เพียงแต่แม้แต่คนอย่างเจ้าครองแคว้นเจ้าปกครองเขตก็ไม่จำเป็นต้องได้รับสมบัติมหาเทพ ที่สำคัญมีทูตอยู่มากมายหลายคน แต่ยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการยังมีมากกว่า
“ข้าน่ะหรือ...ทูตมหาเทพ?” บรีเซิลอดทวนคำพูดซ้ำมิได้
“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า “อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นเจ้าจะต้องร่วมทดสอบนี้ก่อน”
“ขอบังอาจเรียนถามท่านมหาเทพนี่เป็นการทดสอบแบบไหน?” บรีเซิลตื่นเต้นจนหน้าเริ่มแดง
ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น “อย่าเพิ่งรีบตกลงก่อนอื่นฟังรายละเอียดในการทดสอบนี้ให้ดี! ข้าต้องการให้เจ้าเข้าร่วมสงครามมหาพิภพ แต่สงครามมหาพิภพครั้งนี้แตกต่าง...” ลินลี่ย์อธิบายรายละเอียดว่าสงครามมหาพิภพอันตรายมากเพียงไหน
ขณะที่เขาฟังสีหน้าและสายตาของบรีเซิลเพิ่มความมุ่งมั่นมากขึ้น
เขารู้สึกว่าเขามีโอกาสรอดชีวิตแม้ภายในสงครามมหาพิภพที่น่ากลัว!
“ท่านมหาเทพ,ข้าต้องการได้สมบัติมหาเทพชนิดปกป้องวิญญาณ” บรีเซิลรีบกล่าว
“เรียบร้อย ครบหกคนแล้ว” ลินลี่ย์รู้สึกดีใจ
“ลอร์ดลินลี่ย์!” ขณะนั้นเอง มีเสียงดังขึ้นในใจของลินลี่ย์
“เอ๊ะ?” ลินลี่ย์หันไปมอง และเห็นแต่เพียงร่างสองร่างพุ่งวาบมาหาเขาแต่ไกล “มหาเทพสองคนคน?”