932 - จักรพรรดิดำคุ้มคลั่ง
932 - จักรพรรดิดำคุ้มคลั่ง
ทันทีที่เย่ฟ่านเข้าสู่ขั้นตอนแรกของเซียนเทียมเขาก็สังหารยอดฝีมือรุ่นอาวุโสคนหนึ่ง นี่ไม่ได้เป็นการหยิบยืมพลังของปราณมังกร แต่เป็นความแข็งแกร่งของเขาล้วนๆ
"แปดต้องห้าม!"
ผู้คนต่างอ้าปากค้างและตระหนักถึงปัญหาร้ายแรง อาณาจักรของเซียนเทียมแบ่งออกเป็นเก้าขอบเขตเล็กๆ
เย่ฟ่านสามารถต่อสู้ข้ามอาณาจักรได้ถึงแปดขั้น นั่นย่อมเพียงพอที่จะทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกยังไม่ต้องสงสัย!
ในความเป็นจริง ซากดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตบางส่วนเชื่อว่าเย่ฟ่านแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคิดไว้ซะอีก ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำสุดก็เป็นเพียงเซียนเทียมระดับที่ห้าเท่านั้น พวกเขาจะเอาอะไรมาต่อต้านเย่ฟ่าน
"เขาคือร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ ในอดีตร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่เป็นเพียงเซียนเทียมระดับเก้าก็สามารถรับมือกับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้เป็นร้อยกระบวนท่าแล้ว?!"
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้หลายคนก็หวาดกลัวเป็นอย่างมาก เย่ฟ่านเพิ่งปรากฏตัวมาไม่กี่ปีแต่เขาก็พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
บางทีอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้าเขาอาจกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะได้เลย ว่ากันว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่เป็นผู้อมตะความแข็งแกร่งของพวกเขาจะไม่เป็นรองจักรพรรดิโบราณแม้แต่น้อย
เมื่อถึงตอนนั้นคนที่มีความแค้นกับเขาย่อมยากที่จะเอาตัวรอดได้
“เขาเป็นเพียงระดับแรกของเซียนเทียมและในโลกนี้ยังครึ่งเซียนอีกหลายคนที่สามารถสังหารเขา เราไม่อาจปล่อยให้เด็กน้อยคนนี้เติบโตได้อีกต่อไป”
ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสในกลุ่มสตูของเย่ฟ่านเริ่มปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด
“พวกเจ้ากำลังพูดถึงข้าอยู่หรือ”
เย่ฟ่านเหลือบมองปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนที่ฝ่ามือสีทองของเขาจะเคลื่อนที่ผ่านความว่างเปล่าราวกับสายฟ้า
“อา...”
มีเสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นจากระยะไกล ในขณะเดียวกันปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์คนนั้นก็ฟาดฟันกระบี่กระดูกหลายพันเล่มเข้าหามือของเย่ฟ่าน
"เชียง..."
ฝ่ามือสีทองของเย่ฟ่านเปลี่ยนเป็นกำปั้นที่ทุบลงมาจากด้านบนและทำลายกระบี่นับหมื่นเล่มได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนิ้วสีทองของเขาก็กดลงไปที่หน้าผากชายชราคนนั้นตรงๆ
“ปัง!”
มันสมองของชายชราสาดกระจายไปทุกที่ แม้แต่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่พยายามหลบหนีของเขาก็ยังถูกเผาผลาญกลายเป็นเพียงฝุ่นผง
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์เริ่มหวาดกลัวจับใจ อาณาจักรแปดต้องห้ามน่ากลัวจริงๆ ชายชราเมื่อครู่นี้เป็นถึงรองประมุขนิกายหยินหยางซึ่งมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขั้นตอนที่หกของเซียนเทียม แต่เขากลับถูกเย่ฟ่านฆ่าตายในกระบวนท่าเดียวเท่านั้น!
“ฆ่า!”
ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ในกลุ่มกองกำลังศัตรูของเย่ฟ่านไม่อาจรอความตายอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาถูกโยนไปข้างหน้าเพื่อปิดผนึกเย่ฟ่านอย่างแน่นหนา และหนึ่งในอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวที่สุดในนั้นก็คือหัวกะโหลกสีทองขนาดใหญ่
"อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของครึ่งเซียน!"
ร่างกายของเย่ฟ่านไม่ไหวติง หม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดของเขาถูกโยนขึ้นสู่ท้องฟ้าและปะทะกับหัวกระโหลกสีทองโดยตรง
"ปัง!"
ทุกคนประหลาดใจ หม้อปราณปัฐพีต้นกำเนิดนี้มีลักษณะเหมือนกับเย่ฟ่าน มันล้ำค่าและหายากยิ่งกว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณด้วยซ้ำ
"หม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดเข้าคู่กับร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ พวกเขาไร้เทียมทานในอาณาจักรเซียนเทียมแล้ว" หลายคนเริ่มถอนหายใจด้วยความกลัว
"ปัง ปัง ปัง..."
หม้อที่ดูแปลกประหลาดบดขยี้กะโหลกสีทองอย่างต่อเนื่อง ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์หลายคนกระอักเลือดออกมา ร่างกายของพวกเขาแตกร้าวคล้ายจะพังทลายได้ทุกเมื่อ
"ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะระงับการฆ่าฟันของเย่ฟ่าน เราจำเป็นต้องอัญเชิญอาวุธเต๋าสุดขั้วออกมาปราบปรามเขาโดยตรง"
"ทำเช่นนั้นไม่ได้ ในฝั่งของเย่ฟ่านก็มีผู้ที่ครอบครองอาวุธเต๋าสุดขั้วอยู่มากมาย การต่อสู้ของอาวุธเต๋าสุดขั้วอาจทำให้ทวีปนี้ล่มสลาย!"
แน่นอนว่าหลังจากที่เห็นเย่ฟ่านเริ่มสังหารผู้คนอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาก็ทำได้เพียงสนทนาผ่านสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น เพราะหากเย่ฟ่านตรวจพบเจตนาร้ายของพวกเขา นั่นจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
“เขามีทักษะต้นกำเนิดและสามารถเปลี่ยนแปลงใบหน้าได้อย่างไร้ร่องรอย เราไม่มีหวังที่จะกำจัดเด็กน้อยคนนี้แล้ว”
“พวกเจ้ากล้าวางแผนสังหารข้า!”
เสียงเยาะเย้ยของเย่ฟ่านดังขึ้น และกำปั้นสีทองของเขาก็พุ่งออกไปทันที
"ปัง ปัง!"
ดอกไม้โลหิตหลายสิบดวงกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า กลุ่มคนที่ปรึกษากันเรื่องที่จะสังหารเย่ฟ่านเมื่อครู่ถูกทำลายโดยไม่มีโอกาสขอความเมตตาด้วยซ้ำ
“เขามีดวงตาสวรรค์ รีบหนีเร็ว!”
ในที่สุดศัตรูที่เหลือก็ตระหนักได้ว่าประสาทสัมผัสของเย่ฟ่านเหนือล้ำกว่าปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปหลายเท่า การปรึกษากันของพวกเขาก็ไม่แตกต่างอะไรจากการนั่งพูดคุยอยู่ข้างหูของเย่ฟ่าน
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้คนจำนวนมากอยู่ที่นี่ พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในโลก
ยอดฝีมือผู้ทรงอำนาจของตระกูลจี้ถือตะเกียงศักดิ์สิทธิ์สีแดงเลือดอยู่ในมือ นี่คืออาวุธระดับครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้ว ซึ่งเพียงพอที่จะยับยั้งยอดฝีมือในระดับเซียนเทียมทุกคน
ในระยะไกล หัวใจขององค์หญิงเยว่หลิงสั่นสะท้าน ราชวงศ์จิ่วหลีได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเย่ฟ่านแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของเขาที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด นางไม่สามารถมองโลกในแง่ดีได้
ราชินีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาปหยก ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลเจียง จักรพรรดิอสูรแห่งหนานหลิง นักบวชจากซีม่อ จักรพรรดิแห่งจงโจว ทุกคนล้วนเป็นพยานในการถือกำเนิดขึ้นของผู้ยิ่งใหญ่คนใหม่
"สหายอ้วนถึงเวลาชำระหนี้ของเราแล้ว!"
แม้ว่าต้วนเต๋อจะไม่ได้มีความแค้นอันลึกล้ำเย่ฟ่าน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขามีความขุ่นเคืองกันอยู่เล็กน้อย แน่นอนว่าตอนนี้ใบหน้าของต้วนเต๋าเปลี่ยนเป็นดำมืดราวกับก้นหม้อทันที
"นักพรตต้วนพวกเราเป็นสหายกันมาหลายปี เจ้าไม่คิดจะทักทายข้าหน่อยหรือ"
ต้วนเต๋อพยายามวิ่งหนีในขณะที่เย่ฟ่านก็ไล่ตามอยู่ด้านหลังด้วยความเร็วที่ไม่แตกต่างจากสายฟ้า
"เจ้าอ้วนนี่จะถูกรีดไถจนต้องเปลือยก้นอย่างแน่นอน!" ในระยะไกลจี้จื่อเยว่หัวเราะอย่างมีความสุข
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลจี้ก็แสดงความชื่นชมออกมาเช่นกัน ในอดีตเจ้าอ้วนต้วนเคยยกเค้าสุสานบรรพบุรุษของพวกเขา เรื่องนี้ทำให้ตระกูลจี้เกิดความขุ่นแค้นตลอดมา
“เหลือไว้ให้ข้าบ้าง!”
ต้วนเต๋อกัดฟันและขอร้องอย่างสิ้นหวัง ในตอนนี้เขาหยุดวิ่งและหันกลับมาเผชิญหน้าเย่ฟ่านด้วยความกลัว
“พี่ต้วนพวกเราล้วนเป็นสหายเก่ากัน เจ้าจำตอนที่เจ้าขโมยเอาสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของข้าที่ได้จากสุสานจักรพรรดิอสูรได้หรือไม่ นั่นคืออาวุธจิตวิญญาณชิ้นแรกของข้า แต่เจ้ากลับชิงมันไปอย่างโหดร้าย”
เมื่อพูดถึงเรื่องอดีตดวงตาของต้วนเต๋อก็เริ่มแดงก่ำจากความโกรธแค้น
"หุบปาก! เจ้าต่างหากที่ควรแบ่งก้อนทองเหลืองมาให้ข้าครึ่งนึง"
"ไม่มีปัญหา แต่พี่ต้วนเจ้าก็เห็นแล้วว่ามีคนมากมายไล่ฆ่าข้าตลอดเวลา อย่างน้อยเจ้าก็ควรมอบหม้อแตกที่ลอยอยู่บนศีรษะของเจ้าให้ข้ายืมใช้สักครึ่งปี"
เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็กล่าวต่อไปว่า
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีคัมภีร์โบราณหลายเล่มอยู่กับตัว ข้าขอยืมพี่ต้วนไปศึกษาสักสองปีได้หรือไม่”
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยต่อรองกันอยู่นั้น ก็มีผู้คนมากมายเริ่มรุมล้อมเข้าหาต้วนเต๋อ นักพรตอ้วนคนนี้มีนิสัยชอบปล้นสุสาน และไม่รู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาสุสานบรรพบุรุษของผู้ใดบ้างที่ถูกเขารื้อค้น
"เจ้าหนูเจ้าเป็นปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ไม่ใช่หรือ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าพาข้าออกจากที่นี่ พวกเราจะเดินทางไปภาคเหนือ ข้ารู้สถานที่บางแห่งที่มีต้นกำเนิดสวรรค์มากมาย ต้นกำเนิดเหล่านั้นเพียงพอที่จะทำให้เจ้ากลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะอย่างแน่นอน!” ต้วนเต๋อเริ่มต่อรองด้วยความร้อนรน
“ข้าไม่ได้ต้องการต้นกำเนิดสวรรค์ของเจ้า ข้าต้องการแค่ค่ายกลต้นกำเนิดสวรรค์ที่เจ้ารู้ขโมยมาจากโอหยางเย่ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของต้วนเต๋อก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเย่ฟ่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร สุดท้ายเขาพยักหน้าแล้วกล่าวว่า
"ข้าจะมอบมันให้เจ้า แถมยังมีข่าวสารบางอย่างที่จะบอกเจ้าด้วย"
“ข่าวสารอะไร?”
"จักรพรรดิน้อยแดนเหนือได้ร่วมมือกับเผ่าพันธุ์โบราณแล้ว ตอนนี้เขาสามารถเข้าออกภูเขาสีม่วงได้เป็นว่าเล่น บางทีแม้แต่ศพของจักรพรรดิอู๋ซือ(อู๋เป่ย)เขาก็อาจจะหามออกมาแล้วด้วยซ้ำ"
"ยังมีข่าวอื่นอีกหรือเปล่า" เย่ฟ่านถาม
“มีข่าวมากเกินไป ตงหวงวุ่นวายมากในเดือนที่ผ่านมา” เจ้าอ้วนต้วนตบไหล่ของเขาอย่างสนิทสนมและกล่าวว่า
“พวกเราน่าจะไปค้นหาต้นกำเนิดสวรรค์ด้วยกัน ด้วยทักษะต้นกำเนิดสวรรค์ของเจ้า ในไม่ช้าพวกเราจะกลายเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก”
"ไม่ ข้าไม่อยากตาย" เย่ฟ่านส่ายหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากเจ้าไม่มีข่าวอื่นอีกแล้วเจ้าก็มอบหม้อแตกใบนั้นให้ข้าเถอะ”
"มีสิทำไมจะไม่มี เจ้าจำสุนัขที่เป็นสหายของเจ้าได้หรือไม่?" ต้วนเต๋อกล่าว
“เกิดอะไรขึ้นกับมัน?”
"สุนัขตัวนั้นชั่วร้ายอย่างยิ่ง มันฆ่าสิ่งมีชีวิตโบราณระดับผู้สูงสุดสองคนและเกือบจะฆ่าหวังเถิงด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามข่าวล่าสุดที่ข้าได้ยินมาดูเหมือนว่ามันจะถูกสิ่งมีชีวิตโบราณกักตัวอยู่ในภูเขาสีม่วง”