ตอนที่แล้วบทที่ 60 - กระบอกนี้ไม่ขาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 63 - ชุดรบควอนตัม บทที่ 64 - ยากเกินจะทำไหว

บทที่ 61 - อย่าปล่อยมือ บทที่ 62 - กอบโกยครั้งใหญ่


5/8

บทที่ 61 - อย่าปล่อยมือ

“มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องเตือนท่านประมุข พลังทำลายของAK47 แม้รุนแรงแต่ต้องการกระสุน อย่างการต่อสู้เมื่อครู่ก็เช่นกัน ... ที่ข้ากำลังจะบอกก็คือ ข้ามีกระสุนขายให้ท่าน ราคา 20 ตำลึงทองต่อหนึ่งชุด”

“ตราบใดที่มีกระสุนเหลือ ท่านสามารถใช้งานมันได้อย่างไม่จำกัด”

หยางซือเล่ยอารมณ์ดี แล้วเสนอขายอีกครั้ง

“อะไรนะ?”

“ขอแค่มีกระสุน ก็สามารถใช้งานได้ไม่จำกัด ...”

ใบหน้าของหยางหลางเทียนแสดงความประหลาดใจ เมื่อครู่เขาถามไม่ชัดเจน เดิมคิดว่าอาวุธสังหารอย่าง Ak47 ที่ประกอบชิ้นส่วนมาอย่างประณีต เมื่อกระสุนหมดแล้ว ก็จะสูญเสียประสิทธิภาพไปด้วย

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาซื้อ AK47 ห้ากระบอกในคราวเดียว แต่ ... ไม่นึกว่ามันจะต่างจากที่คิดไว้อย่างสิ้นเชิง

“ขออภัยด้วย สินค้าเมื่อขายแล้ว ข้าไม่รับซื้อคืน”

สังเกตเห็นสีหน้าของประมุขตระกูลที่เริ่มยิ้มเขินๆ ท่าทีของหยางซือเล่ยเข้มงวดขึ้นเล็กน้อย เอ่ยเตือนเขา

ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของผู้อาวุโสใหญ่หม่นลงทันที ถลึงมองหยางซือเล่ยด้วยความโกรธ ตวาดว่า “นี่เจ้ากล้า! เป็นแค่รุ่นเยาว์ บังอาจทำตัวหยาบคายต่อท่านประมุข!?”

“ช่างเถิดๆ” หยางหลางเทียนมีความอดทนอย่างไม่น่าเชื่อ เขาโบกมือส่งสัญญาณให้อาวุโสใหญ่หยุด

“อาวุธวิเศษเช่นนี้ มีในครอบครองมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ข้าไม่รู้สึกเสียดาย”

จากนั้น หยางหลางเทียนยิ้มให้หยางซือเล่ย และพูดว่า “เจ้ามีอาวุธอะไรอีกบ้าง? นำออกมาให้ข้าดู”

ดวงตาของหยางซือเล่ยเป็นประกาย เริ่มเสนอขายสินค้าอย่างรวดเร็ว “ปืนกระบอกนี้มีชื่อว่าเดสเสิร์ทอีเกิ้ล ระยะหวังผล 200 หมี่ เหมาะสำหรับต่อสู้ระยะประชิด พลังทำลายรุนแรงมาก ราคากระบอก 1,000 ตำลึงทอง”

“และนี่คือระเบิดมือ ขนาดเล็กพกพาสะดวก แต่พลังทำลายน่าทึ่งทีเดียว”

“นี่คือระเบิดควัน เมื่อถอดสลัก จะปล่อยควันหนาทึบออกมา สามารถใช้อำพราง บดบังวิสัยทัศน์ของศัตรูได้”

“ราคาระเบิดมือเท่ากับราคาระเบิดควัน ลูกละ 300 ตำลึงทอง ราคายุติธรรมไม่หลอกลวง”

ขณะแนะนำอาวุธ หยางซือเล่ยนำพวกมันวางลงบนโต๊ะทีละชิ้น  พร้อมบอกราคา ท่าทีของเขาตอนนี้ดูเหมือนเป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถมาก

เห็นอาวุธเหล่านี้

ผู้อาวุโสทั้งสี่ตะลึงจนพูดไม่ออก

ในทางกลับกัน หยางหลางเทียนมีความสุขมาก เหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่

ระหว่างตวจสอบระเบิดมือ ก็เผลอดึงสลักมันอย่างไม่ตั้งใจ

สีหน้าของหยางซือเล่ยแปรเปลี่ยนไป รีบตะโกนเสียงดัง “อันตราย! โยนมันออกไปข้างนอกเร็วเข้า!”

แม้อาวุธที่แลกเปลี่ยนจากระบบ หยางซือเล่ยจะมีความต้านทานต่อพวกมันทั้งหมด แต่เขาไม่กล้ารับประกัน ว่าเหล่าผู้อาวุโสของตระกูล จะทนแรงระเบิดของมันได้หรือไม่?

ได้ยินเสียงตะโกนร้อนใจของหยางซือเล่ย ดวงตาของหยางหลางเทียนเขม็งตึง ไม่รีรอล่าช้า ขว้างระเบิดออกไปนอกหน้าต่างอย่างแม่นยำ และ--

--ตูมมมม!”

วินาทีถัดไป ทั้งห้องหนังสือสั่นสะเทือน เกิดเสียงดังสนั่นบีบหัวใจจากนอกหน้าต่าง  โชคดีที่เวลานั้นไม่มีใครอยู่บริเวณข้างนอก

เศษเหล็กของระเบิดกระจายออกไปทุกทิศทาง ทำลายกระถางดอกไม้รอบๆแตกเป็นเสี่ยงๆ ฝุ่นคละคลุ้งไปทั่ว กลายเป็นสภาพน่าสลด!

“นี่ ....”

หยางหลางเทียนและคนอื่นๆ เดินไปชะโงกดูนอกหน้าต่าง ทันใดนั้นหัวใจของพวกเขาสั่นสะท้าน ความผวาสะท้อนในแววตา

ไข่เหล็กใบนี้ พลังทำลายของมันช่างน่ากลัวยิ่งนัก!

หากเมื่อครู่ไม่ได้โยนออกไป ไม่อยากจะนึกเลยว่าสภาพห้องหนังสือจะเป็นอย่างไร

คิดได้แบบนี้ ลูกกระเดือกในลำคอหยางหลางเทียนม้วนขึ้น กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ในใจทั้งปลื้มปริ่มและหวั่นผวา!

“เกิดอะไรขึ้น?”

ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันทำให้ที่พักส่วนกลางของตระกูลหยางตื่นตระหนกอีกครั้ง  ฝูงชนพากันวิ่งเข้ามา

แต่ไม่นาน ภายใต้คำสั่งของหยางหลางเทียน เขาบอกให้พวกทหารยามต้อนคนออกไป และไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาในพื้นที่ห้องหนังสืออีก

อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานที่ภายนอกคฤหาสน์หยาง มันนอกเหนืออำนาจเขา

ณ ขณะนี้ เห็นแค่เพียงบนถนนที่อยู่ใกล้ๆคฤหาสน์ตระกูลหยาง รายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย กระทั่งทหารลาดตระเวนในเมืองก็วิ่งเข้ามาเพราะได้ยินเสียงนี้

ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน สายตานับไม่ถ้วนมองมายังคฤหาสน์ตระกูลหยาง ไม่ทราบว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น

บรึ้มมม!

ปัง ปัง ปัง ปัง!

ปุ ปุ ปุ ปุ ปุ ปุ ปุ ปุ

หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดเสียงอึกทึกน่าตกใจขึ้นอีกครั้งในคฤหาสน์หยาง ผสมปนเปไปกับเสียงหัวเราะราวกับคนคลั่ง

สำหรับเรื่องนี้ สายตาไม่น้อยที่คอยสาดส่องในเมืองก็ยังอดสงสัยไม่ได้

6/8

บทที่ 62 - กอบโกยครั้งใหญ่

วันถัดมา

ในเวลารุ่งเช้า

ครืด~!

ในที่สุดประตูห้องหนังสือก็เปิดออก

หยางซือเล่ยเดินออกมา ทั้งคนทั้งร่างเปล่งประกาย ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิมอย่างถึงที่สุด

การขายสินค้าเมื่อคืน มันทำให้เขาได้รับเงินก้อนโตอย่างไม่ต้องสงสัย

ส่วนเสียงดังสนั่นหลายครั้ง มันคือการทดสอบว่าปืนแต่ละกระบอกมีคุณภาพเท่ากันหรือไม่ สุดท้ายเลยลากยาวมาถึงตอนนี้

หยางซือเล่ยสั่งการผ่านความคิด ตรวจสอบเงินฝากในบัตรทองอนันต์ : 【56,000 ตำลึงทอง】

“ผลกอบโกยครั้งใหญ่ ฮ๊าาาา!”

หยางซือเล่ยช่วยไม่ได้ต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาอารมณ์ดีมากตอนนี้ ผิวปากเป็นทำนองเพลงยอดฮิตจากในชีวิตก่อน เดินกลับสู่ที่พักของตน

เวลาต่อมา ประมุขตระกูลก็เดินออกจากห้องหนังสือ ความปิติยินดีทั้งหมดบนใบหน้าเขาเลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกหวาดระแวง

เขากวาดสายตาไปยังผู้อาวุโสทั้งสี่ เอ่ยเสียงขรึม “ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ให้ทหารยามทั้งหมดปกป้องสถานที่นี้ กำหนดเป็นเขตหวงห้าม ถ้าใครกล้าย่างกรายเข้ามา จะถูกลงโทษสถานหนัก!”

“ขอรับ!”

สี่อาวุโสทราบดีถึงความสำคัญของอาวุธในห้องหนังสือ พยักหน้าน้อมรับคำสั่งทันที

“ไม่ดีกว่า ข้าควรพกติดตัวไปด้วย เช่นนี้จึงจะปลอดภัย”

อย่างไรก็ตาม ไม่นานหยางหลางเทียนก็ส่ายหัว ยกเลิกคำสั่งที่เขาเพิ่งถ่ายทอดไป กลับเข้าห้องหนังสืออีกครั้ง โบกมือวูบ เก็บอาวุธที่ซื้อจากหยางซือเล่ยทั้งหมดลงในแหวนมิติ

“เรื่องงานล่าสัตว์วันพรุ่งนี้ไม่ควรล่าช้า เร่งคัดเลือกตัวแทนตระกูลโดยไว”

หยางหลางเทียนไม่ลืมที่จะสั่งว่า “ยกหนึ่งในตำแหน่งตัวแทนให้หยางซือเล่ย ส่วนที่เหลืออีกสองตำแหน่งให้คัดเลือกจากรุ่นเยาว์ของตระกูลในวันนี้”

“นอกจากนี้ ขอให้ปิดประตูคฤหาสน์ แขกทุกคนที่มาหลังจากนี้ขอให้ปฏิเสธออกไป”

ได้ยินคำสั่งนี้ ผู้อาวุโสทั้งสี่ดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็ปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง

หลายครั้งที่เข้าร่วมงานแข่งล่าสัตว์ในเมืองหลงเฟย พวกเขาไม่เคยเห็นประมุขตระกูลเป็นอย่างวันนี้ เต็มไปด้วยความมั่นใจและมีชีวิตชีวา!

และความมั่นใจนี้ มีที่มาจากคนที่ครั้งหนึ่งถูกเรียกว่าขยะของตระกูล!

หลังจากนั้นไม่นาน หยางซือเล่ยก็กลับมาถึงบริเวณลานเล็กๆที่เขาอาศัย

สืบเนื่องจากเหตุปืนกลแก็ตลิ่งกราดยิงเมื่อคืนนี้ ทำให้กำแพงลานด้านหน้าพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ เวลานี้พวกคนรับใช้กำลังซ่อมอยู่

“นายน้อยหยางซือเล่ย”

เห็นหยางซือเล่ยกำลังมา เหล่าคนรับใช้หยุดงานทันที หันมาทักทายเขาด้วยความเคารพยำเกรง

ในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ พลังรบเป็นตัวกำหนดสถานะ

เรื่องที่เขาเอาชนะหยางโม่ได้ ตอนนี้แพร่สะพัดไปทั่วคฤหาสน์ในเวลาเพียงคืนเดียว ส่งผลให้ทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อหยางซือเล่ยเกิดการเปลี่ยนแปลงไป

“นายน้อยหยาง”

“พี่เล่ย”

เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นหยางซือเล่ย หลิวฉี ฉินหูและเฉินซีทั้งสามคนรีบเดินเข้ามา

เมื่อคืนตอนประมุขตระกูลเรียกหยางซือเล่ยไปพบ พวกเขาอยากถามมากว่าทำไม

แต่พอได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ ก็ทราบได้ทันทีว่าเพราะอะไร

โดยเฉพาะเฉินซี ในใจของเขาชัดเจนยิ่งกว่า ดูท่าเมื่อคืนเจ้านายจะทำกำไรได้มหาศาล

แต่พอคิดถึงเรื่องนี้ เฉินซีถอนหายใจด้วยความเสียใจ เพราะธุรกิจนี้เขาไม่ได้เป็นคนเสนอขายด้วยตัวเอง ดังนั้นไม่ได้รับส่วนแบ่งกำไร

เดินเข้ามาในห้อง เห็นหยางเฉินเฉินตัวน้อยนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหาร ทานของบนโต๊ะทีละคำอย่างเอร็ดอร่อย แต่ทั้งหมดบนจานเธอมีแต่ขนม!

“ท่านพ่อ” หยางเฉินเฉินสังเกตเห็นหยางซือเล่ยเช่นกัน ยกมือน้อยๆที่ถือช้อนขึ้นมา เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อาหารเช้าพวกนี้อร่อยมาก”

“เช่นนั้นเจ้าก็กินเยอะๆ” หยางซือเล่ยเอื้อมมือไปเช็ดจมูกน้อยๆของเฉินเฉิน รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

หลังจากนั้น เขามองไปยังพวกเฉินซีที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “กินคนเดียวมันจะหมดได้อย่างไร พวกเจ้าก็มานั่งกินด้วยกันสิ”

เฉินซีน้อมรับอย่างไม่คิดสุภาพ หยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มกิน

หลายวันที่เขาอยู่กับหยางซือเล่ย เขารู้ว่าเจ้านายไม่เพียงลึกลับและทรงพลังเท่านั้น แต่ยังไม่ใช่คนมากพิธีรีตอง เป็นชายที่มีนิสัยเป็นกันเอง

อย่างเช่นการรับประทานอาหาร ทุกคนสามารถร่วมโต๊ะ กินดื่มได้เต็มที่

“นี่ ...”

หลิวฉีและฉินหูตกใจ พวกเขาเป็นทหารยามของตระกูล ตั้งแต่เด็กทราบความแตกต่างระหว่างนายกับบ่าว การนั่งกินข้าวด้วยกัน มันค่อนข้างไม่เหมาะสม

“ถ้าเจ้าสองคนไม่หิว ก็ยืนอยู่แบบนั้นแหละ”

หยางซือเล่ยขี้เกียจอธิบายไร้สาระกับพวกเขา ขยับตะเกียบเริ่มกินของตัวเอง

หลังจากวุ่นตลอดทั้งคืน เขาหิวมากตอนนี้

เห็นแบบนี้ หลิวฉีและฉินหูและทั้งสองคนมองหน้ากัน ตกลงโดยปริยาย

ด้วยประการฉะนี้ ทั้งหมดจึงนั่งกินข้าวร่วมกัน บรรยากาศดูเป็นกันเองมาก

5 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด