บทที่ 59 - คุยธุรกิจกับประมุขตระกูล
3/8
บทที่ 59 - คุยธุรกิจกับประมุขตระกูล
ภายในห้องหนังสือของตระกูล ข้างในพื้นที่กว้างขวาง แต่มีหนังสือจัดเก็บไว้ไม่มากนัก
นั่นเพราะสถานที่แห่งนี้ ส่วนใหญ่แล้วมักถูกใช้เป็นสถานที่ลับในการหารือของผู้อาวุโสของตระกูล มันกันเสียงได้ดีมาก และภายนอกยังได้รับการคุ้มครองอย่างแน่นหนา
หากคนทั่วไปต้องการดักฟัง ไม่สามารถทำได้
ภายในห้องหนังสือ หยางหลางเทียนและผู้อาวุโสทั้งสี่ นั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ส่วนหยางซือเล่ยเป็นรุ่นเยาว์ ดังนั้นไม่มีเก้าอี้ให้เขา
“ข้าอยากรู้ เจ้าใช้อาวุธอะไรทำร้ายหยางโม่ ขอเราผู้เฒ่าดูมันหน่อยจะได้ไหม?”
หยางหลางเทียนเป็นประมุขตระกูล แต่ยามเผชิญหน้ากับหยางซือเล่ย คำพูดคำจาเขาค่อนข้างสุภาพ
หยางซือเล่ยสั่งการผ่านความคิด นำ AK47 และปืนกลแก็ตลิ่งออกมาวางไว้บนโต๊ะ
พบเจอสิ่งแปลกใหม่ หยางหลางเทียนและผู้อาวุโสทั้งสี่ต่างก็อยากรู้อยากเห็น สำหรับอาวุธร้อนจากโลกอนาคตเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยพบเคยเห็นมันมาก่อน ทั้งหมดเพ่งมองมันอย่างรอบคอบ อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
ใครจะคิด ว่าอาวุธรูปร่างหน้าตาประหลาดทั้งสองนี้ จะทำให้หยางโม่ อัจฉริยะของตระกูลพ่ายแพ้ยับเยิน!
หากได้รับอาวุธสังหารพวกนี้มาครอง เช่นนั้นแล้วงานแข่งล่าสัตว์ในวันมะรืน กลุ่มตระกูลหยางของพวกเขาคงไร้เทียมทาน!
ตระกูลหยางพลาดการชนะเลิศงานแข่งล่าสัตว์สองครั้งติดกันแล้ว หากปีนี้พวกเขาพลาดอีก ทรัพยากรที่ตระกูลถือครองในเมืองหลงเฟยก็จะถูกแบ่งออกไปอีก
และถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ตระกูลหยางจะค่อยๆอ่อนแอลง ดังนั้นการแข่งล่าสัตว์ในปีนี้ มันสำคัญมากสำหรับตระกูลหยาง!
หยางหลางเทียนเกิดความมุ่งมั่น หัวใจเริ่มเต้นแรง อดถามไม่ได้ “อาวุธพวกนี้เรียกว่าอะไร? แล้วช่างฝีมือคนไหนเป็นผู้สร้างมัน?”
หยางซือเล่ยเอื้อมมือ ชี้ไปยังปืนสองกระบอกตามลำดับ ตอบว่า “นี่เรียกว่าปืนAK47 อีกชิ้นเรียกว่าปืนกลแก็ตลิ่ง”
“ทั้งสองชิ้นเป็นฝีมือของข้า ถ้าพวกท่านต้องการซื้อ ข้ายินดีลดให้เป็นพิเศษ”
สำหรับการคุยธุรกิจครั้งนี้ หยางซือเล่ยไม่ต้องการโกหกเรื่องช่างฝีมือด้านการสร้างอาวุธอีกต่อไป แต่เปิดเผยความลับของตัวเอง เพื่อไม่ให้มีคำถามยุ่งยากตามมา
ได้ยินคำนี้ ผู้อาวุโสทั้งสี่ตกตะลึง
เจ้าหนูนี่เพิ่งพูดอะไร?
เขาบอกว่าอาวุธชิ้นนี้เป็นฝีมือการสร้างของตัวเอง!
และฟังจากน้ำเสียง ดูเหมือนว่าเขาต้องการคุยธุรกิจกับประมุขตระกูล?
อยากได้เงินน่ะมันไม่ผิดหรอก แต่ผิดที่ว่านั่นคือเงินของประมุขที่มีอำนาจใหญ่สุดในตระกูล!
และเจ้าเป็นเพียงรุ่นเยาว์นะ ไม่รู้ตัวหรือ?
อย่างไรก็ตาม หยางหลางเทียนจ้องมองที่หยางซือเล่ยด้วยความแปลกใจ ก่อนหัวเราะออกมาดังๆ “เหมือนฝันไปจริงๆ ไม่คิดว่าตระกูลหยางของข้าจะให้กำเนิดช่างฝีมือระดับปรมาจารย์อีกด้วย ดูท่าการปรากฏตัวของพวกเจ้าบิดาและบุตรสาวในครั้งนี้ จะช่วยแก้สถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลหยางได้อย่างไม่ต้องสงสัย ฮ่า ฮ๋า ฮ่า ฮ่า ...”
ใบหน้าของหยางหลางเทียนเปลี่ยนเป็นสีแดง ตั้งแต่ขึ้นเป็นประมุขตระกูล เขาตกอยู่ภายใต้ความกดดันสะสมทุกวัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหัวเราะอย่างตื่นเต้น
หนึ่งคือธิดาแห่งสวรรค์อันน่าภาคภูมิใจผู้ครองจิตวรยุทธขั้นเก้า อีกหนึ่งคือช่างฝีมือระดับปรจารย์ที่โผล่มาดั่งภูติผี วันเวลาที่ตระกูลหยางจะกลับสู่ความรุ่งโรจน์ใกล้เข้ามาแล้ว!
แต่ไม่นาน เสียงหัวเราะก็เงียบลง หยางหลางเทียนเอ่ยถาม “บอกข้าทีอาวุธทั้งสองชิ้นของเจ้าขายราคาเท่าไหร่?”
ได้ยินคำถามนี้ ดวงตาของหยางซือเล่ยเป็นประกาย ดูเหมือนประตูสู่ธุรกิจจะเปิดออกแล้ว
เขาหยิบ AK47 ขึ้นมา ลอบคำนวณในใจอย่างรวดเร็ว
ราคาแลกเปลี่ยนของ AK47 ในร้านค้าระบบคือ 1,000 แต้มเสริมพลัง เทียบเท่ากับโลหะ 1000 จิน ด้วยอำนาจทางการเงินของตระกูลหยาง ยังไงก็สามารถซื้อพวกมันได้เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องที่ว่าเขาต้องซื้อใจและอยากมีตำแหน่งที่มั่นคงในตระกูล หยางซือเล่ยตัดสินใจขายในราคาเกือบจะเท่าทุน
“กระบอกละ 5,000 ตำลึงทอง” หยางซือเล่ยพูดตามราคาที่คิดไว้ในใจ
เป็นไปตามที่คาดไว้ เมื่อแจ้งราคา หยางหลางเทียนจ้องมาด้วยสายตาว่างเปล่า เหม่อมองหยางซือเล่ยด้วยความเหลือเชื่อ
ในความคิดเขา อาวุธสังหารชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์ที่ทรงพลังมาก แต่ราคากลับถูกอย่างน่าเหลือเชื่อ!