ตอนที่แล้วบทที่ 139 ศพก็ควรทำตัวเหมือนศพ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 141 เจ้าอยากนอนด้วยกันไหม?

(ฟรี) บทที่ 140 ตัวตนที่แท้จริงของศพโบราณ!


เอวของศพโบราณถูกตัดออกเป็นสองส่วน

มันใช้มือพยุงและพยายามลุกขึ้น

ร่างกายท่อนบนของมันยืนอยู่บนพื้นทำให้ดูเหมือนคนแคระ

หลี่หราน ขมวดคิ้วเล็กน้อย

อวัยวะที่เน่าเสียของศพโบราณถูกนำออกไปแล้ว

มันดูน่าขยะแขยงมาก แต่ไม่มีร่องรอยของความชั่วร้ายและความโสมมเลย

ตรงกันข้าม ดวงตาที่ใสสะอาดของมันเผยให้เห็นกลิ่นอายของพุทธะจางๆ

“ข้าขอโทษที่ทำร้ายเจ้า ภิกษุผู้อาภัพนี้ไม่ควรทำตัวเช่นนี้...” เสียงของศพโบราณแหบแห้งและไม่น่าฟัง

หลี่หรานรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากลิ่นอายแห่งความตายที่ค้ำจุนมันกำลังไหลออกอย่างรวดเร็ว มันไม่สามารถอยู่ได้แม้เพียงชั่วก้านธูป

ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อนที่จะโจมตี

หลินหลางเยว่ถามด้วยความสงสัย “เช่นนั้นเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว?”

คนตรงหน้าภายนอกดูเหมือนศพแห้งๆ แต่กลับพูดคุยกับพวกเขาด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่ง

ฉากนี้แปลกประหลาดสุดจะพรรณนา

ศพโบราณส่ายหัว “ภิกษุผู้อาภัพนี้ตายไปนานแล้ว ตอนนี้ข้าอาศัยเพียงวิชาหุ่นเชิดศพและพลังพุทธะจำนวนหนึ่งเพื่อดำรงอยู่ หลังจากเวลาหนึ่งภ้วยชา ข้าจะกลับไปเป็นผงธุลี”

[TL: หนึ่งถ้วยชา 盏茶 คือหน่วยนับเวลาแบบโบราณของจีน เท่ากับเวลา 15 นาที]

หลังจากพูดเช่นนั้น เขาก็มองหลี่หรานอย่างขอบคุณ “ข้าไม่คิดว่าจะเจอท่านผู้บรรลุก่อนสิ้นสลาย! ถ้าไม่ใช่เพราะนายท่านใช้พลังพุทธะบริสุทธิ์ปลุกภิกษุผู้อาภัพคนนี้ ข้าคงหมดสติไปแล้ว”

หลี่หรานส่ายหัว

อีกฝ่ายปฏิบัติต่อเขาเหมือนเทพเจ้า

“ไม่เป็นไร ข้าต้องการฆ่าเจ้าอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้นที่จะปลุกเจ้าให้ตื่นขึ้น”

“……” ศพโบราณหยุดชั่วขณะก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น “นายท่านพูดถูก ภิกษุผู้อาภัพนี้ควรจะตายไปนานแล้ว”

หลี่หรานนึกถึงบางอย่างและถามว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นชาวพุทธ เหตุใดเจ้าจึงรู้วิชาหุ่นเชิดศพ?”

ศพโบราณถอนหายใจและพูดอย่างเสียใจว่า “ในตอนนั้น ภิกษุผู้อาภัพนี้รู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย เดิมทีข้าต้องการที่จะจากไปอย่างสงบ แต่ข้ากลับพบตำราโบราณในถ้ำนี้ มันบันทึกเกี่ยวกับเทคนิคหุ่นเชิดศพไว้”

“ปรับแต่งศพให้เป็นหุ่นเชิด ยึดพลังชีวิตของสวรรค์และปฐพี และค้ำจุนชีวิตของตนอย่างแข็งขัน! เดิมทีภิกษุผู้อาภัพนี้ดูหมิ่นเทคนิคการบ่มเพาะปีศาจเต๋าเช่นนี้ แต่เมื่อความตายใกล้เข้ามาทุกวัน ภิกษุผู้อาภัพนี้... ก็ถูกล่อลวง”

หลี่หรานขมวดคิ้ว “เจ้าขัดเกลาตัวเองเพื่อความอยู่รอด?”

ศพโบราณพยักหน้า “ภิกษุผู้อาภัพนี้ขัดเกลาตัวเองเป็นหุ่นเชิดเพื่อชะลอความเสื่อมของร่างกาย ดังนั้นมันจึงเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดที่ไม่ใช่มนุษย์หรือภูติผีมากกว่า”

หลี่หรานเข้าใจทันที

ไม่น่าแปลกใจที่ศพโบราณนี้ไม่สลายไปเป็นฝุ่นในช่วงพันปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ร่างกายของเขายังแข็งเหมือนโลหะ การเคลื่อนไหวของเขาก็รวดเร็วและรุนแรง เขาได้ขัดเกลาร่างกายจนเป็นธรรมสมบัติไปแล้ว

“มีทั้งคนที่ตายในฤดูใบไม้ร่วง คนที่ตายในฤดูร้อน คนที่ตายในฤดูใบไม้ผลิ คนที่ตายในสิบปีที่ผ่านมา และคนที่ตายในหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา แม้ว่าบางคนจะตายช้ากว่ากัน แต่พวกมันต่างกันตรงไหน?”

“ความตายเป็นเพียงการหวนคืนรูปแบบหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ภิกษุผู้อาภัพนี้หมกมุ่นอยู่กับหลักการที่แม้แต่เด็กก็เข้าใจ”

เสียงของศพโบราณนั้นอ้างว้าง เสียงของมันเต็มไปด้วยความทอดถอนใจ

“รอสักครู่ อย่าพึ่งรีบร้อนที่จะจากไป” หลี่หรานอดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะ “บอกข้าก่อนว่าอวี้เย่อยู่ที่ไหน?”

“อวี้เย่?” ศพโบราณตกตะลึงก่อนที่จะพูดว่า “นายท่านหมายถึงปรมาจารย์ศิษย์นิกายเต๋าหยิน?”

“ถูกต้อง เจ้ารู้จักเขา?” หลี่หรานถาม

ศพโบราณพยักหน้า “แม้ว่าการบ่มเพาะของภิกษุผู้อาภัพนี้จะสลายไปและถูกลดขนาดลงเป็นหุ่นเชิด แต่ข้าไม่ใช่คนที่สามารถขัดเกลาได้ด้วยเทวะแปรผันเพียงคนเดียว”

“เขาประเมินตัวเองสูงเกินไปและต้องการครอบครองข้า วิญญาณของเขาถูกภิกษุผู้อาภัพนี้บดขยี้ทันทีและหายไปจากโลกนี้แล้ว”

หลี่หรานและหลินหลางเยว่มองหน้ากันและถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ไม่น่าแปลกใจเลยที่กลิ่นอายของอวี้เย่หายไป ปรากฎว่าแม้แต่วิญญาณของเขาก็สูญสลายไปแล้ว

“เดี๋ยวก่อนนะ”

“แค่เทวะแปรผัน? แล้วเจ้าอยู่ในขอบเขตใดตอนที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่?”

ศพโบราณกล่าวว่า “ภิกษุผู้อาภัพนี้เป็นผู้นำวิหารนามว่าหมิงหยวน การบ่มเพาะของภิกษุผู้อาภัพนี้อยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตเหนือวิบัติ”

“ขอบเขตเหนือวิบัติ?!”

ทั้งสองคนอ้าปากกว้างและห้องลับก็เงียบลงทันที

หลินหลางเยว่หลุดจากความมึนงงของนางและพูดว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ เจ้าตัดภิกษุขอบเขตเหนือวิบัติออกเป็นสองส่วน?”

หลี่หรานกลืนน้ำลาย “อุบัติเหตุ มันอุบัติเหตุ...”

คิดไม่ถึงว่าภิกษุชรารูปนี้จะมีฐานการบ่มเพาะสูงเช่นนี้!

หากไม่ใช่เพราะพุทธะของอีกฝ่ายกระจัดกระจายและอ่อนแอลงในช่วงพันปี ทั้งสองคนคงตกอยู่ในอันตราย

“ไม่น่าแปลกใจที่มันทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ และมันยังทำให้เกิดคลื่นสัตว์อสูรในเทือกเขาสือว่าน ปรากฎว่าอวี้เย่กำลังจะปรับแต่งซากศพโบราณระดับเหนือวิบัติ!”

แรงกดดันขอบเขตเหนือวิบัติของหมิงหยวนและกลิ่นอายแห่งความตายที่เขาสั่งสมมานานกว่าพันปี ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ระหว่างสวรรค์และปฐพีเท่านั้น แต่ยังทำให้สัตว์อสูรหวาดกลัวและวิ่งหนีไปหลายร้อยไมล์อีกด้วย

“ขัดเกลาขอบเขตเหนือวิบัติ...  อวี้เย่คนนี้บ้าไปแล้วจริงๆ” หลินหลางเยว่พึมพำ

หลี่หรานยักไหล่ “พระเยซูต้องการให้คนตาย ใครก็ไม่อาจหลีกหนี อวี้เย่คนนี้ได้รับความเดือดร้อนจากความชั่วร้ายของเขาเอง...”

“อืม... เดี๋ยวนะ ใครคือเยซู?”

แค่ก แค่ก  มันคือชื่อเล่นของจักรพรรดิอมตะโบราณ”

“โอ้”

ในขณะนี้หมิงหยวนกล่าวอย่างขอโทษว่า “ภิกษุผู้อาภัพนี้ทำผิดพลาดมาไม่น้อยในชีวิต แต่ถ้าภิกษุผู้อาภัพนี้ต้องขอโทษใครซักคนจริงๆ ก็คงจะเป็นเจ้าทั้งสองคน”

“นั่นไม่สำคัญหรอก มันเป็นแค่การต่อสู้” หลี่หรานกล่าวอย่างเฉยเมย “ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเจ้าเองที่เสียชีวิต เราไม่ได้รับบาดเจ็บ”

หมิงหยวนส่ายหัว “ภิกษุผู้อาภัพนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้...”

“อา?” หลี่หรานตกตะลึง “แล้วเจอพูดถึงเรื่องอะไร?”

หมิงหยวนพูดอย่างละอายใจ “ในตอนนั้น ภิกษุผู้อาภัพนี้กังวลว่าตัวข้าจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่รู้จักเพียงการฆ่าฟันเท่านั้นและทำให้โลกภายนอกต้องทนทุกข์ทรมาน ดังนั้นข้าจึงตั้งข้อจำกัดในถ้ำแห่งนี้”

“ข้อจำกัด?” ลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในใจของหลี่หราน

หมิงหยวนกล่าวว่า “ตราบใดที่ภิกษุผู้อาภัพนี้ตื่นขึ้นโดยบังเอิญ กลิ่นอายแห่งความตายจะเปิดใช้งานข้อจำกัด และหากภิกษุผู้อาภัพนี้ไม่สามารถปลดข้อจำกัดได้ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป นั่นก็หมายความว่าภิกษุผู้อาภัพนี้ได้เสียสติไปแล้ว และถ้ำนี้ก็จะถูกปิดตายโดยอัตโนมัติ”

หลี่หรานจ้องมองเขาอย่างว่างเปล่า “เจ้าหมายความว่า...”

หมิงหยวนเกาหัวของเขาและพูดอย่างเชื่องช้า “ตอนที่เรากำลังต่อสู้ ประตูถ้ำก็ถูกปิดไปแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าสองคนจะจากไปไม่ได้...”

“……”

หลี่หรานและหลินหลางเยว่สบตากันก่อนที่จะหันหลังกลับและวิ่งขึ้นบันไดวน

พวกเขาวิ่งไปที่ทางเข้าและพบว่าประตูถูกปิดแน่น

“เปิดออกสิโว้ย!”

ร่างกายทั้งหมดของหลี่หรานถูกปกคลุมไปด้วยพลังจากสายเลือด เขาใช้แรงทั้งหมดทุบไปที่ประตู ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นกระเพื่อมและสะท้อนกลับทันที

พลังมหาศาลทำให้ร่างกายของเขาปั่นป่วน

นี่เป็นข้อจำกัดที่สร้างโดยขอบเขตเหนือวิบัติ  มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายมันด้วยกำลังเพียงอย่างเดียว

หลินหลางเยว่พยายามใช้งานทักษะเต๋า แต่เส้นลมปราณของนางยังคงว่างเปล่า และนางไม่สามารถรวบรวมพลังปราณใดๆได้

“มันคงจะไม่ได้ผล สถานที่นี้ปนเปื้อนด้วยความโสมมและมีการใช้เทคนิคต้องห้าม พลังปราณไม่สามารถเรียกใช้ได้เลย...” ใบหน้าของนางค่อนข้างซีด

หลี่หรานกัดฟันของเขา “ไอ้ภิกษุหัวโล้น เจ้ายังหลอกลวงข้าแม้แต่ก่อนที่จะตาย!”

เขากำหมัดแน่นและเดินลงไปด้วยความโกรธ

หลินหลางเยว่ถามว่า “เจ้าจะไปไหน”

หลี่หรานพูดอย่างเกลียดชัง “ไปทุบตีมันก่อนที่มันจะตาย!”

“……”

/////