ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 173 ฝูงผีดิบ
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 173 ฝูงผีดิบ
แปลโดย iPAT
หลี่ฉิงซานกล่าว “เรื่อลำนี้ค่อนข้างดี เสี่ยวอันก็ชอบมันมากเช่นกัน” เสี่ยวอันยืนพิงขอบเรือมองไม้พายขนาดเล็กที่คล้ายปีกด้วยความสนใจ
จางหลานฉินยิ้ม “ข้าทำเอง ดังนั้นนางก็ชื่อเสี่ยวอัน มันจะไม่อันตรายสำหรับนางที่มากับพวกเรางั้นหรือ?”
หลี่ฉิงซานลูบศีรษะเสี่ยวอัน “นางดูแลตัวเองได้ เหตุใดเจ้าไม่ใช้ใบพัด?”
“ใบพัดคือสิ่งใด?”
หลี่ฉิงซานให้คำอธิบายเล็กน้อยขณะที่จางหลานฉิงรู้สึกสนใจความคิดนี้และจมลึกลงไปห้วงความคิดทันที “ช่างเป็นแนวความคิดที่พิเศษจริงๆ ดูเหมือนมันจะ...”
ทันใดนั้นหลี่ฉิงซานก็เปิดปากเตือน “ระวัง!”
ด้วยความคิดฟุ้งซ่าน เรือจึงพุ่งเข้าหาโขดหิน จางหลานฉิงรีบกลับมาบังคับเรืออย่างเร่งด่วนและตบหน้าอกของตนเพื่อสงบสติอารมณ์ “เกือบไปแล้ว”
ห่าวปิงหยางกล่าว “มีสมาธิ! อย่าฟุ้งซ่านทันทีที่ได้รับแรงบันดาลใจใหม่”
จางหลานฉิงกล่าว “ข้าจะลองดูเมื่อข้ากลับไป ฉิงซาน หากเจ้าเข้าร่วมกับนิกายมอจื้อ เจ้าจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!”
หลี่ฉิงซานกล่าว “บางที” คำแนะนำจากคนนอกอาจเป็นประโยชน์ในบางครั้ง
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ดวงตาสีมรกตคู่หนึ่งลอบส่องประกายขึ้นจากผนังถ้ำที่มืดมิด มันคือศพที่ถูกฝังไว้ในกำแพงหินและถูกปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำ มันอาจอยู่มานานแล้วและไม่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาอีกต่อไป มันไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายใดๆออกมาเช่นกัน ดังนั้นแม้แต่หลี่ฉิงซานก็ไม่สังเกตเห็น
ราวกับมันได้รับคำสั่งบางอย่าง มันหลุดออกมาจากกำแพงและพร้อมโจมตีทันที แต่การเคลื่อนไหวของมันกลับหยุดลงอย่างกะทันหันเมื่อลูกประคำสีขาวลอยเข้าไปใกล้
แม้มันจะไร้ชีวิตแต่มันยังเหลือสัญชาตญาณ นั่นทำให้มันหวาดกลัวลูกประคำหัวกะโหลก ในพริบตา ลูกประคำหัวกะโหลกก็เจาะเข้าไปในหัวของมัน ร่างของมันถูกเผาด้วยเพลิงสีแดงขณะที่กระดูกของมันถูกหลอมเป็นของเหลวและกลายเป็นส่วนหนึ่งของลูกประคำด้วยเพลิงสีขาว
ในส่วนลึกของถ้ำ ชายชราร่างผอมเปิดเปลือกตาขึ้น เขาสูญเสียการเชื่อมต่อกับศพที่เขาพึ่งปลุกให้ตื่นขึ้น สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือเขาสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากศพ
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระ ศพจะรู้สึกกลัวได้อย่างไร แม้ดวงวิญญาณของพวกเขาจะถูกขังไว้ในร่างแต่พวกเขาก็สูญเสียความรู้สึกไปนานแล้ว บางทีมันอาจเป็นความผิดพลาดบางอย่าง
เรื่องนี้ทำให้เขานึกถึงสิ่งที่เขาค้นพบในหลุมขนาดใหญ่นอกเมืองวายุบรรพกาล
เขาเป็นผู้บ่มเพาะที่ใช้ซากศพ แม้เขาจะมีชื่อเสียงโด่งดังและครอบครองตำแหน่งสูงสุดในบัญชีดำ แต่เขาก็ไม่กล้าพอที่จะวิ่งออกไปฆ่าคนและเปลี่ยนพวกเขาเป็นผีดิบ เมื่อเขาก้าวข้ามขีดจำกัดบางอย่าง ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์จะส่งคนที่แข็งแกร่งออกมาไล่ล่าเขา ท้ายที่สุดถ้ำแห่งนี้ก็ไม่สามารถหยุดจอมยุทธ์ที่ทรงพลัง
ทั้งหมดทำให้เขาต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเป็นโจรปล้นสุสาน ทันทีที่เขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองวายุบรรพกาล เขารีบดำเนินการทันทีเพราะที่นั่นมีศพนับพัน มันมีกระทั่งจอมยุทธ์ขั้นสองและขั้นสาม เขาจะสามารถสร้างผีดิบที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตามเมื่อเขาไปถึง สิ่งที่เขาพบมีเพียงหลุมศพที่ว่างเปล่า แรกเริ่ม เขาตกใจ ต่อมา เขาหวาดกลัว เขากระทั่งรู้สึกว่าตนเองโชคดีที่มาช้า
หลายปีมาแล้วตั้งแต่เขารู้สึกหวาดกลัวครั้งสุดท้าย
จากนั้นเขาก็คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องเก็บศพ ร่างกายของผู้บ่มเพาะร่างกายค่อนข้างดึงดูดความสนใจ แต่เขาไม่เคยไว้ใจจ้าวจื่อป๋อ ดังนั้นเขาจึงระวังตัวเป็นอย่างมาก กับดักที่ศิษย์นิกายม่อจื้อเตรียมไว้เป็นเรื่องตลกในสายตาเขา แม้ดาบเงาสังหารของเขาจะถูกทำลายขณะที่เขาต้องหลบหนี แต่เขาไม่เคยรู้สึกกลัว เขาเคยผ่านประสบการณ์ที่อันตรายกว่านี้มามากในชีวิต
อย่างไรก็ตามขณะที่ร่างปลอมของเขาหลอกคู่ต่อสู้เพื่อให้เขาหลบหนี เขาบังเอิญเห็นสิ่งแปลกประหลาดบางอย่าง เด็กหญิงที่งดงามมากผู้หนึ่งนั่งอยู่บนหลังคาใต้แสงจันทร์และมองดูเขาอย่างเงียบๆ ราวกับนางมองทะลุเล่ห์กลทั้งหมดของเขา นางไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังใดๆออกมา แต่ดวงตาที่สงบนิ่งและมืดมิดของนางทำให้ส่วนลึกในใจของเขาสั่นสะท้าน เขารู้สึกราวกับตนเองได้พบศัตรูโดยธรรมชาติ
แม้เขาจะสามารถหลบหนี แต่ภาพของนางยังฝังแน่นอยู่ใจหัวของเขา
เขารู้สึกเหมือนมีความเชื่อมโยงบางอย่างแต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือสิ่งใด
เขาส่ายศีรษะ สิ่งที่เขาสูญเสียคือซากศพที่ไร้นัยสำคัญ เหตุใดเขาต้องคิดมากกับมัน เขาโยนความคิดไร้สาระทิ้งไปและเย้ยหยัน ผู้บุกรุกทุกคนต้องตายในไม่ช้าและจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพผีดิบของเขา
เขายืนพิงโลงศพหินที่อยู่ใกล้ๆ โลงศพถูกสลักไว้ด้วยจารึกอาคมที่ยาวไปถึงพื้นและถูกปิดผนึกไว้อย่างแน่นหนาด้วยโซ่เหล็ก
ด้วยสมบัติชิ้นนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถฆ่าเขา ไม่แม้แต่จ้าวจื่อป๋อ!
เสี่ยวอันพิงกาบเรือและเล่นน้ำเบาๆ นางหยิบลูกประคำหัวกะโหลกขึ้นมาอย่างเงียบๆ แต่เมื่อนางหันกลับมา สิ่งที่นางเห็นคือหลี่ฉิงซานจ้องนางอยู่ นั่นทำให้นางแลบลิ้นออกมา
ลูกประคำหัวกะโหลกไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณทั่วไป มันเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกายของนาง
กล่าวตามตรง นางไม่ชอบรสชาติของผีดิบมากนัก บางส่วนก็แห้งแต่บางส่วนก็เลิศรส มันเหมือนขนมอบที่แข็งและเหนียว อย่างไรก็ตามส่วนที่ดีคือมันติดไฟและไม่มีเสียง
ทันใดนั้นห่าวปิงหยางก็เปิดปากเตือน “มีบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา!”
ทุกคนมองไปข้างหน้า จางหลานฉิงจับตะเกียงและทำให้แสงพุ่งไปข้างหน้าเหมือนไฟฉาย นั่นทำให้พวกเขามองเห็นบางสิ่งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำอย่างคลุมเครือ มันรวมกันเป็นกระจุกและไม่ลอยไปตามกระแสน้ำ มันหยุดนิ่งราวกับกำลังรอการมาถึงของพวกเขา
“พวกมันคือผีดิบ!” เหออี้ซื่อกรีดร้อง
ศพลอยน้ำเหมือนไขมันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ผู้ใดจะรู้ว่าพวกมันมีกี่ตัว
ห่าวปิงหยางกล่าว “อย่าให้พวกมันเข้าใกล้!”
พวกเขายิงพายุอีกาเพลิงออกไป ผีดิบที่ลอยอยู่ในน้ำถูกระเบิดทีละตัว
หลี่ฉิงซานดึงดาบวายุออกมาและพยายามส่งดาบสายลมออกไป อย่างไรก็ตามมันกลับไม่ตอบสนอง ชัดเจนว่ามันถูกทำลายอย่างสมบูรณ์แล้ว ปัจจุบันสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับต่ำไม่สามารถทนต่อพลังของเขาได้อีกต่อไป
จางหลานฉิงส่งหน้าไม้พันศรและลูกดอกจำนวนหนึ่งให้หลี่ฉิงซาน “ข้าต้องบังคับเรือ เจ้าใช้มัน!”
“ได้!” หลี่ฉิงซานรับหน้าไม้ไว้และระเบิดทำลายผีดิบเจ็ดหรือแปดตัวที่อยู่ด้านหน้า เขาเคยเรียนยิงธนูมาก่อน ดังนั้นความแม่นยำของเขาจึงเหนือกว่าจินหยวนกับจินเป่าและได้รับคำชมจากพวกเขา
ทันใดนั้นหลี่ฉิงซานก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมองเขา เมื่อมองย้อนกลับไป สิ่งที่เขาเห็นคือเสี่ยวอันเงยหน้ามองหน้าไม้พันศรด้วยดวงตาส่องประกาย นางไม่มองไม้พายอีกต่อไป
“ลองดู” หลี่ฉิงซานส่งหน้าไม้ให้นางขณะที่นางรับไปอย่างมีความสุข
ห่าวปิงหยางตำหนิพวกเขา “อย่าเล่นกัน!” เขารู้สึกผิดหวังที่หลี่ฉิงซานไม่จริงจังกับทุกเรื่อง เขามอบอาวุธอันตรายเช่นนี้ให้เด็กได้อย่างไร หน้าไม้พันศรทรงพลังมาก หากเสี่ยวอันไม่สามารถถือมันได้อย่างถูกต้องและยิงแบบสุ่มบนเรือ มันอาจเกิดเรื่องร้ายแรง
เขาเอื้อมมือไปที่หน้าไม้ในมือของเสี่ยวอัน แต่เขากลับไม่สามารถคว้าสิ่งใด เขารู้สึกประหลาดใจ เมื่อหันหน้ากลับไป เขาพบว่าเสี่ยวอันไปถึงหัวเรือแล้วและกำลังยิงผีดิบที่อยู่ด้านหน้า นอกจากนั้นฝีมือของนางยังโดดเด่นมาก นางสามารถทำลายผีดิบทุกครั้งที่ลูกดอกถูกยิงออกไป
หลี่ฉิงซานตบไหล่ห่าวปิงหยาง “ข้าบอกแล้วว่านางดูแลตัวเองได้ ตอนนี้นางกำลังดูแลเจ้าเช่นกัน!”
ห่าวปิงหยางชำเลืองมองเขา เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างลึกลับนัก แม้แต่เด็กตัวเล็กที่อยู่ข้างกายเขาก็แปลกประหลาดเช่นกัน
เมื่อเห็นผลงานที่โดดเด่นของเสี่ยวอัน คนอื่นๆจึงหยุดยิง พวกเขาต้องสำรองลูกดอกอีกาเพลิงไว้บางส่วน ดังนั้นพวกเขาจึงเฝ้าดูอยู่ด้านข้างและชมเชยเป็นครั้งคราว “ทำได้ดีมาก!”
จินเป่ายิ้มอย่างพึงพอใจ “นักพรตผีดิบ เจ้าคิดว่าสามารถจัดการพวกเราด้วยเล่ห์กลเล็กๆน้อยๆเช่นนี้งั้นหรือ? ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีสิ่งใดน่าประทับใจเลย” อย่างไรก็ตามทันทีที่เขากล่าวจบ กลิ่นเหม็นเน่าที่รุนแรงก็ลอยเข้ามาและทำให้เขารู้สึกวิงเวียน
ห่าวปิงหยางกล่าว “กลั้นหายใจ! มันมีพิษ!”
เรือพึ่งมาถึงจุดที่ฝูงผีดิบลอยอยู่ หลี่ฉิงซานมองเห็นอย่างชัดเจนว่าผีดิบที่ถูกระเบิดปล่อยควันพิษสีเขียวซีดออกมาปกคลุมถ้ำ มันค่อยๆหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้แม้แต่แสงจากตะเกียงก็ไม่สามารถทะลุผ่านมันไปได้
ทุกคนรีบกลั้นหายใจ ด้วยการโคจรพลังปราณในร่างกาย จอมยุทธ์สามารถกลั้นหายใจได้เป็นเวลานาน อย่างไรก็ตามควันพิษที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆทำให้ดวงตาของพวกเขาเริ่มแสบ แม้แต่ผิวหนังของพวกเขายังส่งกลิ่นเหม็นไหม้ออกมา ตอนนี้โดยไม่ต้องได้รับคำเตือนจากห่าวปิงหยาง ทุกคนปล่อยพลังปราณออกมาปกป้องร่างกายของตนตามสัญชาตญาณ
ขณะที่ทุกคนพยายามปัดเป่าควันพิษและรู้สึกสับสน มีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในน้ำ หลี่ฉิงซานสังเกตเห็นเป็นคนแรก “มีบางอย่างอยู่ในน้ำ!”
ทันใดนั้นมือสีน้ำเงินม่วงก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำ มันจับไม้พายและพยายามปีนขึ้นบนเรือ พวกมันเผยศีรษะที่ไร้ดวงตาและจมูกขณะที่ส่งเสียงครวญครางอย่างน่าสะพรึงกลัว
เมื่อเหออี้ซื่อเล็งหน้าไม้ไปที่มัน สายลมกรรโชกแรงก็พัดมาจากด้านบน เขารีบเงยหน้าขึ้นและพบผีดิบกำลังพุ่งเข้ามาหาเขา
“ระวังข้างบน!” ห่าวปิงหยางตะโกน เขาเหวี่ยงปืนใหญ่แสงและส่งผีดิบบินออกไป
หลี่ฉิงซานเงยหน้าขึ้น บนเพดานถ้ำ ผีดิบจำนวนมากเกาะอยู่บนหินงอกหินย้อย
ในเวลาเดียวกัน แสงสีมรกตก็ส่องประกายระยิบระยับขึ้นสองข้างกำแพงถ้ำ จากนั้นซากศพที่ติดอยู่กับกำแพงก็หลุดออกมาทีละตัว พวกมันอ้าปากและพุ่งเข้าหาเรือ
ถ้ำที่เงียบสงบกลายเป็นนรกที่น่าสยดสยองและชุลมุนวุ่นวายทันที
เหออี้ซื่อและคนอื่นๆยกหน้าไม้ไปมาราวกับพวกเขากำลังสับสนว่าควรยิงไปที่ใด
แม้พวกเขาจะพยายามแก้ตัว แต่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไม่ใช่สิ่งที่จะได้รับมาโดยง่าย มันเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับประสบการณ์หรือต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้เช่นหลี่ฉิงซาน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติใดเลย จินเป่าเหนี่ยวไกหน้าไม้ของเขาอย่างเร่งรีบและยิงเข้าหาฝ่ายเดียวกัน มันไม่โดยผีดิบแม้แต่ตัวเดียว
ดาบวายุกวาดผ่านอากาศเป็นเส้นโค้งและตัดศีรษะผีดิบสองตัวในครั้งเดียว หลี่ฉิงซานกล่าว “ปล่อยข้างบนให้ข้า พวกเจ้าเล็งผีดิบที่อยู่ในน้ำ!”
ทุกคนก้มหน้าลงทันที ห่าวปิงหยางยกปืนใหญ่ขึ้นและฟาดผีดิบทั้งหมดที่เข้ามาจากสองข้างโดยไม่กล่าวสิ่งใด
ก่อนที่พวกเขาจะสามารถตั้งหลักจากสถานการณ์ที่วุ่นวาย เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากหัวเรือขณะที่จางหลานฉิงหน้าซีดด้วยความตกใจ