ตอนที่ 785 หยุดไม่ได้ คำเตือนอ่อนเกินไป
เย่ว์หยางไต่ระดับไปที่สามพันขั้นพร้อมกับเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตอนนี้สองสาวเริ่มเหนื่อยบ้างแล้ว
พวกนางจึงหยุดพัก
เสวี่ยอู๋เสียเห็นว่าเย่ว์หยางหันหลังมองบ่อยมากจึงอดยิ้มให้มิได้ “ไม่ต้องหันกลับไปมองก็ได้ กลับไปดูปิงเอ๋อตอนนี้นางต้องการกำลังใจจากเจ้ามากที่สุด”เย่ว์หยางมองดูแม่เสือสาวองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโดยตรงองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้าเห็นด้วย“กลับไปเล่าให้พวกเขาฟังถึงประสบการณ์การขึ้นมาถึงชั้นบนๆ นั้นก็ดีเหมือนกันระดับเหนือพันขั้นขึ้นไป ความยากมีมากไม่อาจเทียบได้กับชั้นล่างๆ เลยเจ้าควรจะให้พวกเขาร่างแผนบันไดสวรรค์ขึ้นมา ก็คงจะได้ผลดีมากกว่า”
ทั้งสองสาวตัดสินใจกลับเข้าไปพักผ่อนในโลกคัมภีร์ของเย่ว์หยางทำให้ไม่ส่งผลต่อการทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีของเขา!
รอจนกระทั่งเย่ว์หยางกลับลงมาและเขาพบว่าเย่ว์ปิงไต่ระดับมาถึงที่หกร้อยขั้นบันได
ตอนนี้นางกำลังพักอยู่ที่ลานพักหกร้อยขั้น
การไต่ที่ระดับหกร้อยขั้นสำหรับเย่ว์ปิงกับอี้หนานสองสาวยังทำได้ดีอยู่ แต่พวกนางเห็นว่าอู๋เหินและเย่ว์หวี่กำลังเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่ว์หวี่หลังจากขึ้นถึงระดับหกร้อยขั้น ได้รับการยอมรับจากมนุษย์ลมก็เหน็ดเหนื่อยอยู่บนลานพักแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงจะขยับตัวที่ลานพักระดับชั้นหกร้อยมีดวงจันทร์ขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าเป็นยามราตรีแล้วอู๋เหินตัดสินใจพักแรม แล้วค่อยฝึกต่อในวันพรุ่งนี้
ในเวลานั้นเย่ว์หยางลงมาจากชั้นบนและปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าทุกคนอย่างน่าประหลาดใจ
เย่ว์ปิงร่าเริงโผเข้ากอดพี่ชาย
อี้หนานก็กระโดดขึ้นหลังและกอดเย่ว์หยางจากด้านหลังอย่างซุกซนโดยไม่สนใจว่าอู๋เหินและเย่ว์หวี่จะมองดูยังไงนางจูบเย่ว์หยางสองสามครั้งก็ยังรู้สึกไม่หนำใจ
เย่ว์หยางเห็นเย่ว์หวี่เหน็ดเหนื่อยอย่างหนักจึงช่วยประคองให้นางนั่งลง“นั่งพักกันก่อน”
จากนั้นถามอย่างเฉื่อยชา “เป็นยังไงบ้าง พวกเจ้าได้ผลเก็บเกี่ยวอะไรบ้าง?”
เขาไม่ทราบว่าเย่ว์ปิงได้มุกมายาฟ้าในร้อยขั้นแรกแค่ตั้งใจถามถึงผลของการฝึกฝนของทุกคนใครจะรู้กันเล่าว่านี่เป็นคำถามถึงสิ่งที่ทุกคนอยากให้เขารู้ เย่ว์ปิงยิ้มและเอามุกมายาฟ้าออกมาอวดพี่ชาย อี้หนานรายงานข่าวดีว่าในระดับขั้นห้าร้อยภูตกระจกของนางยกระดับความสามารถในการรบขึ้น นางเรียกภูตกระจกออกมาอวดผลของการฝึกฝนกับเย่ว์หยาง
อู๋เหินเดินชดช้อยเข้ามาสมทบนางมองหน้าเย่ว์หวี่และยิ้มให้กันและกัน
เย่ว์ปิงและอี้หนานยังคงมีจิตใจเหมือนเด็กมิน่าเล่าพวกนางถึงได้มีความสุขนัก
การฝึกฝนในบันไดสวรรค์แม้ว่าจะเอาชนะผู้พิทักษ์ในแต่ละชั้นได้ แต่อาจไม่ได้รับรางวัลที่ดีที่สุดเหมือนกับเย่ว์ปิง เมื่ออักษรรูนชอบภูตกระจกของอี้หนานจึงหลอมรวมและให้รางวัลนั่นถือเป็นเรื่องโชคดีมาก นอกจากนี้เด็กสาวทั้งสองคนนี้ฝึกฝนได้ดีที่สุดในแต่ละชั้นจึงได้รับการเอ็นดูยอมรับจากผู้อาวุโสนักรบแห่งบันไดสวรรค์ เย่ว์ปิงได้รับอัญมณีระดับศักดิ์สิทธิ์ อี้หนานก็ไม่เลวได้รับการหลอมรวมกับอักษรรูนและยกระดับภูตกระจก
ก่อนหน้านั้นสองชั่วโมงในระดับขั้นที่ห้าร้อยอี้หนานเอาชนะมนุษย์แสงอย่างเชี่ยวชาญ จึงได้รับการยอมรับอย่างมากจากมนุษย์แสงและพลังงานกับอักษรรูนมนุษย์แสงจึงหลอมรวมเข้ากับภูตกระจกทำให้ภูตกระจกมีระดับพลังเพิ่มขึ้น
นี่คือรางวัลที่ยังไม่ดีเทียบเท่ากับมุกมายาฟ้าสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ในมือเย่ว์ปิง แต่ก็นับว่าไม่เลว
เพราะเป็นรางวัลที่สอง
อู๋เหินและเย่ว์หวี่สามารถตัดสินได้แน่นอน
ถ้าในการต่อสู้ในลานพักของบันไดสวรรค์และได้รับการยอมรับอย่างยิ่งใหญ่นั่นนับว่ามีโอกาสจะได้รับรางวัลที่นักรบอาวุโสของบันไดสวรรค์ทิ้งไว้ให้!
“จริงหรือนี่?พวกเจ้าช่างน่าทึ่งจริงๆ!” เย่ว์หยางเมื่อได้ยินเช่นนี้เขาค่อนข้างรู้สึกละอายที่ตนเองคิดแต่จะมุ่งขึ้นหน้าไปอย่างเดียวไม่ยอมหยุดรับการทดสอบจึงไม่รู้ว่าความจริงแล้วมีรางวัลแบบนี้เกี่ยวกับความสำเร็จในการเพิ่มพลังของภูตกระจกของอี้หนาน เย่ว์หยางพูดชมไม่ขาดปากทำให้เด็กสาวรู้สึกวาบหวามหัวใจ แต่ก็อดพูดอย่างเสียใจไม่ได้“เสียดายพี่เย่ว์หวี่และพี่อู๋เหินไม่ได้เลื่อนระดับ..”
อู๋เหินรีบปลอบนาง “เป็นไปได้ว่าที่ระดับ 200, 300, 400และที่ระดับ 600 ขั้นอาจมีคนได้รางวัลไปแล้วด้วยเหตุนี้จึงไม่มีรางวัลตามมาอย่างมากมาย เราแค่ทุ่มเทให้เต็มที่เดี๋ยวก็ได้รางวัลเอง ความจริงนี่ไม่ใช่ปัจจัยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งแต่เป็นเรื่องของการปรับตัวและโชคดี ต่อให้ได้รับการยอมรับอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดจากชั้นหยุดพักแต่ถ้ารางวัลและคุณสมบัติที่ตามมาไม่เหมาะสมข้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับรางวัล ดังนั้นนอกจากความแข็งแกร่งแล้วการปรับตัวและโชคเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้”
เย่ว์หวี่พยักหน้า “ใช่แล้ว, นี่เพิ่งจะเริ่มต้นต่อไปรางวัลที่รออยู่อาจจะดีมากขึ้นๆ ก็ได้”
อี้หนานเห็นด้วยกับมุมมองนี้แน่นอน “ยิ่งเป็นบันไดชั้นสูงขึ้นไปรางวัลก็ยิ่งดี ส่วนมุกมายาฟ้าของปิงเอ๋อนี้เป็นข้อยกเว้นมุกนี้ต้องดีกว่าเมื่อเทียบกับอักษรรูนผสานของข้า นี่เป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์”
เย่ว์ปิงมองดูพี่ชาย และหวังว่าเขาจะพูด
เย่ว์หยางไม่พูดทันทีแต่เดาะมุกและมองดู
เขาจ้องมองอยู่นานโดยไม่หยุด เย่ว์ปิงกลั้นหายใจเพราะกลัวรบกวนการสังเกตตรวจสอบของเขา
“มุกมายาฟ้าเป็นมุกมายาฟ้าจริงๆ แต่ภายในมีพลังชนิดหนึ่ง คล้ายกับพลังกฎสวรรค์อยู่เล็กน้อยดูคล้ายพลังเทพเล็กน้อย ข้ายังไม่ได้ผลสรุปชั่วคราวแต่ว่าพลังงานนี้บริสุทธิ์มากเป็นพลังที่สมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปไม่มี” เย่ว์หยางพบว่าแม้แต่พลังจักษุทิพย์ของเขาก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจมุกนี้ได้ทั้งหมดช่างคาดไม่ถึงจริงๆ เย่ว์ปิงเมื่อได้ยินเกือบอดใจไม่ไหวแทบจะกระโดดโลดเต้น
“อย่างนั้นก็ต้องเป็นมุกมายาฟ้าสุดยอดสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?” อี้หนานรู้สึกอิจฉาอดส่งเสียงเตือนไม่ได้
“ยกให้พี่สาม!” เย่ว์ปิงตัดสินใจยกอัญมณีนี้ให้พี่ชายนาง
ในใจของนางคิดว่าควรจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพี่ชายนอกจากนี้ของที่ได้มานี้ส่วนใหญ่จะใช้เป็นเครื่องแทนความนับถือที่นางมีต่อพี่ชายอย่างเหมาะสมที่สุดเย่ว์หยางไม่ได้ปฏิเสธความตั้งใจดีของเย่ว์ปิง เขาจับมือน้องสาวและจูบเบาๆจากนั้นเอามุกมายาฟ้าคืนใส่มือนาง “พลังของมุกนี้ ข้ามีความรู้สึกอย่างหนึ่ง หลังจากที่เจ้าใช้งานมากเข้า.. ถึงจะไม่สามารถเพิ่มระดับพลังของเจ้า แต่สามารถเพิ่มพลังให้นางไม้แสงเขียวได้ พี่ชายยังไม่มีเวลาค้นคว้าชั่วคราวก่อน ปิงเอ๋อ!เจ้าเก็บไว้กับตัวเองก่อน รอให้ผู้พี่ค้นพบวิธีการพัฒนาและเก็บกักพลัง ค่อยเอามาดูกันอีกครั้ง! นอกจากนี้มุกมายาฟ้าใช้ฝึกฝนทางจิตของเจ้า เมื่อรู้แจ้งสนามพลังได้ก็จะมีความได้เปรียบอย่างมากมาย!”
เย่ว์ปิงเห็นเย่ว์หยางคืนอัญมณีให้นางเองนางรู้สึกมีความสุขมาก
นี่ยังคงเป็นของขวัญจากพี่ชายเหมือนกัน!
อย่างไรก็ตามฟังพี่ชายพูดนับว่าถูกต้องแล้ว!
นางเก็บอัญมณีไว้ในกระเป๋าในชุดอย่างระมัดระวังและพยักหน้าให้พี่ชาย
อาหมันแบกถังใบใหญ่รีบก้าวเท้ายาวกลับมานางตักน้ำให้ทุกคน เมื่อนางมองดูเย่ว์หยางกลับมาจากข้างบนนางรีบเร่งฝีเท้า ยิ้มที่มุมปากอย่างไม่สะทกสะท้าน
เพราะการแข่งขันในแง่ความอ่อนโยนใจดีกับอาหงและตั่วตั่วพวกนางใช้ชีวิตอยู่พร้อมหน้ากับอู๋เหิน เย่ว์หวี่ อี้หนานและเย่ว์ปิงเป็นส่วนใหญ่
อารมณ์แบบมนุษย์ของนางมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว
ในช่วงสมัยที่ยังเป็นโคเงาเถื่อนอยู่นั้น ความสุข ความโกรธความเสียใจและความดีใจอย่างมนุษย์สำหรับนางนั้นไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าคนบางคนมีอารมณ์ทุกประเภททั้งรักทั้งเกลียดซับซ้อน ในตลอดชีวิตอาหมันเรียนรู้จากอาหงและตั่วตั่ว ในแง่การเปลี่ยนแปลงแบบมนุษย์นางยังด้อยกว่าอาหงและตั่วตั่ว แต่นางเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้นางเป็นสตรีมนุษย์ที่ไม่ต่างไปจากคนอื่นมากแล้ว
นอกจากนี้ นางมีเขาสองข้างที่สวยงามในทัศนคติที่สูงส่งของเย่ว์หยางมองว่านางเป็นหญิงสมบูรณ์แบบกว่าหญิงมนุษย์เสียอีก
“ทุกคนเหนื่อยกันแล้ว มาอาบน้ำที่ลำธารเถอะ!” เย่ว์หยางช่วยประคองอู๋เหิน เขาต้องการช่วยประคองเย่ว์หวี่แต่นางปฏิเสธบอกว่านางอาบน้ำในกระโจมสำหรับอาบน้ำ ไม่คิดจะอาบน้ำในลำธาร
“ข้าอาบก่อน” เย่ว์ปิงไม่มีความรู้สึกคิดอะไรมากมายในบ้านสวนน้อยก็มีทะเลสาบ พอฝึกฝนจนเหนื่อยนางลงไปว่ายน้ำเล่นกับพี่ชายบ่อยครั้ง
นางไม่มีความรู้สึกอึดอัดใจเหมือนเย่ว์หวี่
นางกับอี้หนานวิ่งไปที่ลำธารภูเขาห่างออกไปสามกิโลเมตรและเปลี่ยนชุดว่ายน้ำงดงามที่เย่ว์หยางเป็นคนออกแบบให้
เมื่อเย่ว์หยางกระโจนลงในลำธารภูเขาเย็นเขาเข้าไปกอดอู๋เหิน พวกเขาหยอกเล่นกันอยู่นานเหมือนกับเงือกน้อยในสายน้ำ เย่ว์หวี่พอเห็นว่าเย่ว์หยางจากไปแล้วนางหน้าแดงเมื่ออาหมันเตรียมน้ำไว้ นางถอดชุดที่เปียกโชกเหงื่อและอาบน้ำในถัง ความจริงนางเองก็อยากไปด้วยแต่นางไม่อาจหักห้ามความอายได้
นางไม่เหมือนสาวน้อยเย่ว์ปิงที่ไม่มีความคิดเรื่องความแตกต่างอยู่ในหัวใจ
ถ้าเพียงแต่มีนางกับเย่ว์หยาง
บางทีนางอาจยอมให้เขากอดอย่างนุ่มนวลก็ได้
หรือถ้าไม่มีเย่ว์ปิงและอี้หนาน มีแต่อู๋เหินนางคงไม่รู้สึกเขินอายเท่าใด
สำหรับเย่ว์ปิง นางมีความคิดง่ายๆ นางนึกถึงความสัมพันธ์ของพี่ชายน้องสาวทำให้เข้ากันอย่างง่ายดาย ดังนั้นนางไม่ต้องการจะสนิทกับเย่ว์หยางมากเกินไปราวกับว่าการสนิทกันมากขึ้นเล็กน้อยจะเป็นบาปที่ยิ่งใหญ่
“ท่านอาบไปก่อน ข้าไม่เป็นไร!” เย่ว์หวี่รู้ว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว ได้แต่ยอมรับว่าจะไม่มีอันตรายใดๆอีก อาหมันฟังคำสั่งของเย่ว์หยางจริงๆซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ไม่มีทางที่นางแยกออกมา แม้ว่านางจะรู้ว่าเย่ว์หวี่เป็นพี่สาวของเย่ว์หยางการเชื่อฟังเย่ว์หวี่ไม่มีปัญหา แต่นางจัดลำดับความสำคัญของคำสั่งให้ความสำคัญต่อคำสั่งของเย่ว์หยางเป็นอันดับแรก นี่คือหลักการของนาง
เย่ว์ปิงอาบน้ำอย่างไร้กังวลและกลับมาเปลี่ยนชุดนอนและพาอี้หนานไปนอนด้วยกัน
เย่ว์หวี่จึงต้องหาที่นอนเองคืนนี้
แต่เด็กสาวนี่ไม่ยอมเข้าใจ
ในตอนกลางคืนน้องชายนางต้องทำตัวไม่เหมาะสมกับอี้หนานและอู๋เหินแน่เด็กคนนี้จะทำยังไง? เย่ว์หวี่มองดูเย่ว์ปิงอย่างไม่เข้าใจ จิตใจสับสนในที่สุดนางตัดสินใจไม่ว่ายังไงจะไม่ปล่อยให้น้องชายทำตัวรุ่มร่ามเย่ว์หวี่ใช้ข้ออ้างว่าอ่อนเพลียและขอไปนอนเร็วขึ้น สิ่งที่น่าแปลกก็คือแม้ว่าร่างกายจะเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียก็จริง แต่นางไม่สามารถข่มตาหลับได้มีความคิดกวนใจจนนางมิอาจหลับได้
เย่ว์หยางเปิดผ้าม่านเข้ามาทำให้เย่ว์หวี่สะดุ้งตกใจ
“เจ้ามาทำอะไร ข้าจะหลับแล้ว” เย่ว์หวี่โกหกไม่แนบเนียนนางหันหลังไม่กล้ามองเย่ว์หยาง
“ข้าจะนวดขาให้ท่าน ใช้กำลังมากเกินไป หากมิรีบฟื้นฟูพรุ่งนี้ท่านต้องปวดเมื่อยเป็นแน่” เย่ว์หยางนั่งลง เย่ว์หวี่รีบส่ายหน้าโบกมือพัลวัล “ไม่ต้องก็ได้ ข้าสบายดีเจ้ารีบไปดูปิงเอ๋อก็ได้!”
“พวกปิงเอ๋อหลับแล้ว” อู๋เหินเข้ามาด้วยและพูดพลางยิ้ม“นวดตอนนี้ก็ได้ เราอยู่ใกล้ลำธาร ดังนั้นปิงเอ๋อถึงหลับได้เร็ว!” นางนั่งข้างเย่ว์หวี่และดึงผ้าห่มออกเผยให้เห็นเท้าที่ขดอยู่ของนาง
“ผ่อนคลายเข้าไว้!” เย่ว์หยางเอื้อมมือแตะเท้านาง เย่ว์หวี่สั่นเหมือนถูกไฟดูด นางต้องการหลบแต่ไม่มีเรี่ยวแรง
“....”เย่ว์หวี่รู้ว่าอู๋เหินเข้ามา จึงปลอบใจตนเอง ในใจตื่นเต้นและสดชื่นความอึดอัดหายไป นอกจากนี้เย่ว์หยางไม่สนใจการคัดค้านของนางทำให้บิดตัวอย่างช่วยไม่ได้เพราะน้องชายตัวร้ายของนาง นางข่มความเขินอายผ่อนคลายร่างกายไม่ปฏิเสธความปรารถนาดีของน้องชายต่อไป อู๋เหินพูดคุยกับเย่ว์หวี่ขณะที่ช่วยนวดเฟ้นช่วยลดความอึดอัดของนาง
เย่ว์หยางบอกว่าจะช่วยนวดเท้าทั้งสองแต่ความจริงถ่ายทอดปราณก่อกำเนิดเข้าร่างเย่ว์หวี่
เพื่อกำจัดอาการเกร็งตึงจากการทนใช้พลังเกินตัว การผ่อนคลายโดยไม่สัมผัสกายยังไม่เพียงพอ เย่ว์หวี่แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรภายใต้การนวดเฟ้นของเย่ว์หยางนางรู้สึกผ่อนคลายและสะดวกสบาย พลังความเย็นแผ่ไปถึงเท้าของนางทุกจุดที่ปวดเมื่อยพอพลังภายในผ่านไปหลายครั้งเย่ว์หวี่รู้สึกง่วงตาปิดโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกสุดท้ายนางเหมือนมีคนจัดร่างที่ขดงอของนางเหยียดตัวออกและคลุมผ้าห่มอย่างแผ่วเบาอ่อนโยนเหมือนสายน้ำ
ก่อนมีคนออกไปนางรู้สึกเหมือนมีคนจูบหน้าผากเบาๆและนางก็เริ่มฝัน
ใครทำอย่างนี้ อู๋เหิน?
หรือว่าเป็นน้องชายนาง?
เย่ว์หวี่ไม่ทันได้คิดอะไรก็เผลอหลับเสียก่อน
วันต่อมาเย่ว์หวี่ที่ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่เห็นเย่ว์หยางหาวอยู่ในกระโจม นางอดมองเขาไม่ได้ความจริงเขาคงมีสัมพันธ์กับอี้หนานและอู๋เหินอยู่นานเมื่อคืนนี้แน่ มิฉะนั้นคงไม่ดูเหมือนกับนอนไม่พอ
อย่างไรก็ตาม ร่างกายนางฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและนางทำอาหารเช้าอย่างดีให้เขา
เด็กคนนี้ถ้าเขาไม่ทำงานก็คงดีอยู่หรอก ปกติเขาไม่ใช่เด็กนานแล้วยังดูแลตัวเองไม่ได้อีก เมื่อเขายื่นมือขออาหารเย่ว์หวี่อดดุเขาไม่ได้ “ขี้เกียจใหญ่แล้ว ไปล้างหน้าล้างตาก่อน!” เมื่อกลับมาหลังจากล้างหน้าล้างตัวเย่ว์หวี่จัดอาหารให้เขาและมองซ้ายมองขวาจากนั้นกระซิบบอกเขา“ต่อไปอย่าเข้ามาในกระโจมพักผ่อนของข้าอีก เข้าใจไหม?”
เย่ว์หยางรีบอธิบายทันที “เมื่อคืนนี้อู๋เหินก็อยู่ที่นั่นด้วย!”
“เจ้ากับนางไม่ได้ทำอะไร” เย่ว์หวี่รู้ว่าเย่ว์หยางทำเช่นนี้เพื่อปลอบใจนาง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังน่าอายเล็กน้อย
“ก็ข้าแอบเข้าไปไม่ให้คนอื่นรู้”คำพูดของเย่ว์หยางเมื่อเย่ว์หวี่ได้ฟังแล้วถึงกับหน้าแดงนี่เป็นความสัมพันธ์อย่างง่ายๆ และยังไม่ให้คนอื่นรู้ นั่นหมายความว่ายังไง อย่างไรก็ตามนางไม่อาจปฏิเสธคำพูดของเย่ว์หยางได้ ราวกับว่ามีความหวังอย่างเลือนรางอยู่ในใจของนางเรื่องนี้ทำให้นางเกลียดตัวเอง ในที่สุดนางกัดริมฝีปากล่างและเตือนเขาเบาๆ “อย่านะ!”
“คุยเรื่องอะไรกัน?”อู๋เหินเข้ามาสมทบและถามเหมือนไม่ตั้งใจ
“ไม่, ข้าถามเขาเกี่ยวกับเรื่องอุปสรรคในแดนสวรรค์”เย่ว์หวี่กลัวว่าเด็กคนนี้จะเผยความลับทันทีที่อ้าปากพูดจึงรีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว
“โอวใช่แล้ว ข้าคิดว่าจะให้ทุกคนที่ไปไต่บันไดสวรรค์มีแนวโน้มว่าจะดีกว่าที่แดนสวรรค์คิดว่าพาพวกเขากลับมาจะดีกว่า!” เย่ว์หยางปรบมือและรู้สึกว่าพลังของเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นไม่มีทางจะอยู่ในแดนสวรรค์ได้ ถ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์พบเจอบางทีเมื่อกลับไปครั้งที่สองนี้อาจพาพวกเขากลับมาหอทงเทียนและให้ไต่บันไดสวรรค์ เป็นเรื่องยากที่จะฝึกฝนอย่างปลอดภัยถ้าปล่อยพวกเขาไว้ที่เมืองเจิ้งฝูและฝึกฝนพวกเขากับผู้เฒ่าทั้งหลาย
“เป็นที่คาดกันว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องมา เหตุผลประการแรกก็คือพลัง ประการที่สองก็คือที่นี่ค่อนข้างเหงา นอกจากจะมีการทดสอบของพลังงานเงาที่ถูกทิ้งไว้ที่จุดพัก ถ้าอยู่ที่บันไดสวรรค์จะไม่มีการต่อสู้ใดๆเลย และไม่เข้ากับนิสัยของพวกเขา”อู๋เหินไม่คิดว่าเย่คงและคนอื่นจะสามารถขึ้นบันไดสวรรค์ได้
“แดนสวรรค์ไม่ใช่ที่ดีแน่นอน ทั้งยังอันตรายอยู่ที่นี่ดีที่สุด สามารถสู้ก็ได้ พักก็ได้” อี้หนานรู้สึกว่านี่คือการฝึกที่เหมาะสมที่สุด“วิธีการฝึกของทุกคนไม่เหมือนกัน แต่ละคนก็มีข้อดีข้อเด่นของตัวเอง”
เย่ว์หยางยังคงรู้สึกว่าอู๋เหินยังคงมีเหตุผลและตัดสินใจปล่อยเจ้าอ้วนไห่เย่คงและคนอื่นๆ ไว้ที่เมืองเจิ้งฝูหลังจากตัดสินใจพาพวกเขาไปแดนสวรรค์ พวกเขาจะปลอดภัยและสามารถก้าวหน้าได้ภายใต้คำแนะนำของพวกผู้อาวุโสที่นั่นกระสุนนัดเดียวยิงนกได้สองตัว ขณะที่เป่าเอ๋อและหลิวเย่ ควรจะพาพวกนางกลับมา เพราะพวกนางอ่อนแอเกินไปและจะมีอันตรายมากถ้าพวกนางไม่ระมัดระวัง นอกจากนี้พวกนางไม่ใช่กำลังรบหลัก พวกนางไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงอย่างนั้นควรนำพวกนางกลับมาฝึกที่บันไดสวรรค์จะเหมาะสมมากกว่า
ที่นี่อาจมีรางวัลให้ในทุกการไต่ระดับร้อยขั้น
เป่าเอ๋อคือดาวนำโชคไม่ต้องพูดถึง
ถ้าหลิวเย่ได้รางวัลที่นี่และมีพลังก้าวหน้าในที่นี่บางทีอาจพานางไปลองผ่านโล่พลังของคัมภีร์เทพ.. ทำสัญญากับคัมภีร์เทพ นั่นคือเรื่องที่เย่ว์หยางไม่เคยลืม ถ้าไม่ทราบว่าปัญหาก็คือกฎสวรรค์ดั้งเดิมกำลังรอไปทำสัญญาแน่นอนว่าก็ต้องลงมือให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ! ~!