ตอนที่ 785 ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ใบไม้ผลิ
ภารกิจของอาเฮ่อต่างจากของหลิงซิ่ว
เสื้อคลุมดำและหลวมของเขาเน้นให้เห็นรูปร่างที่สูงโปร่งมีลักษณะที่ลงตัวใบหน้าที่หล่อเหลาไร้ตำหนิของเขา นิสัยที่เป็นกันเองและอ่อนโยนของเขาไม่ว่าเขาจะยืนอยู่ที่ใด เขามักจะโดดเด่นเฉิดฉายที่สุด
เพราะเรื่องนี้ถังเทียนกับหลิงซิ่วอิจฉาเขามานานแล้ว
“ด้วยรูปร่างลักษณะของเจ้า เจ้าดูไม่เหมือนแม่ทัพทหารแม้แต่น้อย” ปิงพูดกับเขาอย่างเฉื่อยชาและมีน้ำเสียงหยอกล้อทั้งที่ยังคาบบุหรี่อยู่ในปาก เขาส่งน้ำให้อาเฮ่อแก้วหนึ่ง
อาเฮ่อรับแก้วน้ำมาและหัวเราะ “ขอบคุณ”
ปิงนั่งลงและพาดขาบนโต๊ะแล้วพ่นควันบุหรี่เป็นวงและพูดตามปกติ “รู้สึกยังไงบ้าง?”
อาเฮ่อวางแก้วชาลงและคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนจะพูดจริงจัง “ข้ายังไม่ชินกับมัน ในอดีตข้าไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกับเจ้าสิ่งนี้ พอต้องมาทำหลายๆอย่างก็เลยไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบเช่นไรบ้าง”
“อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย” ปิงหัวเราะ “น่าเสียดายถังห้าวไม่อยู่ที่นี่ ถ้าไม่อย่างนั้นข้าจะจับเขาไปเป็นผู้นำทัพ นั่นคงน่าตื่นเต้นแน่นอน ข้าอยากเห็นน้ำหน้าเขาจริงๆ ฮ่าฮ่า”
เมื่อสังเกตว่าอาเฮ่อนั่งตัวตรง เขาเคาะเถ้าบุหรี่และหัวเราะ “สบายใจได้ เสี่ยวเฮ่อสถานการณ์ไม่ได้แย่ขนาดนั้น”
“ข้าไม่ได้กังวล” อาเฮ่อยิ้ม “ข้าแค่ต้องการรู้ว่าข้าควรทำยังไงต่อไป”
“เจ้ามักจะมีความมั่นใจในตัวเองอยู่เสมอ” ปิงโพล่งออกมา และพยักหน้า “อย่างนั้นเราจะทำอย่างนี้ ภารกิจของเจ้าก็คือคุ้มกันหลังของเซี่ยอวี่อัน ช่วยแบ่งเบาแรงกดดันให้เซี่ยอวี่อัน และเมื่อจำเป็น เจ้าต้องสนับสนุนเขาเซี่ยอวี่อันเผชิญหน้ากับทวีปกวงหมิงแล้ว และพวกเขาจะต้องกลับมา”
“พวกเขาวางแผนเผชิญหน้ากับป้อมพิทักษ์สมุทรด้วยกำลังพลอย่างนั้นหรือ?” อาเฮ่อไม่แน่ใจเรื่องนี้ “พวกเขาไม่กังวลเรื่องบาดเจ็บล้มตายเชียวหรือ?”
ป้อมพิทักษ์สมุทรเป็นป้อมที่มีระดับแตกต่าง กองกำลังที่รักษาการณ์ในนั้นก็คือเซี่ยอวี่อันผู้ได้ฉายาว่า‘องครักษ์ที่ดีที่สุดอันดับสามภายใต้สวรรค์“ และใครก็ตามที่ได้รับข่าวกรองจะไม่โจมตีโดยตรงเพื่อหาที่ตายให้ตัวเองแน่ เพราะพวกเขาจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่แน่นอน”
ในการจัดอันดับของแม่ทัพทหาร องครักษ์ที่ดีที่สุดมาจากห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิง เจี่ยย่าขณะที่อันดับสองก็คือซ่งจื่อเจ๋อแห่งทวีปทองภูมิภาคตะวันออก
“มีสองเหตุผล” ปิงนั่งตัวตรง “ประการแรกเขาคือโกวเฉิงเวิ่นเต้า โกวเฉิงเวิ่นเต้าเป็นที่รู้จักกันดีว่าคลั่งไคล้การบุกตะลุย ข้าศึกษาการสู้รบของเขา และเขาเชี่ยวชาญในการรุกอย่างบ้าคลั่ง ประการที่สอง เขาไม่มีเวลาถ้าพวกเขาไม่สามารถรีบเร่งเคลื่อนไหวได้ ก็จะทำให้ตระกูลต่างๆของภูมิภาคใต้ฟื้นตัวและหมดความเกรงกลัว ถึงเวลานั้นภูมิภาคใต้จะกลายเป็นเครื่องบดเนื้อ โกวเฉิงเวิ่นเต้าไม่มีทางเลือก เขาต้องตะลุยฝ่าไปข้างหน้า และเพียงแค่นั้นเขามีแต่จะปลุกวีรบุรุษจากภูมิภาคใต้ขึ้นมา”
อาเฮ่อค่อยเข้าใจ “อย่างนั้นภารกิจของข้าคือต้องช่วยเซี่ยอวี่อันถ่วงเวลา?”
“ถูกแล้ว” ปิงมีสีหน้าชื่นชมสติปัญญาของอาเฮ่อยอดเยี่ยมจริงๆ และพูดกับคนฉลาดไม่ต้องใช้พลังมาก “จะดีที่สุดหากเจ้าประหยัดพลังเอาไว้ ดึงเวลาให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ ถ้าเจ้าสามารถทอนกำลังศัตรูได้บ้างนั่นจะดีที่สุด”
อาเฮ่อยืนขึ้นและกล่าวทันที “ข้าจะไปดำเนินการเดี๋ยวนี้”
ปิงยืนขึ้นเช่นกันและมาส่งอาเฮ่อที่ประตู และพูดทันที “ถ้าหลายอย่างเลวร้าย เจ้าจงหนีเอาชีวิตรอด”
อาเฮ่อยิ้ม “ในฐานะผู้บัญชาการ คำพูดเป็นลางไม่ควรออกมาจากปากของท่าน”
ปิงหัวเราะลั่นและพูดโดยไม่ใส่ใจ “พวกเจ้าไม่เคยสู้ศึกในสงครามมาก่อน ในสงครามขนาดใหญ่แบบนั้น การรักษาชีวิตมักเป็นทางเลือกแรกเสมอ พลังอำนาจก็เหมือนสำรับไพ่ ตราบใดที่เจ้ายังมีไพ่ในมือเจ้าสามารถเลือกได้ว่าจะสู้หรือไม่ ถ้าเจ้าไม่มีไพ่ดีๆ อย่างนั้นเจ้าก็ไม่มีอะไรเลย”
เขาตบไหล่อาเฮ่อและพูดอย่างมีประสบการณ์ “เจ้าต้องเชื่อข้าเรื่องนี้ในสงครามขนาดใหญ่ ข้าแน่ใจว่าไม่มีใครมีประสบการณ์มากไปกว่าข้าในทั่วทั้งดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์แล้ว”
อาเฮ่อหัวเราะ “คำพูดเหล่านี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าท่านไม่ได้มีชีวิตหมื่นปีอย่างว่างเปล่าจริงๆ”
ทั้งสองหัวเราะให้กัน
****************************
“ในสงครามขนาดใหญ่นี้ข้ามั่นใจว่าไม่มีใครในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีประสบการณ์มากไปกว่าข้า”
อาซิ่นพูดอย่างเฉื่อยชา ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาคือเถี่ยจี๋และพวกที่เหลือทั้งหมดมีท่าทางเคารพ ขณะนั้นเองสายตาของเขามองเห็นเสี่ยวม่าน(แก้จากเสี่ยวหลานเป็นเสี่ยวม่านนะครับ) กำลังควงดาบยักษ์ขนาดเท่าบานประตูของนางเขาชะงักทันที เขารู้สึกว่าเขาปากเร็วไปหน่อย สาวน้อยผู้มีอำนาจทางทหารและอกโตผู้นี้มีสถานะเท่ากับเขา เมื่อพวกเขาอยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงูนางเป็นหนึ่งในแกนนำสำคัญสำหรับพวกเขา
‘ก็ได้, นางโหดกว่าข้ามาก’
หน้าของอาซิ่นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาเริ่มพูดด้วยเสียงที่แตกพร่า “โอว..เสี่ยวม่าน เจ้าก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน!”
เสียงฟันจากดาบขนาดใหญ่เท่าบานประตูไม่เกิดขึ้น
สีหน้าของเสี่ยวม่านประหลาด “มีเหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้น เจ้ามาดูเองเป็นดีที่สุด”
อาซิ่นหยุดยิ้มและลุกขึ้นยืน เถี่ยจี๋และอาซือหมิงมองกันเองและเดินตามมาด้วย
เมื่อเห็นศพเกลื่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนสุดสายตา สีหน้าทุกคนหม่นหมอง
เถี่ยจี๋ลูบจมูก กลิ่นคาวเลือดปกคลุมอยู่ในอากาศเขาย่อตัวลงและกำโคลนสีแดงคล้ำ และบีบโคลนหยดลงจากง่ามนิ้วของเขา
เขาพูดขึ้น “นี่ราวๆ 10 วันเห็นจะได้”
อาซือหมิงพลิกศพสองสามศพและยืนขึ้น “พวกเขาคือเผ่าใบไม้ผลิ”
เถี่ยจี๋และอาซือหมิงมองหน้ากันเอง ทั้งสองมีแววตกใจในสายตา เผ่าใบไม้ผลิไม่ใช่เผ่าเล็กน้อย ความแข็งแกร่งของพวกเขาเทียบได้กับอาณาจักรของพวกเขาทั้งสองไม่มีทางด้อยกว่า เหตุผลที่พวกเขาไม่ตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์เป็นเพราะพื้นที่ๆพวกเขาอยู่มีวีรบุรุษอยู่กันกระจัดกระจาย และที่ด้านเหนือมีวีรบุรุษเพียงสองคนทั้งสองคนดูเหมือนจะมีความคิดบางอย่างและหันไปมองทันที
หลังจากนั้นชั่วครู่พวกเขาก็พบเป้าหมายของพวกเขาศพของบุรุษวัยกลางคน รัศมีชีวิตของเขากระจายหายไปนานแล้วและนัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
“แม้แต่มู่ชุนเย่ก็ตายด้วย”
เมื่ออาซือหมิงกล่าว เสียงของเขาสั่น เขาและมู่ชุนเย่เคยประฝีมือกันมานับครั้งไม่ถ้วน และเขารู้จักพลังในตัวของมู่ชุนเย่ ซึ่งไม่มีทางด้อยมากกว่าเขา มู่ชุนเย่ถูกโจมตีจนเสียชีวิต ทั่วทั้งเผ่าใบไม้ผลิถูกสังหารหมู่คนฆ่าน่ากลัวจริงๆ
เพราะอีกฝ่ายฆ่าเผ่าใบไม้ผลิทั้งเผ่าก็หมายความว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีความสามารถฆ่าวีรบุรุษเหนือทั้งสองได้
ทวีปแดนเถื่อนมีเผ่าที่ทรงพลังขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อใด?
เถี่ยจี๋และอาซือหมิงเป็นผู้เหี้ยมหาญทั้งคู่ พวกเขามักคิดว่าต่อให้พวกเขาไม่ใช่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปแดนเถื่อน พวกเขาก็ยังอยู่ในระดับเดียวกับผู้แข็งแกร่งที่สุด ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครๆ จะฆ่าพวกเขาได้ แต่ทันใดนั้นก็พบในวันหนึ่งว่า มีสิ่งที่คงอยู่สามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดาย พวกเขาถูกความตกใจเข้าครอบงำ อาซิ่นคุกเข่าลงและตรวจสอบศพของมู่ชุนเย่และไม่พบบาดแผลในที่ใดเลย
อาซิ่นชี้ที่อกซ้ายของมู่ชุนเย่และพูด “เปิดแผลเขาตรงนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเถี่ยจี๋ลากเส้นด้วยนิ้วตรงตำแหน่งที่อาซิ่นชี้ ศพของมู่ชุนเย่ขาดเป็นสองส่วน
ขณะที่พื้นเต็มไปด้วยศพที่แข็งและเย็นและมีแนวน้ำแข็งยาวดังนั้นศพจึงยังสมบูรณ์ หน้าของทุกคนเปลี่ยน หัวใจของมู่ชุนเย่ฉีกขาด และสิ่งที่เหลือก็คือแผลกระบี่สีขาวที่ตัดผ่าน
หลังจากสิบวันแผลกระบี่ยังคงมีประกายสีขาว มันน่ากลัวเหลือเชื่อ
“ทวีปกวงหมิง! นี่เป็นการกระทำของทวีปกวงหมิง!” หน้าของเถี่ยจี๋กลายเป็นน่าเกลียด
แผลกระบี่สีขาวมีกลิ่นอายเฉพาะที่มาจากวิชาของกวงหมิง
อาซือหมิงหน้าเขียวคล้ำตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ “มู่จือเสีย มีแต่มู่จือเสียจึงจะฆ่ามู่ชุนเย่ได้ ทวีปกวงหมิงแทรกซึมเข้าแดนเถื่อนแล้ว!”
“พวกเขากำลังส่งคำเตือนถึงเรา” อาซิ่นที่เงียบมาตลอดพูดขึ้นทันที
คำพูดของเขาดึงดูดสายตามของบุรุษทั้งสองทันที
อาซิ่นมองไปในเมฆที่มืดครึ้มในท้องฟ้าและพูดด้วยความมั่นใจ “เพราะเราสามารถรวบรวมทวีปแดนเถื่อนได้”
“ใช่แล้ว!” อาซือหมิงพูดด้วยความเกลียด “ทวีปกวงหมิงมักจะลอบเข้ามาในดินแดนบรรพบุรุษของเรา พวกเขาต้องการให้เราปั่นป่วนวุ่นวายเหมือนที่เราเป็น!พอเห็นว่าทวีปแดนเถื่อนจะถูกรวมเป็นหนึ่งได้ พวกเขาไม่สามารถนั่งเฉยต่อไปได้และต้องคิดหาทางทำลายความกลมเกลียว”
เถี่ยจี๋แค่นเสียง “ใช่แล้ว มีแต่ฆ่าท่านหญิงจึงจะทำให้ความหวังของเราหายไปและทวีปแดนเถื่อนก็จะตกไปสู่ยุคมืดอีกครั้ง ตาแก่นี่คงจะเสี่ยงชีวิตป้องกันไม่ให้ทวีปกวงหมิงทำได้สำเร็จ”
ทั้งสองคนเป็นวีรบุรุษผู้มีชื่อเสียงในทวีปแดนเถื่อนอย่างมิต้องสงสัย อาซิ่นเพิ่งให้ข้อมูลพวกเขาเพียงเล็กน้อยทั้งสองก็มองเห็นเจตนาของทวีปกวงหมิงทันที
“แปลก,มู่จือเสียคุ้มกันอยู่ที่ทวีปเว่ยเย่กวนไม่ใช่หรือ? ทำไมเขาถึงปรากฏตัวที่นี่ได้?” หน้าของเสี่ยวม่านเต็มไปด้วยความสงสัย
ตอนนี้พวกเขาเข้ามาในทวีปแดนเถื่อน และจากทวีปเว่ยเย่กวน เหตุผลที่พวกเขาไม่เคยคิดว่าทวีปหมิงกวงเป็นศัตรูก็เพราะเรื่องนี้แน่นอน เมื่อกองทัพทวีปหมิงกวงย่างเท้าเข้าทวีปแดนเถื่อนพวกเขาพบกับการโจมตีจากเผ่าพันธุ์ต่างๆ ไม่ว่าพวกเขาจะไปในที่ใดก็ตามไม่ว่ามู่จือเสียจะมีสัมพันธ์ที่ดีต่อเผ่าพันธุ์อื่นเพียงไหนก็ตาม จะไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนยอมให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านเกิดพวกเขาตัวอย่างเช่นเผ่าน้ำดำ
เพราะมู่จือเสียคิดจะปราบปรามทวีปแดนเถื่อนด้วยตัวเขาและกองทัพของเขาตามลำพังเป็นเรื่องที่ตลกจริงๆ
“ข้าเกรงว่าเขาพบประตูดวงดาวที่ทำให้สามารถแทรกซึมเข้าทวีปคนเถื่อนได้” อาซิ่นคิดเหตุผลพื้นๆ และตอบโดยเร็ว “โดยการแทรกซึมลึกเข้าไปในดินแดนศัตรู เป้าหมายของเขาคงอยู่ที่ผู้นำ ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ไม่ได้มีคนมาก ถ้าพวกเขามีคนมากพวกเขาจะไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ได้ แต่ความแข็งแกร่งเทียบได้กับยอดฝีมือที่แท้จริง สังหารหมู่เผ่าใบไม้ผลิได้อย่างง่ายๆ ก็ยังจะเป็นกองทัพของมู่จือเสียโดยตรง มู่จือเสียอำมหิตจริงๆเขาแค่ต้องการหยุดทวีปแดนเถื่อนไม่ให้รวมประเทศได้ เขาถึงกับเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยง”
“เราต้องหาที่ของเขาให้พบ ถ้าไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครพักอย่างวางใจได้” อาซือหมิงพูดอย่างโมโห แต่ตาของเขามีแววกลัวอย่างช่วยไม่ได้
กองทัพหนึ่งอยู่ในความมืดกำลังจ้องมองพวกเขานับเป็นเรื่องน่าหนักใจ
เถี่ยจี๋พยักหน้า “เราควรจะกระจายข่าวกองทัพมู่จือเสียบุกรุกเข้าทวีปแดนเถื่อนและสังหารล้างเผ่าใบไม้ผลิบอกไปทั่วทุกคน และเรามาดูกันว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวอย่างไร”
จากนั้นอาซือหมิงเสริมต่อ “เราต้องหาประตูดวงดาวให้ได้เช่นกัน ถ้าไม่อย่างนั้นทวีปแดนเถื่อนของเราจะกลายเป็นสวนเดินเข้าออกได้ง่ายดาย”
เมื่อได้ยินทั้งสองคนคุยกัน อาซิ่นได้แต่เงียบ
เขามีลางสังหรณ์ว่า ความคิดง่ายๆทั้งหมดนั้นจะมีผลอย่างจำกัด
นี่คือมู่จือเสีย
ในฐานะผู้นำห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิงบุรุษที่สามารถอดทนไม่ทำอะไรมา 20 ปีแทรกซึมอย่างช้าๆ คิดหาแผนการที่ละเอียดรอบคอบและระมัดระวังไม่โจมตีเร็ว เขาต้องคิดถึงปัญหาทั้งมวลไว้แล้ว
อาซิ่นไม่เคยดูแคลนคู่ต่อสู้คนใดเลย ยิ่งกว่านั้นนี่คือมู่จือเสีย
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเอาแต่รอโอกาสเท่านั้น
ความคิดดีๆ ปรากฏขึ้นในใจของเขาทันที