ตอนที่แล้วตอนที่ 784 ตราเขาแกะน้ำแข็งเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 786 รู้แจ้งเกราะเทพเจ้า

ตอนที่ 785 ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ใบไม้ผลิ


ภารกิจของอาเฮ่อต่างจากของหลิงซิ่ว

เสื้อคลุมดำและหลวมของเขาเน้นให้เห็นรูปร่างที่สูงโปร่งมีลักษณะที่ลงตัวใบหน้าที่หล่อเหลาไร้ตำหนิของเขา นิสัยที่เป็นกันเองและอ่อนโยนของเขาไม่ว่าเขาจะยืนอยู่ที่ใด เขามักจะโดดเด่นเฉิดฉายที่สุด

เพราะเรื่องนี้ถังเทียนกับหลิงซิ่วอิจฉาเขามานานแล้ว

“ด้วยรูปร่างลักษณะของเจ้า  เจ้าดูไม่เหมือนแม่ทัพทหารแม้แต่น้อย”  ปิงพูดกับเขาอย่างเฉื่อยชาและมีน้ำเสียงหยอกล้อทั้งที่ยังคาบบุหรี่อยู่ในปาก เขาส่งน้ำให้อาเฮ่อแก้วหนึ่ง

อาเฮ่อรับแก้วน้ำมาและหัวเราะ  “ขอบคุณ”

ปิงนั่งลงและพาดขาบนโต๊ะแล้วพ่นควันบุหรี่เป็นวงและพูดตามปกติ “รู้สึกยังไงบ้าง?”

อาเฮ่อวางแก้วชาลงและคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนจะพูดจริงจัง  “ข้ายังไม่ชินกับมัน  ในอดีตข้าไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกับเจ้าสิ่งนี้  พอต้องมาทำหลายๆอย่างก็เลยไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบเช่นไรบ้าง”

“อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย”  ปิงหัวเราะ “น่าเสียดายถังห้าวไม่อยู่ที่นี่ ถ้าไม่อย่างนั้นข้าจะจับเขาไปเป็นผู้นำทัพ นั่นคงน่าตื่นเต้นแน่นอน  ข้าอยากเห็นน้ำหน้าเขาจริงๆ ฮ่าฮ่า”

เมื่อสังเกตว่าอาเฮ่อนั่งตัวตรง  เขาเคาะเถ้าบุหรี่และหัวเราะ  “สบายใจได้ เสี่ยวเฮ่อสถานการณ์ไม่ได้แย่ขนาดนั้น”

“ข้าไม่ได้กังวล”  อาเฮ่อยิ้ม “ข้าแค่ต้องการรู้ว่าข้าควรทำยังไงต่อไป”

“เจ้ามักจะมีความมั่นใจในตัวเองอยู่เสมอ”  ปิงโพล่งออกมา และพยักหน้า  “อย่างนั้นเราจะทำอย่างนี้  ภารกิจของเจ้าก็คือคุ้มกันหลังของเซี่ยอวี่อัน ช่วยแบ่งเบาแรงกดดันให้เซี่ยอวี่อัน  และเมื่อจำเป็น เจ้าต้องสนับสนุนเขาเซี่ยอวี่อันเผชิญหน้ากับทวีปกวงหมิงแล้ว และพวกเขาจะต้องกลับมา”

“พวกเขาวางแผนเผชิญหน้ากับป้อมพิทักษ์สมุทรด้วยกำลังพลอย่างนั้นหรือ?”  อาเฮ่อไม่แน่ใจเรื่องนี้  “พวกเขาไม่กังวลเรื่องบาดเจ็บล้มตายเชียวหรือ?”

ป้อมพิทักษ์สมุทรเป็นป้อมที่มีระดับแตกต่าง  กองกำลังที่รักษาการณ์ในนั้นก็คือเซี่ยอวี่อันผู้ได้ฉายาว่า‘องครักษ์ที่ดีที่สุดอันดับสามภายใต้สวรรค์“  และใครก็ตามที่ได้รับข่าวกรองจะไม่โจมตีโดยตรงเพื่อหาที่ตายให้ตัวเองแน่  เพราะพวกเขาจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่แน่นอน”

ในการจัดอันดับของแม่ทัพทหาร องครักษ์ที่ดีที่สุดมาจากห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิง เจี่ยย่าขณะที่อันดับสองก็คือซ่งจื่อเจ๋อแห่งทวีปทองภูมิภาคตะวันออก

“มีสองเหตุผล”  ปิงนั่งตัวตรง “ประการแรกเขาคือโกวเฉิงเวิ่นเต้า โกวเฉิงเวิ่นเต้าเป็นที่รู้จักกันดีว่าคลั่งไคล้การบุกตะลุย  ข้าศึกษาการสู้รบของเขา  และเขาเชี่ยวชาญในการรุกอย่างบ้าคลั่ง  ประการที่สอง เขาไม่มีเวลาถ้าพวกเขาไม่สามารถรีบเร่งเคลื่อนไหวได้ ก็จะทำให้ตระกูลต่างๆของภูมิภาคใต้ฟื้นตัวและหมดความเกรงกลัว ถึงเวลานั้นภูมิภาคใต้จะกลายเป็นเครื่องบดเนื้อ  โกวเฉิงเวิ่นเต้าไม่มีทางเลือก  เขาต้องตะลุยฝ่าไปข้างหน้า และเพียงแค่นั้นเขามีแต่จะปลุกวีรบุรุษจากภูมิภาคใต้ขึ้นมา”

อาเฮ่อค่อยเข้าใจ  “อย่างนั้นภารกิจของข้าคือต้องช่วยเซี่ยอวี่อันถ่วงเวลา?”

“ถูกแล้ว”  ปิงมีสีหน้าชื่นชมสติปัญญาของอาเฮ่อยอดเยี่ยมจริงๆ และพูดกับคนฉลาดไม่ต้องใช้พลังมาก “จะดีที่สุดหากเจ้าประหยัดพลังเอาไว้ ดึงเวลาให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้  ถ้าเจ้าสามารถทอนกำลังศัตรูได้บ้างนั่นจะดีที่สุด”

อาเฮ่อยืนขึ้นและกล่าวทันที  “ข้าจะไปดำเนินการเดี๋ยวนี้”

ปิงยืนขึ้นเช่นกันและมาส่งอาเฮ่อที่ประตู  และพูดทันที “ถ้าหลายอย่างเลวร้าย เจ้าจงหนีเอาชีวิตรอด”

อาเฮ่อยิ้ม “ในฐานะผู้บัญชาการ คำพูดเป็นลางไม่ควรออกมาจากปากของท่าน”

ปิงหัวเราะลั่นและพูดโดยไม่ใส่ใจ  “พวกเจ้าไม่เคยสู้ศึกในสงครามมาก่อน  ในสงครามขนาดใหญ่แบบนั้น  การรักษาชีวิตมักเป็นทางเลือกแรกเสมอ  พลังอำนาจก็เหมือนสำรับไพ่  ตราบใดที่เจ้ายังมีไพ่ในมือเจ้าสามารถเลือกได้ว่าจะสู้หรือไม่ ถ้าเจ้าไม่มีไพ่ดีๆ อย่างนั้นเจ้าก็ไม่มีอะไรเลย”

เขาตบไหล่อาเฮ่อและพูดอย่างมีประสบการณ์  “เจ้าต้องเชื่อข้าเรื่องนี้ในสงครามขนาดใหญ่  ข้าแน่ใจว่าไม่มีใครมีประสบการณ์มากไปกว่าข้าในทั่วทั้งดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์แล้ว”

อาเฮ่อหัวเราะ “คำพูดเหล่านี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าท่านไม่ได้มีชีวิตหมื่นปีอย่างว่างเปล่าจริงๆ”

ทั้งสองหัวเราะให้กัน

****************************

“ในสงครามขนาดใหญ่นี้ข้ามั่นใจว่าไม่มีใครในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีประสบการณ์มากไปกว่าข้า”

อาซิ่นพูดอย่างเฉื่อยชา  ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาคือเถี่ยจี๋และพวกที่เหลือทั้งหมดมีท่าทางเคารพ  ขณะนั้นเองสายตาของเขามองเห็นเสี่ยวม่าน(แก้จากเสี่ยวหลานเป็นเสี่ยวม่านนะครับ) กำลังควงดาบยักษ์ขนาดเท่าบานประตูของนางเขาชะงักทันที  เขารู้สึกว่าเขาปากเร็วไปหน่อย สาวน้อยผู้มีอำนาจทางทหารและอกโตผู้นี้มีสถานะเท่ากับเขา  เมื่อพวกเขาอยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงูนางเป็นหนึ่งในแกนนำสำคัญสำหรับพวกเขา

‘ก็ได้,  นางโหดกว่าข้ามาก’

หน้าของอาซิ่นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม  เขาเริ่มพูดด้วยเสียงที่แตกพร่า  “โอว..เสี่ยวม่าน  เจ้าก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน!”

เสียงฟันจากดาบขนาดใหญ่เท่าบานประตูไม่เกิดขึ้น

สีหน้าของเสี่ยวม่านประหลาด  “มีเหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้น  เจ้ามาดูเองเป็นดีที่สุด”

อาซิ่นหยุดยิ้มและลุกขึ้นยืน  เถี่ยจี๋และอาซือหมิงมองกันเองและเดินตามมาด้วย

เมื่อเห็นศพเกลื่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนสุดสายตา  สีหน้าทุกคนหม่นหมอง

เถี่ยจี๋ลูบจมูก กลิ่นคาวเลือดปกคลุมอยู่ในอากาศเขาย่อตัวลงและกำโคลนสีแดงคล้ำ และบีบโคลนหยดลงจากง่ามนิ้วของเขา

เขาพูดขึ้น “นี่ราวๆ 10 วันเห็นจะได้”

อาซือหมิงพลิกศพสองสามศพและยืนขึ้น  “พวกเขาคือเผ่าใบไม้ผลิ”

เถี่ยจี๋และอาซือหมิงมองหน้ากันเอง  ทั้งสองมีแววตกใจในสายตา  เผ่าใบไม้ผลิไม่ใช่เผ่าเล็กน้อย ความแข็งแกร่งของพวกเขาเทียบได้กับอาณาจักรของพวกเขาทั้งสองไม่มีทางด้อยกว่า เหตุผลที่พวกเขาไม่ตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์เป็นเพราะพื้นที่ๆพวกเขาอยู่มีวีรบุรุษอยู่กันกระจัดกระจาย และที่ด้านเหนือมีวีรบุรุษเพียงสองคนทั้งสองคนดูเหมือนจะมีความคิดบางอย่างและหันไปมองทันที

หลังจากนั้นชั่วครู่พวกเขาก็พบเป้าหมายของพวกเขาศพของบุรุษวัยกลางคน รัศมีชีวิตของเขากระจายหายไปนานแล้วและนัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

“แม้แต่มู่ชุนเย่ก็ตายด้วย”

เมื่ออาซือหมิงกล่าว เสียงของเขาสั่น  เขาและมู่ชุนเย่เคยประฝีมือกันมานับครั้งไม่ถ้วน  และเขารู้จักพลังในตัวของมู่ชุนเย่  ซึ่งไม่มีทางด้อยมากกว่าเขา  มู่ชุนเย่ถูกโจมตีจนเสียชีวิต  ทั่วทั้งเผ่าใบไม้ผลิถูกสังหารหมู่คนฆ่าน่ากลัวจริงๆ

เพราะอีกฝ่ายฆ่าเผ่าใบไม้ผลิทั้งเผ่าก็หมายความว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีความสามารถฆ่าวีรบุรุษเหนือทั้งสองได้

ทวีปแดนเถื่อนมีเผ่าที่ทรงพลังขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อใด?

เถี่ยจี๋และอาซือหมิงเป็นผู้เหี้ยมหาญทั้งคู่ พวกเขามักคิดว่าต่อให้พวกเขาไม่ใช่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปแดนเถื่อน พวกเขาก็ยังอยู่ในระดับเดียวกับผู้แข็งแกร่งที่สุด  ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครๆ จะฆ่าพวกเขาได้  แต่ทันใดนั้นก็พบในวันหนึ่งว่า มีสิ่งที่คงอยู่สามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดาย  พวกเขาถูกความตกใจเข้าครอบงำ  อาซิ่นคุกเข่าลงและตรวจสอบศพของมู่ชุนเย่และไม่พบบาดแผลในที่ใดเลย

อาซิ่นชี้ที่อกซ้ายของมู่ชุนเย่และพูด  “เปิดแผลเขาตรงนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเถี่ยจี๋ลากเส้นด้วยนิ้วตรงตำแหน่งที่อาซิ่นชี้ ศพของมู่ชุนเย่ขาดเป็นสองส่วน

ขณะที่พื้นเต็มไปด้วยศพที่แข็งและเย็นและมีแนวน้ำแข็งยาวดังนั้นศพจึงยังสมบูรณ์ หน้าของทุกคนเปลี่ยน หัวใจของมู่ชุนเย่ฉีกขาด และสิ่งที่เหลือก็คือแผลกระบี่สีขาวที่ตัดผ่าน

หลังจากสิบวันแผลกระบี่ยังคงมีประกายสีขาว มันน่ากลัวเหลือเชื่อ

“ทวีปกวงหมิง!  นี่เป็นการกระทำของทวีปกวงหมิง!” หน้าของเถี่ยจี๋กลายเป็นน่าเกลียด

แผลกระบี่สีขาวมีกลิ่นอายเฉพาะที่มาจากวิชาของกวงหมิง

อาซือหมิงหน้าเขียวคล้ำตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ “มู่จือเสีย มีแต่มู่จือเสียจึงจะฆ่ามู่ชุนเย่ได้ ทวีปกวงหมิงแทรกซึมเข้าแดนเถื่อนแล้ว!”

“พวกเขากำลังส่งคำเตือนถึงเรา”  อาซิ่นที่เงียบมาตลอดพูดขึ้นทันที

คำพูดของเขาดึงดูดสายตามของบุรุษทั้งสองทันที

อาซิ่นมองไปในเมฆที่มืดครึ้มในท้องฟ้าและพูดด้วยความมั่นใจ  “เพราะเราสามารถรวบรวมทวีปแดนเถื่อนได้”

“ใช่แล้ว!” อาซือหมิงพูดด้วยความเกลียด  “ทวีปกวงหมิงมักจะลอบเข้ามาในดินแดนบรรพบุรุษของเรา พวกเขาต้องการให้เราปั่นป่วนวุ่นวายเหมือนที่เราเป็น!พอเห็นว่าทวีปแดนเถื่อนจะถูกรวมเป็นหนึ่งได้ พวกเขาไม่สามารถนั่งเฉยต่อไปได้และต้องคิดหาทางทำลายความกลมเกลียว”

เถี่ยจี๋แค่นเสียง  “ใช่แล้ว มีแต่ฆ่าท่านหญิงจึงจะทำให้ความหวังของเราหายไปและทวีปแดนเถื่อนก็จะตกไปสู่ยุคมืดอีกครั้ง ตาแก่นี่คงจะเสี่ยงชีวิตป้องกันไม่ให้ทวีปกวงหมิงทำได้สำเร็จ”

ทั้งสองคนเป็นวีรบุรุษผู้มีชื่อเสียงในทวีปแดนเถื่อนอย่างมิต้องสงสัย  อาซิ่นเพิ่งให้ข้อมูลพวกเขาเพียงเล็กน้อยทั้งสองก็มองเห็นเจตนาของทวีปกวงหมิงทันที

“แปลก,มู่จือเสียคุ้มกันอยู่ที่ทวีปเว่ยเย่กวนไม่ใช่หรือ?  ทำไมเขาถึงปรากฏตัวที่นี่ได้?”  หน้าของเสี่ยวม่านเต็มไปด้วยความสงสัย

ตอนนี้พวกเขาเข้ามาในทวีปแดนเถื่อน  และจากทวีปเว่ยเย่กวน เหตุผลที่พวกเขาไม่เคยคิดว่าทวีปหมิงกวงเป็นศัตรูก็เพราะเรื่องนี้แน่นอน เมื่อกองทัพทวีปหมิงกวงย่างเท้าเข้าทวีปแดนเถื่อนพวกเขาพบกับการโจมตีจากเผ่าพันธุ์ต่างๆ ไม่ว่าพวกเขาจะไปในที่ใดก็ตามไม่ว่ามู่จือเสียจะมีสัมพันธ์ที่ดีต่อเผ่าพันธุ์อื่นเพียงไหนก็ตาม  จะไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนยอมให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านเกิดพวกเขาตัวอย่างเช่นเผ่าน้ำดำ

เพราะมู่จือเสียคิดจะปราบปรามทวีปแดนเถื่อนด้วยตัวเขาและกองทัพของเขาตามลำพังเป็นเรื่องที่ตลกจริงๆ

“ข้าเกรงว่าเขาพบประตูดวงดาวที่ทำให้สามารถแทรกซึมเข้าทวีปคนเถื่อนได้”  อาซิ่นคิดเหตุผลพื้นๆ และตอบโดยเร็ว  “โดยการแทรกซึมลึกเข้าไปในดินแดนศัตรู  เป้าหมายของเขาคงอยู่ที่ผู้นำ  ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ไม่ได้มีคนมาก  ถ้าพวกเขามีคนมากพวกเขาจะไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ได้ แต่ความแข็งแกร่งเทียบได้กับยอดฝีมือที่แท้จริง  สังหารหมู่เผ่าใบไม้ผลิได้อย่างง่ายๆ ก็ยังจะเป็นกองทัพของมู่จือเสียโดยตรง  มู่จือเสียอำมหิตจริงๆเขาแค่ต้องการหยุดทวีปแดนเถื่อนไม่ให้รวมประเทศได้  เขาถึงกับเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยง”

“เราต้องหาที่ของเขาให้พบ ถ้าไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครพักอย่างวางใจได้”  อาซือหมิงพูดอย่างโมโห  แต่ตาของเขามีแววกลัวอย่างช่วยไม่ได้

กองทัพหนึ่งอยู่ในความมืดกำลังจ้องมองพวกเขานับเป็นเรื่องน่าหนักใจ

เถี่ยจี๋พยักหน้า “เราควรจะกระจายข่าวกองทัพมู่จือเสียบุกรุกเข้าทวีปแดนเถื่อนและสังหารล้างเผ่าใบไม้ผลิบอกไปทั่วทุกคน และเรามาดูกันว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวอย่างไร”

จากนั้นอาซือหมิงเสริมต่อ  “เราต้องหาประตูดวงดาวให้ได้เช่นกัน ถ้าไม่อย่างนั้นทวีปแดนเถื่อนของเราจะกลายเป็นสวนเดินเข้าออกได้ง่ายดาย”

เมื่อได้ยินทั้งสองคนคุยกัน  อาซิ่นได้แต่เงียบ

เขามีลางสังหรณ์ว่า ความคิดง่ายๆทั้งหมดนั้นจะมีผลอย่างจำกัด

นี่คือมู่จือเสีย

ในฐานะผู้นำห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิงบุรุษที่สามารถอดทนไม่ทำอะไรมา 20 ปีแทรกซึมอย่างช้าๆ คิดหาแผนการที่ละเอียดรอบคอบและระมัดระวังไม่โจมตีเร็ว เขาต้องคิดถึงปัญหาทั้งมวลไว้แล้ว

อาซิ่นไม่เคยดูแคลนคู่ต่อสู้คนใดเลย  ยิ่งกว่านั้นนี่คือมู่จือเสีย

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเอาแต่รอโอกาสเท่านั้น

ความคิดดีๆ ปรากฏขึ้นในใจของเขาทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด