ตอนที่ 784 เป็นเด็กดีต้องได้ของดี
ปีนขึ้นไปร้อยขั้นแรกจะพบเห็นแท่นขนาดใหญ่ สามารถสร้างปราสาทตระกูลเย่ว์ได้ถึงสองสามหลัง
เมื่อขึ้นไปข้างบนจะมีเส้นทางสายหนึ่งทอดยาวออกไป
ข้างหนึ่งเป็นป่าเขียวชอุ่มและอีกด้านหนึ่งเป็นทะเลสาบงดงาม
นอกจากบันไดศิลาแล้ว ไม่มีพลังกฎสวรรค์คอยจำกัด ที่ลานที่ราบนี้จะแตกต่างกับพื้นล่าง ที่นี่น่าจะเป็นจุดให้นักรบที่ปีนขึ้นบันไดได้หยุดพัก
“พักกันก่อน!” เย่ว์หยางปีนขึ้นมาถึงร้อยขั้นไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเพลีย แต่เมื่อเห็นหน้าของเย่ว์ปิงใบหน้าพราวไปด้วยหยาดเหงื่อเขาเช็ดให้นางอย่างเอ็นดูพร้อมกับลูบศีรษะนางเบาๆ และกล่าวชม เย่ว์ปิงเพิ่งจะบรรลุระดับปราณก่อกำเนิดได้ไม่นานแม้จะมีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน แต่ตอนนี้นางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้ากลยุทธ์ส่วนใหญ่ของนางเป็นไม้ตายสังหาร มีทักษะพิษร้ายแรง และพิษยางน่อง บ่อยครั้งที่สามารถฆ่าศัตรูมีพลังน่ากลัวนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด เมื่อพบเจอเย่ว์ปิงก็ยังรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่าเย่ว์ปิงมีพลังเหนือกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด นางแค่ให้พี่ชายใช้ประโยชน์จากทักษะแฝงเร้นได้มากที่สุด สำหรับศักยภาพของน้องสาวของเขาเย่ว์หยางไม่รีบเร่งให้น้องสาวเพิ่มพลังอย่างรวดเร็ว เขากลับใช้เวลาสร้างพื้นฐานให้นาง
ถ้าไม่ใช่เพราะวางพื้นฐานที่ดีเย่ว์ปิงคงลำบากกว่าจะปีนขึ้นมาได้ถึงร้อยขั้นทั้งที่พลังศักดิ์สิทธิ์กดดันเอาไว้
เมื่อครู่นี้ใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีเย่ว์ปิงก็ปีนขึ้นไปชั้นบนของร้อยขั้นแรกพร้อมกับพี่ชายของนาง
นี่ถ้าเปลี่ยนนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนอื่นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้สำเร็จ
นอกจากนี้เย่ว์ปิงยังมีเครื่องถ่วงน้ำหนักที่ร่างหลายชิ้น
ความยากลำบากจึงมากทวีคูณ
นางพญาดอกหนามมงกุฎทองตั่วตั่วและสองแฝดเทพธิดาศึก อาหงอิคคาและสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง ลี่เยี่ยน จุ้ยมาวอี้ เด็กสาวยักษ์เผ่าไตตันเป็นพวกบ้าพลังไม่ยอมหยุดพักวิ่งขึ้นไปต่อด้วยความมุ่งมั่นอย่างสูง ทั้งยังเป็นการแข่งกันในระหว่างพวกนาง โดยเฉพาะตั่วตั่วนำหน้าคนอื่นทั้งหมดตามด้วยสองสาวอาเหยาอาหยู ทิ้งระยะห่างไปจนไม่เหลือร่องรอย
นางเซียนหงส์ฟ้าพานางพญาซัคคิวบัสของนาง เจ้าเมืองโล่วฮัวกับจิ้งจอกหิมะของนางโบกมือรออยู่หน้าเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตาม เขาไล่ตามมาทันแน่นอน แต่พวกนางก็รู้สึกโล่งใจที่นำหน้าอยู่หนึ่งก้าว
อาหมันคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายเย่ว์หวี่ แต่เย่ว์หวี่โบกมือทำนองว่านางสามารถประคองตัวเองได้โดยไม่ต้องให้คนอื่นช่วยพยุงแม้ว่าจะผ่านบันไดร้อยขั้นแต่กลิ่นกายนางยังคงหอม เหงื่อของนางเปียกโชกถึงชุดชั้นใน อกของนางสะท้อนขึ้นลงเล็กน้อยและนางอ้าปากหอบ ดูเหมือนว่านางจะอยู่ในสภาพลำบากมากกว่าเย่ว์ปิง เย่ว์ปิงจะเป็นพวกใช้กำลังเป็นหลักไม่ว่าจะเป็นพลังหรือร่างกายที่แข็งแรงเย่ว์ปิงดีกว่าเย่ว์หวี่ ความหนักหน่วงในการฝึกฝนจะอยู่ในระดับสูง แต่เย่ว์หวี่จะมีตัวช่วย แต่เมื่อไม่สามารถใช้ดาบนางฟ้าบินได้จึงต้องพึ่งพาขาทั้งสอง
อู๋เหินมองเห็นทะเลสาบฉากภาพงดงามตระการตา นางบังเกิดความกระตือรือร้นเตรียมกระดานสำหรับวาดภาพออกมาตั้งเมื่อทุกคนพัก นางวาดภาพเพื่อเป็นที่ระลึกถึงการฝึกฝนครั้งนี้ อารมณ์ของนางเบิกบานเพลิดเพลินกับการฝึกของนาง เย่ว์หยางหวังว่านางจะเพลิดเพลินในการฝึกกับเขาส่วนใหญ่นางฝึกแบบคู่รักเน้นที่พลังภายในแต่การฝึกพลังกายภายนอกไม่ใช่รูปแบบการฝึกของอู๋เหิน
นอกจากนี้นางต้องใช้เวลามากในการศึกษาค้นคว้าวงเวทอักษรรูนต่างๆ
นางไม่ใช่กำลังรบหลัก ดังนั้นจึงช่วยเย่ว์หยางด้วยวิธีที่ต่างไปจากคนอื่น
นางกับเย่ว์หวี่ทั้งสองคนจะรั้งอยู่เบื้องหลังเย่ว์หยาง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนนั่งพิงรากต้นไม้นางนั่งขัดสมาธิพาดดาบเทพจักรพรรดิอวี้ไว้บนตักและเข้าสู่ขอบเขตภายในใจตามคำขอของเย่ว์หยาง
นางจะไม่ยอมสูญเสียเวลาฝึกฝนไปเปล่าๆ
เสวี่ยอู๋เสียอ่านหนังสือ
บางครั้งดวงตาเป็นประกายของนางก็เหลือบมองมาทางเย่ว์หยาง
ขณะนั้นเย่ว์หยางกับเย่ว์ปิงและเย่ว์หวี่มาถึงริมฝั่งทะเลสาบและลองชิมน้ำดู“ค่อนข้างหวาน น้ำนี่สามารถดื่มได้เย็นฉ่ำ ข้าว่าน่าจะใช้อาบได้ไม่มีปัญหา
“เจ้าไปก่อนเถอะ ปล่อยข้าไว้ แล้วเราจะตามไป” เย่ว์หวี่เมื่อได้ยินเย่ว์หยางพูดนางกระตุ้นให้เขาล่วงหน้าไปก่อน
“ใช่แล้ว, พี่สามไปก่อนก็ได้ ข้าจะต้องตามไปทันพี่สามแน่นอน!” เย่ว์ปิงชูกำปั้นน้อยๆ การไล่ตามเย่ว์หยางคือเป้าหมายของนางเสมอมา ไม่เพียงแต่ไต่บันไดสวรรค์เท่านั้นแต่ยังรวมถึงการฝึกฝนตามปกติ นางไม่เคยย่อหย่อน แม้จะไม่มีญาณวิถีเหมือนกับพี่ชาย แต่นางจะไม่มีวันยอมแพ้ และจะไม่ยอมให้พี่ชายนางทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ!
“ข้าจะอยู่พร้อมกับพวกนางเองเจ้าวางใจได้ หรือให้อาหมันอยู่กับเราก็ได้” หลังจากอี้หนานลองแตะน้ำในทะเลสาบแล้วนางถอดรองเท้าออกอย่างร่าเริง และก้าวเดินไปบนพื้นทรายใต้ทะเลสาบและรู้สึกเพลิดเพลินเต็มที่
“อย่างนั้นก็ได้” อาหมันรั้งอยู่เย่ว์หยางรู้สึกโล่ใจแต่เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ลงมาและไต่ระดับขึ้นไป อย่างนั้นการเดินทางครั้งนี้ พี่เย่ว์หวี่และปิงเอ๋อจะไล่ตามพวกเขาไม่ทัน พวกนางจะถูกทิ้งล้าหลังไปเรื่อยๆ ด้วยพลังของพวกนางคาดว่าเป้าหมายพันขั้นคงจะยากไปเล็กน้อยเขาเองจำเป็นต้องไปให้ถึงระดับแสนขั้น เป็นไปไม่ได้ที่พวกนางจะไต่ระดับขึ้นมาถึง เขายิ้มและจัดผมที่โชกเหงื่อที่หน้าผากนางและกอดน้องผู้ดื้อดึงอีกครั้งและให้กำลังใจนาง “พยายามให้เต็มที่ พี่จะรอเจ้าอยู่ที่นั่น”
เย่ว์ปิงพยักหน้าหนักแน่น
ใบหน้านางแสดงถึงความตั้งใจแน่วแน่
ตรงข้ามกับเย่ว์หวี่ นางไม่ต้องการให้เย่ว์หยางกอดนาง และหลบเขาอย่างรวดเร็ว แต่นางหนีไม่พ้นกลับทุบใส่เขาเบาๆ “ข้าพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องมาเร่งข้า!”
สาวน้อยอี้หนานเมื่อเห็นเย่ว์หยางวิ่งออกไปก้าวผ่านไปได้หลายพันขั้นนางมองอย่างต่อเนื่องจนไม่เห็นเงาของเขา บางทีนางอาจไล่จนตามเขาไม่ทัน แม้ว่านางจะไล่ไม่ทันก็ตามแต่นางไม่เศร้าเสียใจ มีแต่จะยินดีกับเขา! นางกางแขนและกอดเขา “ข้าจะพยายามอย่างหนัก เจ้ารอข้าก่อน!” จากนั้นงับหูเขาอีกและกระซิบ “ถ้าเจ้าแอบมาหาตอนกลางคืนข้าจะไม่บอกพี่หวี่และปิงเอ๋อ!”
อาหมันรั้งอยู่และทำหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัยทั้งสามนาง
มีเทพธิดาศึกผู้มีพลังของหัวใจธรณีสารและพลังยักษ์ไตตันเย่ว์หยางวางใจได้มากแล้ว
นอกจากนี้วิญญาณของเย่ว์ชิวที่เฝ้าอยู่ปากประตูจะไม่ยอมให้คนอื่นเข้ามา คนที่เขายอมให้ผ่านเข้ามาก็เพื่อมาฝึกฝนในบันไดสวรรค์เท่านั้น
เย่ว์หยางตัดสินใจไปต่อและท้าทายตนเองด้วยการไต่ระดับบันไดสวรรค์ชั้นสูงขึ้นไป เมื่อเขาตัดสินใจไปต่อเสวี่ยอู๋เสียปิดหนังสือแห่งสัจจะและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรีบลุกขึ้นยืนและสะพายดาบเทพจักรพรรดิอวี้ไว้ที่หลังและออกไปพร้อมกับเสวี่ยอู๋เสียและเย่ว์หยางต่อไป
เสี่ยวเหวินหลีติดตามอยู่ข้างหลังเย่ว์หยางอย่างเงียบงัน
แม้ว่าจะแปลงร่างมนุษย์ได้สมบูรณ์
แต่เธอก็ยังไม่ชอบพูด
ด้วยพลังของทั้งสี่เมื่อเร่งความเร็วรวดเดียวอย่าว่าแต่ไต่ระดับไปได้ถึงร้อยขั้นยิ่งที่ราบสำหรับพักในระหว่างไม่มีกฎสวรรค์ก็ยิ่งไปได้เร็วเหมือนสายฟ้า
เงาร่างทั้งสี่ผ่านไปตามเส้นทางคดเคี้ยวของทะเลสาบและหายไปทันทีรอจนเงาปรากฏอีกครั้ง เย่ว์ปิงเห็นพวกเขาเย่ว์หยางเสวี่ยอู๋เสียปรากฏตัวห่างออกไปหลายกิโลเมตรรออีกหนึ่งนาทีนางได้แต่แหงนหน้ามองพวกเขาก้าวไปบนบันไดศิลาสูงห่างออกไปสิบกิโลเมตรนางมองเห็นเงาของเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียไต่ระดับไกลออกไปเกินพันขั้น...
“เราต้องพยายามอีก” เย่ว์ปิงมีสายตามุ่งมั่นและตัดสินใจว่าต้องไล่ตามพี่ชายนางให้ทัน
“ระวัง”อี้หนานผู้อ่อนไหวอย่างมากพบว่าดูเหมือนจะมีบางอย่างลอยขึ้นมาจากในทะเลสาบ
อาหมันรีบปกป้องเย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงบนผิวทะเลสาบที่ใสกระจ่างมีวิญญาณสัตว์ประหลาดน้ำร่างโปร่งแสงลอยขึ้นมาจากก้นทะเลสาบ และดูเหมือนว่าผิวทะเลสาบมีฟองผุดขึ้นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ลอยออกมาจากผิวทะเลสาบมองดูเหมือนบอลน้ำแต่ไม่ได้อัดกันเป็นก้อน แต่สิ่งนั้นเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาดและมองดูดีๆเหมือนกับเป็นร่างมนุษย์โปร่งใส
อู๋เหินไม่ได้หยุดวาดภาพ แค่พูดเบาๆ “มนุษย์น้ำ,ข้าได้ยินมาว่ามีมนุษย์น้ำที่บันไดสวรรค์ มนุษย์น้ำนี้ไม่ใช่อสูรเป็นแค่การฉายภาพจากพลังงานจิตสำนึกของนักรบบันไดสวรรค์ในแม่น้ำและทะเลสาบ พวกมันจะทำหน้าที่ปกป้องแหล่งน้ำของบันไดสวรรค์ โดยทั่วไปไม่ได้โจมตีเอาชีวิต พวกมันสามารถเอาชนะและพ่ายแพ้ได้... โอว..อีกเรื่องหนึ่งก็คือ พวกมันไม่มีวันตาย” อาหมันเอาชนะตัวประหลาดได้ก่อนจะจบประโยคสุดท้ายของอู๋เหิน
พลังของอาหมันต่อให้เป็นอสูรปราณฟ้าก็ยังสามารถฆ่าได้อย่างง่ายดายอยู่ดี ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์น้ำที่มีพลังระดับเตรียมปราณก่อกำเนิด
อย่างไรก็ตามเป็นอย่างที่อู๋เหินแนะนำมนุษย์น้ำที่พ่ายแพ้ค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างช้าๆบนผิวทะเลสาบและหลุดรอดไปถึงเย่ว์ปิงโดยไม่มีความกลัว
นอกจากมนุษย์น้ำตนแรกที่โผล่ออกมาจากผิวทะเลสาบแล้ว ยังมีมนุษย์น้ำอีกหลายสิบที่ออกมาจากทะเลสาบและตรงเข้าหาเย่ว์ปิง
“พวกมันไม่มีวันถูกฆ่า แล้วพวกมันรู้ได้ยังไงว่าแพ้?” เย่ว์ปิงถามอย่างสงสัยขณะที่ตั้งท่าหันหน้าใส่ศัตรู
“เมื่อพลังที่เหนือกว่าครอบงำ หรือใช้ลูกไม้เล็กๆน้อยๆ มีหลายวิธี” อู๋เหินยิ้มเล็กน้อยและตวัดพู่กันเบาๆ
นางวาดอักษรรูนสวรรค์ในอากาศว่างเปล่าและฉายออกมาใส่ร่างของมนุษย์น้ำตนแรก
มนุษย์น้ำหยุดทันทีและร่างกลายเป็นหมอกหายไปไม่เหลือร่องรอยในทันที
เมื่อมันปรากฏอีกครั้ง มันกลับเข้าไปในทะเลสาบแล้ว
แต่ไม่โจมตีอีกต่อไป มันดำดิ่งลงสู่ก้นทะเลสาบ ค่อยๆ หายไปดูเหมือนมันยอมรับความคงอยู่ของอู๋เหิน
มนุษย์น้ำที่อาหมันสู้ด้วยไม่สามารถคลี่คลายได้ อู๋เหินสามารถเข้าใจและทำให้มันยอมรับได้ นี่เป็นการผนวกรวมใช้ปัญญาและทักษะ และที่สำคัญคือพลังของอักษรรูนสวรรค์!
เย่ว์หวี่คิดว่าจำเป็นต้องให้มนุษย์น้ำยอมรับนางเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมาทันที และเรียกอสูรคลื่นคลั่งซึ่งเป็นอสูรพิเศษระดับแพลตตินัมและใช้ทักษะแฝงเร้นพิเศษ ‘หยุดน้ำ’ทั่วทั้งทะเลสาบ สามวินาทีต่อมาพลังของเย่ว์หวี่ได้รับการยอมรับจากมนุษย์น้ำและมันจมน้ำหายไป อย่างไรก็ตามมนุษย์น้ำยังคงโจมตีคนบนฝั่งทั้งสามคือเย่ว์ปิงอี้หนานและอาหมัน
“กระจกหวนคืน”อี้หนานชี้นิ้วที่เรียวงามเหมือนหยกมนุษย์น้ำที่รายล้อมนางถูกพลังสะท้อนโจมตีใส่ตนเองจนพ่ายแพ้อีกครั้ง
“สะท้าน” อาหมันใช้วิธีที่ดีเย่ว์หวี่ให้อสูรคลื่นคลั่ง แตกต่างจากอี้หนานที่ใช้สนามพลังจิตแต่อาหมันกลับใช้พลังแห่งความทรนง เท้าข้างหนึ่งเหยียบพื้นไม่ว่าจะเป็นมนุษย์น้ำที่อยู่บนผิวทะเลสาบหรืออยู่ที่ริมฝั่งสลายกลายเป็นละออง
“ข้ายังไม่ได้แสดงฝีมือเลย!” เย่ว์ปิงเป็นกังวลนางไม่คิดว่าจะได้รับการยอมรับจากมนุษย์น้ำ
นางเลียบไปตามทะเลสาบหวังจะได้พบมนุษย์น้ำที่ยังไม่สูญสลาย
นางหาอยู่นานจึงพบเจอมนุษย์น้ำที่เพิ่งโผล่ออกมาจากก้นทะเลสาบ นางกระตือรือร้นรีบเข้าไปหาและไม่ลืมที่จะแสดงมารยาทที่สุภาพเหมือนพบคนไม่รู้จักครั้งแรก แต่นางไม่รู้ว่ามนุษย์น้ำไม่มีชีวิตเป็นแค่ภาพฉายพลังงานความคิดของนักรบบันไดสวรรค์
เย่ว์ปิงแสดงมารยาทตามธรรมเนียมของนักสู้ปราณก่อกำเนิดกับมนุษย์น้ำและพูดอย่างตื่นเต้น “ข้าอยากได้รับการยอมรับ โปรดชี้แนะข้าด้วย!”
เมื่อมนุษย์น้ำระดมโจมตีเป็นสายฝนใส่ร่างนาง นางหมุนตัวอย่างนุ่มนวลฝ่ามือทั้งคู่ราวกับผีเสื้อเกาะดอกไม้นางใช้วิทยายุทธสู้ระยะประชิดโดยใช้กระบวนท่าที่เย่ว์หยางบัญญัติให้นางนามว่า“ฝ่ามือผีเสื้อ” โดยรวบรวมพลังโจมตีลึกลับไว้บนฝ่ามือควบพลังฝ่ามือจนกลายเป็นบอลพลังงาน นอกจากนี้ขณะที่นางวาดมือในกลางอากาศร่างมนุษย์น้ำลอยขึ้นไปในอากาศและบิดตัวกลายเป็นมังกรน้ำเมื่อร่างมังกรน้ำพ้นจากผิวทะสาบก็บินตรงไปยังเส้นขอบฟ้าและกลายเป็นฝนพร่างพรมลงพื้นล่าง
เมื่อมนุษย์น้ำควบแน่นสร้างร่างขึ้นมาอีกครั้งมันยอมรับสาวน้อยเย่ว์ปิงแล้ว
มันจมลงในน้ำอย่างช้าๆ
เย่ว์ปิงคารวะตามมารยาทนักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกครั้ง“ขอบคุณ, ถ้านี่เป็นด่านแรกของบันไดสวรรค์ อย่างนั้นเราก็ยังอยู่ในเส้นทางไล่ตามพี่สาม ข้าเอาชนะมนุษย์น้ำได้ทั้งหมดได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโสทั้งหมด แค่นี้ก็ไม่ทำให้พี่ชายข้าผิดหวังแล้ว”
เย่ว์หวี่กับอี้หนานมองดูอย่างอารมณ์ดีและขำขัน เด็กคนนี้จริงจังเกินไป
ความจริงในระดับชั้นล่างไม่ได้มีการยอมรับจากมนุษย์น้ำ
มนุษย์น้ำระดับเตรียมปราณก่อกำเนิดมีพลังอ่อนแอเกินไปคิดว่าเป็นเรื่องยากลำบากจริงๆนั่นคือพลังภาพฉายจิตสำนึกของนักรบบันไดสวรรค์ระดับเหนือพันขั้นบันไดสวรรค์ขึ้นไป
นอกจากนี้มนุษย์น้ำชนิดนี้ไม่มีสติปัญญามันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ฉลาดแต่อย่างใดเป็นแค่เพียงภาพฉายพลังงานจากจิตสำนึกของผู้พิทักษ์บันไดสวรรค์ที่ยังเหลือทิ้งไว้เพื่อเป็นการปกป้องแหล่งน้ำที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะอี้หนานล้างมือล้างเท้าจนเปียกโชก คาดว่ามนุษย์น้ำทั้งหมดเหล่านี้คงไม่ลอยตัวขึ้นมาเหนือผิวน้ำขณะที่เย่ว์หวี่เตรียมจะเรียกเย่ว์ปิงกลับมาทันใดนั้นนางเห็นมนุษย์น้ำลอยขึ้นมาจากก้นบึ้งทะเลสาบอีกครั้ง
ทุกคนแปลกใจว่าในเมื่อได้รับการยอมรับแล้วพวกเขายังจะสู้ต่อได้ยังไง?
ปิงเอ๋อใช้พลังขนาดนั้นแล้วยังไม่ได้รับการยอมรับอีกหรือ?
เย่ว์หวี่และอี้หนานประหลาดใจ อาหมันเตรียมพร้อมเข้าปกป้องเย่ว์ปิงอู๋เหินหยุดวาดรูปด้วยความสงสัย..สิ่งที่ทำให้พวกนางประหลาดใจก็คือมนุษย์น้ำไม่ได้ลงมือโจมตี เพียงแต่ยื่นมือค่อยๆส่งมุกที่งดงามให้เย่ว์ปิงที่ยังยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก
“เกิดอะไรขึ้น” เย่ว์ปิงอดยื่นมือไปรับมุกเม็ดโตไว้ไม่ได้แต่นางไม่เข้าใจเหตุผลจึงเดินกลับไปหาอู๋เหิน
“อาจเป็นไปได้ว่าในช่วงหลายพันปีไม่มีใครสุภาพมากมารยาทเหมือนปิงเอ๋อ ดังนั้นเจ้าจึงได้รับรางวัลมารยาทดีจากผู้อาวุโส อย่างไรก็ตามการได้รับรางวัลนับเป็นเรื่องดี ไหน, ให้ข้าดูหน่อยว่าเป็นมุกอะไรดูเหมือนจะเป็นของดีไม่น้อย” อู๋เหินยิ้มและกวักมือเรียกเย่ว์ปิง
“อา..ได้ๆ”เย่ว์ปิงรีบหันไปขอบคุณมนุษย์น้ำที่กำลังจมลงในทะเลสาบ
เมื่อเย่ว์ปิงกลับมาและส่งมุกงามเม็ดโตให้ดี
อู๋เหินยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้รับมาถือไว้
นางเอื้อมมือลูบศีรษะปิงเอ๋อเบาๆ และกล่าว “ปิงเอ๋อเด็กดี! นี่ไม่ใช่มุกธรรมดา แต่จะเป็นอัญมณีสมบัติประจำตัวเจ้าตลอดไป นี่เป็นของขวัญที่ผู้อาวุโสให้เจ้า น่าจะมีค่าเทียบได้กับมุกมายาฟ้าในมุกฝนดาวตกข้าไม่รู้ว่ามันจะใช้งานอะไรได้ แต่บางทีพี่ชายเจ้าน่าจะรู้! ปิงเอ๋อ! ยินดีด้วยนะ,เด็กดีขยันขันแข็งอย่างเจ้า แม้แต่วิญญาณในบันไดสวรรค์ก็ยังอวยพรเจ้า!”
เย่ว์ปิงประหลาดใจขณะมองดูมุกมายาฟ้าในมือนางมองดูท้องฟ้าในทิศทางที่เย่ว์หยางล่วงหน้าไปก่อน “รอก่อนพี่สาม! ปิงเอ๋อจะต้องพยายามอย่างหนัก....!”