ตอนที่ 784 ตราเขาแกะน้ำแข็งเงิน
ในฐานะแม่ทัพนายกองใหม่ หลิงซิ่วไม่มีคุณสมบัติอย่างแน่นอน
เขาขาดความอดทนซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก และเมื่อถูกขัดใจ เขาจะเริ่มโกรธ ความต้องการสู้รบของเขามีมากเกินไปและไม่สามารถหาทางเลือกที่เหมาะสมในแต่ละครั้ง บางทีเขาคงจะเหมาะกับหน่วยหน้าทะลวงฟันมากกว่า แต่ไม่มีทางเป็นแม่ทัพได้เลย แต่ด้วยกำลังคนที่ไม่เพียงพอ เขาไม่มีทางเลือกได้แต่รับบทบาทนี้
หลิงซิ่วรู้สึกว่าตั้งแต่ออกจากทวีปซางโจวมาอารมณ์ของเขาย่ำแย่
‘โธ่เว้ย,ทุกอย่างไม่ได้ดังใจเลย’
ในช่วงการอบรมการปะทะสั้นๆก็แค่ทำให้หลิงซิ่วจำได้แค่พื้นฐานเท่านั้น และมีแต่สวรรค์ที่ทราบได้ว่าเขาจดจำได้มากแค่ไหน
เมื่อเห็นทุกคนเคลื่อนไหวอย่างสบายๆอารมณ์ของเขาพลันขุ่นมัว กองกำลังภายใต้บัญชาการอาเฮ่อเป็นระเบียบมาก ซึ่งดูแล้วเพลินตา แม้ว่ากองทัพของเขาจะพยายามเต็มที่เพื่อให้เป็นระเบียบแต่ก็ล่มสลายเหมือนกับขนมกรอบแตกหัก ความเข้มแข็งเล็กน้อยสูญสลายไปหมด
ขบวนของพวกเขาเป็นไปได้ไม่ดีและไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าพวกเขาอ่อนแอ แค่การเดินของพวกเขาก็ช้าเกินไป เขารู้สึกอยากฆ่าพวกนี้ด้วยหอกของเขาให้หมดแล้วลุยใส่ทวีปหมิงกวงด้วยตัวเขาเองยิ่งนัก
ถ้าไม่ใช่หวีชิงอี้และพวกที่เหลืออยู่กับเขาด้วย สถานการณ์คงแย่หนัก หวีชิงอี้และพวกที่เหลือมาจากห้าตระกูลใหญ่เกาะใต้ ดังนั้นพวกเขาคุ้นเคยกับรูปแบบกองทัพและที่ไม่ใช่
ปิงขอร้องให้เขากับอาเฮ่อสร้างกองพลของพวกเขาเอง
ใช้ตระกูลหวีของห้าตระกูลใกญ่เกาะใต้เป็นแกนหลัก ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับมรดกจากกลุ่มดาวแกะหรือไม่ พวกเขาทุกคนต้องเดินร่วมทางกัน ศิษย์ตระกูลหวีมีเกือบร้อยคนและพวกเขายังไม่เพียงพอจะสร้างกองพลได้ ดังนั้นเขาเลือกคนอื่นที่ค่อนข้างแข็งแกร่งและฝึกวิชาหอกให้พวกเขา จากนั้นตั้งกองกำลังพวกเขาเอง กองกำลังใหม่นี้มีชื่อว่ากองกำลังน้ำแข็งเงิน นี่เป็นชื่อเดียวที่เขาคิดออก
‘เพียงแค่นั้น..’
เมื่อเขามองดูว่าพวกเขาย่ำแย่แค่ไหน เขาอดฝืนหัวเราะในใจไม่ได้ เทียบกับกองกำลังน้ำแข็งเงินในตำนานแล้วกลุ่มของเขาไม่คู่ควรจะหิ้วรองเท้าให้พวกเขาด้วยซ้ำ ‘ถ้าอาจารย์รู้ว่าข้าเอาชื่อกองกำลังน้ำแข็งเงินมาปู้ยี่ปู้ยำอย่างนี้ ข้าสงสัยว่าท่านคงโกรธจนคลานออกมาจากโลงเป็นแน่’
‘ช่างหัวมันปะไร ใครจะสนกันเล่า’
หลิงซิ่วที่กำลังหงุดหงิดนั่งลงและพาดหอกเงินไว้กับขาของเขา จากนั้นเขามองดูกลุ่มแสงในทะเลพลังงานในที่ไกล การเดินทางด้วยเท้าในทะเลพลังงานไม่ใช่เรื่องง่าย บางทีอาจจะเข้ากันได้กับหวีชิงอี้และพวกที่เหลือซึ่งมีสมบัติดวงดาวที่ได้ผ่านการฝึกฝนเป็นประจำ ดังนั้นพวกเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับทะเลพลังงาน แต่สำหรับทหารที่รับสมัครเข้ามาใหม่พวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนั้น และทุกคนเหนื่อยล้ามากได้แต่นอนระเกะระกะอย่างช่วยไม่ได้
ความเร็วของการเดินขบวนทัพส่วนใหญ่ที่ช้าเป็นเพราะทหารใหม่ซึ่งช้าเป็นเต่าคลาน แต่หลิงซิ่วพยายามหาวิธีต่างๆไม่ว่าใช้วิธีตะโกน หรือทุบตี อย่างมากก็ได้แค่นั้น
ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้ เขาคงใช้ศิษย์จากห้าตระกูลใหญ่ หลิงซิ่วโกรธอยู่ในใจ แต่ความสำนึกผิดหายไปในทันทีมีแต่เพียงตระกูลหวีที่ฝึกวิชาหอกในห้าตระกูลใหญ่ ตระกูลอื่นไม่ได้ฝึกด้วย ดังนั้นเขาไม่รู้ว่าจะสั่งพวกเขายังไง ดังนั้นเขาเลือกแต่เพียงตระกูลหวี ขณะที่อีกสี่ตระกูลปล่อยให้อาเฮ่อรับมือ
หวีชิงอี้เห็นหลิงซิ่วทำหน้าไม่สบายใจจึงปลอบโยนเขา “ท่านหลิง, อย่าเพิ่งหงุดหงิดไปเลยตอนแรกเริ่มมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หลิงซิ่วหดหู่กว่าเดิม
แม้ว่าจะเป็นครั้งของเขาในฐานะแม่ทัพนายกอง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะรู้สึกอย่างนั้น หลิงซิ่วผู้เต็มไปด้วยความหยิ่งและความภาคภูมิต้องมาแบกความล้มเหลวและความอ่อนแอ แย่ยิ่งกว่าตายเสียอีก
เขาเหลือบมองหวีชิงอี้อย่างไม่พอใจ หวีชิงอี้ขยาดและถอยกลับไปด้านข้างทันที พวกเขาติดตามหลิงซิ่วและฝึกวิชาหอกเข้าใจอารมณ์ของเขาชัดเจน และการกระตุ้นโทสะเขาอาจจะถูกหอกเล็งมาที่พวกเขาก็ได้
หลิงซิ่วตั้งหอกของเขาและโขกหัวตัวเองทันที ทหารรอบตัวเขามองดูเขาและกลืนน้ำลายสับเปลี่ยนตำแหน่งทันที
‘ไม่! ข้าต้องคิดอะไรบางอย่าง ปล่อยอย่างนี้ไม่ได้’ เขาอาจไม่สนใจชื่อเสียงของกองกำลังน้ำแข็งเงิน แต่เขาไม่ต้องการเป็นเหตุให้ล้มเหลว เมื่อคิดถึงดวงตาที่น่ารังเกียจของถังห้าว หลิงซิ่วรู้สึกว่าเขากำลังจะบ้า
‘เรียกกองกำลังของตนเองว่ากองกำลังน้ำแข็งเงิน มันไม่ดึงดูดใจเลย’
‘ข้าจะทำยังไงดี?’
เขาคิดเกี่ยวกับอดีตของกองกำลังน้ำแข็งเงินจิตใจของเขาก็ยิ่งตื่นเต้น ‘ในอดีตพวกเขาฝึกกันได้ยังไง?’
แม้ว่าเขาไม่ต้องการยอมรับ แต่เขารู้ว่าเขาเป็นผู้สืบทอดของกองกำลังน้ำแข็งเงิน แต่เขาเพียงแต่สนใจเฉพาะวิชาต่อสู้ที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังน้ำแข็งเงิน และไม่มีความสนใจรูปกระบวนทหารเลย
เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เขาต้องมีกองกำลังเป็นของตนเอง
‘นี่มันน่าโมโหจริงๆ!”
ความคิดเดียวที่เขาสามารถนึกออกก็คือกองกำลังน้ำแข็งเงิน เขามีสติปัญญาน้อยและพยายามระลึกนึกถึงส่วนต่างที่ได้รับตกทอดที่เขาจะเอามาใช้ได้ทันที แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามระลึกเพียงใด ทุกอย่างเป็นภาพเลือนราง
ปัง, หลิงซิ่วโมโหเอาหัวกระแทกด้ามหอกอีกครั้ง
ทันใดนั้น เขานึกอะไรบางอย่างได้ ตราเขาแกะน้ำแข็งเงิน!
ตราเขาแกะน้ำแข็งเงินอยู่ในเงื้อมมือของเขามานานแล้ว แต่เขาไม่เคยใส่ใจมันเท่าใด เพราะนั่นคือสัญลักษณ์ของกองกำลังน้ำแข็งเงิน เวลานั้นเมื่อพวกเขาแบ่งสมบัติโจร ถังเทียนส่งตราเขาแกะน้ำแข็งเงินให้เขา เพราะมันมีความเกี่ยวข้องกับเขา
หลิงซิ่วผู้ยึดติดกับการสู้รบไม่มีความสนใจอะไรในตราเขาแกะน้ำแข็งเงิน แต่ขณะนั้นเขาถูกต้อนจนมุม และเขานึกได้ทันทีว่าเขามีสมบัติเช่นนั้นอยู่ด้วย
เขานำตราเขาแกะน้ำแข็งเงินออกมาเพื่อใช้งาน
ตราเขาแกะน้ำแข็งเงินมีรูปแบบง่ายๆ มีเขาแกะอยู่สองข้างที่ตรงเหมือนกับกระบี่มีตราสัญลักษณ์ของกองกำลังน้ำแข็งเงิน
‘ข้าจะใช้ของแบบนี้ยังไงดี?’
หลิงซิ่วโยนและหมุนดูครั้งแล้วครั้งเล่าไตร่ตรองวิธีใช้มัน แต่ก็ไม่ได้เค้ามูลอะไร
‘เนื่องจากมันเป็นตรา, ข้าน่าจะลองอะไรฟันมันดู’ หลิงซิ่วคิดอย่างไม่มีเหตุผล ‘แต่ข้าจะฟันมันตรงไหนดี?’ หลิงซิ่วหมุนดูรอบๆ พวกทหารตกใจกลับการกระทำของเขาอยู่นานและรักษาระยะห่างจากตัวเขา ดังนั้นระยะ 30 เมตรรอบตัวเขาจึงเป็นที่ว่าง
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลิงซิ่วถือตราเขาแกะน้ำแข็งเงินในมือขวาและฟาดมันใส่ฝ่ามือซ้ายของเขา
ประทับตราสัญลักษณ์กองกำลังน้ำแข็งเงินมีหมึกอยู่บนฝ่ามือของเขา
‘ไม่มีอะไร?’
หลิงซิ่วจ้องมองอยู่ครึ่งวัน แต่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรแม้แต่น้อยทำให้เขารู้สึกผิดหวัง
ขณะที่เขาเตรียมจะโยนตราเขาแกะน้ำแข็งเงินเก็บกลับคืน ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงกระพรวนสั่นเขาอดตะลึงไม่ได้
กระพรวนลมเขาแกะบนหอกเงินเคลื่อนไหวเองโดยไม่มีลมพัด
เสียงกระพรวนที่ชัดเจนเหมือนกับเสียงกังวานผ่านกาลเวลาจนมาถึงตัวเขาระลอกคลื่นเสียงชั้นแล้วชั้นเล่าจากกระพรวนลมเขาแกะเหมือนเป็นศูนย์กลางจุดกระจายเสียง หลิงซิ่วซึ่งจับตาดูกระพรวนลมเขาแกะไม่ทันสังเกตว่าตราประทับกองกำลังแข็งเงินในฝ่ามือของเขาเปล่งแสงเลือนราง
มันค่อยๆ กระเพื่อมไปทั่วทั้งค่าย
ฉากภาพรอบตัวเขาบิดเบือนทุกคนมองดูเหมือนกับต้องมนต์สะกดและตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
พลังที่กำลังตรึงเขาไว้ทรงพลังมาก หลิงซิ่วพยายามดิ้นรน แต่เขาไม่สามารถขยับได้สักนิ้ว เขาไม่ประหลาดใจ แต่กลับมีท่าทียินดี ‘ใช่แล้ว,เป็นอย่างนี้นี่เอง’ ทันใดนั้นเขาจำได้ว่าเมื่อเขาฝึกหอกดาราแห่งดาวแกะเขาตกอยู่ในสภาพลวงตาแบบเดียวกัน ภายในภาพลวงตานั้นร่างทั้งหมดเลือนรางจะมีหลายร่างแนะนำเขาถึงวิธีใช้หอกดาวแกะที่แท้จริง
แสงดวงดาวทั้งหมดในทะเลพลังงานหายไป และพื้นปรากฏอยู่ใต้เท้าของพวกเขา พื้นยังคงยืดขยายเหมือนกับโคลน ไหลและงอกเป็นยอดเขา
ในพริบตาพวกเขาก็อยู่ในที่ซึ่งเต็มไปด้วยยอดเขา
หลิงซิ่วเคลื่อนไหว พลังที่ตรึงเขาไว้หายไปไม่เหลือร่องรอย
สายลมอ่อนโยนพัดผ่าน และเสียงกระพรวนเลือนรางดังขึ้นทำให้ผมขนของเขาตั้งชัน เขาตะโกนทันที “เตรียมตัวรบ”
ทหารทุกคนอยู่ในความตกใจพวกเขาเพิ่งอยู่ในทะเลพลังงาน และพวกเขามาอยู่ในดินแดนต่างถิ่นได้ยังไง? พวกเขาทุกคนมีความกลัวในสายตา เรื่องที่เหลือเชื่อเช่นนี้ทำให้ผมขนในตัวพวกเขาลุกชัน
เย่ชิงอี้ตกใจพอกัน แต่เมื่อได้ยินหลิงซิ่วเตือน เขาข่มความกลัวและดิ้นรนลุกขึ้นยืน
ทหารผู้มีความกล้าน้อยคนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
ถ้าอาการสนองตอบเช่นนั้นเกิดขึ้นในเวลาปกติ หลิงซิ่วจะต้องทุบตีพวกเขาเป็นสิบครั้งโดยไม่พูดอะไรสักคำ แต่ขณะนั้น หลิงซิ่วไม่ใส่ใจกับพวกเขา เนื่องจากเขาจ้องมองทางลาดเล็กๆข้างหน้าของพวกเขา
เสียงกระพรวนที่คุ้นเคยกำลังดังมาจากทั้งนั้น
‘ตามคาดจริงเป็นอย่างนี้อีกครั้ง!’
หลิงซิ่วไม่สนใจตำหนิทหารของเขาอีกแล้ว เขากระชับหอกเงินในมือเขาหันและกวาดหอกในมือของเขาใส่พวกทหารที่ยังคงนั่งแช่อยู่กับพื้นทำให้โคลนกระเด็นไปทางพวกเขา
“ลุกขึ้น!”
“พวกเจ้าทุกคน, จงลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”
……
พวกทหารมือใหม่ที่ยังนั่งนิ่งและกำลังตกใจก็รู้สึกตัวได้ในที่สุดและรีบลุกขึ้นจากโคลน เทียบกับพวกเขาแล้วศิษย์ตระกูลหวีปฏิกิริยาดีกว่า เนื่องจากพวกเขาผ่านการรบมาครั้งสองครั้งแล้ว แต่ทหารเกณฑ์มือใหม่ เป็นมือสมัครเล่นจริงๆ
มีร่างที่สวมชุดขาวยาวทยอยกันออกมาพร้อมกับถือหอกเงินอยู่ที่ทางลาดเล็ก
เย่ชิงอี้และพวกที่เหลือทุกคนสูดหายใจหนาวเหน็บ หน้าของทุกคนซีดขาว ‘เจ้าสิ่งนี้คืออะไร?’
คนถือหอกเงินชุดขาวขี่อยู่บนแกะเขาดาบ แต่ไม่มีอะไรอยู่ใต้ชุดขาว มีแต่กลุ่มหมอก หน้าของพวกเขาก็มีหมอก ไม่มีรายละเอียดไม่มีตา
สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดทำให้ผมขนทุกคนตั้งชันทันที
นอกจากนี้
ทุกคนอดมองดูหลิงซิ่วไม่ได้ เพราะร่างที่สวมชุดขาวถือหอกเงินดูเหมือนหลิงซิ่วอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่หอกเงินที่มีกระพรวนลมเขาแกะ พวกเขาก็มีเหมือนกัน
“เตรียมต่อสู้!”
หลิงซิ่วคำราม เขาเตรียมรับมือศัตรูอยู่แล้ว
มีเพียง 50 ร่างที่ลงมาตามทางลาด แต่รัศมีที่เปล่งออกจาก 50ร่างนั้นเหนือกว่ามือสมัครเล่นที่อยู่ด้านหลังหลิงซิ่ว 50 คนที่กำลังขับขี่ไม่ส่งเสียงใดๆขณะที่พวกเขานั่งอยู่แกะหิมะเขาดาบของพวกเขา
แม้ว่าใบหน้าของพวกเขาจะมีแต่หมอก แต่หลิงซิ่วรู้สึกได้ชัดว่าพวกเขาจ้องมองมาทางเขา แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีสีหน้าอารมณ์ แต่เพราะเหตุผลบางประการหลิงซิ่วสามารถรู้สึกได้ถึงความรังเกียจที่พวกเขาไม่สนใจปกปิด
ใช่แล้ว การเหยียดหยาม
เหยียดหยามอย่างแท้จริง
หน้าของหลิงซิ่วแดงการเหยียดหยามก็เหมือนกับการตบหน้าเขา
‘บัดซบ!ข้าเคยโดนดูถูกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใด?’
นักรบที่ขับขี่จากทางลาดเอียงยกหอกเงินในมือพวกเขา แกะหิมะเขาดาบที่พวกเขาขับขี่เคลื่อนที่ด้วยก้าวสั้นๆมั่นคง
ตาสีส้มของหลิงซิ่วเป็นประกายลุกโชนเขาไม่มีความคิดซับซ้อนใดๆ ในใจอีกต่อไป มีอยู่เพียงอย่างเดียว
ฆ่าให้หมด!