ตอนที่ 783 สุดบันไดสวรรค์ โลกพฤกษา
แท่นบูชายัญ บันไดสวรรค์ชั้นห้า
เมื่อเย่ว์หยางกลับมาบันไดสวรรค์ที่นั่นยังคงสภาพไว้หลังวันที่มีการสู้รบอย่างดุเดือดทำให้ทั่วทุกแห่งเสียหายและถูกทำลาย
ในระหว่างทางเขาพบกับนักเรียนชั้นเรียนมรณะพวกเด็กๆ ได้รับการดูแลโดยแม่เฒ่าอู่เถิงสั่งให้รวบรวมเศษอุกกาบาต เมื่อเห็นเย่ว์หยางทุกคนดูตื่นเต้นกันมากและเรียกชื่อเขาทุกคน เย่ว์หยางบริจาคยาเม็ดพลังยุทธทั้งยังให้ไข่อสูรแดนสวรรค์ให้แต่ละคนอีกด้วย
เพื่อนร่วมชั้นเรียนชั้นมรณะของเย่ว์หยางส่วนใหญ่จบการศึกษาไปแล้วและหลายคนแข็งแกร่งและได้รับหน้าที่ทำงานสำคัญ
แม้ว่าจะไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิดแต่หลายคนเริ่มเข้าใกล้ และอัจฉริยะสองสามคนเป็นระดับเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดกันแล้ว
ที่เหลืออยู่ในตอนนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นเด็ก
“โอว..พี่เย่ว์หยางยอดเยี่ยมที่สุด!” องค์หญิงเป่ยเป่ยที่ชอบเล่นกับเย่ว์ซวง ส่งเสียงร่าเริงดีใจ
“อสูรปราณฟ้าหรือเปล่า? ระดับทองใช่ไหม? เยี่ยม, ฉีหมิงจะฝึกอย่างดีเลย!” องค์หญิงฉีหมิงโตกว่าองค์หญิงเป่ยเป่ยไม่มากและเธอชื่นชมเย่ว์หยางที่สุด”
“เอาล่ะนะ, พี่เย่ว์หยางมีงานสำคัญต้องทำ พวกเราอย่ารบกวนเขาเลย” อดีตหัวหน้าชั้นเรียนมรณะตอนนี้อยู่ในโรงเรียนทำหน้าที่เป็นครูผู้ช่วยแม่เฒ่าอู่เถิงนางจะเป็นคนนำกลุ่มปีศาจน้อยห้องชั้นเรียนมรณะไปฝึกฝน และนางทำให้กลุ่มปีศาจตัวน้อยในห้องมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับอาจารย์ตาเหยี่ยวเมื่อก่อน ปัจจุบันนี้อาจารย์ตาเหยี่ยวพอเด็กเก่าจบการศึกษไปแล้วเขาเลือกทหารหนุ่มฝีมือดีก่อนตั้งเป็นกองทัพทหารหนุ่มและฝึกฝนให้พวกเขาอย่างหนักในหอทงเทียนเป้าหมายเพื่อไล่ตามเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและพวกพ้องให้ทัน
แน่นอนว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไล่ได้ทันอย่างน้อยก็ฝึกจนทวีปมังกรทะยานมีสมาชิกฝีมือดีจำนวนมาก
ในชั้นเรียนมรณะนี้เย่ว์ฟง คุณชายเก้าแห่งตระกูลเย่ว์ก็เรียนอยู่ที่นี่ด้วย
หลังจากเย่ว์หยางให้บทเรียนสั่งสอนแล้ว ตอนนี้ความหยิ่งผยองของเด็กน้อยหายไปหมดแล้วและเขากลายเป็นแฟนคลับตัวยงที่บูชาเทิดทูนพี่ชายของเขา
เย่ว์หยางเห็นเย่ว์ฟงมีมารยาทดีจึงเอื้อมมือลูบศีรษะของเด็กชายการแสดงความชื่นชมเอ็นดูง่ายๆ เช่นนี้ก็ทำให้เขาหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น
“ทุกคน!พวกเจ้าต้องพยายามอย่างหนักและให้ดี อีกหน่อยจะได้แข็งแกร่งกว่าพี่เย่ว์หยาง และเมื่อพี่เย่ว์หยางว่าง พี่จะมาช่วยสอนพวกเจ้า” เย่ว์หยางให้กำลังใจกลุ่มปีศาจน้อยเหล่านี้ในที่สุดเขาโบกมือลาพวกเด็กๆ ที่ไม่เต็มใจจะยอมให้แยกจากไปรอจนกระทั่งมาถึงแท่นบูชา เย่ว์หยางถึงกับปาดเหงื่อ “เหนื่อยกับการรับมือปีศาจน้อยพวกนี้จริงๆ เหนื่อยยิ่งกว่าสู้ศึกใหญ่เสียอีก!”
“ใครให้เจ้าแกล้งทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีเล่า!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองเห็นผิวเผินเหมือนทำเหยียดหยาม แต่ในใจจริงแล้วชอบที่เย่ว์หยางทำตัวเช่นนี้
“เปล่าแกล้งนะ” เย่ว์ปิงรีบปกป้องชื่อเสียงพี่ชายนาง
“แค่ล้อเล่นน่า!” อี้หนานหัวเราะอย่างมีความสุข
เมื่อทุกคนเห็นจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีปรากฏตัวอยู่ในแท่นบูชาพวกเขารีบเคารพทักทาย
มารดาของอาหงที่อาศัยอยู่ที่ฐานเทวรูปซึ่งเป็นทางผ่านได้ยินเสียงจึงรีบออกมาคารวะทักทายทีละคน
เมื่อเข้าไปในประตูใหญ่บันไดสวรรค์เย่ว์หยางเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคำนับเย่ว์ชิวซึ่งในบัดนี้ร่างสูญสลายไปแล้วเหลือแต่วิญญาณที่ยังคอยพิทักษ์ประตูบันไดสวรรค์ไม่ว่าจะในฐานะญาติอาวุโสหรือผู้พิทักษ์บันไดสวรรค์ เย่ว์ชิวก็ควรแก่การเคารพนับถือ
ภายใต้การยินยอมของวิญญาณเย่ว์ชิวเย่ว์หยางผ่านเข้าไปในประตูบันไดสวรรค์ได้
นี่คือโลกภายในบันไดสวรรค์อย่างแท้จริง
ก่อนหน้านี้เย่ว์หยางเคยมีความคิดมาก่อน
อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าสู่โลกบันไดสวรรค์ได้เห็นภาพในปัจจุบันเขาจึงรู้ได้ว่าสิ่งที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านั้นทั้งหมดผิดถนัด โลกแห่งบันไดสวรรค์ที่แท้จริงก็คือต้นไม้!
จุดนี้ไม่ว่ายังไงเย่ว์หยางก็คาดไม่ถึง!
แม้ว่าเย่ว์หยางจะเคยเห็นอสูรขนาดยักษ์มานับไม่ถ้วนซึ่งรวมทั้งปลาวาฬเกาะโบราณอยู่ในนั้นด้วย อย่าว่าแต่โลกของอสูรเลย ทั้งสิ่งก่อสร้างเกาะและแม้แต่ภูเขาที่เย่ว์หยางเคยเห็นมาทั้งหมดในชีวิตไม่มีสิ่งใดบ่งชี้ว่าจะมีชีวิตรอดมาจนมีขนาดใหญ่ได้เหมือนกับโลกพฤกษาของบันไดสวรรค์นี้ได้
เท่าที่เย่ว์หยางเห็นด้วยสายตาเขามองไม่เห็นจุดสูงสุด
มองไม่เห็นสุดขอบ
เทือกเขานับไม่ถ้วนยอดเขา ทะเลสาบอยู่ด้านบนของโลกพฤกษา มีน้ำตกขนาดใหญ่ตกลงมาจากภูเขาที่ลอยอยู่ในท้องฟ้ามองเห็นอยู่ทุกที่
หากไม่เห็นรากขนาดใหญ่เกินจะจินตนาการทั้งกิ่งก้านและใบที่นับกันไม่หวาดไม่ไหวแสดงให้เห็นว่านี่เป็นต้นไม้ที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าอย่างนั้นเย่ว์หยางคงไม่กล้าคิดว่านี่ก็คือต้นไม้แน่นอน
ไกลออกไปไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด
เมื่อบินใกล้เข้าไปเขายิ่งประหลาดใจที่ว่าภายใต้โลกพฤกษาบันไดสวรรค์ยังมีพื้นที่ขนาดใหญ่มีเนื้อที่เกินกว่าจะจินตนาการ เย่ว์หยางใช้พลังจักษุทิพย์ตรวจสอบ นั่นเป็นพื้นที่ว่างเปล่าเป็นส่วนหนึ่งของหลุมดำที่กลืนกินทุกอย่างด้านบนของโลกพฤกษาในภูเขาลูกแล้วลูกเล่า ยังมีบันไดที่ถูกสร้างขึ้นบันไดเหล่านี้ใหญ่เกินจะบรรยาย แต่ละระดับสูงถึงหมื่นเมตรและแต่ละขั้นบันไดทางเดินสูงสิบเมตร มีแต่ยักษ์ไตตันเท่านั้นที่จะเดินได้อย่างสบาย
ถ้าบันไดหินเหล่านี้ถูกสร้างในชั่วชีวิตคน ก็แสดงว่าเป็นเทพเจ้าสร้างขึ้น
นอกจากเทพเจ้าแล้วไม่มีใครอื่นสามารถสร้างสิ่งก่อสร้างได้ใหญ่โตขนาดนี้!
ตอนนี้เย่ว์หยางเข้าใจได้ในที่สุดแล้วว่าทำไมถึงเรียกว่าบันไดสวรรค์ กลับกลายเป็นว่าเมื่อเขาแหงนมองดูท้องฟ้าที่ไกลไม่มีที่สิ้นสุดแม้แต่จุดที่ดวงดาวทอแสงระยิบ ก็ยังเป็นจุดที่โลกพฤกษางอกงามไปถึง... การปีนขึ้นไปบนโลกพฤกษาที่ไม่รู้จักนี้ไม่ต่างไปจากการขึ้นไปตามบันไดสวรรค์!
“มีการกล่าวว่าบันไดมีร้อยล้านขั้น”จักรพรรดินีราตรีกล่าว เย่ว์หยางรู้สึกมึนงง ร้อยล้านขั้น? พระเจ้า นี่เขาสร้างบันไดสูงขนาดนั้นได้ยังไง?
“ที่นี่จะมีพลังกฎสวรรค์คอยจำกัดพลังการปีนขึ้นไปในแต่ละระยะจะมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ในทุกร้อยขั้นบันไดถือว่าเป็นระดับเล็กๆมาตรฐานของหอทงเทียนยังเป็นระดับต่ำทั้งหมดได้แต่ฝึกในระดับร้อยขั้นแรกเท่านั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวข้ามได้เกินร้อยขั้น! มาตรฐานความสำเร็จระดับปราณฟ้าอย่างมากสุดก็ขึ้นไปได้หมื่นขั้นบันได และไม่สามารถขึ้นไปต่อได้อีก! อนึ่งถ้าเป็นระดับปราณราชันย์ของหอทงเทียนสถานะจะดีกว่า คาดกันว่าคงไต่ระดับไปได้ถึงห้าหมื่นขั้น” จื้อจุนมองดูเย่ว์หยาง เสวี่ยอู๋เสียองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน พวกนางค่อยหันหน้าไป“ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ที่แสนขั้นแรก อย่าให้ข้ารอนานล่ะ”
“ที่นี่พวกเจ้าสามารถบินได้ในที่อื่นแต่การขึ้นบันไดศิลาไม่อนุญาตให้ใช้วิธีบิน ต้องเดินไปทีละขั้น” จักพรรดินีราตรียังคงซ่อนตัวในสภาพล่องหน แต่นางเตือนเย่ว์หยางให้ระวังตัว จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีไปที่บันไดสวรรค์พร้อมกัน
พวกนางลอยตัวจากไปอย่างง่ายดาย
ขณะที่เย่ว์หยางกำลังเตรียมจะก้าวขึ้นบันไดศิลาชั้นล่างลี่เยี่ยนกระโดดพรวดพราดออกมาก่อน “ขอข้าลองก่อน!”
อย่างไรก็ตามเมื่อนางกระโดดลงบนบันไดศิลานางก็ต้องประหลาดใจ “ความรู้สึกนี้” ความประหลาดใจของนางทำให้ทุกคนอดสงสัยมิได้ ทุกคนก้าวเท้าลงไปและส่งเสียงอุทาน ที่บันไดขั้นล่าสุดเย่ว์หยางพบว่าพลังศักดิ์สิทธิ์จากด้านบนดูเหมือนพยายามกดร่างของเขาลงกับพื้น
ความกดดันแบบนี้ไม่ใช่ชนิดกดเพื่อบดขยี้คน แต่เป็นพลังกฎสวรรค์ที่จำกัดการเคลื่อนไหว ถ้าคนผู้นั้นไม่เคลื่อนไหวบนบันได อย่างนั้นก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ตราบเท่าที่ลงมือเล็กน้อยก็ต้องใช้พลังร่างกายอย่างมหาศาลไม่ว่าจะเคลื่อนไหวทำอะไรก็ตามจะทำให้สิ้นเปลืองแรงและเหน็ดเหนื่อยง่าย
“เอ, อย่างข้าจะผ่านระดับสองไม่ได้เชียวหรือ?” เด็กสาวยักษ์ก็ออกมาทดลองด้วยเช่นกันนางพบด้วยความประหลาดใจว่านางไม่สามารถก้าวข้ามขั้นที่สองไปที่ขั้นสามได้โดยตรง
“ข้ารู้สึกว่ายากมาก!” ด้วยพลังหัวใจธรณีสารและพลังยักษ์ไตตันอาหมันที่ไม่เคยรู้จักเหน็ดเหนื่อย นางกระโดดไปที่ระดับสองของบันไดขั้นแรก เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเหนื่อยนางประหลาดใจมาก มิน่าเล่าปราณก่อกำเนิดระดับต่ำจึงได้แต่ฝึกในบันไดสวรรค์ที่ร้อยขั้นแรก พอผ่านระดับปราณก่อกำเนิดได้แล้วก็ต้องไปที่ระดับเกินร้อย บางทีแม้แต่เต่าก็ยังคลานเร็วกว่า
“ทุกคน, อย่าใช้เครื่องมือเสริมพลังและไม่ต้องเรียกอสูรออกมาช่วย ให้ขึ้นไปตามปกติที่สุด!”ทักษะหกรับรู้ทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตระหนักได้ว่านี่คือวิธีฝึกฝนที่ดีที่สุด
“ถ้าเจ้าใช้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อยคาดว่าจะให้ผลที่ดีขึ้น!” เสวี่ยอู๋เสียเปิดหนังสือแห่งสัจจะหนึ่งในสิบวิธีฝึกฝนที่พบนั้นทำได้จริง
ฝึกแบกน้ำหนักทุกคนจะต้องฝึกในช่วงเวลาหนึ่งเกือบทุกวัน
ลี่เยี่ยนและจุ้ยมาวอี้พวกนางจะคุ้นเคยกับการใช้น้ำหนักมาก
นางเซียนหงส์ฟ้าและเจ้าเมืองโล่วฮัวจะใช้น้ำหนักน้อยกว่า
เมื่อได้ฟังเสวี่ยอู๋เสียแนะนำให้เพิ่มการแบกน้ำหนักทุกคนยืนรอคอยอยู่นานและเปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องมือของตน อุปกรณ์แบกน้ำหนักเหล่านี้เย่ว์หยางสร้างและดัดแปลงทั้งหมดในยามที่เบื่อและมีน้ำหนักแตกต่างไปตามแต่ละบุคคล อี้หนาน เย่ว์ปิงและเย่ว์หวี่จะเป็นอุปกรณ์ค่อนข้างเบา ส่วนน้ำหนักอุปกรณ์ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจุ้ยมาวอี้และลี่เยี่ยนน้ำหนักจะอยู่ที่เกราะหนัก
อาหมันยืนยันขอมีส่วนร่วมในการฝึกขึ้นบันไดสวรรค์และช่วยเย่ว์หยางดูแลความปลอดภัยของเย่ว์ปิงไม่ให้ได้รับอันตราย
อาหงก็ออกมาร่วมในการฝึกฝนครั้งนี้ด้วยแม้แต่ตั่วตั่วก็ยังเลิกนอนเกียจคร้านขอมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้น นางกระโดดโลดแล่นไปข้างหน้าอย่างง่ายดาย หลังจากผ่านไปชั่วขณะนางก็มองไม่เห็นผู้คนมีแต่ภูตเพลิงฟ้าและตั๊กแตนมัจจุราชทั้งสองเป็นอสูรจ้าวเวหา การไม่สามารถบินได้เป็นเรื่องโหดร้ายกับพวกนางเพราะพวกนางไม่ถนัดเดิน
สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงออกมาก่อนเวลาทั้งที่ยังไม่ฟื้นคืนจากสภาพพลังภายในปั่นป่วน
และพยายามขึ้นไปให้ถึงชั้นบนๆที่หนักสุด
ด้วยพลังของนางแม้ว่าท่าทางการเดินจะดูทุลักทุเลไปบ้างเหมือนคนเมาแต่ก็ไม่มีปัญหากับการขึ้นไปถึงหมื่นกว่าขั้น ที่สำคัญนางได้รับตกทอดพลังเทพมังกร
สองสาวองครักษ์ศึกอาเหยาและอาหยูทั้งสองจับมือกันไล่ตามตั่วตั่วมาติดๆ
ดูเหมือนว่าพวกนางจะแข่งขันกับตั่วตั่ว
เป็นอิคคาที่ออกมาพร้อมกับเจี้ยงอิงเนื่องจากครั้งก่อนนางร่วมกับเจี้ยงอิงต่อสู้ สัมพันธ์กับสาวมังกรเจี้ยงอิงกับนางจึงดีที่สุด
“เจ้าอยากจะฝึกกับพวกเขาด้วยหรือ?”เย่ว์หยางพบว่าเสี่ยวเหวินหลีก็ออกมาด้วยเช่นกัน ในการทดสอบผ่านด่านตามปกติเว้นแต่จะมีการต่อสู้ เสี่ยวเหวินหลีจะไม่ออกมาทำไมวันนี้เธอถึงได้ยกเว้น? นอกจากนี้บันไดสวรรค์นี้เป็นการฝึกฝนที่ยากผิดไปจากธรรมดาแต่เสี่ยวเหวินหลียิ้มหวานให้เย่ว์หยางร่างของเธอเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าและกลายเป็นร่างเด็กมนุษย์สวยผุดผ่อง
ขาเรียวยาวเอวบางอ้อนแอ้นและร่างเปลือย
เธอดูเหมือนมนุษย์ธรรมดา!
ลักษณะดั้งเดิมที่มีหกแขนหายไปกลายเป็นเด็กที่มีสองมือยกเว้นวงหน้าของเธอที่ไม่เปลี่ยนตอนนี้ถ้าเสี่ยวเหวินหลีสวมใส่ชุดเด็กมนุษย์ จะไม่มีใครจำเธอได้ว่าเคยเป็นปีศาจอสรพิษ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนร้องตกใจทันที“เสี่ยวเหวินหลี! เจ้าแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ด้วยหรือนี่? สมบูรณ์แบบเสียด้วย เป็นพัฒนาการที่ดีมาก”
เย่ว์หวี่รอบคอบระมัดระวังที่สุดนางรีบเอาเสื้อผ้ามาสวมให้เสี่ยวเหวินหลีที่ยังเปลือยกาย
“บางทีอาจเป็นผลมาจากเหตุการณ์ในเมืองเจิ้งฝู..”พอเสวี่ยอู๋เสียพูดทุกคนก็ตระหนักได้ทันทีถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เสี่ยวเหวินหลีคืออสูรเทพ เธอไม่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่เป็นเพราะพลังของเธอยังไม่สมบูรณ์พอจะแปลงร่างเป็นมนุษย์ แต่ถ้าไม่ประสบความสำเร็จในการแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ เธอจะไม่ยอมเปลี่ยนจากร่างเดิมของปีศาจอสรพิษ จนกระทั่งได้รับพลังและความทรงจำตกทอดจากเมืองเจิ้งฝูเธอจึงแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ และแปลงร่างให้เย่ว์หยางดู
“อืน..” เสี่ยวเหวินหลีพยักหน้าและส่ายศีรษะ
ความจริงเธอสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์ แต่สิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็นเธอจึงไม่ยอมแปลงร่างเป็นมนุษย์
ต่อมาเมื่อเธอได้พลังและความทรงจำในเมืองเจิ้งฝูจึงทำให้มีความก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่ง แม้ว่าการแปลงร่างเป็นมนุษย์จะไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังอยู่คงอยู่ในร่างมนุษย์ตอนนี้การแปลงเป็นมนุษย์ก็เหมือนกับมนุษย์จริงดูจากเมื่อเธออยู่กับเย่ว์หยาง!
เย่ว์หยางดีใจแทบคลั่งอุ้มเสี่ยวเหวินหลีโยนขึ้นอากาศพูดอย่างร่าเริง “ลูกพ่อ! ทำได้เยี่ยมจริงๆ ต่อไปเราจะพยายามกันอย่างหนัก รู้ไหม?”เสี่ยวเหวินยิ้มหวานให้เย่ว์หยางและพยักหน้าจริงจัง “อืนน”