ตอนที่แล้วตอนที่ 782 กองกำลังปีศาจโฉบเหยื่อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 784 ตราเขาแกะน้ำแข็งเงิน

ตอนที่ 783 การสู้รบเพิ่งเริ่ม


กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวทิ้งดิ่งตัวลงมาที่กองเรือโจรสลัดและแยกเป็นสามสายเข้าไปที่กองเรือ

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเสียงหวีดหวิวที่เหมือนจะหยุดไปครู่หนึ่ง  เสียงระเบิดแสบแก้วหูชะงัก  ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดในชั่ววินาที เหมือนกับว่าเวลาช้าลง

การลอบจู่โจมกะทันหันทำให้หน้าของเหมยเฉินซิ่วเปลี่ยน  “ลอบโจมตี...”

ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคเสียงระเบิดต่อเนื่องดังกลบเสียงของเขา

ตาของเขาเบิกกว้างรังสีดาบยาวเกิน 100 เมตรส่งเสียงหวีดหวิวนำหน้าจนผมลุกชันกระแทกเข้ากับเรือสลัดข้างหน้าเขาอย่างรุนแรง  ลำเรือที่ทนทานถูกกระแทกกระจายเป็นชิ้นๆเหมือนกับกระดาษ

ปัง!

ลูกไฟขนาดใหญ่เกิดขึ้นมาจากเรือ แรงระเบิดจากจากเปลวเพลิงขาวดูเหมือนรูปสัตว์ประหลาดจากนรก  มันม้วนกลืนเรือทั้งลำอย่างรวดเร็ว

หน้าของเหมยเฉินซิ่วซีดขาวมือของเขาเย็นเฉียบ

ใจของเขาว้าวุ่นความรู้ของเขาเหนือกว่าคนอื่น แต่เขามักจะรับผิดชอบให้คำแนะนำ และหลังจากมาถึงภูมิภาคใต้ เขาจึงได้นำกองกำลังในที่สุด  ในอดีตการสู้รบของเขามักจะมีต่อพวกโจรสลัดด้วยความรู้ของเขา ประจวบกับการลงมือของนักสู้ฝีมือดีของทวีปกวงหมิงในฐานะเป็นแกนหลักของเขา  เมื่อเผชิญหน้ากับโจรสลัดอื่นจึงได้ชัยชนะอย่างง่ายดาย เขาไม่ค่อยได้สู้ในการสู้รบที่ยากลำบาก และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้

สัญชาตญาณกลัวเกิดขึ้นในจิตใจของเขาเหมือนกับว่าเขาถูกฟาดศีรษะอย่างแรง หน้าของเขาไม่มีอารมณ์อื่นนอกจากความกลัว

ในแง่ปฏิกิริยาต่ออันตราย  เขายังเป็นรองโจรสลัดบริวารของเขา

บางทีเป็นเพราะความสำเร็จระดับต่ำของพวกเขาโจรสลัดผู้มีประสบการณ์ที่รวมตัวกันไม่ได้ทุกคน แต่เมื่อว่าถึงการรักษาเอาชีวิตรอด พวกเขาทุกคนดีกว่าเหมยเฉินซิ่วแม่ทัพนายกองที่มาจากชีวิตที่มีระเบียบวินัย โจรสลัดทั้งหมดสูญเสียการควบคุมมีความคิดอย่างเดียวในใจคือหนี!

โจรสลัดที่ยังคงรั้งอยู่บนเรือของพวกเขาไม่สนใจโจรสลัดที่เพิ่งโดดลงจากเรือ ขณะที่นักสู้ฝีมือดีของทวีปกวงหมิงที่อยู่บนเรือต้องการเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้  แต่เมื่อเผชิญหน้ากับโจรสลัดที่แตกตื่นบ้าคลั่ง  พวกเขาเหมือนไม่สามารถควบคุมน้ำที่ไหลบ่าได้ ความกลัวตายทำให้โจรสลัดที่ขลาดกลัวทุกคนแทบเสียสติ คนที่พยายามห้ามไม่ให้พวกเขาหลบหนีกลายเป็นศัตรูของพวกเขาทันที  พวกเขามีตาแดงก่ำวิ่งวุ่นอย่างบ้าคลั่งโถมใส่นักสู้ของทวีปกวงหมิงที่ต้องการห้ามพวกเขาไว้

พวกเขากระโจนเข้ามาควบคุมเรือเหมือนฝูงผึ้ง

“หันกลับ! เร็วเข้าหันกลับ!”

“เร็วสิโว้ย..กลับเดี๋ยวนี้!”

……

เหมยเฉินซิ่วเรียกความรู้สึกกลับมาได้ในที่สุดไม่มีเวลาพูดและถูกเหวี่ยงด้วยแรงมหาศาล  เขากระเด็นฟาดกับเพดานเรือ  ปัง เขาฟาดกับเพดานจนผมยุ่งเหยิง และพยายามทรงตัวไว้  และหางตาของเขาเหลือบไปเห็นท้ายเรือ  เขาตะลึงทันที

ท้ายเรือหายไป

ท้ายเรือโจรสลัดกำลังห้อยอยู่ด้านหลังทั้งที่พยายามจะหลบหนี

เรือโจรสลัดไปได้แค่30 เมตร เมื่อรังสีดาบยาวเกินกว่า 60 เมตรพุ่งลงมาจากฟ้ายิงตรงเข้าลำเรือเรือโจรสลัดลุกไหม้อยู่ในกลุ่มเพลิงใหญ่ทันที

เหมยเฉินซิ่วสูญเสียกำลังใจได้แต่นั่งราบกับพื้นฝืนใจยิ้ม  โจรสลัดก็ยังเป็นโจรสลัดอยู่วันยังค่ำ  ถ้าเป็นทหารจากทวีปกวงหมิง  อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีวินัยและเขาคงยังสู้ตอบโต้ได้  แต่ตอนนี้เขาไม่มีหวังเลย

‘ข้าฝีมือแย่เกินไป’

เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีทางหนี  เหมยเฉินซิ่วได้แต่สงบใจแทน

กองเรือตกอยู่ในเปลวเพลิงในกลางอากาศเรือโจรสลัดกลายเป็นกลุ่มไฟขนาดใหญ่ ถูกไฟไหม้ลอยอยู่

‘พวกเขาแข็งแกร่งจริงๆ’

มาตรฐานกลยุทธของเหมยเฉินซิ่วเกินกว่าธรรมดา  ทันทีเมื่อเขาสงบใจได้  ใจของเขาก็เริ่มเข้าใจความตั้งใจของศัตรู

‘เป้าหมายของการโจมตีระลอกแรกของศัตรูเล็งไปที่เรือโจรสลัดรอบนอก  ที่สำคัญยิ่งกว่า ระดับของการโจมตีของพวกเขาระเบิดเรือได้อย่างรุนแรงพวกเขาสูญเสียความสามารถโจมตีและบินหนี แต่ขณะเดียวกัน พวกเขายังไม่ร่วงลงกระแทกพื้น’

‘เป้าหมายของพวกเขาคือใช้กลุ่มเพลิงที่ลอยอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้เรือโจรสลัดลำอื่นหลบหนี

เหมยเฉินซิ่วตกใจกับการโจมตีที่ฉลาดของผู้บัญชาการฝ่ายตรงข้าม

‘กวาดล้างให้ราบคาบ  แผนการของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อกวาดล้างดังนั้นจึงทำเช่นนี้’

ต้องกล่าวว่าแม้เขาจะเป็นคู่ต่อสู้  แต่เขาชื่นชมผู้บัญชาการของศัตรู

เขาเดินไปที่รอยแตกที่ท้ายเรือเพื่อชมสนามรบ  ‘เราไม่สามารถทำอะไรได้เลยตั้งแต่เมื่อใด?  ทำไมถึงไม่ชื่นชมปฏิบัติการของศัตรู’  เขาสงสัยจริงๆเกี่ยวกับสือเซิน เขาเพิ่งเข้ามาในทวีปภูผาเหล็ก และมีความเป็นไปได้ประการเดียวก็คืออีกฝ่ายติดตามพวกเขาและลอบเกาะติดพวกเขา  ‘ข้าไม่รู้สึกตัวถึงพวกเขาได้ยังไง ข้าระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาและมิได้ประมาท แต่ข้าไม่รู้สึกถึงศัตรูได้เลย’

‘พวกเขาหลีกเลี่ยงสัมผัสรู้ของข้าได้ยังไง’

‘พวกเขาต้องมีวิธีเฉพาะตัวแน่’

ในอากาศร่างสีดำกลับมารวมตัวกัน พวกเขาทุกคนมองดูเหมือนกับกลุ่มค้างคาว พวกเขาจู่ๆ ก็กระจายตัว และจู่ๆก็มารวมกันเป็นความเคลื่อนไหวแปลกประหลาดมาก ทำให้ศัตรูไม่สามารถเข้าใจพวกเขาได้

เหมยเฉินซิ่วประหลาดใจ  ศัตรูมีกันไม่มาก เต็มที่ 600 คน  ‘คนเพียง500-600 คน สามารถสู้กับเรือรบได้ทั้งลำ และหน่วยนี้ย่อมไม่ใช่หน่วยธรรมดาแน่’

หลังจากสังเกตอยู่ชั่วขณะ  ความประหลาดใจบนใบหน้าของเหมยเฉินซิ่วก็หายไป  ความจริงจังเข้ามาแทนที่

‘พวกเขาเป็นนักสู้ฝีมือดีจริงๆ’

แม้ว่าพวกเขาจะมีสมาชิกน้อย  แต่ว่าทุกคนเป็นนักสู้ฝีมือดี  อย่างน้อยสุดก็เป็นเซียนเงิน ทำให้เหมยเฉินซิ่งตะลึง  เมื่อเขาเพ่งดู  เขาเห็นอาวุธประจำตัวทหาร  ยิ่งทำให้เหมยเฉินซิ่วสูดหายใจหนาวเหน็บบุรุษคนหนึ่งผู้มาจากทวีปกวงหมิง

เกราะดำและดาบไม่ใช่สินค้าธรรมดา  แต่นั่นไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ  เนื่องจากทองดำของทวีปซางโจวเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ทองดำที่เล่าลือเหมาะใช้สร้างอาวุธเรือรบมากที่สุด  และวัสดุที่แพงมากสามารถใช้สร้างอาวุธเรือรบสามารถใช้ทองดำสร้างเกราะ  เสียของจริงๆ!’

หอกน้ำเงินบนหลังของพวกเขามองดูคุ้นๆสำหรับเหมยเฉินซิ่ว เมื่อเขาจำได้ทันทีว่านั่นคือต้นน้ำแข็งฟ้าซึ่งปรากฏอยู่ในตลาด

‘เป็นไปได้ยังไง..’

เหมยเฉินซิ่วคันจมูกยิบแต่เมื่อตาของเขาเห็นแสงรัศมีมากมายบนเกราะบนตัวทหาร เขาตะลึงเป็นไก่ตาแตกราวกับต้องมนต์สะกด

‘อาวุธวิญญาณ!’

‘พวกนั้นใช้อาวุธวิญญาณ!’

ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เหมยเฉินซิ่วจะจำอาวุธวิญญาณได้ ไม่มีใครอื่นมีอาวุธวิญญาณมากไปกว่าทวีปกวงหมิงแล้ว เนื่องจากพวกเขาค้นคว้าวิจัยจนเป็นระดับสุดยอดในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  และระบบวิทยายุทธของทวีปกวงหมิงสามารถปล่อยพลังอาวุธวิญญาณได้

แม้ว่าทวีปกวงหมิงมีผู้มีความรู้อาวุธวิญญาณอย่างกว้างขวาง  พวกเขาก็ยังไม่ฟุ่มเฟือยถึงกับแจกให้ทหารได้มีใช้คนละชิ้น

เมื่อเห็นเรือโจรสลัดถูกตัดขาดราวกับผัก  มือของเหมยเฉินซิ่วเริ่มสั่น

นักรบผู้ทรงพลังทั้งหมดติดอาวุธที่ร้ายกาจ  ทุกคนเป็นเหมือนเครื่องจักรฆ่าคน

โจรสลัดขาวถูกจัดตั้งโดยทวีปกวงหมิงและแข็งแกร่งมากกว่ากองทัพธรรมดา นอกจากนี้ กลุ่มโจรสลัดขาวนี้ได้รับการคัดเลือกจากเหมยเฉินซิ่วเป็นพิเศษ  แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีกลยุทธรบที่สูงแต่พวกเขาก็มีกำลังมากพอชดเชยได้

แต่เมื่อสู้กับศัตรูติดตั้งอาวุธที่ร้ายกาจโจรสลัดขาวจึงมองดูเหมือนขอทาน

แต่ด้วยความเหลื่อมล้ำระหว่างทั้งสองฝ่าย  อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีความตั้งใจจะสู้ตามลำพัง

พวกเขามักจะรวมกลุ่มเป็นสามถึงห้าแล้วรวมกันหรือไม่ก็แยกกันทันทีเหมือนกับแควน้ำนับไม่ถ้วนที่มีทั้งแยกกันและเชื่อมกัน  แต่ทุกครั้งที่พวกเขาโจมตีพวกเขาจะรวมตัวกันเร็วเพื่อโจมตี แม้ว่าศัตรูจะมีคนเดียวก็ตาม

กลยุทธที่โบราณและเหมือนเครื่องกลที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพสูง  แต่ก็ทำให้เหมยเฉินซิ่วรู้สึกกลัว  ต้องมีความเข้าใจในคำสั่งสูงมากและต้องมีระเบียบวินัยที่สูงมากจึงจะสามารถใช้พลังที่ต้องการได้

มันคือการแยกและรวมแบบจักรกลและฆ่าซึ่งทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยไฟคนแล้วคนเล่า กลุ่มเปลวเพลิงทำให้ทั่วบริเวณเป็นสีแดง เมฆที่หนาแน่นแตกกระจายไปหมดเนื่องจากความร้อนสูง

แสงอาทิตย์สาดส่องลอดช่องมาจากรอยแยกของเมฆแสงสาดส่องไปทั่วสมรภูมิ

เหมยเฉินซิ่วยังสงสัยว่าการต่อสู้ทั้งหมดตกอยู่ในมือของแม่ทัพศัตรู

‘แม่ทัพของศัตรู...’

เหมยเฉินซิ่วมองหาดูรอบๆและพบได้อย่างรวดเร็ว

แม่ทัพของอีกฝ่ายหนึ่งมีรูปร่างสีดำเด่นชัด ชุดเกราะทองแพรวพราวของสือเซินทำให้เขามองดูเหมือนเทพเจ้าสงคราม

เกราะที่ดูคล้ายกับทำด้วยทองเปล่งรัศมีทองแพรวพราว  เขาไม่สามารถมองเห็นรูปร่างของเกราะได้ชัด  รัศมีที่เฉียบขาดน่ากลัวจากคนมีการเคลื่อนไหวส่องกระจายเหมือนกับเข็มทอง

‘นั่นก็เป็นสมบัติวิญญาณเหมือนกัน  แต่...’

เหมยเฉินซิ่วตกใจสิ้นเชิง

เขาไม่เคยเห็นอาวุธวิญญาณที่ทรงพลังอย่างนั้นมาก่อน  ประกายทองทำให้มันมองดูเหมือนกับของเหลวทอง ผิวบนเกราะมองดูเหมือนของเหลวไหลไปที่ส้นเท้า  หมวกเกราะทองมองดูเหมือนหัวอินทรี เกราะทองของมันสว่างมากจนทำให้หน้าของเขาหายไปเหลือแต่ดวงตาคู่ที่เย็นชาเท่านั้น  บนหลังของเกราะมีปีกสีทองเหมือนกับว่ามันสร้างจากชิ้นทองบางๆ มองดูเด่นสง่างามมาก

นี่คือหนึ่งในหกเกราะจากป้อมไพรกระบี่ เกราะระดับเงินนามว่าปีกประกายจากกลุ่มดาวอินทรี

หลังจากผ่านการบำรุงรักษาในป้อมไพรกระบี่แล้วมันดูดซับพลังงานในปริมาณมหาศาล จนกลายเป็นเกราะระดับทอง  ดังนั้นจึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็นปีกทอง

เกราะค่อนข้างมีความโดดเด่นเฉพาะอย่างในบรรดาสมบัติดวงดาว  เมื่อเทียบกับสมบัติดวงดาวระดับเดียวกัน  เกราะจะแข็งแกร่งมากกว่าส่วนที่เหลือ  แม้แต่ในสวรรค์วิถี เกราะทองก็มีน้อยและมีแต่เพียงในตำหนักระนาบสุริยุปราคาเท่านั้นที่มีครอบครอง ขณะที่กลุ่มดาวอื่นสร้างออกมาเป็นเกราะเงินทั้งหมด

ด้วยดาบทะเลหิมะเย็นในมือสือเซินผู้สวมเกราะปีกทองดูไร้เทียมทานในสนามรบ

ปีกทองและดาบทะเลหิมะเย็นปลดปล่อยคลื่นพลังปั่นป่วนที่สามารถทลายภูผากวาดท้องทะเล  รอยแยกพลังงานนับไม่ถ้วนปรากฏในท้องฟ้าทะเลเมฆหนาแน่นระเหยออกไปอย่างรวดเร็ว

ทุกๆดาบที่ทะเลหิมะเย็นปลดปล่อยออกมามีขนาดยาว 150 เมตรและทิ้งเป็นแนวสีขาวที่กวาดผ่านมันมีพลังงานอัดแน่นอยู่รอบรังสีดาบ

แสงทองของเกราะปีกทองดูลึกลับรังสีดาบทั้งหมดเร็วเท่าแสง และที่ใดก็ตามที่แสงทองวูบผ่านมันจะยิงเข้าเรือลำหนึ่ง

‘เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง...’

‘มีอาวุธวิญญาณที่ทรงพลังแบบนั้นในโลกได้ยังไง’

นักสู้ฝีมือดีของทวีปกวงหมิงบาดเจ็บล้มตายเนื่องจากการโจมตีตอบโต้ พวกเขาประหลาดใจกับการลงมือของกองกำลังปีศาจ  โจรสลัดทั้งหมดแตกกระจายกันหมด  ทุกคนหนีแตกตื่นไปในทิศต่างๆ

สือเซินไม่สนใจโจรสลัดที่หนีไปเหล่านั้น  มีประกายให้เห็นเป็นระยะๆ เขาปล่อยพวกโจรให้เป็นหน้าที่ของกองกำลังภูผาเหล็ก

เขาเพียงแต่ต้องการทำลายเรือโจรสลัดและโจรสลัดประปรายจะพ่ายแพ้ไม่มีที่ให้หนีไป

สือเซินใช้ปีกทองในตอนแรกถึงกับตกใจพลานุภาพที่มันสร้างขึ้นมาแต่แล้วก็ตื่นเต้นดีใจมากขึ้น เขาต้องการออกไปสู้แนวหน้ายิ่งนักและให้พวกทหารทวีปกวงหมิงได้เจอกับพลังของเขา

เขาสูดหายใจลึกและข่มความต้องการต่อสู้ของตนลง

สังเกตว่ามีคนกำลังประเมินเขา เขาก้มหน้ามองลงมาและตระหนักได้ว่ามีเด็กหนุ่มหน้าซีดกำลังมองดูเขา

‘เป็นเหมยเฉินซิ่ว?  นึกไม่ถึงเลยว่าเขายังอายุเยาว์’

‘เป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์อีกคนหนึ่ง’

สือเซินรู้สึกเสียใจอยู่บ้างแต่เขาไม่ลังเลใจ เขาสะบัดดาบทะเลหิมะเย็นรังสีดาบตัดฝ่าอากาศผ่านร่างเหมยเฉินซิ่วและเข้าไปในเรือ

กลุ่มเปลวเพลิงไหม้ครอบคลุมไปทั้งลำเรือ

สือเซินไม่หันกลับไปมองบินขึ้นไปด้วยปีกทอง  ในท่ามกลางเสียงหวีดหวิว  ร่างสีดำหลายร่างบินออกมาจากสนามรบเหมือนสายฟ้าสีดำและเข้ามาอยู่ด้านหลังของเขา

กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวรวมตัวกันในพริบตาอยู่เหนือเปลวไฟ  พวกเขาหายลับไปในขอบฟ้า

สงครามเพิ่งเริ่ม!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด