ตอนที่ 783 การสู้รบเพิ่งเริ่ม
กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวทิ้งดิ่งตัวลงมาที่กองเรือโจรสลัดและแยกเป็นสามสายเข้าไปที่กองเรือ
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเสียงหวีดหวิวที่เหมือนจะหยุดไปครู่หนึ่ง เสียงระเบิดแสบแก้วหูชะงัก ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดในชั่ววินาที เหมือนกับว่าเวลาช้าลง
การลอบจู่โจมกะทันหันทำให้หน้าของเหมยเฉินซิ่วเปลี่ยน “ลอบโจมตี...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคเสียงระเบิดต่อเนื่องดังกลบเสียงของเขา
ตาของเขาเบิกกว้างรังสีดาบยาวเกิน 100 เมตรส่งเสียงหวีดหวิวนำหน้าจนผมลุกชันกระแทกเข้ากับเรือสลัดข้างหน้าเขาอย่างรุนแรง ลำเรือที่ทนทานถูกกระแทกกระจายเป็นชิ้นๆเหมือนกับกระดาษ
ปัง!
ลูกไฟขนาดใหญ่เกิดขึ้นมาจากเรือ แรงระเบิดจากจากเปลวเพลิงขาวดูเหมือนรูปสัตว์ประหลาดจากนรก มันม้วนกลืนเรือทั้งลำอย่างรวดเร็ว
หน้าของเหมยเฉินซิ่วซีดขาวมือของเขาเย็นเฉียบ
ใจของเขาว้าวุ่นความรู้ของเขาเหนือกว่าคนอื่น แต่เขามักจะรับผิดชอบให้คำแนะนำ และหลังจากมาถึงภูมิภาคใต้ เขาจึงได้นำกองกำลังในที่สุด ในอดีตการสู้รบของเขามักจะมีต่อพวกโจรสลัดด้วยความรู้ของเขา ประจวบกับการลงมือของนักสู้ฝีมือดีของทวีปกวงหมิงในฐานะเป็นแกนหลักของเขา เมื่อเผชิญหน้ากับโจรสลัดอื่นจึงได้ชัยชนะอย่างง่ายดาย เขาไม่ค่อยได้สู้ในการสู้รบที่ยากลำบาก และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้
สัญชาตญาณกลัวเกิดขึ้นในจิตใจของเขาเหมือนกับว่าเขาถูกฟาดศีรษะอย่างแรง หน้าของเขาไม่มีอารมณ์อื่นนอกจากความกลัว
ในแง่ปฏิกิริยาต่ออันตราย เขายังเป็นรองโจรสลัดบริวารของเขา
บางทีเป็นเพราะความสำเร็จระดับต่ำของพวกเขาโจรสลัดผู้มีประสบการณ์ที่รวมตัวกันไม่ได้ทุกคน แต่เมื่อว่าถึงการรักษาเอาชีวิตรอด พวกเขาทุกคนดีกว่าเหมยเฉินซิ่วแม่ทัพนายกองที่มาจากชีวิตที่มีระเบียบวินัย โจรสลัดทั้งหมดสูญเสียการควบคุมมีความคิดอย่างเดียวในใจคือหนี!
โจรสลัดที่ยังคงรั้งอยู่บนเรือของพวกเขาไม่สนใจโจรสลัดที่เพิ่งโดดลงจากเรือ ขณะที่นักสู้ฝีมือดีของทวีปกวงหมิงที่อยู่บนเรือต้องการเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับโจรสลัดที่แตกตื่นบ้าคลั่ง พวกเขาเหมือนไม่สามารถควบคุมน้ำที่ไหลบ่าได้ ความกลัวตายทำให้โจรสลัดที่ขลาดกลัวทุกคนแทบเสียสติ คนที่พยายามห้ามไม่ให้พวกเขาหลบหนีกลายเป็นศัตรูของพวกเขาทันที พวกเขามีตาแดงก่ำวิ่งวุ่นอย่างบ้าคลั่งโถมใส่นักสู้ของทวีปกวงหมิงที่ต้องการห้ามพวกเขาไว้
พวกเขากระโจนเข้ามาควบคุมเรือเหมือนฝูงผึ้ง
“หันกลับ! เร็วเข้าหันกลับ!”
“เร็วสิโว้ย..กลับเดี๋ยวนี้!”
……
เหมยเฉินซิ่วเรียกความรู้สึกกลับมาได้ในที่สุดไม่มีเวลาพูดและถูกเหวี่ยงด้วยแรงมหาศาล เขากระเด็นฟาดกับเพดานเรือ ปัง เขาฟาดกับเพดานจนผมยุ่งเหยิง และพยายามทรงตัวไว้ และหางตาของเขาเหลือบไปเห็นท้ายเรือ เขาตะลึงทันที
ท้ายเรือหายไป
ท้ายเรือโจรสลัดกำลังห้อยอยู่ด้านหลังทั้งที่พยายามจะหลบหนี
เรือโจรสลัดไปได้แค่30 เมตร เมื่อรังสีดาบยาวเกินกว่า 60 เมตรพุ่งลงมาจากฟ้ายิงตรงเข้าลำเรือเรือโจรสลัดลุกไหม้อยู่ในกลุ่มเพลิงใหญ่ทันที
เหมยเฉินซิ่วสูญเสียกำลังใจได้แต่นั่งราบกับพื้นฝืนใจยิ้ม โจรสลัดก็ยังเป็นโจรสลัดอยู่วันยังค่ำ ถ้าเป็นทหารจากทวีปกวงหมิง อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีวินัยและเขาคงยังสู้ตอบโต้ได้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีหวังเลย
‘ข้าฝีมือแย่เกินไป’
เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีทางหนี เหมยเฉินซิ่วได้แต่สงบใจแทน
กองเรือตกอยู่ในเปลวเพลิงในกลางอากาศเรือโจรสลัดกลายเป็นกลุ่มไฟขนาดใหญ่ ถูกไฟไหม้ลอยอยู่
‘พวกเขาแข็งแกร่งจริงๆ’
มาตรฐานกลยุทธของเหมยเฉินซิ่วเกินกว่าธรรมดา ทันทีเมื่อเขาสงบใจได้ ใจของเขาก็เริ่มเข้าใจความตั้งใจของศัตรู
‘เป้าหมายของการโจมตีระลอกแรกของศัตรูเล็งไปที่เรือโจรสลัดรอบนอก ที่สำคัญยิ่งกว่า ระดับของการโจมตีของพวกเขาระเบิดเรือได้อย่างรุนแรงพวกเขาสูญเสียความสามารถโจมตีและบินหนี แต่ขณะเดียวกัน พวกเขายังไม่ร่วงลงกระแทกพื้น’
‘เป้าหมายของพวกเขาคือใช้กลุ่มเพลิงที่ลอยอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้เรือโจรสลัดลำอื่นหลบหนี
เหมยเฉินซิ่วตกใจกับการโจมตีที่ฉลาดของผู้บัญชาการฝ่ายตรงข้าม
‘กวาดล้างให้ราบคาบ แผนการของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อกวาดล้างดังนั้นจึงทำเช่นนี้’
ต้องกล่าวว่าแม้เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ แต่เขาชื่นชมผู้บัญชาการของศัตรู
เขาเดินไปที่รอยแตกที่ท้ายเรือเพื่อชมสนามรบ ‘เราไม่สามารถทำอะไรได้เลยตั้งแต่เมื่อใด? ทำไมถึงไม่ชื่นชมปฏิบัติการของศัตรู’ เขาสงสัยจริงๆเกี่ยวกับสือเซิน เขาเพิ่งเข้ามาในทวีปภูผาเหล็ก และมีความเป็นไปได้ประการเดียวก็คืออีกฝ่ายติดตามพวกเขาและลอบเกาะติดพวกเขา ‘ข้าไม่รู้สึกตัวถึงพวกเขาได้ยังไง ข้าระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาและมิได้ประมาท แต่ข้าไม่รู้สึกถึงศัตรูได้เลย’
‘พวกเขาหลีกเลี่ยงสัมผัสรู้ของข้าได้ยังไง’
‘พวกเขาต้องมีวิธีเฉพาะตัวแน่’
ในอากาศร่างสีดำกลับมารวมตัวกัน พวกเขาทุกคนมองดูเหมือนกับกลุ่มค้างคาว พวกเขาจู่ๆ ก็กระจายตัว และจู่ๆก็มารวมกันเป็นความเคลื่อนไหวแปลกประหลาดมาก ทำให้ศัตรูไม่สามารถเข้าใจพวกเขาได้
เหมยเฉินซิ่วประหลาดใจ ศัตรูมีกันไม่มาก เต็มที่ 600 คน ‘คนเพียง500-600 คน สามารถสู้กับเรือรบได้ทั้งลำ และหน่วยนี้ย่อมไม่ใช่หน่วยธรรมดาแน่’
หลังจากสังเกตอยู่ชั่วขณะ ความประหลาดใจบนใบหน้าของเหมยเฉินซิ่วก็หายไป ความจริงจังเข้ามาแทนที่
‘พวกเขาเป็นนักสู้ฝีมือดีจริงๆ’
แม้ว่าพวกเขาจะมีสมาชิกน้อย แต่ว่าทุกคนเป็นนักสู้ฝีมือดี อย่างน้อยสุดก็เป็นเซียนเงิน ทำให้เหมยเฉินซิ่งตะลึง เมื่อเขาเพ่งดู เขาเห็นอาวุธประจำตัวทหาร ยิ่งทำให้เหมยเฉินซิ่วสูดหายใจหนาวเหน็บบุรุษคนหนึ่งผู้มาจากทวีปกวงหมิง
เกราะดำและดาบไม่ใช่สินค้าธรรมดา แต่นั่นไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เนื่องจากทองดำของทวีปซางโจวเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ทองดำที่เล่าลือเหมาะใช้สร้างอาวุธเรือรบมากที่สุด และวัสดุที่แพงมากสามารถใช้สร้างอาวุธเรือรบสามารถใช้ทองดำสร้างเกราะ เสียของจริงๆ!’
หอกน้ำเงินบนหลังของพวกเขามองดูคุ้นๆสำหรับเหมยเฉินซิ่ว เมื่อเขาจำได้ทันทีว่านั่นคือต้นน้ำแข็งฟ้าซึ่งปรากฏอยู่ในตลาด
‘เป็นไปได้ยังไง..’
เหมยเฉินซิ่วคันจมูกยิบแต่เมื่อตาของเขาเห็นแสงรัศมีมากมายบนเกราะบนตัวทหาร เขาตะลึงเป็นไก่ตาแตกราวกับต้องมนต์สะกด
‘อาวุธวิญญาณ!’
‘พวกนั้นใช้อาวุธวิญญาณ!’
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เหมยเฉินซิ่วจะจำอาวุธวิญญาณได้ ไม่มีใครอื่นมีอาวุธวิญญาณมากไปกว่าทวีปกวงหมิงแล้ว เนื่องจากพวกเขาค้นคว้าวิจัยจนเป็นระดับสุดยอดในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ และระบบวิทยายุทธของทวีปกวงหมิงสามารถปล่อยพลังอาวุธวิญญาณได้
แม้ว่าทวีปกวงหมิงมีผู้มีความรู้อาวุธวิญญาณอย่างกว้างขวาง พวกเขาก็ยังไม่ฟุ่มเฟือยถึงกับแจกให้ทหารได้มีใช้คนละชิ้น
เมื่อเห็นเรือโจรสลัดถูกตัดขาดราวกับผัก มือของเหมยเฉินซิ่วเริ่มสั่น
นักรบผู้ทรงพลังทั้งหมดติดอาวุธที่ร้ายกาจ ทุกคนเป็นเหมือนเครื่องจักรฆ่าคน
โจรสลัดขาวถูกจัดตั้งโดยทวีปกวงหมิงและแข็งแกร่งมากกว่ากองทัพธรรมดา นอกจากนี้ กลุ่มโจรสลัดขาวนี้ได้รับการคัดเลือกจากเหมยเฉินซิ่วเป็นพิเศษ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีกลยุทธรบที่สูงแต่พวกเขาก็มีกำลังมากพอชดเชยได้
แต่เมื่อสู้กับศัตรูติดตั้งอาวุธที่ร้ายกาจโจรสลัดขาวจึงมองดูเหมือนขอทาน
แต่ด้วยความเหลื่อมล้ำระหว่างทั้งสองฝ่าย อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีความตั้งใจจะสู้ตามลำพัง
พวกเขามักจะรวมกลุ่มเป็นสามถึงห้าแล้วรวมกันหรือไม่ก็แยกกันทันทีเหมือนกับแควน้ำนับไม่ถ้วนที่มีทั้งแยกกันและเชื่อมกัน แต่ทุกครั้งที่พวกเขาโจมตีพวกเขาจะรวมตัวกันเร็วเพื่อโจมตี แม้ว่าศัตรูจะมีคนเดียวก็ตาม
กลยุทธที่โบราณและเหมือนเครื่องกลที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ทำให้เหมยเฉินซิ่วรู้สึกกลัว ต้องมีความเข้าใจในคำสั่งสูงมากและต้องมีระเบียบวินัยที่สูงมากจึงจะสามารถใช้พลังที่ต้องการได้
มันคือการแยกและรวมแบบจักรกลและฆ่าซึ่งทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยไฟคนแล้วคนเล่า กลุ่มเปลวเพลิงทำให้ทั่วบริเวณเป็นสีแดง เมฆที่หนาแน่นแตกกระจายไปหมดเนื่องจากความร้อนสูง
แสงอาทิตย์สาดส่องลอดช่องมาจากรอยแยกของเมฆแสงสาดส่องไปทั่วสมรภูมิ
เหมยเฉินซิ่วยังสงสัยว่าการต่อสู้ทั้งหมดตกอยู่ในมือของแม่ทัพศัตรู
‘แม่ทัพของศัตรู...’
เหมยเฉินซิ่วมองหาดูรอบๆและพบได้อย่างรวดเร็ว
แม่ทัพของอีกฝ่ายหนึ่งมีรูปร่างสีดำเด่นชัด ชุดเกราะทองแพรวพราวของสือเซินทำให้เขามองดูเหมือนเทพเจ้าสงคราม
เกราะที่ดูคล้ายกับทำด้วยทองเปล่งรัศมีทองแพรวพราว เขาไม่สามารถมองเห็นรูปร่างของเกราะได้ชัด รัศมีที่เฉียบขาดน่ากลัวจากคนมีการเคลื่อนไหวส่องกระจายเหมือนกับเข็มทอง
‘นั่นก็เป็นสมบัติวิญญาณเหมือนกัน แต่...’
เหมยเฉินซิ่วตกใจสิ้นเชิง
เขาไม่เคยเห็นอาวุธวิญญาณที่ทรงพลังอย่างนั้นมาก่อน ประกายทองทำให้มันมองดูเหมือนกับของเหลวทอง ผิวบนเกราะมองดูเหมือนของเหลวไหลไปที่ส้นเท้า หมวกเกราะทองมองดูเหมือนหัวอินทรี เกราะทองของมันสว่างมากจนทำให้หน้าของเขาหายไปเหลือแต่ดวงตาคู่ที่เย็นชาเท่านั้น บนหลังของเกราะมีปีกสีทองเหมือนกับว่ามันสร้างจากชิ้นทองบางๆ มองดูเด่นสง่างามมาก
นี่คือหนึ่งในหกเกราะจากป้อมไพรกระบี่ เกราะระดับเงินนามว่าปีกประกายจากกลุ่มดาวอินทรี
หลังจากผ่านการบำรุงรักษาในป้อมไพรกระบี่แล้วมันดูดซับพลังงานในปริมาณมหาศาล จนกลายเป็นเกราะระดับทอง ดังนั้นจึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็นปีกทอง
เกราะค่อนข้างมีความโดดเด่นเฉพาะอย่างในบรรดาสมบัติดวงดาว เมื่อเทียบกับสมบัติดวงดาวระดับเดียวกัน เกราะจะแข็งแกร่งมากกว่าส่วนที่เหลือ แม้แต่ในสวรรค์วิถี เกราะทองก็มีน้อยและมีแต่เพียงในตำหนักระนาบสุริยุปราคาเท่านั้นที่มีครอบครอง ขณะที่กลุ่มดาวอื่นสร้างออกมาเป็นเกราะเงินทั้งหมด
ด้วยดาบทะเลหิมะเย็นในมือสือเซินผู้สวมเกราะปีกทองดูไร้เทียมทานในสนามรบ
ปีกทองและดาบทะเลหิมะเย็นปลดปล่อยคลื่นพลังปั่นป่วนที่สามารถทลายภูผากวาดท้องทะเล รอยแยกพลังงานนับไม่ถ้วนปรากฏในท้องฟ้าทะเลเมฆหนาแน่นระเหยออกไปอย่างรวดเร็ว
ทุกๆดาบที่ทะเลหิมะเย็นปลดปล่อยออกมามีขนาดยาว 150 เมตรและทิ้งเป็นแนวสีขาวที่กวาดผ่านมันมีพลังงานอัดแน่นอยู่รอบรังสีดาบ
แสงทองของเกราะปีกทองดูลึกลับรังสีดาบทั้งหมดเร็วเท่าแสง และที่ใดก็ตามที่แสงทองวูบผ่านมันจะยิงเข้าเรือลำหนึ่ง
‘เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง...’
‘มีอาวุธวิญญาณที่ทรงพลังแบบนั้นในโลกได้ยังไง’
นักสู้ฝีมือดีของทวีปกวงหมิงบาดเจ็บล้มตายเนื่องจากการโจมตีตอบโต้ พวกเขาประหลาดใจกับการลงมือของกองกำลังปีศาจ โจรสลัดทั้งหมดแตกกระจายกันหมด ทุกคนหนีแตกตื่นไปในทิศต่างๆ
สือเซินไม่สนใจโจรสลัดที่หนีไปเหล่านั้น มีประกายให้เห็นเป็นระยะๆ เขาปล่อยพวกโจรให้เป็นหน้าที่ของกองกำลังภูผาเหล็ก
เขาเพียงแต่ต้องการทำลายเรือโจรสลัดและโจรสลัดประปรายจะพ่ายแพ้ไม่มีที่ให้หนีไป
สือเซินใช้ปีกทองในตอนแรกถึงกับตกใจพลานุภาพที่มันสร้างขึ้นมาแต่แล้วก็ตื่นเต้นดีใจมากขึ้น เขาต้องการออกไปสู้แนวหน้ายิ่งนักและให้พวกทหารทวีปกวงหมิงได้เจอกับพลังของเขา
เขาสูดหายใจลึกและข่มความต้องการต่อสู้ของตนลง
สังเกตว่ามีคนกำลังประเมินเขา เขาก้มหน้ามองลงมาและตระหนักได้ว่ามีเด็กหนุ่มหน้าซีดกำลังมองดูเขา
‘เป็นเหมยเฉินซิ่ว? นึกไม่ถึงเลยว่าเขายังอายุเยาว์’
‘เป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์อีกคนหนึ่ง’
สือเซินรู้สึกเสียใจอยู่บ้างแต่เขาไม่ลังเลใจ เขาสะบัดดาบทะเลหิมะเย็นรังสีดาบตัดฝ่าอากาศผ่านร่างเหมยเฉินซิ่วและเข้าไปในเรือ
กลุ่มเปลวเพลิงไหม้ครอบคลุมไปทั้งลำเรือ
สือเซินไม่หันกลับไปมองบินขึ้นไปด้วยปีกทอง ในท่ามกลางเสียงหวีดหวิว ร่างสีดำหลายร่างบินออกมาจากสนามรบเหมือนสายฟ้าสีดำและเข้ามาอยู่ด้านหลังของเขา
กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวรวมตัวกันในพริบตาอยู่เหนือเปลวไฟ พวกเขาหายลับไปในขอบฟ้า
สงครามเพิ่งเริ่ม!