ตอนที่ 782 แม่เสือสาวผู้น่ารัก
เย่ว์หยางผ่านด่านที่สองหุบเขาสายลมได้ และปล่อยขนจิ้งจอกขาวไว้เพื่อเป็นจุดเทเลพอร์ตและใช้เข็มทิศสามภพเทเลพอร์ตจากไปทันที
เขากลับมาที่ค่ายพักแรมและเตือนอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ เล็กน้อย
เจ้าอ้วนไห่และพวกหลังจากได้รับรู้แผนการร้ายของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ก็รีบตามหาราชาหลิงหวิน พวกเขาปรึกษาหารือวิธีการรับมือนักรบแดนทมิฬเมื่อราชาหลิงหวินได้ทราบข่าวก็ตกใจ รีบตามหาผู้นำเขตร้างที่แปดมาพูดคุยปรึกษาเย่ว์หยางไม่ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้ แต่เจ้าอ้วนไห่และพวกพ้องอื่นควรจะระมัดระวังและหลบหนีไปยังเมืองเจิ้งฝูซึ่งเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดในแดนสวรรค์
ในที่สุดเขาทิ้งภาระให้ฮุยไท่หลางรับมือเรื่องนี้
เรื่องของแดนสวรรค์ตะวันตกนั้นวุ่นวาย เย่ว์หยางไม่มีความตั้งใจจะไกล่เกลี่ย
ในทางกลับกันเขาหวังว่ายิ่งวุ่นวายก็ยิ่งดีเพราะหอทงเทียนต้องการใช้โอกาสนี้ในการปรากฏตัวออกมาอีกครั้งเย่ว์หยางกลับไปที่ประตูเป็นตาย หอทงเทียนและพบว่าจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนกำลังฝึกจึงรายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในแดนสวรรค์ตะวันตก
“บางทีก็ดีเหมือนกัน ความวุ่นวายนี้เกิดจากสงครามข้าเกรงว่าสงครามนี้จะยังไม่สงบในช่วงเวลาสั้นๆ ถ้าเราสามารถทำความเข้าใจได้หอทงเทียนจะมีโอกาสกลับไปปรากฏที่แดนสวรรค์ สิ่งที่ยังขาดตอนนี้ก็คือพลัง เราจะต้องฝึกฝนกันให้หนัก เสี่ยวหยาง! เจ้าเองก็ต้องขยันให้มากขึ้น!” จักรพรรดินีราตรีมักจะอ่อนโยนเสมอ นางสนับสนุนการเดินทางไปแดนสวรรค์ของเย่ว์หยาง แต่ก็เตือนเย่ว์หยางให้ฝึกฝนตลอดเวลา ที่สำคัญพลังอำนาจคือกุญแจทุกอย่าง
“ให้เจ้าหยุดพักผ่อนได้หนึ่งวัน พรุ่งนี้รวมตัวกันที่นี่และเดินทางไปที่แท่นบูชา บันไดสวรรค์พร้อมกัน”จื้อจุนกำหนดวันหยุดพักให้เย่ว์หยาง
“พี่สาม!ทำไมเราไม่กลับไปเยี่ยมท่านแม่เล่า?” เย่ว์ปิงรู้สึกว่าหยุดพักวันหนึ่งควรจะได้กลับไปที่วังเทียนหลัว
“ก็ได้ แต่ว่าเราเพิ่งจะกลับออกมาไม่นานต้องวิ่งเต้นอยู่ตลอด แม่สี่จะว่าได้ว่าพวกเราไม่ขยันนะ”เย่ว์หยางเหงื่อตกเล็กน้อย ถ้าเขากลับไปเยี่ยมแม่สี่ที่วังเทียนหลัว ทวีปมังกรทะยาน ความจริงก็ไม่เลวแต่เป็นไปได้ว่าอาจจะถูกวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องการแสดงออกถึงความรักของเขากับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เมื่อกลับไปถึงวังเทียนหลัว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำลังเรียนรู้จากแม่สี่เขาไม่อาจทำเสียงอึกทึกได้ แม้ยามพักผ่อนในตอนกลางคืนเขาก็ต้องอยู่คนเดียว
“แม่สี่คิดว่าเจ้าไม่ควรพูดเรื่องไร้สาระ” เสวี่ยอู๋เสียเป็นคนฉลาดปกตินางจะรู้ทันความกรุ้มกริ่มของเย่ว์หยาง นางจับมือเขาอย่างอ่อนโยนเป็นการเตือนให้เขาทำตัวเรียบร้อยเป็นสมาชิกครอบครัวที่ดี
“ข้าผิดไปแล้ว” เย่ว์หยางยอมความผิดพลาด แต่เหมือนไม่ได้ตั้งใจเพราะเขาจับมือเสวี่ยอู๋เสียแน่นไม่ยอมปล่อย
“...” เสวี่ยอู๋เสียทำตาดุเขา แต่ก็อนุโลมตามเขาโดยปริยาย
“เสี่ยวเหวินหลีดูเหมือนจะแตกต่างจากเดิมเล็กน้อย”ทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคมกล้านางพบว่าเสี่ยวเหวินหลีโตขึ้นเล็กน้อย
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเราไปที่เมืองเจิ้งฝูซึ่งเป็นเมืองแรกที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีสร้างขึ้นในแดนสวรรค์ ข้าได้พบกับคนเก่าแก่บางส่วนและได้เห็นรูปปั้นที่นั่น” เย่ว์หยางเล่าย่อๆถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองเจิ้งฝูทบทวนอีกครั้ง หลังจากเล่าให้ฟังแล้วสาวๆ มองหน้ากันบ่งบอกว่าเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น
“แปลก! ทำไมเจ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย?” คำถามของนางเซียนหงส์ฟ้าเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจที่สุด
“เจ้าพูดเหมือนกับว่าการบรรลุระดับใหม่ง่ายเหมือนกินหัวผักกาด!”เย่ว์หยางเองต้องการบรรลุผ่านระดับปัจจุบันเข้าสู่ขอบเขตปราณราชันย์เหมือนกันบางทีเขาอาจจะเปิดคัมภีร์เทพฤทธิ์ได้
“เรื่องดินแดนฝึกฝนในแดนสวรรค์ จะเข้าไปในนั้นได้จะต้องเป็นนักสู้ระดับปราณฟ้าหรือเปล่า?” เจ้าเมืองโล่วฮัวถามปัญหา
“ไม่ แต่คาดว่าจะมีความยากลำบากในด่านต่อๆ ไป” เย่ว์หยางส่ายศีรษะ
ต่อให้เป็นนักสู้ปราณฟ้าก็ต้องผ่านสามด่านแรกให้ได้ก่อน แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
เขาเองยังไม่สามารถคิดหาทางผ่านได้
ต้องเป็นนักสู้ปราณราชันย์ที่แท้จริงก่อนและการร่วมมือกันโดยมีวัตถุประสงค์เดียวกัน อาศัยพลังของการทำงานร่วมกันการรวมพลังความคิดกันจะทำให้ไปได้ไกล!
การฝึกในแดนสวรรค์มีสิบด่านสิบระดับดูอย่างผิวเผินอาจไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก ลองคิดดูจักรพรรดิอวี้และนางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็ยังผ่านไม่ครบทุกด่านและดูเหมือนว่าจักรพรรดิอวี้ผ่านไปได้แค่แปดด่าน ควรจะรู้ว่าแต่ละระดับยากเย็นเพียงไหน แม้แต่จักรพรรดิอวี้และนางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็ยังไม่กล้าท้าทายระดับสูงสุดโดยไม่จำเป็นนั่นแสดงว่าพื้นที่ฝึกฝนนั้นยากลำบากเพียงไหน
เย่ว์หยางไม่พูดมากแต่พวกนางหลงรักคำพูดของเจ้าเมืองโล่วฮัว
ต้องการก้าวหน้าก็ต้องแข็งแกร่ง!
“ประสบการณ์ในดินแดนบันไดสวรรค์จะช่วยให้เราก้าวหน้าข้าหวังว่าเราจะก้าวหน้าขึ้นไปเป็นนักสู้ปราณราชันย์ได้เร็ว เราจะไปกันเมื่อไหร่ เข้าไปกันเถอะ” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถ้าเป็นเรื่องของการฝึกฝน แม้ว่าตอนนี้นางจะก้าวหน้าไปได้ไวแต่นางยังไม่พอใจ ทั้งยังหวังจะเลื่อนระดับขึ้นเป็นนักสู้ปราณราชันย์ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
แน่นอนว่าความตั้งใจนี้ไม่ใช่มีแต่เฉพาะนางเท่านั้นก็หาไม่
เสวี่ยอู๋เสียเจ้าเมืองโล่วฮัวและอี้หนานก็มีความคิดเดียวกันทั้งหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นนางเซียนหงส์ฟ้าเข้าสู่ขอบเขตปราณราชันย์ได้เร็วกว่าก็ยิ่งทิ้งห่างทุกคนมากขึ้นและพวกนางกังวลเรื่องที่ยังตามหลังอยู่มากกว่าเข้าถึงระดับปราณราชันย์
เพราะสถานการณ์เป็นอย่างนี้จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีตัดสินใจก่อนเวลานำทุกคนไปยังประตูทางเข้าประตูเทเลพอร์ตที่เย่ว์ชิวปกป้องนั่นคือโลกของบันไดสวรรค์!
ที่นั่นคือบันไดสวรรค์สวรรค์แท้จริง!
การกลับมาพบกันครั้งนี้เหมือนกับคู่แต่งงานใหม่ได้พบกันอีกครั้ง
จื้อจุนต้องการให้กำลังใจเย่ว์หยางจึงอนุญาตให้เขาพักวันหนึ่งและได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากับทุกคน
ความจริงไม่ใช่แค่เย่ว์หยางเท่านั้นที่คิดถึงพวกนาง แม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็ยังคิดถึงตัวร้ายนี่ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ปากจะไม่ได้พูดออกมาแต่เมื่อเห็นเขากลับมาจากแดนสวรรค์ ทุกคนรู้สึกสดชื่นหน้าตาผ่องใส พวกนางไม่ไปไหนแต่กลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ ในบ้านที่อบอุ่นงดงามทุกคนไม่คิดอะไรมากผ่อนคลายใจและกายเต็มที่ พูดคุยหยอกล้อกันอย่างมีความสุข
เมื่อสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์,อู๋เหินและเย่ว์ปิงสามสาวร่วมกันจัดเตรียมอาหาร ทุกคนร่าเริงมีความสุข พวกเขาไม่ได้ไปที่ห้องอาหารในที่พัก แต่ย้ายไปนั่งกันที่พื้นสนาม
เพลิดเพลินกับเวลาว่างที่หาได้ยากมีความสุขกับอาหารชั้นดี
“เจ้าจะไม่ไปนั่งกับเขาหรือ?” ลี่เยี่ยนและจุ้ยมาวอี้ (สาวขี้เมา) นั่งดื่มเหล้าด้วยกันจู่ๆ นางก็พูดประโยคนี้ขึ้น
“แค่กๆ,ข้ากับเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด” หน้าของจุ้ยมาวอี้แดง นางโบกมือปฏิเสธพัลวัลว่าไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรกับเย่ว์หยาง
“งั้นก็ดี, มีเหล้าให้ดื่ม ก็ดื่มกันเถอะ” ลี่เยี่ยนแม้ว่าจะมีอัธยาศัยหยาบกระด้างแต่นางไม่โง่แน่นอน นางไม่ถามอีก แต่นางถือขวดเหล้าและยิ้ม
“....” จุ้ยมาวอี้กำลังดื่มแต่นัยน์นางลอบมองเย่ว์หยาง
ไม่มีใครสนใจการกระทำของจุ้ยมาวอี้มีแต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้มีทักษะแฝงเร้นสัมผัสหกรับรู้สามารถจับความเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้
นางไม่ได้เปิดเผยอะไรและมองดูเสวี่ยอู๋เสียพร้อมกับยิ้มเสวี่ยอู๋เสียเอนตัวพิงหลังเย่ว์หยางและอ่านหนังสือ นัยน์ตาเป็นประกายนางกระพริบตาสามครั้งบอกใบ้ว่ารับรู้แล้ว เจ้าเมืองโล่วฮัวเหมือนกับกำลังเมานอนหนุนตักเย่ว์หยางนางดมกลิ่นดอกไม้ต่างๆ ที่เย่ว์หยางตัดมาจากสวนดอกไม้ของหญิงวัยกลางคนในเมืองเจิงฝูด้วยความพึงพอใจ“หอมจริงๆ กลิ่นเหมือนกับกลิ่นตัวพี่หวี่”
เย่ว์หวี่ฟังแล้วเขินอาย
นางดูว่าเย่ว์หยางได้ยินหรือไม่และนางกระซิบเบาๆ “เจ้าจะพูดกับข้าว่าไง..ดื่ม!” พอนางดื่มเหล้าลงคอเสร็จเจ้าเมืองโล่วฮัวหลับพอดี ดอกไม้ในมือนางร่วงอยู่บนเนินอก เย่ว์หวี่ฝืนยิ้มแล้วหยิบดอกไม้ให้นางและใช้มือแต่งผมที่ยุ่งเหยิงเบาๆ จากนั้นส่งแก้วเหล้าให้เย่ว์หยาง
เย่ว์หยางชนแก้วกับนางเซียนหงส์ฟ้าและชูแก้วมาทางลี่เยี่ยนและจุ้ยมาวอี้เช่นกัน
เมื่อเขาดื่มเย่ว์หวี่จำได้ว่านางเพิ่งจะเริ่มดื่มตอนนี้
นางรู้สึกเขินอายในใจ
มองผิวเผินนางทำเป็นไม่รู้
อี้หนานและเย่ว์หยางทั้งสองนอนหนุนอยู่อีกข้างหนึ่งของเย่ว์หยาง ทั้งสองนางพูดไม่หยุด บางครั้งก็หัวเราะออกมา
อู๋เหินเริ่มค้นคว้ารูปแบบยันต์เวทอักษรรูนสวรรค์ที่เย่ว์หยางนำกลับมาครั้งนี้อยู่ข้างๆตัวเขา นางมีแรงบันดาลใจมากที่สุด สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์และอาหงอยู่ข้างๆนางคอยช่วยบันทึกการเปลี่ยนแปลง หรือบางทีก็ช่วยเตรียมเครื่องมือวาดเขียนใหม่ให้นาง..ห่างออกไปไม่ไกล อาหมันกำลังหัดดื่ม นางกำลังเรียนรู้อย่างหนัก ตั่วตั่วชิมเหล้าเล็กน้อย ขณะสอนทักษะชิมเหล้าให้นางและอดปิดปากยิ้มไม่ได้
เมื่อทุกคนเพลียเย่ว์หยางค่อยๆ อุ้มเจ้าเมืองโล่วฮัวที่กำลังหลับพาไปส่งห้องพัก
หลังจากผ่านเข้าประตูไปได้ไม่นานองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์ปิงไล่ตามหลังมาทันที
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพอเห็นว่าไม่มีใครให้ความสนใจนางรีบจูบเขาอย่างรวดเร็ว
เหมือนแมงปอโฉบผิวน้ำ
เย่ว์หยางคิดว่าเร็วไปต้องอีกครั้ง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่กล้าคัดค้านเขากลัวว่าจะปลุกเย่ว์ปิงตื่น ได้แต่ถลึงตามองเขาอย่างดุดัน ทำให้เขาถอยกรูด นางมองดูรอบๆ อย่างรวดเร็วพอเห็นว่าไม่มีใครสนใจทางด้านนี้ นางรีบโน้มหน้าเข้าไปหาและประทับจูบเขาเมื่อนางเห็นว่าเจ้าผู้นี้เอาเปรียบ นางค้อนเขาอย่างดุดัน เมื่อเย่ว์หยางเข้ามาในห้องนางถึงกับหน้าแดงและจูบปากเขาอย่างดูดดื่ม
“ความจริงยังดีไม่พอ!” นางได้ข้อสรุปอย่างนี้
“ข้าคิดว่าใช้ได้เลยทีเดียว” เสวี่ยอู๋เสียเดินเข้ามาในห้องและแสดงความเห็นตรงข้ามกับความคิดนาง องค์หญิงเชี่ยนถึงกับเวียนหัว “เฮ้ เฮ้ ถ้าเจ้าแอบเข้ามาอย่างนี้ก็อย่าพูดออกมาดังๆ จนคนอื่นรู้สึกอายสิผู้อื่นต้องรวบรวมความกล้าขนาดไหนกว่าจะจูบเขาได้ อู๋เสียไม่ไว้หน้าข้าเลย .. ข้าต้องตำหนิเจ้าคนลามกนั่น นั่นเลย ประตู!”
วันต่อมานางยังหาโอกาสทุบเย่ว์หยางไม่ได้ ในช่วงมื้อเช้าขณะที่ไม่มีใครสนใจเขารีบจับมือนางอย่างรวดเร็ว
นางกัดทันที
เมื่อคืนนี้นางต้องการหาตัวเขาเพื่อคิดบัญชี
แต่ก่อนที่นางจะผลักเปิดประตู นางได้ยินเสียงนางเซียนหงส์ฟ้ากำลังทำศึกรักกับเขาเวลานั้นนางไม่กล้าเข้าไป มิฉะนั้นอาจจะพลาดท่าเสียทีเขาก็ได้
นางเซียนหงส์ฟ้าได้รับความรักสนองตอบใบหน้าของนางเปล่งปลั่ง
นางมีเสน่ห์เย้ายวนใจที่ยอดเยี่ยม
เขาเพลิดเพลินใจกับอาหารเช้าและกระตุ้นทุกคนให้กระตือรือร้น “ต้องเคลื่อนไหวให้คล่องแคล่วและมีชีวิตชีวาได้แล้วอย่าให้จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีต้องรอคอยนาน ข้ามีลางสังหรณ์ว่าวันนี้จะต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน”องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังคงโกรธอยู่ “ถ้าเจ้ากังวลนัก แล้วกลางคืนเจ้าทำอะไร ทำให้คนต้องการพักผ่อนหลับไม่ลง”นางไม่ได้ต้องการให้นางเซียนหงส์ฟ้าโกรธ แค่ต้องการเหยียบเท้าเย่ว์หยางระบายความขุ่นเคืองในใจนาง
“แม่เสือสาว! เจ้าเหยียบเท้าข้าอยู่นะ!”เสวี่ยอู๋เสียทำสีหน้าเหมือนกล่าวหาว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำร้ายคนบริสุทธิ์
“เท้าของเจ้าไปอยู่กับเขาได้ยังไง?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนงง
“ความจริงข้าก็ต้องการจะเหยียบเท้าเขาเหมือนกันแต่ติดอยู่ตรงขาเขา” เสวี่ยอู๋เสียอธิบายอย่างไร้เดียงสา แต่สาวๆ สองสามคนกลับหัวเราะจนน้ำตาไหลมีแต่เย่ว์ปิงที่ไม่เข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น นางพยายามจะก้มดูใต้โต๊ะแต่อี้หนานรีบคว้าตัวนางไว้
ทุกคนดูมีความสุขกันมาก