ตอนที่ 782 กองกำลังปีศาจโฉบเหยื่อ
กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวเป็นชื่อที่ล่มสลายไปนานแล้ว
อดีตที่รุ่งเรืองของพวกเขาตกต่ำมาหลายปี แต่สือเซินยังคงสงบอยู่มาก ด้วยกำลังผู้เยาว์ของทวีปโยวโจวที่เพิ่มมากขึ้นเริ่มเข้าร่วมกับกองกำลังปีศาจและผ่านบททดสอบที่เขี้ยวและโหด นี่ทำให้กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวปรากฏแก่สายตาทุกคนอีกครั้ง
ผู้คนที่มีความรู้อยู่บ้างจะสามารถเห็นได้ว่าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มาถึงจุดวิกฤติแล้ว
การรุกรานของทวีปกวงหมิงถูกกำหนดไว้เพื่อทำลายความมั่นคงระหว่างภูมิภาคใหญ่ทั้งสี่ สงครามไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ทวีปเล็กๆ อีกต่อไป แต่ทวีปใหญ่ๆทั้งหมดล้วนเคลื่อนไหว และความโหดร้ายอำมหิตของสงครามเกินกว่าที่ใครๆ จะคาดได้
ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยความมืดมนและวุ่นวาย
บางทีทวีปกวงหมิงอาจจะรวมโลกไว้ทั้งหมด แต่ความน่าจะเป็นได้ที่ใหญ่กว่านั้นก็คือนับตั้งแต่ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เริ่มลุกฮือ วีรบุรุษทั้งหมดจากทั่วสารทิศจะไม่หยุดจนกว่าจะพังทลาย
ข้อพิสูจน์ก็คือมีพวกโจรเพิ่มขึ้นจากทั่วทุกหนแห่ง
ไม่มีใครรู้สึกปลอดภัย และมหาอำนาจทั้งหมดกำลังทำสิ่งเดียวกัน เตรียมตัวทำสงคราม แม้กระทั่งผู้ที่ไม่มีใจจะพิชิตคนอื่น ด้วยกองทัพในมือของพวกเขาคงช่วยให้พวกเขาได้หลับอย่างสงบบ้าง
ทวีปโยวโจวเป็นแผ่นดินที่จัดการทหารแบบดั้งเดิม และมีแนวโน้มพัฒนาขึ้นตามสถานการณ์ปัจจุบันทหารทวีปโยวโจวได้รับเงินเดือนเกินกว่าปีละสามแสน ราคาปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ราคารับจ้างกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวก็ยิ่งแพงมาก เพราะกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวในตลาดหายไปทั้งหมด
เกิน 90%ของกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวอยู่ในความควบคุมของสือเซิน
ในฐานะคนที่ฉุดดึงชื่อเสียงของกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวออกมาจากปลักตมศักดิ์ศรีของสือเซินเพิ่มสูงขึ้นในกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวไปนานแล้ว
สือเซินเองเข้าใจดีว่าคนที่ผ่านการทดสอบของกองกำลังปีศาจทุกคน คืออัจฉริยะ และมีนิสัยหยิ่งลำพอง ไม่มีใครรู้ถึงความต้องการของกองกำลังปีศาจดีมากไปกว่าเขาเพราะเขาเองก็ต้องการเช่นกัน
เมื่อเขาพูดกับคนรุ่นเยาว์ที่มีความทะเยอทะยานอย่างใจเย็นว่ากองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวจะต้องกลายเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งนักสู้รุ่นหนุ่มทุกคนยังมีความคลางแคลงใจต่อเขา แต่เมื่อพวกเขาแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ในหน่วยของสือเซินทุกคนตาเปลี่ยนเป็นสีแดง
ในแง่ความมั่งคั่งและร่ำรวยทวีปซางโจวไม่สามารถติดอยู่ในห้าสิบอันดับแรกในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์แน่ แต่ในแง่ของกองทัพ มีไม่กี่คนที่สามารถแข่งกับพวกเขาได้ ทวีปโยวโจวเป็นดินแดนแห้งแล้งและหนาวเหน็บพวกเขาเคยเห็นอุปกรณ์ชั้นดีอย่างสมบัติวิญญาณตั้งแต่เมื่อใดกัน? ท่านสือเซินบอกว่าตราบใดที่เข้าร่วมกับพวกเขาแต่ละคนจะได้รับหนึ่งชิ้น สมบัติวิญญาณต่อหนึ่งคน? ทุกคนคิดว่าได้ยินผิด
พวกเขานำปีกโลหะและเกราะดำของพวกเขามาด้วยเรียกว่าเกราะขนนกดำ ซึ่งมีตราสัญลักษณ์ของสมาคมการค้าสวีจี้ บางสิ่งที่เป็นอุปกรณ์ชั้นสูงที่จะมีได้ จากนั้นท่านปิงเพิ่มรายละเอียดขึ้นไปอีก ระบุราคาเกราะไว้ที่80 ล้านคลาวด์
มีการฝังหอกต้นน้ำแข็งฟ้าซึ่งไม่มีขายกันในตลาดนอกทั่วไปกล่าวกันว่าหอกน้ำแข็งฟ้าราคา 100 ล้านต่อ หนึ่งถึงห้ากิ่ง!
ดาบจะราคาถูกกว่า 60 ล้านคลาวด์ต่อเล่มซึ่งอยู่ในชุดเดียวกับชุดขนนกดำคุณภาพสูงสุดของสมาคมการค้าสวีจี้
แต่ละคนจะห้อยกล่องบรอนซ์แปลกประหลาด 8กล่องไว้ที่เอวพวกเขา
พวกเขาติดอาวุธประเภทฟันเลื่อย?
ผู้เยาว์ทุกคนที่คลางแคลงสือเซินว่าไม่มีข้อพิสูจน์ในคราวก่อนเมื่อเห็นอุปกรณ์ที่น่าประทับใจ ล้วนพอใจกันหมดทุกคน
ยังไงทองก็ยังน่าเชื่อถือยิ่งกว่าคำคุยโตตลอดไป
ผู้เยาว์ทุกคนรีบเร่งเข้ามารับยุทโธปกรณ์อย่างมีความสุขและใช้ออกอย่างงุ่มง่าม เมื่อสือเซินพูดอย่างสงบว่าพวกเขาต้องเตรียมตัวเริ่มฝึก ไม่มีใครสนใจมากนัก ในทวีปโยวโจว มีแต่นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดจึงมีคุณสมบัติได้รับการยกย่องว่าเป็นกองกำลังปีศาจ กองกำลังปีศาจรุ่นหนุ่มเหล่านี้ผ่านการทดสอบที่ต้องทนมากที่สุดอันตรายที่สุดจึงจะได้รับชื่อนี้
แต่ในเวลาอันรวดเร็วพวกเขาก็ตระหนักได้ถึงความขมขื่นที่พวกเขาต้องเผชิญ
การฝึกฝนทุกชนิดทำให้พวกเขาบ่นไม่มีหยุด แต่บทฝึกที่โหดที่สุดก็คือการทอดเวลาอยู่ในทะเลพลังงาน
กองกำลังปีศาจรุ่นเยาว์ทุกคนฉลาดและกล้าหาญแต่ใครเล่าที่เคยเดินทางในทะเลพลังงานมาก่อน?
สือเซินพาพวกเขาเดินทางจากทวีปหนึ่งไปอีกทวีปหนึ่งโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัก หนึ่งในความยากลำบากของพวกเขาก็คือพวกเขาพบว่าเป็นแค่ประสบการณ์ที่พวกเขาผ่านมา ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขามีนิสัยหยิ่งลำพอง พวกเขาคงจะยอมแพ้ไปนานแล้ว เด็กหนุ่มรุ่นเยาว์กัดฟันตามสือเซินการป้องกันการกัดกร่อนของทะเลพลังงาน ทำให้ยากมากที่จะเคลื่อนไหว
ทวีปแล้วทวีปเล่าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด พวกเขาไม่เคยเข้าไปในเมือง ถ้าพวกเขาขาดแคลนอะไรบางอย่างพวกเขาจะโจมตีโจรสลัด พวกเขาจะสู้หรือไม่ก็เดิน
จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อสือเซินกล่าวว่าการฝึกจบลงแล้ว พวกเขาตระหนักด้วยความตกใจว่าพวกเขามาถึงชายแดนทวีปกวงหมิง
พวกเขาไม่อยากเชื่อตาตนเอง แต่เมื่อพวกเขารู้สึกตัวพวกเขาก็เข้าใจว่าพวกเขาประสบความสำเร็จได้อย่างไร
ไม่เคยมีใครไปไกลขนาดนั้นด้วยการเดินเท้า
เมื่อพวกเขาหลั่งน้ำตาร้องไห้ด้วยความยินดี สือเซินออกคำสั่งให้กลับทวีปซางโจว ขณะที่พวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหมายว่าจะมีเรือสักลำส่งมารับพวกเขากลับสือเซินกลับทำลายความหวังของพวกเขาอย่างไม่มีเยื่อใย
พวกเขาต้องเดินกลับ
จนถึงตอนนี้ สือเซินยังคงจดจำใบหน้าที่ตกตะลึงของพวกเขาถึงขนาดที่พวกเขากำลังจะร้องไห้จริงๆ
การฝึกฝนที่ยิ่งกว่าการทรมานยังทำให้พวกเขาก้าวหน้าอย่างมากมายการฝนการเหลาพวกเขาอย่างต่อเนื่องค่อยๆ ลบความไร้เดียงสาออกไปจากใบหน้าพวกเขาเปลี่ยนเป็นความกร้านโลกมากประสบการณ์เข้ามาแทน
สือเซินรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่ง นี่คือโฉมใหม่ของกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจว
ทหารส่วนใหญ่ที่เคยอยู่ในกองทัพกลับไปยังทวีปโยวโจวจะทำหน้าที่เป็นครูฝึกทหาร พวกเขาหลายคนได้รับบาดเจ็บภายใน และด้วยวัยของพวกเขาความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาหยุดนิ่งไปแล้ว โดยไม่มีพื้นที่ให้ก้าวหน้า
พวกเขาถูกกำหนดให้ต้องปล่อยวางและช่วยคนรุ่นใหม่ต่อไป
กองกำลังปีศาจรุ่นเยาว์ที่อยู่ต่อหน้าเขายังอยู่ในสภาพเติบใหญ่ได้ และยังมีขอบเขตเติบโตได้อีกมาก เขาแนะนำกลุ่มลูกนกอินทรีน้อยนี้อย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่เดินผิดทาง และเสียเวลาเปล่า
บรรยากาศของทวีปซางโจวดีกว่าตอนแรกเริ่มเป็นพันเท่า เพราะเจ้านายของพวกเขาสามารถพึ่งพาได้และให้ชีวิตพวกเขาไม่ว่าจะเป็นท่านปิง หรือท่านถังโฉ่วพวกเขาเป็นผู้บัญชาการที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา และไม่มีอะไรที่ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง
กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวรุ่นใหม่จะกลายเป็นดาบที่คมที่สุด
‘ความสำเร็จของเราจะทำให้ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ตกใจกันหมด’
นั่นคือความใฝ่ฝันของสือเซิน
‘การต่อสู้ที่แท้จริงและสำคัญ’
สือเซินปลอบใจตนเองให้สงบ สีหน้าเขาสงบเงียบ ภาพที่ผ่านข้างตัวเขาไปนั้นเร็วมาก และเขามองดูราวกับว่ากำลังเล่นสเก็ตไถลไปบนน้ำแข็ง
กองกำลังปีศาจรุ่นเยาว์ข้างหลังเขาเคลื่อนไหวตามเขาอย่างเงียบงัน
พวกเขาเหมือนกลุ่มวิญญาณที่กำลังเคลื่อนไหวในความเงียบ
อาเหล่งคือหนึ่งในคนรุ่นเก่าที่ยังอยู่เพราะสมาชิกยังไม่พอ เขายังถูกมองว่าอายุน้อยและมีพรสวรรค์โดดเด่นและเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดเมื่อเทียบกับสหายของเขา พลังของเขาในปัจจุบันห่างจากนักสู้ระดับทองเพียงก้าวเดียว
ที่จับมือเคียงข้างกับอาเหล่งก็คือหัวชิง เขาเป็นเด็กหนุ่มที่เยาว์วัยและยอดเยี่ยมได้รับการยอมรับจากสือเซินอย่างมาก เขาไม่รานความหวังของสือเซินที่มีต่อเขา และยังคงฝึกฝนผลักดันตัวเองหนักกว่าคนที่เหลือ เขาให้ความสนใจในกระบวนรบมาก
สือเซินรู้สึกว่าหัวชิงมีศักยภาพที่จะกลายเป็นผู้บัญชาการได้
แน่นอน นั่นเป็นการมองไปในอนาคตเนื่องจากกองกำลังปีศาจในปัจจุบันยังคงมีการคัดค้านหากจะปล่อยให้เขาดูแล
สือเซินจับด้ามดาบทะเลหิมะเย็นสภาพใจของเขาสงบมาก ท้องฟ้าเต็มไปด้วยไฟและควันหนาแน่นไม่ก่อให้เกิดการกระเพื่อมในใจของเขาการสูญเสียในกองพลภูผาเหล็กจะส่งผลต่อแนวหน้าอย่างแน่นอน แต่อิทธิพลนี้จะมีเพียงในระยะสั้นและไม่ขยายตัวมาก
ความสูญเสียนี้แลกมาด้วยโอกาสกำจัดเหมยเฉินซิ่วนับว่าคุ้มค่า
‘ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ เราจะปล่อยให้โจรสลัดรอดไปไม่ได้’
สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่กองเรือโจรสลัดในท้องฟ้าที่รายล้อมเรือลำหนึ่งไว้อย่างหนาแน่น เมื่อพวกเขาเคลื่อนไหวเต็มกำลังในตอนแรกกองกำลังของเรือลำหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าไม่กลัวเหมยเฉินซิ่ว เมื่อสถานการณ์มั่นคงและเรือรบรวมตัวกันติดอีกครั้งพวกเขากลับระมัดระวังเขาอย่างเห็นได้ชัด
‘เป็นคนมีอำนาจจริงๆ’
แม้แต่สือเซินก็ยอมรับนับถือเหมยเฉินซิ่ว ถ้าเขาพบเหมยเฉินซิ่วในอดีต เขาคงหันหลังหนีเป็นแน่ แต่ปัจจุบันนี้ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้เขากลัวเท่านั้น แต่ทำให้เขารู้สึกมุ่งมั่นแทน
เขาเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ
กองกำลังปีศาจเริ่มเร่งความเร็วขึ้นโดยไม่ส่งเสียงแต่อย่างใด
พวกโจรสลัดไม่ทันสังเกตว่ากลุ่มภูตพรายวิญญาณร้ายปรากฏอยู่ที่ด้านหลังพวกเขา สายตาพวกเขาจับจ้องอยู่ที่เครื่องไม้เครื่องมือของกองพลภูผาเหล็ก แนวป้องกันบางๆชั้นสุดท้ายแตกและอยู่ในความระส่ำระสายและเกือบจะได้เวลาเก็บเกี่ยวผลงานของพวกเขา ความตื่นเต้นของพวกเขาเพิ่มขึ้นมากจนทำให้พวกเขาตัวสั่น สัญชาตญาณฆ่าและสังหารหมู่ปะทุขึ้นในทุกตารางนิ้วของกล้ามเนื้อและเลือดเนื้อ
สือเซินยังคงเพิ่มความเร็วและมีสีหน้าปราศจากอารมณ์ขณะที่เข้าใกล้กองเรือของศัตรู
พวกเขาไม่ได้แม้แต่จะเปิดม่านพลังป้องกัน
สือเซินหรี่ตาหน้าของเขาคลุมไปด้วยประสบการณ์เหมือนเหล็กกล้าเยือกเย็น ขณะที่เงื้อดาบทะเลหิมะเย็นขึ้น
ที่ระยะสามกิโลเมตรกองกำลังปีศาจยืมควันและค่อยๆ ไต่ระดับ พวกเขาเหมือนกับกลุ่มเมฆดำค่อยเพิ่มระดับความสูงอย่างเงียบงัน
พวกเขาพบกับฝนและผ่านไปตามชั้นเมฆที่หนาแน่นจนมาถึงจุดที่เหนือเมฆ
แสงอาทิตย์ส่งต้องร่างพวกเขาที่ด้านหลัง กองเรือโจรสลัดอยู่ใต้เมฆ ใช้เมฆคลุมบังพรางตัวขณะที่เกิดเสียงระเบิดต่อเนื่อง
เมฆดำกลุ่มนี้ลอยโค้งอยู่ในท้องฟ้าอย่างสวยงามและเริ่มโฉบลงมา ปีกของเกราะขนนกดำเริ่มสั่นสะเทือนและปล่อยเสียงหึ่งๆ
เสียงหึ่งๆ เบาดังพร้อมกันออกมาจากทะเลเมฆอากาศที่พวกเขาบินผ่านเป็นระลอกคลื่นที่สะท้อนดวงอาทิตย์
ทะเลเมฆขยายขนาดใหญ่ขึ้นในสายตาพวกเขา กองกำลังปีศาจรุ่นเยาว์เริ่มหายใจเร็วขึ้นเนื่องจากไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นเท่ากับบินดิ่งลงมา
สือเซินยังคงสงบมากเขารับลมเย็นที่โกรกผ่าน แต่ลักษณะท่าทางเหมือนกับเดินอย่างสบายใจ เขาค่อยๆ ชักดาบทะเลหิมะเย็น เผยให้เห็นตัวดาบใสสะท้อนแสงอาทิตย์มองดูงดงามมาก
ดาบหลุดออกจากฝัก
รัศมีแสงสีต่างๆ เปล่งออกมาจากร่างพวกเขารัศมีแสงไหลไปตามตัวดาบ บางส่วนเชื่อมโยงกันและกัน บางส่วนเหมือนกับเปลวเพลิงไหลโคจรอยู่รอบแต่ละคน ทั้งหมดล้วนแตกต่าง
พวกเขาเปิดใช้การทำงานสมบัติดวงดาวของพวกเขา และทันใดนั้นมีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นกดลงมาจากฟากฟ้า
วูบบบ
เหมือนกับนกทะเลสีดำที่บินเข้าไปในเมฆขาว
ชี่!
ทุกคนเหมือนกับกำลังเผาไหม้มองดูเหมือนกับช่องโหว่ขนาดใหญ่ในทะเลเมฆที่หนาแน่น และกองเรือโจรสลัดก็ปรากฏขึ้นในสายตาพวกเขา
โดยการยืมพลังจากการดำดิ่งโฉบลง พวกเขายังคงเพิ่มความเร็วต่อไป
ซี่....!!
รูปกระบวนของเขามีเปลวไฟแสงรังสีหลากสีสัน พวกเขาเหมือนลูกไฟใหญ่ส่งเสียงหวีดหวิวขณะพุ่งลงมา
ตาของสือเซินเคลือบไปด้วยสีแดง เกราะบนร่างของเขาเปล่งแสงสีทองแพรวพราวและเขาฟันดาบทะเลหิมะเย็นทันที
“ฆ่า!”
กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวทั้งห้าร้อยโห่ร้องพร้อมกัน “ฆ่า!”
ในท่ามกลางเปลวไฟที่ผสมกับสายฝนเสียงโห่ร้องของพวกเขาราวกับฟ้าผ่า กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวตะลุยเข้าไปในกลุ่มเรือที่หนาแน่น