ตอนที่ 781 ศึกทวีปภูผาเหล็ก
สวีหงหลินกังวลอย่างหนัก
สมาคมการค้าสวีจี้เข้าร่วมกับพันธมิตรใต้ และได้รับปันผลกำไรจากสะพานลอยพลังงาน ทำให้อนาคตสว่างไสว ทองดำเป็นทรัพยากรที่สำคัญและเป็นแหล่งยุทธศาสตร์ ทำให้สมาคมการค้าสวีจี้เป็นเหมือนเสือติดปีก แม้ว่าตระกูลไป๋จะสามารถใช้ส่วนหนึ่งของทองดำไปด้วยแต่พวกเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านค้าอาวุธ จุดนี้เห็นได้ชัดจากรายการอาวุธ เกือบ 70% ของอาวุธพันธมิตรใต้ได้มาจากการผลิตของสมาคมการค้าสวีจี้ คนงานของสมาคมการค้าสวีจี้ทำงานล่วงเวลาอย่างเต็มพิกัด
แต่สถานที่ทำงานนี้อ่อนแอมากภายใต้เมฆครึ้มของสงคราม
สวีหงหลินรู้เรื่องกิจการตระกูลดี แม้ว่ากองพลภูผาเหล็กจะมีอาวุธดีก็ตาม แต่พลังของพวกเขาก็ยังนับว่าไม่แข็งแกร่ง สมาคมการค้าสวีจี้ไม่ระดมพลทหารและแม้ว่าจะมีความยุ่งยากลำบาก พวกเขาไม่จำเป็นต้องอาศัยกองพลภูผาเหล็ก สมาคมการค้าสวีจี้มีพันธมิตรจำนวนมาก และกองทัพที่มีชื่อจำนวนมากได้ทำการค้ากับพวกเขา เมื่อพวกเขาต้องการทหาร พวกทหารจะมาเรียงแถวให้เลือกตัว
ตราบใดที่สมาคมการค้าสวีจี้ยินดีจะตบรางวัลให้ อย่างนั้นกองทัพใหญ่ต่างๆยินดีจะให้บริการพวกเขา สำหรับสมาคมการค้าสวีจี้ที่มีความแข็งแกร่งและร่ำรวย เงินไม่เคยเป็นปัญหา ในทางตรงกันข้ามกองพลภูผาเหล็กที่มีศิษย์ของตระกูลสวีอยู่หลายคน ตราบเท่าที่มีผู้บาดเจ็บหลายคน ผู้อาวุโสตระกูล ผู้จัดการนับไม่ถ้วนจะวิ่งหนีปัญหา
แม้แต่ประธานสมาคมการค้าสวีจี้ก็ไม่ต้องการเข้ามาติดต่อกับคนอย่างนั้น
กองพลภูผาเหล็กเริ่มจะเกียจคร้านกันมากขึ้น แม้แต่ตารางการฝึกประจำวันก็ยังลดน้อยลงจนกระทั่งเกิดกรณีมีการขโมยอาวุธยุทโธปกรณ์ไปขาย เรื่องเหล่านี้สวีหงหลินได้แต่ทำเป็นไม่เห็น
กองพลภูผาเหล็กเน่าในจนถึงแก่นเสียแล้ว
หลังจากนั้นอีกสองเดือน เวลาของเขาก็มาถึงที่สุด และเขากำลังคิดจะยุติให้เร็วขึ้น เขาถูกเรียกไปคุยกับประมุขตระกูลและผู้อาวุโสตระกูลหลายครั้งเร็วๆนี้ และสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือเขาสามารถเริ่มกองพลภูผาเหล็กได้ใหม่โดยตรง
สวีหงหลินรู้เหตุผล
การรุกรานของทวีปกวงหมิงทำให้ทั่วทั้งภูมิภาคใต้ตกอยู่ในความวุ่นวาย และทุกคนอยู่ในอันตราย กองทัพทั้งหมดที่ร่วมมือกับพวกเขากำลังมีงานวุ่น พวกเขาจะมาดูแลสมาคมการค้าสวีจี้ได้ยังไง? สถานการณ์ในภูมิภาคใต้เปลี่ยนเป็นเลวร้ายอย่างรวดเร็ว โจรสลัดนับไม่ถ้วนโผล่มาอย่างรวดเร็วเกินกว่าพระเจ้าจะรู้ได้และพวกมันปรากฏอยู่ทั่วทุกแห่งหน ขบวนขนส่งถูกปล้นอย่างต่อเนื่องสร้างความตกตะลึงไปทั่วสมาคมการค้าสวีจี้ จากนั้นพวกเขายิ่งตกใจหนักว่า แม้มีเงินพวกเขาก็ไม่สามารถจ้างกองทัพได้และทำให้พวกเขาตื่นตระหนกทันที เท่าที่เขานึกออกตอนนี้ก็มีเพียงกองกำลังภูผาเหล็กของพวกเขา
สวีหงหลินลอบส่ายศีรษะ ‘ถ้าเรารู้เร็วกว่านี้ ก็คงไม่ต้องทุ่มเทกันสุดกำลังอย่างนี้?”
‘สายเกินไป’
กองพลภูผาเหล็กในปัจจุบันถูกทอดทิ้งมานานไม่มีความสามารถสู้รบได้แล้ว
แต่ประมุขตระกูลยังคงให้กำลังใจพวกเขาต่อไป สวีหงหลินรู้ว่าสถานการณ์เลวร้ายและพยายามคิดหาทางกอบกู้สถานการณ์ คุณชายทั้งหมดในกองพลภูผาเหล็กไม่อาจนับได้ และเขาอาจต้องคัดเลือกกลุ่มคนเพื่อทำหน้าที่ในกองพลภูผาเหล็กและเตรียมพร้อมรบ
เขายังคงฝึกฝนพวกเขาเป็นประจำ แต่ภายในกรอบเวลาสั้นๆ อย่างนั้นมีแต่สวรรค์ที่รู้เพียงว่าจะใช้งานได้มากเพียงไหน แม้ว่าสวีหงหลินจะจริงจังกับงานของเขา แต่เขารู้ดีแก่ใจ งานของเขาทั้งหมดนั้นก็แค่ปลอบใจเขาได้บ้างเท่านั้น
ท้ายที่สุด เขาเองก็ยังเป็นคนตระกูลสวี ดังนั้นสวีหงหลินจึงทุ่มเทกำลังทั้งหมด
เป็นแต่เพียงเขากังวลว่าสมาคมการค้าสวี่จี้จะตกเป็นเป้าหมาย พลังต่อสู้ที่น่าสงสารของพวกเขาและความมั่งคั่งของพวกเขาจะดึงดูดสายตาละโมบนับไม่ถ้วนเข้ามา
สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจก็คือแนวป้องกันของทวีปภูผาเหล็ก ทวีปภูผาเหล็กคือสำนักงานใหญ่ของสมาคมการค้าสวีจี้ และพวกเขาไม่ได้เก็บอะไรไว้สำหรับการสร้างป้อมปราการป้องกันต่างๆ
ทันใดนั้นเสียงปลุกเตือนดังขึ้นทำลายความเงียบสงบของทวีปภูผาเหล็ก
ใบหน้าของสวีหงหลินเปลี่ยนไปมาก เขารู้สึกขมในปากทันทีสิ่งที่เขากังวลที่สุดกำลังจะเกิดขึ้น!
ทหารทุกคนตะลึงและตกใจ และตื่นจากการฝันกลางวันในเวลาต่อมาค่ายทหารมีไฟลุกไหม้ ทหารทั้งหมดวิ่งแตกตื่นอย่างไร้จุดหมายเหมือนแมลงวัน ทั่วทั้งสถานที่ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง
จุดสีดำกลุ่มเล็กกลุ่มหนึ่งในท้องฟ้าห่างไกลใกล้เข้ามาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว
ฝนกำลังตก
สวีหงหลินแหงนหน้ามอง เม็ดฝนตกลงมาจากท้องฟ้ากระทบใส่หน้าของเขาเย็นและรู้สึกสดชื่นขึ้น
ปัง ปัง ปัง!
กลุ่มลูกไฟปรากฏตามมา ห้องทำงานเริ่มระเบิดกระจายเป็นเสี่ยงๆ กลุ่มผู้คนสูญเสียการควบคุมกรีดร้องและวิ่งไปรอบๆมองดูเหมือนกับมดแตกออกจากรังหลังจากที่รังถูกเหยียบเมื่อมองจากมุมสูง
‘ทำลาย เราต้องการทำลายเท่านั้น’
‘ทำลายให้มากเท่าที่เราพอใจ
โจรสลัดในตอนนี้อยู่ในสภาพสบายๆไม่มีอะไรตื่นเต้นเท่าฉากภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา ทั่วทั้งทวีปภูผาเหล็กกำลังกรีดร้องภายใต้ฝ่าเท้าพวกเขา ความมั่งคั่งมากมายรออยู่ต่อหน้าพวกเขา ผู้คนนับไม่ถ้วนกำลังจะตายในเวลาที่พวกเขาต้องการ
พวกเขาฆ่าอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นขณะที่พวกเขาเปิดไฟ ลำแสงหนาและลูกไฟยิงลงไปที่พื้น
ปัง!
แสงสีฟ้ายิงออกมาจากยิงออกมาจากหนึ่งในยอดแหลมและกระทบกราบขวาของเรือรบเหมยเฉินซิ่วทำให้เรือเอียง
แม้ว่าลำแสงที่หนาแน่นกว่ายิงออกมาจากพื้น
ป้อมปราการยาวปรากฏอยู่ในสายตาของเหมยเฉินซิ่ว
เหมยเฉินซิ่วตัดสินจากระดับของการยิงจากข้างล่างป้อมปราการยังขาดกำลังคน และการฝึกฝนของพวกเขามีข้อจำกัด
เหมยเฉินซิ่วยังมีสีหน้าสงบ “เรือทุกลำฟังให้ดี พวกเจ้าจึงเคลื่อนให้เต็มความเร็วและเตรียมตัวยิงพร้อมกัน”
โจรสลัดที่สุญเสียการควบคุมถูกมือดีของชาวทวีปกวงหมิงตบเตือนสองสามครั้งก่อนจะตื่นตัวตั้งหลักได้ เรือรบทุกลำหยุดโจมตี และถอยกลับไปตั้งขบวนและแล่นตามเรือรบของเหมยเฉินซิ่วเข้าไป
เหมยเฉินซิ่วส่ายศีรษะ ‘ในที่สุด พวกมันก็เป็นแค่โจรสลัด’
ถ้าเป็นกองเรือของทวีปกวงหมิง พวกเขาจะหยุดโจมตีพร้อมกันเมื่อเขาออกคำสั่ง
โจรสลัดเดินหน้าเต็มความเร็วทำให้หัวหน้าหน่วยป้องกันตื่นเต้น ขณะที่เขาตะโกนสุดเสียง “โจมตี! โจมตีเต็มกำลัง!”
ปัง ปัง ปัง!
ลำแสงสว่างวาบครั้งแล้วครั้งเล่าและถูกเรือโจรสลัดลำหนึ่งเรือโจรสลัดระเบิดเปลวไฟลุกไหม้ ควันดำโขมง แต่เรือสสลัดลำอื่นไม่โจมตี
เมื่อกองเรืออยู่ห่าง 300 เมตร ผู้บัญชาการภายในป้องมีท่าทีสิ้นหวัง
ภายในเรือรบเหมยเฉินซิ่วออกคำสั่งเสียงดังลั่น “ยิง!”
เสียงของโจรสลัดคำรามลั่นพร้อมกันลำแสงจากเรือยิงไปที่ป้อมทันที
ปัง!
กลุ่มแสงขนาดใหญ่กลืนไปทั้งป้อมปราการ
ผลของการโจมตีที่รุนแรงทำให้แรงระเบิดกวาดออกไปทั่วทุกทิศตำแหน่ง และในระยะ 600เมตรรอบป้อมอาคารทั้งหมดทลายราบกับพื้น
ทุกคนในทวีปภูผาเหล็กตกตะลึงกับภาพนั้นเมื่อพวกเขาได้สติกลับมา ขวัญกำลังใจจะต่อสู้ในใจพวกเขาพังทลาย ทหารภายในป้อมอื่นๆเริ่มแยกย้ายกระจัดกระจายแตกตื่นหนีไปทุกทิศทาง
ที่ยืนอยู่ข้างเหมยเฉินซิ่วเป็นบุรุษที่ธรรมดามาก เขาเป็นสายลับของทวีปกวงหมิงที่แทรกซึมเข้ามาในทวีปภูผาเหล็ก เหมยเฉินซิ่วสามารถผ่านป้อมปากอ่าวมาได้อย่างราบรื่นก็เพราะเขา เขาไม่มีชื่อและให้เรียกเขาง่ายๆ ว่าเถี่ยเซี่ย(สนิม)
เถี่ยเซี่ยส่งเสียงชื่นชมออกมาดังๆ “การตัดสินใจของแม่ทัพเหมยเป็นแรงบันดาลใจที่น่ากลัวจริงๆ”
ไม่ใช่ทุกคนที่กล้านำกองเรือเข้ามาใกล้ป้อมปราการเพื่อโจมตีระยะใกล้ ทวีปภูผาเหล็กมีป้อมอยู่หลายป้อมและถ้าพวกเขาจะทำลายป้อมทีละป้อมนอกจากความจริงที่ว่าต้องใช้เวลาและความพยายามมาก แต่จะสามารถทำลายขวัญและกำลังใจต่อสู้ของพลเมืองไปด้วย
พวกเขาเป็นแค่กลุ่มโจรสลัด และถ้าพวกเขาไม่สามารถจัดการศัตรูในช่วงเวลาสั้นๆได้ พวกเขาจะตกอยู่ในตำแหน่งอันตรายมากขึ้น เมื่อทวีปภูผาเหล็กรวมตัวและตีโต้พวกเขาได้ ก็จะทำให้พวกเขาติดอยู่ภายในและไม่สามารถหลบหนีออกไปได้
ลูกไฟของเหมยเฉินซิ่วไม่เพียงแต่ทำลายฐานที่มั่นเท่านั้น แต่ยังทำลายความปรารถนาสู้ของศัตรูด้วย
เหมยเฉินซิ่วไม่สนใจคำชมของเถี่ยเซี่ย(สนิม) สายตาของเขามองดูกลุ่มคนที่กำลังมาถึง
พวกเขาคล่องแคล่วมากและหลบหลีกการโจมตีจากเรือรบได้
“กองพลภูผาเหล็ก?” เหมยเฉินซิ่วประหลาดใจ
“บอกตามตรงนี่เป็นกำลังเสริมของกองพลภูผาเหล็ก” เถี่ยเซี่ย (สนิม) มองดูพวกเขาและหัวเราะ “กองพลภูผาเหล็กที่แท้จริง วิ่งหนีฉี่ราดไปนานแล้ว สวีหงหลินรู้ว่าพวกคุณหนูคุณชายไม่น่าเชื่อถือเขาคัดเลือกคนกลุ่มใหม่เข้ามาด้วยแผนการแทนที่ทหารเดิม แต่ดูจากลักษณะพวกเขาสิ ข้าคิดว่าครึ่งหนึ่งของพวกเขาคงเผ่นหนีไปแล้ว”
‘ดังนั้นต้องเป็นเช่นนั้นแน่’
เหมยเฉินซิ่วเข้าใจได้ แต่เขาไม่ลังเล ขณะพูดเสียงเย็นชา “เตรียมนำเรือรบลงจอดและสู้”
เมื่อเห็นกลุ่มคนที่กำลังเข้ามา ดวงตาของเหมยเฉินซิ่วทอประกายเยือกเย็น ‘กลุ่มคนที่ประเมินตนเองไว้สูงก็คือแนวต้านสุดท้ายในทวีปภูผาเหล็ก’
‘ทันทีที่เราย่ำพวกมันให้ราบคาบ ก็ไม่มีอะไรหยุดเราได้’
หลายร่างกระโดดลงมาจากเรือรบ โจรสลัดเปล่งเสียงโห่ร้องขณะที่พวกเขาโดดลงมาจากท้องฟ้า
โจรสลัดไม่ถนัดในการใช้ยุทธวิธีเหมือนกับกองทหารระดับสูง เหมยเฉินซิ่วทำได้แต่เพียงเตรียมตัวฝึกพวกที่รู้จักและใช้ประโยชน์จากพวกเขา ช่วยให้พวกเขาแข็งแกร่งมากกว่าโจรสลัดธรรมดา
‘แต่ใช้รับมือสถานการณ์อย่างนี้แค่นี้ก็เหลือเฟือ’
โจรสลัดตั้งกลุ่มขบวนเล็กๆ อย่างรวดเร็วและเหมือนกับมีดคม พวกเขาพุ่งเข้าหาจุดอ่อนของกองพลเลือดเหล็ก ทำให้เกิดฝนเลือดตามมา
เมื่อมองจากเรือรบขณะที่ทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันเหมยเฉินซิ่วมองดูเหมือนกับว่ากำลังชื่นชมฉากภาพงดงาม
‘รสชาติของชัยชนะช่างน่าหลงใหล’
กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจว 500คนยืดตัวยืนขึ้น การสถาปนาของพันธมิตรใต้ส่งผลให้ชื่อของสือเซินโด่งดังในทวีปโยวโจว กองกำลังทวีปโยวโจวที่ตกต่ำกลับมาอยู่ในสายตาของผู้คนอีกครั้งหนึ่ง ทวีปโยวโจวกลับมาเต็มไปด้วยความหวังอีกครั้งคนรุ่นเยาว์ในทวีปโยวโจวมาสอบเข้ากองกำลังปีศาจ และจำนวนของพวกเขาเริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
แต่สือเซินไม่ได้ขยายขนาดของกองกำลังปีศาจ แต่กลับเดินหน้าเคี่ยวกรำพวกเขาแทน
จากกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวหลายกองพล เขาเลือก 500 คนที่มีฝีมือระดับสูงแท้จริง ทุกคนเป็นระดับเซียนเงินและอดทนต่อการทดสอบรุนแรงและแข็งแกร่งทรงพลังมาก นอกจากพวกเขาแล้วคนใดคนหนึ่งก็สามารถไปเป็นขุนพลนายกองในกองทัพอื่นได้แน่นอน
แต่ภายใต้บัญชาการของสือเซินพวกเขาเป็นทหารธรรมดา
สือเซินสังเกตเห็นเหมยเฉินซิ่วจากที่ไกลโดยไม่ให้ศัตรูรู้ตัว เพราะพวกเขาไม่ได้อยู่บนเรือรบ การเดินทางในทะเลพลังงานโดยเท้าเปล่ากลายเป็นวิธีพิเศษในการฝึกฝนของทวีปซางโจว
สือเซินเป็นหนึ่งในพวกที่ยังคงฝึกฝนวิธีนี้ต่อไป
ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อเขานำกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจว500 คนหลบเลี่ยงเมืองใหญ่ทั้งหมด เส้นทางเดินเรือ ทหารรักษาการณ์และไปถึงชายแดนทวีปหมิงกวงมาแล้ว
ฝนกำลังตกหนัก เพลิงลุกโหมท่วมถึงฟ้าและยังคงมีเสียงระเบิดต่อเนื่องทำให้พื้นสั่นสะเทือน
สือเซินไม่พูดอะไรสักคำถือดาบทะเลหิมะเย็นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจว 500ด้านหลังเขาเคลื่อนไหวไปในทางเดียวเหมือนกับเขา ทั้งที่ถือดาบในมือการเคลื่อนไหวของพวกเขาเงียบ
พวกเขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเดียวกัน เป็นแถวเดียวกันทั่วทั้งกระบวนของพวกเขาดูเหมือนถูกตัดออกมาด้วยดาบ แม้แต่ลมหายใจก็ยังพร้อมกัน
บุรุษทั้ง 500คนกลายเป็นวิญญาณเพชฌฆาตร้ายเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างเงียบงัน
ความเร็วของพวกเขาไม่ถือว่าเร็วและในท่ามกลางความมืดมิดเงียบสนิท พวกเขาค่อยๆ ผลักดันแหวกม่านฝน