ตอนที่ 779 ทางเลือกที่ดีที่สุด
เมื่อบุรุษในชุดคลุมนำผู้อาวุโสทั้งหกมาถึงจุดที่เว่ยซู่ตาย
การตัดสินของเขานั้นตรงกันข้ามกับราชันย์เนตรปีศาจและหมอปีศาจกับพวก
“เว่ยซู่ไม่ได้ตายเพราะจุดบาดเจ็บหนักทั้งสามจุดแต่ตายเพราะพลังกฎสวรรค์” บุรุษในชุดคลุมแค่นเสียง “คนที่ฆ่าเขาได้เป็นยอดฝีมือที่สร้างภาพลวงตาได้”
“พลังกฎสวรรค์?” ผู้อาวุโสทั้งหกพากันประหลาดใจนักสู้ที่รู้จักพลังกฎสวรรค์เข้ามาในหุบเขาพิรุณและเป็นศัตรูกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ?
“ไม่ใช่แค่ศัตรูจะรู้และเข้าใจการใช้พลังกฎสวรรค์อย่างเดียวเท่านั้น เขายังใช้วิชาสร้างภาพลวงตายอดฝีมือทางสร้างภาพจิตลวงตานี้ สามารถสร้างภาพลวงตาหลอกล่อเว่ยซู่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพแวดล้อมถูกกฎสวรรค์ลงโทษและโดยไม่ทันรู้ตัวผู้ฆ่าที่แท้จริงก็คือกฎสวรรค์ที่ปกป้องที่นี่ เมื่อเว่ยซู่ถูกกฎสวรรค์ที่ปกป้องหุบเขาพิรุณแห่งนี้ฆ่า ศัตรูผู้นี้ส่งศพเว่ยซู่มาที่นี่อีกครั้ง... นี่ไม่ใช่ฉากแรกที่เกิดเหตุแน่นอนสำหรับร่องรอยบาดแผลทั้งสามนั้นเป็นฝีมือของยอดฝีมือซึ่งเชี่ยวชาญภาพจิตลวงตานั้นจงใจสร้างโดยมีวัตถุประสงค์หลอกลวงให้เราสงสัยว่าเป็นฝีมือของนักสู้ปราณฟ้าระดับจักรพรรดิเพื่อกำจัดข้ออ้างในการดำนินการกับเว่ยซู่ ความจริงนี่ไม่ใช่พฤติกรรมของนักรบปราณฟ้าระดับจักรพรรดิ 90%อาจเป็นฝีมือของราชันย์เนตรปีศาจและยังคงเป็นไปได้ว่าเป็นฝีมือของราชันย์หกจักราผู้ที่ชอบวางตัวเป็นกลางแต่ยังคงซ่อนพลังอำนาจไว้”บุรุษชุดดำโบกมือและออกคำสั่งกับผู้อาวุโสทั้งหก “พวกเจ้าจงร่วมมือกันพบราชันย์เนตรปีศาจก็ให้ฆ่าได้ไม่ต้องปราณี”
“ขอรับ”ผู้อาวุโสทั้งหกรับคำและออกไปทันทีราวกับสายฟ้า
บุรุษในชุดคลุมยังคงยืนนิ่งอยู่ในที่เดิม
มองดูร่างรองเจ้าตำหนักที่ยังคงยืนอยู่
เป็นเวลานานโดยไม่จากไป
สิบนาทีต่อมาบุรุษผู้นั้นถอนหายใจเบาๆ “ยกโทษให้ข้าด้วยเว่ยซู่ความจริงข้าไม่ต้องการฆ่าเจ้าเลย ด้วยความสามารถของเจ้าเจ้าสามารถทำหน้าที่รองเจ้าตำหนักได้อย่างสมบูรณ์ แต่น่าเสียดาย เจ้าก็รู้ความลับมากเกินไปเจ้าคิดว่าบางอย่างจะสามารถช่วยรักษาชีวิตเจ้าได้ แต่ในความเป็นจริงตรงกันข้าม ในเมื่อเจ้ารู้ความลับ คนๆ นั้นก็จะต้องฆ่าเจ้าแน่!”
เขายกมือขวาที่ส่องประกายสีทอง
และตัดศีรษะของเว่ยซู่ได้อย่างง่ายดายราวกับตัดเต้าหู้
ศีรษะของเว่ยซู่ร่วงทันทีและขณะที่ศีรษะกำลังร่วงหล่นในเหวลึก บุรุษในชุดคลุมชี้นิ้วเบาๆ
ทันทีที่แสงสีทองจมหายเข้าไปในศีรษะศีรษะทั้งหมดระเบิดตูม กระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจายมีลูกกลมแสงสีทองเล็กที่ดูเหมือนจะมีเว่ยซู่ร่างเล็กอยู่ข้างใน
บุรุษชุดคลุมถือลูกกลมสีทองไว้ในมือ
และออกแรงบีบเบาๆ
เม็ดกลมสีทองนั้นแตกออก
เว่ยซู่ร่างสีทองที่อยู่ข้างในกลายเป็นไอแสงสีขาวระเหยลอยขึ้นในท้องฟ้าและปล่อยให้บุรุษชุดคลุมสูดเข้ามาในตัว
ร่างไร้ศีรษะของเว่ยซู่ไม่สามารถยืนอยู่ในที่เดิมได้ค่อยๆร่วงหล่นลงในหลุมลึก
บุรุษลึกลับผู้สูดเอาไอควันสีขาวไว้ไม่รอดูศพของเว่ยซู่และจากไป
แม้อยู่ภายใต้ขีดจำกัดของกฎสวรรค์แต่ร่างของเขาลอยออกไปอย่างสง่างาม
ขณะที่มีลมพัดโหยหวน
ตรงห่างออกไปสองสามกิโลเมตร
เมื่อบุรุษลึกลับออกไปไกลแล้วฉากรอบด้านเปลี่ยนไปทันที
เสาและพื้นหลุมลึกแต่เดิมหายไปโดยไม่เหลือร่องรอย และพื้นข้างล่างเกิดแรงคลื่นกระแทกและฟื้นฟูกลับเป็นเส้นทางในหุบเขาพิรุณเหมือนเดิม ที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือคนที่เห็นชัดๆว่าตายไปแล้วปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
เว่ยซู่ผู้มีประสบการณ์ตายไปแล้วสองครั้งตกลงไปในน้ำโคลนและอ้าปากหอบทันที
ในสายตาของเขา
เต็มไปด้วยความกลัวและเกลียด
“ตอนนี้,เจ้าจะยอมร่วมมือกับข้าได้หรือยัง?” เย่ว์หยางปรากฏตัวข้างๆ รองเจ้าตำหนักเว่ยซู่และยิ้มอย่างสง่างามด้วยมุมปากซึ่งทำให้เว่ยซู่สั่นสะท้าน
เว่ยซู่เพิ่งมีประสบการณ์ตายถึงสองครั้งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้
เป็นประจักษ์พยานถึงความตายของตัวเอง นั่นเป็นฝันร้ายที่เขาไม่มีวันลืมเลือน
ในสนามพลังของฝ่ายตรงข้ามเว่ยซู่พบว่าตัวเขาเองเป็นเหมือนกับหุ่นเชิดร่างกายของเขาไม่สามารถใช้งานได้ตามอิสระไม่ว่าจะทำอะไรในสนามพลังของฝ่ายตรงข้ามล้วนแต่ผิดเพี้ยนไปหมด เมื่อเขาถอดใจเลิกดิ้นรนและหลับตารอก็มีบุรุษประหลาดสวมหน้ากากไม่ได้ทำอะไร แต่สร้างภาพลวงตาให้เขาฆ่าร่างปลอมของเขา
ต่อมาหมอปีศาจราชันย์เนตรปีศาจ ราชันย์หกจักราและคนอื่นเข้ามาตรวจดูร่างที่ตายแล้ว
ความจริงเว่ยซู่คอยดูอยู่ด้านข้างเหมือนกัน
ศพนั้นเป็นแค่ภาพลวงตา
นักสู้ปราณฟ้าระดับราชาในพื้นที่สนามพลังแปลกประหลาดผสานเข้ากับหุบเขาพิรุณได้โดยที่ใครไม่รู้ตัวแต่คิดว่าเขาสามารถฆ่านักสู้ปราณฟ้าระดับจักรพรรดิก็ยังได้
จากนั้นก็เป็นเจ้านายของเขาเองไม่มีใครคาดคิดเลยว่าหลังจากเห็นศพตัวเองตายไปแล้วเจ้านายคนนี้ซึ่งปกติจะมีอัธยาศัยที่ดีและสนับสนุนการทำงานของเขากลับทำกับเขาเหมือนคนไม่รู้จัก เขาไม่เพียงแต่ถูกกำจัดแต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือ ในสมองของเขายังคงมีลูกปัดวิญญาณคอยปกป้องวิญญาณแต่กลับโดนฆ่าอีกครั้ง อาจกล่าวได้ว่าอาจกล่าวได้ว่าคนที่ฆ่าเขาที่แท้จริงไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเจ้านายของเขาเอง
ตราบใดที่พวกเขาประสบความสำเร็จถึงในระดับผู้อาวุโส,ผู้ทรงคุณวุฒิหรือเป็นรองเจ้าตำหนักของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทางวิหารจะมอบลูกปัดปกป้องวิญญาณเป็นการรับรองว่ายอดฝีมือที่เป็นกำลังหลักจะไม่ถูกฆ่าตายได้ง่ายๆ
การรู้ความลับเรื่องนี้มีแต่คนฝ่ายเขาเองเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเจ้านายของเขาเองนอกจากจะไม่ช่วยเขาแต่กลับทำลายวิญญาณที่ได้รับการปกป้องของเขาเอง
ลูกปัดปกป้องวิญญาณเมื่อถูกทำลาย วิญญาณจะถูกทำลายหายไปตลอดกาลเป็นไปไม่ได้ที่จะโชคดีรอดชีวิต เว่ยซู่คิดเรื่องนี้แล้วพยายามฝืนไม่ให้ร่างสั่นสะท้านดูเหมือนว่าเขาจะรู้ความลับมากเกินไป สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือถ้าเขาไม่อยู่ในสถานการณ์พบกับความตายเขาก็ยังไม่รู้ สิ่งที่เป็นความอิสระในการตรวจสอบความจริงเป็นเรื่องโกหกความตั้งใจเดิมก็คือส่งให้เขาไปตายและหาข้ออ้างใช้ทหารจริงเข้ารุกราน!
เว่ยซู่รู้สึกเกลียดอยู่ในใจ
พวกเจ้าไร้เมตตาและไม่ยุติธรรมกับข้า.. ในเมื่อเจ้าถึงกับกำจัดและทำลายเครื่องป้องกันวิญญาณของข้า อย่าตำหนิข้าใช้ดาบคืนสนอง
เขาลอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและตัดสินใจอยู่ในใจ
เลือกยอมแพ้บุรุษลึกลับข้างหน้าเขา
และรับเงื่อนไขของฝ่ายตรงข้าม
“ข้าต้องการแก้แค้นคืน นี่คือเงื่อนไข” รองเจ้าตำหนักเว่ยซู่พูดถึงความหวังในใจเขารู้ว่าเขาไม่มีคุณสมบัติพูดเงื่อนไขกับฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ข้างหน้าสามารถควบคุมสนามพลังได้ด้วยฝีมือถือว่ามีฝีมือไม่ธรรมดามากแต่สามารถหลอกราชันย์เนตรปีศาจ หมอปีศาจและราชันย์หกจักราด้วยสนามพลังนี้นั่นถือว่าน่ากลัวมาก ความสามารถเช่นนี้ไม่สามารถจินตนาการได้หลังจากเห็นประจักษ์ความตายตนเองสองครั้งครา เขาไม่มีความต้องการทักท้วงเลย
มองอย่างผิวเผินบุรุษหนุ่มที่สวมหน้ากากประหลาดอายุเยาว์และอ่อนแอมาก
ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นนักสู้ปราณฟ้าด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามบุรุษหนุ่มที่ไม่ใช่นักสู้ปราณฟ้านี้ให้ความรู้สึกสูงส่งจนเขาเองต้องเงยหน้ามอง
นี่คือสุดยอดนักสู้ที่แท้จริง! แค่มองด้วยตาเปล่าจะไม่มีทางเห็นพลังนักสู้ที่แท้จริง!
“ไม่จำเป็นต้องพูด ฟังข้าสักเล็กน้อย เมื่อท่านออกไปจากที่นี่ท่านจะกลายเป็นเจ้าตำหนัก” เย่ว์หยางโยนเหยื่อล่อถ้าต้องการโจมตีฆ่ารองเจ้าตำหนักเว่ยซู่ให้ได้เร็วๆ นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ต้องการควบคุมเขาด้วยสนามพลังสร้างโลกที่ได้มาจากประตูเป็นตายใช้ร่วมกับพลังกฎสวรรค์เล็กๆเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
แผนของเย่ว์หยางไม่ใช่ฆ่าแต่เป็นขัดขวางและตอบโต้
เป็นการทำงานสองแนวทาง
ความจริงการลงมือเสี่ยงครั้งนี้ประสบความสำเร็จทำให้รองเจ้าตำหนักเว่ยซู่ที่ตอนแรกไม่ค่อยเต็มใจกลับแสดงความเกลียดชังศัตรูออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ
กลายเป็นหมากให้คนอื่นโดยที่ช่วยตัวเองไม่ได้นอกจากนี้ความรู้สึกกระทบใจกับความโหดร้ายของเจ้านายเห็นเขาทำลายวิญญาณของตนเป็นประสบการณ์ที่น่าหวาดผวาและเป็นตัวกระตุ้นเขาได้ดีที่สุด
บางทีเว่ยซู่อาจไม่กล้าทรยศและหนีตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์แต่ถ้าเย่ว์หยางให้คำมั่นสัญญากับเขาให้เขาตอบโต้เจ้านายของเขาโดยไม่ทรยศต่อตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เว่ยซู่จะไม่ปฏิเสธแน่นอนเย่ว์หยางโยนเหยื่อระดับเจ้าตำหนักเข้าล่อ เว่ยซู่ไม่ตื่นเต้น นั่นเป็นเรื่องที่ผิดแต่เว่ยซู่อยู่ในอารมณ์ตกใจโกรธและเกลียด ในที่สุดเขาตกลงกับเย่ว์หยาง
“ข้ายินดีรับฟัง, เชิญบอกได้” เว่ยซู่ก้มศีรษะทั้งที่เขาเป็นรองเจ้าตำหนัก
“ไม่จำเป็นต้องแสดงความเคารพข้าก็ได้เจ้าตำหนักเว่ยซู่ ข้าไม่ต้องการความเคารพจากท่าน ในระหว่างท่านกับข้าถือว่าเป็นการร่วมมือกันทำงานที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า” เย่ว์หยางพูดพร้อมกับยิ้ม “สำรวจโบราณสถานหาสมบัติโบราณไม่ใช่เป้าหมายของข้า นอกจากนี้จากที่พบเจอมาทุกแห่ง ท่านคงยังไม่ได้รับเลือดเทพข้าจะพิจารณามอบให้ท่านหนึ่งหยด ของอย่างเลือดเทพและวิญญาณนักรบไม่ใช่ว่าจะแสวงหากันได้ง่าย แต่สำหรับข้าไม่เป็นปัญหา จำคำข้าไว้ให้ดี เจ้าตำหนักเว่ยซู่ โอกาสและความเสี่ยงมีอยู่ร่วมกันเสมอ ผลประโยชน์ตอบแทนย่อมต้องสอดคล้องกับความพยายาม”
เว่ยซู่เมื่อได้ยินเขายกมือปฏิญาณทันที
เมื่อมองดูบุรุษแปลกประหลาดซึ่งเหมือนปีศาจร้ายล่อลวง ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นพูดกับเขาอย่างนี้ ด้วยนิสัยอย่างเขาย่อมไม่เชื่อแน่นอน
อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มที่ไม่ธรรมดาที่อยู่ต่อหน้าเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นศัตรูอย่างน้อยไม่ใช่ศัตรูของเขา แต่คำพูดของเขานั้นชัดเจน
นี่ไม่ใช่อิทธิพลทางวิญญาณ
แต่เป็นความมั่นใจในตนเองชนิดหนึ่งที่แสดงผ่านพลัง
เว่ยซู่มักจะเตือนตนเองว่าเขาไม่ควรเชื่อคนแปลกหน้า แต่เขาพยักหน้ายอมรับฟังคำของฝ่ายตรงข้าม
“ถ้าท่านให้เลือดเทพข้าได้อย่างนั้นท่านจะให้ข้าทำอะไรก็ได้” คำพูดของเว่ยซู่แสดงถึงความจริงใจอย่างที่สุดเพราะเรื่องนี้รวมถึงเรื่องตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ด้วย เขาพูดในใจว่าเสียใจอยู่บ้างถ้าต้องทรยศตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาจะสามารถประสบผลสำเร็จได้หรือ? อย่างไรก็ตามเลือดเทพ ถ้าได้เลือดเทพมาตัวของเขาสามารถเปลี่ยนกายมนุษย์และผลัดกระดูก.. ที่สำคัญที่สุดเรื่องนี้จบลงแล้วเขาจะกลับไปตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้อีกหรือไม่?ถ้าคนผู้หนึ่งหนี อย่างนั้นคนผู้นี้ก็ตายแล้ว ข้าเกรงว่าเจ้าตำหนักใหญ่จะต้องประหารชีวิตต่อหน้าธารกำนัลและกลายเป็นคนตายอย่างแท้จริง
ต่อไปในอนาคตข้าจะทำยังไงดี?
เว่ยซู่ว้าวุ่นใจ
อย่างไรก็ตามเหมือนกับเป็นโชคอย่างหนึ่งช่วยให้เขาได้มีโอกาสร่วมมือกับเด็กหนุ่มข้างหน้าเขา
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ก็คงจะเป็นผลดีที่สุด
แม้ว่าทุกอย่างในตัวเขาจะถูกเด็กหนุ่มนี้ควบคุมแต่ก็อาจพูดได้ว่าเขาอยู่ในสภาพน่าสมเพช แต่ตอนนี้ เขาเชื่อว่า เขาเป็นเพียงคนเดียว
“สั่งมาได้เลย จะให้ข้าทำอะไร!” เว่ยซู่พอคิดตก จิตใจก็มั่นคงนัยน์ตาของเขากระจ่างอีกครั้ง
เมื่อออกจากหุบเขาพิรุณเขาไม่พูดอะไร ที่นี่เขาเลือกจะฟังเย่ว์หยาง
ทำงานร่วมกับนักสู้คนหนึ่ง นั่นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด!