ตอนที่ 59 ค่ำคืนที่โรงเลื่อยไม้เก่า(อ่านฟรี09/02/2566)
ตอนที่ 59 ค่ำคืนที่โรงเลื่อยไม้เก่า
ตอนนี้เป็นเวลาใกล้จะมืดแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันไปทำเรื่องของตัวเอง ขณะนั้นหลินก็เข้ามาพบกับเรน เธอบอกเรื่องที่ต้องการฝ่าระดับและต้องการให้เรนคอยช่วยระวังให้เธอ
เรนพยักหน้าตกลง ก่อนจะหาที่เงียบ ๆ กันสองคน
“ที่นี่น่าจะได้” เรนกล่าวขึ้นมา
ตอนนี้เขาและหลินนั้นมาอยู่ที่รถบัสโรงเรียน
หลินพยักหน้าตกลงก่อนจะขึ้นไปบนรถบัส เรนตามเข้าไป เขานั่งฝั่งตรงข้างกับหลิน หลินค่อย ๆ ประเบาะเอนหลังลง แววตาของเธอมองไปที่เรนด้วยความตื่นเต้น
“คุณจะผ่านไปได้” เรนพูดให้กำลังใจ
“อืม” หลินพยักหน้าตกลง ก่อนจะเปิดแหวนพลังขึ้นมาและทำการฝ่าระดับวงแหวนทันที
เรนมองดูหลินที่หมดสติทิ้งตัวลงเบาะ นี่เป็นครั้งแรกที่เรนเห็นตอนผู้ใช้วงแหวนทำการฝ่าระดับที่ไม่ใช่ตัวเขา หลินนั้นเหมือนกับหมดสติไป
ถึงจะหมดสติ แต่ว่าร่างกายของหลินนั้นยังมีปฏิกิริยาที่แสดงถึงความตื่นตระหนกและหวาดกลัวออกมาทางใบหน้าอย่างชัดเจน
เรนเฝ้ารออยู่อย่างนั้นผ่านไปไม่ถึง 20 นาทีหลินก็ลืมตาขึ้นมาและหอบหายใจอย่างหนัก
“เป็นอย่างไรบ้าง” เรนถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันทำสำเร็จแล้ว” หลินพูดออกมาด้วยความยินดีและตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน
วงแหวนที่สองของหลินนั้นค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหมุนวนไปกับวงแหวนสีเขียววงแรกของหลิน ซึ่งวงแหวนที่สองนี้เป็นวงแหวนสีน้ำเงินที่บรรจุพลังงานได้ 14 หน่วย
“คุณทำได้” เรนประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มด้วยความยินดีให้กับเธอ
“ใช่ฉันทำได้” หลินหลินกล่าวอย่างตื่นเต้น เธอมองไปที่วงแหวนสีน้ำเงินอย่างหลงใหล วงแหวนสีน้ำเงินอยู่สูงกว่าวงแหวนแรกที่เป็นสีเขียวของเธอ นั้นหมายความว่าการทดสอบของหลินนั้นผ่านอย่างสมบูรณ์แบบ
ตอนนี้พลังงานจากสองวงแหวนของหลินรวมกันแล้วมีทั้งหมด 26 หน่วยแล้ว ซึ่งเธอสามารถใช้พลังงานรูนิกซากได้แล้ว
“ตอนนี้ฉันสามารถใช้รูนิกซากได้แล้ว” หลินกล่าวด้วยความยินดี
“ผมมีอะไรจะให้กับคุณ” เรนกล่าวขึ้นมา ก่อนจะหยิบรูนิกงูอนาคอนด้าออกมา มันเป็นรูนิกที่ใช้ซากงูที่พวกเขาสู้ที่อุโมงค์ถนน
“รูนิกชิ้นนี้! แต่ว่า...” หลินลังเลที่จะรับมันมา เพราะรู้ว่ามันหมายถึงอะไร
“ที่จริงผมคุยเรื่องนี้กับไอราแล้ว และมีความเห็นว่าไม่ควรปล่อยให้ของที่ธันวาต้องเสียสละไป ถูกเก็บไว้อย่างสูญเปล่า ไอราเธอไม่สามารถใช้มันได้ ส่วนผมมีรูนิกหมีดำภูเขาอยู่แล้ว และคุณคือคนเดียวที่ทั้งผมและไอเราเห็นด้วยว่าควรมอบมันให้” เรนอธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็น ขณะที่แววตามองไปที่เธอ
“ฉันจะไม่ทำให้ผิดหวัง” หลินยื่นมือไปรับรูนิกงูอนาคอนด้ามาและสวมใส่มันในทันที
ด้านการใช้พลังงานของรูนิกงูอนาคอนด้านั้นเหมือนกับรูนิกหมีดำของเรน เรนไม่รบกวนเธอ เขาปล่อยให้เธอนั้นทำความคุ้นเคยกับรูนิกงูยักษ์อย่างเงียบ ๆ
ส่วนตนเองนั้นก็หามุมเหมาะ ๆ นั่งลงและเริ่มการอัพเกรดรูนิกของเขา
ระดับของเรนคือผู้อยู่รอด 2 วงแหวน ซึ่งหมายความว่าขีดจำกัดในระดับของรูนิกนั้นยกขึ้นมากลายเป็นระดับ 2 ได้แล้ว แต่รูนิกแทบทั้งหมดของเรนนั้นยังอยู่ที่ระดับ 1 อยู่เลย
เรนเริ่มคิดว่ารูนิกชิ้นไหนสำคัญสุดสำหรับเขา แน่นอนว่ามันต้องเป็นรูนิกลางสังหรณ์ และชิ้นต่อมาคือรูนิกหมีดำภูเขา ส่วนรูนิกอาวุธเรนนั้นยังไม่แน่ใจระหว่างรูนิกคันธนูกับรูนิกปืนลูกซองทั้งสองนั้นมีหน้าที่ต่างกันไป
“ฉันคงต้องหาอาวุธที่เข้ากับรูนิกหมีดำภูเขา” เรนพึมพำถึงความคิดเดิมของเขา อาวุธระยะประชิดคือสิ่งที่สำคัญ เพราะมันเหมาะกับรูนิกหมีดำภูเขาที่มีพลังมหาศาล
แต่ในเมื่อยังไม่มีเรนก็คิดว่าจะเน้นไปที่อาวุธทั้งสองที่เขามีอยู่ก่อน
“เริ่มจากรูนิกลางสังหรณ์ก่อน”
ตอนที่เขาสวมใส่รูนิกลางสังหรณ์เตาหลอมพระเจ้าได้ทำการแยกระดับเอาหินอัพเกรดออกมา ทำให้เรนมีหินไว้ใช้สำหรับอัพเกรดรูนิกลางสังหรณ์มากพอจะจนถึงระดับ 12 ได้
แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นเรนได้ใช้เตาหลอมพระเจ้าแยกหินอัพเกรดระดับ 3 ชิ้นหนึ่งไปและแยกจากระดับ 2 เป็นระดับ 1 อีกหนึ่งชิ้น โดยการแยกนั้นทุกระดับจะได้หินมา 4 ชิ้น
หักจากบางส่วนที่ได้มาจากฐานวิจัยลับและใช้อัพเกรดรูนิกไป 3 ครั้ง กับมอบให้หลินไป 2 ชิ้นตอนที่อยู่ที่สถานีตำรวจ
และนี่คือหินอัพเกรดที่เขาเหลืออยู่ทั้งหมด
หินอัพเกรดระดับ 1 จำนวน 3 ชิ้น
หินอัพเกรดระดับ 2 จำนวน 6 ชิ้น
หินอัพเกรดระดับ 3 จำนวน 3 ชิ้น
และตั้งแต่ระดับ 4 ไปจนถึง 12 อย่างละ 4 ชิ้น
เรนทำการอัพเกรดรูนิกลางสังหรณ์ (12) : ระดับ 1 ขั้นสมบูรณ์ ให้กลายเป็นระดับ 2 ซึ่งต้องใช้หินอัพเกรดระดับ 2 ในการอัพเกรด
“รูนิกลางสังหรณ์ + หินอัพเกรด (2) + เหรียญทองระบบ 500 เหรียญ”
“รูนิกลางสังหรณ์ (12) : ระดับ 2 ขั้น ไม่มี”
ใช้เวลาไม่นานรูนิกลางสังหรณ์ก็อัพเกรดเสร็จ ตอนนี้มันกลายเป็นระดับ 2 แล้ว เรนอยากจะรู้ว่าความต่างของมันคืออะไร แม้จะไม่มีอันตราย แต่เรนยังสามารถทดสอบได้ผ่าลางสังหรณ์อื่น ๆ
เขาเอารูนิกคันธนูออกมาและเล็งไปยังด้านนอกหน้าต่างรถ ก่อนจะมองดูใบไม้ที่พัดไปมาอยู่บนต้นไม้ไม่ไกลจากโรงเลื่อยไม้
เรนเล็งและคิดจะยิงจริง ๆ เขาเริ่มขยับตามลางสังหรณ์ และยิงออกไป
รูนิกลูกศรยิงไปถูกใบไม้ใบนั้น
“ระยะเวลาเพิ่มขึ้นมาเป็น 3.5 วินาที”
เรนสรุปรูนิกลางสังหรณ์ของเขา ระยะเวลาที่รูนิกลางสังหรณ์เตือนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเพิ่มมา 0.5 วินาที แม้เหมือนจะน้อย แต่ถ้ามันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็น 4 วินาที 5 วินาที หรือมากกว่านั้น นี่มันเท่ากับการเป็นอนาคตได้นานขึ้นเรื่อย ๆ
“ถ้าเพิ่มมาถึง 10 นาทีเราอาจจะไร้เทียมทานเลยก็ได้” เรนคิดและยิ้มออกมา แต่เขาก็กลับสู้ความเป็นจริง เขาคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าแค่ครึ่งนาทีหรือหนึ่งนาทีก็อาจจะเป็นไปได้
แต่แค่นั้นก็ถือว่าเยี่ยมมากแล้ว
“ชิ้นต่อไป” เรนเริ่มทำการอัพเกรดรูนิกชิ้นอื่นต่อ เขายังเหลือเหรียญทองระบบอีกมาก ทั้งที่ได้มาจากสถานีตำรวจและจากเหตุการณ์ในวันนี้
ชิ้นต่อไปที่อัพเกรดนั้นคือรูนิกหมีดำภูเขา (1) : ระดับ 1 ขั้น กลาง
“รูนิกหมีดำภูเขา + หินอัพเกรด (1) + 300เหรียญทองระบบ”
“รูนิกหมีดำภูเขา (1) : ระดับ 1 ขั้นสูง”
เขายังคงทำการอัพเกรดต่อไป
“รูนิกหมีดำภูเขา + หินอัพเกรด (1) + 400เหรียญทองระบบ”
“รูนิกหมีดำภูเขา (1) : ระดับ 1 ขั้นสมบูรณ์”
ตอนนี้รูนิกหมีดำภูเขาของเรนนั้นพัฒนามาจนถึงระดับ 1 ขั้นสมบูรณ์แล้ว ถ้าต้องการอัพเกรดต่อไปจะต้องใช้หินเติบโต แต่ว่าต่อให้ใช้มัน เรนก็ไม่เหลือเหรียญทองไปอัพให้รูนิกหมีดำภูเขาเป็นระดับ 2 ได้
ดังนั้นเขาจึงหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน
“เหลืออีก 300 เหรียญทองระบบ หินอัพเกรดระดับ 1 อีกหนึ่งชิ้น”
เมื่อเห็นดังนั้นเรนก็อัพรูนิกปืนลูกซองต่อ
“รูนิกปืนลูกซองมอสเบิร์ก มาวาริส 88 (2) : ระดับ 1 ขั้น ต่ำ”
หลังจากอัพปืนลูกซองแล้ว เรนก็ไม่ได้สนใจจะอัพเกรดอะไรต่อ
...
เช้าวันต่อมา
เรนและพวกก็เริ่มตามแผน อย่างแรกคือกลับไปติดต่อกับคนพวกนั้น โดยคนที่ไปครั้งนี้มีเรนและผู้กองเชน ทั้งสองคนขับรถออฟโรดคันสีดำออกไป
พวกเขาขับมาตามทางเดิม แต่หลังมาได้ประมาณครึ่งทางพวกเขาทั้งสองก็พบกับผู้ติดเชื้อที่ขวางทางอยู่ราว ๆ 7-8 กว่าตัว พวกมันเหมือนจะเดินหลงทาง สุดท้ายก็ยืนนิ่งวางอยู่กลางถนนแบบนั้น
เรนเปิดประตู ก่อนจะใช้รูนิกคันธนูยิงสังหารพวกมันไปบางส่วน พอมีตัวเริ่มตายพวกมันก็ตื่นขึ้นมาและวิ่งเข้ามาโจมตีพวกเขา
เรนและผู้กองเชนก็ได้เปิดฉากฆ่าพวกมันจนหมด
ขณะที่เก็บของที่ออกมาจากพวกผู้ติดเชื้ออยู่นั้นเองเรนก็เดินไปเจอกับบางสิ่งที่ข้างทาง เขาจึงเรียกให้ผู้กองเชนมาดูด้วย
“มีอะไร” ผู้กองเชนเดินเข้ามาถาม
“ศพผู้ติดเชื้อ” เรนชี้ไปที่พื้นไม่ไกลมีศพของผู้ติดเชื้ออยู่สองสามร่าง แต่มันถูกกัดกินไปแล้ว ซึ่งรอบ ๆ ยังมีล่องลอยของสัตว์บางอย่างที่พวกเขาก็บอกไม่ได้เหมือนกัน
ทั้งสองระวังตัวมองไปในป่ารอบกายที่เงียบสงบ ได้ยินแต่เพียงเสียงใบไม้กับสายลมที่พัดผ่านเท่านั้น
“ที่นี่ใกล้ป่าน่าจะมีสัตว์กลายพันธุ์อยู่เยอะ” ผู้กองเชนกล่าวขึ้นมา
เรนก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ถึงจะอันตราย แต่ว่าก็ไม่ใช่กับพวกเราเท่านั้น แต่ผู้ติดเชื้อก็มีสิทธิ์โดนสัตว์พวกนี้โจมตีด้วย” เรนพูดความคิดของเขาออกมาและกล่าวต่อว่า “ไปกันต่อเถอะ”
เรนและผู้กองเชนเดินกลับไปขึ้นรถและขับไปกันต่อในที่สุดพวกเขาก็มาถึงถนนเส้นรอง ในระหว่างนั้นก็คอยสังเกตว่ามีผู้ติดเชื้อมาแถวนี้ด้วยหรือไม่ แต่ดูเหมือนพวกผู้ติดเชื้อตัวอื่น ๆ จะไม่ได้อยู่แถวนี้แล้ว
รถยังคงขับต่อไป ก่อนจะไปจนถึงถนนเส้นหลัก ซึ่งตรงไปยังค่ายลี้ภัย
ผู้กองเชนไม่ได้ขับไปและหยุดรถอยู่ที่ตรงนี้ ส่วนเรนนั้นก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา
“หวังว่าระยะห่างตรงนี้จะติดต่อวิทยุฝั่งพวกเขาได้นะ” เรนเปิดวิทยุและติดต่อคนที่อยู่ที่ค่ายลี้ภัยอีกครั้ง