ตอนที่ 21-28 เริ่มปฏิบัติหน้าที่
หนึ่งเดือนต่อมาพิภพชั้นสูง แดนนรก ทวีปบลัดริจ แคว้นอินดิโก เทือกเขาสกายไรท์
“ฮ่าฮ่า...” ทารกหัดเดินวัยสามขวบวิ่งบนพื้นหญ้าอย่างมีความสุข ฮ็อกกับลีน่านั่งอยู่ที่ด้านหนึ่งหยอกล้อเล่นกับทารกนั้น
ลินลี่ย์วอร์ตันและบีบีนั่งอยู่ด้วยกันมองดูภาพข้างหน้า
“พี่ใหญ่...ดูท่านพ่อสิ ตั้งแต่ท่านแม่กลับมาท่านพ่อดูมีความสุขมากขึ้น” วอร์ตันหัวเราะขณะที่เขาพูด “ในอดีตแม้ว่าท่านพ่อจะมีความสุขเป็นบางครั้งเมื่อเห็นเรา แต่เขามักคิดถึงท่านแม่เสมอ และเขาดูเหมือนหดหู่ไม่มีชีวิตชีวา ตอนนี้เขาดีขึ้นแล้ว”
“เขาดีขึ้น” ลินลี่ย์ยิ้มและถอนหายใจอย่างตื้นตัน
ลีน่ามารดาของเขากลับมาได้หนึ่งเดือนแล้ว ระหว่างนี้ความสัมพันธ์ระหว่างบิดาของลินลี่ย์และมารดาถือว่าก้าวหน้า
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าลีน่ายังยากจะยอมรับลินลี่ย์และวอร์ตัน แม้ว่านางจะยิ้มให้บ่อยๆเมื่อพบลินลี่ย์และวอร์ตัน และมีความสนิทกับพวกเขามากขึ้น แต่วิธีที่นางปฏิบัติต่อลินลี่ย์และวอร์ตันเห็นได้ชัดว่าไม่อาจเทียบได้กับที่นางปฏิบัติต่อฮ็อก บางทีเป็นเพราะเมื่อลีน่าตายลินลี่ย์เองก็อายุสี่ปี ขณะที่วอร์ตันยังเป็นทารกแรกเกิด
จิตสำนึกของลีน่าไม่มีความทรงจำของลินลี่ย์และวอร์ตันในวัยผู้ใหญ่
“หลังจากใช้เวลาเล็กน้อย ท่านพ่อจะพาท่านแม่กลับพิภพยูลาน เมื่อถึงเวลานั้นเมื่อนางพบเจอภูเขาอู่ซันและบ้านเก่าเรา บางทีท่านแม่คงจะเริ่มจำได้” วอร์ตันกล่าว
เพราะสถานะที่ไม่ธรรมดาของลินลี่ย์ภายในทวีปยูลานสถานที่ของบรรพบุรุษของพวกเขาจึงได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี
“เมื่อเวลามาถึง ข้าจะกลับไปพร้อมกับท่านพ่อและท่านแม่” ลินลี่ย์หัวเราะใจเย็น “ข้าจะต้องจะเริ่มสร้างพิภพลมศักดิ์สิทธิ์เสียที”
“พี่ใหญ่ ข้าก็อยากไปด้วยเหมือนกัน” บีบีรีบกล่าว “ข้าอยากเห็นท่านสร้างพิภพลมศักดิ์สิทธิ์ด้วยเหมือนกันพี่ใหญ่”
“ข้าเพียงแต่ส่งร่างมหาเทพธาตุลมไปที่นั่นเท่านั้นร่างอื่นของข้าไม่ได้ไปด้วย” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ
ขณะนั้นเองลินลี่ย์เงยหน้าทันทีขณะที่เขาคิดในใจ “เอ๊ะ? โบซันมาหรือ?”
สำนึกเทพของลินลี่ย์พบว่ามหาเทพบลัดริจกำลังรีบรุดมาหาเขา
“รออยู่ตรงนี้ก่อน ข้าต้องกลับไปที่พำนักก่อน” ลินลี่ย์พูดและจากนั้นเพียงพริบตาเขามาถึงที่พำนักสำหรับฝึกฝนของเขา ที่พำนักของลินลี่ย์เป็นที่ซึ่งแม้แต่หญิงรับใช้ก็ไม่อนุญาตให้เข้ามา
ลินลี่ย์นั่งอยู่ข้างม้าหินอยู่ชั่วขณะและร่างในชุดยาวสีแดงบินลงมาจากท้องฟ้า เป็นมหาเทพบลัดริจโบซันนั่นเอง
“โบซัน, เชิญนั่ง” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ
“ลินลี่ย์! นี่เป็นการมาเยือนของข้าเป็นครั้งที่สองในรอบเดือนหรือสองเดือน”มหาเทพบลัดริจหัวเราะ “จริงสิเมื่อครั้งล่าสุดข้าคุยกับเจ้าเรื่องสงครามมหาพิภพครั้งที่สิบไปได้เล็กน้อย ดูเหมือนเจ้าพบเจอปัญหาอะไรบางอย่างในตอนนั้นสินะ คลี่คลายได้หรือยัง?” ระหว่างที่คุยกันครั้งล่าสุด หน้าของลินบี่ย์เปลี่ยนไปทันที และเขาสูญเสียความเยือกเย็น มหาเทพบลัดริจย่อมสังเกตออกเป็นธรรมดา
นี่คือเหตุผลที่เขาหยุดพูดคุยกับลินลี่ย์และกลับออกมาทันที
“ขออภัยเมื่อตอนนั้นข้าพบเจอกับปัญหาบางอย่าง” ลินลี่ย์หัวเราะ จากนั้นเหยียดมือและรินเหล้าให้มหาเทพบลัดริจด้วยตนเอง “อย่างไรก็ตามทุกอย่างได้รับการคลี่คลายแล้ว”
“ดีแล้วที่แก้ไขได้” มหาเทพบลัดริจหัวเราะ “ลินลี่ย์! เมื่อไหร่เจ้าจะเริ่มหาทูตเสียที?”
“โบซัน,ดูเหมือนว่าท่านจะใส่ใจเรื่องนี้มากเหมือนกัน” ลินลี่ย์เอียงแก้วของเขาไปทางมหาเทพบลัดริจผู้ถอนหายใจหัวเราะและยกแก้วของเขาขึ้นดื่ม ทั้งสองคนดื่มจนหมดแก้ว และจากนั้นมหาเทพบลัดริจพูดอย่างจนใจ “ข้าไม่ใช่แค่ใส่ใจเรื่องนี้เท่านั้น นี่เป็นงานที่ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างมอบหมายให้ข้า เขารู้ว่าเราค่อนข้างสนิทกัน”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“นอกจากนี้ มหาเทพต่างๆทั้งหมดก็มีทูตอยู่แล้ว ทูตเหล่านั้นได้รับการคัดเลือกจากมหาเทพผู้ไม่ยินดีจะปล่อยให้พวกเขาไปเสี่ยงตายอย่างระมัดระวัง แม้ว่ามหาเทพจะยินดี แต่ทูตอาจไม่ยินดีก็ได้” มหาเทพบลัดริจอธิบาย
ทูตไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งของมหาเทพทุกอย่าง
ถ้ามหาเทพส่งทูตไปตายเป็นไปได้ไหมว่าทูตจะยอมรับคำสั่งนั้นได้จริงๆ?
“แล้วไง,จะให้ข้าส่งทูตของข้าไปตายอย่างนั้นหรือ?” ลินลี่ย์โต้แย้ง
“ลินลี่ย์” มหาเทพบลัดริจรีบกล่าว “เราไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น เจ้าควรจะรีบหาคนที่มีคุณสมบัติเป็นทูตจากนั้นบอกพวกเขาว่าถ้าพวกเขาต้องการเป็นทูตของเจ้า พวกเขาต้องรับการทดสอบ ทดสอบในสงครามมหาพิภพ เจ้าจะให้สมบัติมหาเทพพวกเขาไปก่อน! ถ้าพวกเขารอดอยู่ได้ พวกเขาจะได้เป็นทูตอย่างแท้จริง ถ้าพวกเขาตาย...อย่างนั้นในอนาคตเจ้าสามารถหาทูตคนอื่นได้”
มหาเทพบลัดริจหัวเราะลั่น “เท่าที่ข้าเห็นมีคนอีกมากที่ยินดีเสี่ยงชีวิตเพื่อไขว่คว้าโอกาสในการเป็นทูตมหาเทพ”
“พวกท่าน..พวกท่านส่งพวกเขาไปตายจริงๆ นะท่านก็รู้” ลินลี่ย์ต้องการจะว่ากล่าว
“พวกเขาไปตามความสมัครใจของตนเอง” มหาเทพบลัดริจหัวเราะร่าเริง “เราไม่ได้บังคับพวกเขาให้ไป”
จริงอยู่พวกเขาไม่ได้ถูกบังคับ
คนพวกนั้นเป็นทูตไปแล้วปกติก็คงไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อประโยชน์จะให้ได้พลังมหาเทพน้อยนิดเป็นแน่
แต่ก็มีแนวโน้มมากขึ้นว่าสำหรับคนที่ยังไม่กลายเป็นทูตมหาเทพคงยินดีจะเอาชีวิตตนเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อให้ได้เป็นทูตและได้รับสมบัติมหาเทพ
พวกเทพที่กล้าเที่ยวไปในพิภพชั้นสูงและโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่จะชอบผจญภัย เมื่อมีความจำเป็น พวกเขายินดีจะเสี่ยงโชคถ้าสำเร็จก็หมายความว่าพวกเขาจะมีสมบัติมหาเทพและกลายเป็นทูตได้รับสถานะที่สูงกว่าเทพอสูร, พวกเขาจะกลายเป็นเทพชั้นสูงที่คงอยู่ ถ้าล้มเหลวเล่า พวกเขาก็ประสบหายนะ
“มหาเทพอื่นมีทูตมหาเทพแล้ว พวกเขาไม่มีอัตราว่างเหลืออยู่ แต่เจ้ามี และเจ้ารับได้หกคน” มหาเทพบลัดริจถอนหายใจ “มียอดฝีมือระดับแม่ทัพน้อยคนมากที่เข้าร่วมสงครามมหาพิภพ! ดังนั้นทูตหกคนจะคล้ายกับคมมีดและเป็นหน่วยหน้ากล้าตายของกองทัพ! ตราบเท่าที่พวกเขาไม่โง่เกินไปขณะบุกตะลุย ทั้งหกคนจะมีประโยชน์อย่างแน่นอน”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการจะถูกใช้มากในสงครามมหาพิภพ แต่ที่มีประโยชน์มากที่สุดก็คือพารากอน!
“ทำไมท่านไม่ไปหาพารากอนสักสองสามคน? พารากอนน่าจะได้ผลมากกว่า” ลินลี่ย์กล่าว
“ในอดีตพารากอนไม่กลัวอะไร แต่ในเวลานี้..ลินลี่ย์! คิดดูสิทุกคนที่เข้ามาในสงครามมหาพิภพต่างก็มีพลังมหาเทพทั้งนั้น” มหาเทพบลัดริจอดหัวเราะไม่ได้ “การโจมตีเป็นกลุ่มโดยที่แต่ละคนใช้หยดพลังมหาเทพเต็มกำลัง..ต่อให้เป็นพารากอนก็คงตกอยู่ในอันตรายได้ บอกข้าทีมหาเทพจะใช้อะไรไปกดดันพารากอนเหล่านั้นให้เข้ามา? เว้นแต่พวกเขาได้รับของล่อใจที่สำคัญแล้วเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยอมเข้ามา”
ลินลี่ย์พยักหน้ายอมรับ
เป็นความจริงที่มหาเทพไม่มีอำนาจพอดึงให้พารากอนเข้ามาได้ สมบัติมหาเทพ? พวกเขาถึงขีดจำกัด พวกเขาถูกจำกัดให้ได้รับสมบัติมหาเทพชิ้นเดียวแก่ทูตของพวกเขานอกจากสมบัติมหาเทพแล้วยังมีอะไรอื่นที่ดึงดูดความสนใจของพารากอนบ้าง?
“พารากอนเมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพเทพชั้นสูงที่ทุกคนใช้พลังมหาเทพ ก็มีโอกาสตายได้ถึง 50%” มหาเทพบลัดริจกล่าว “ขณะที่ผู้บัญชาการต่อให้พวกเขาระมัดระวังโอกาสที่พวกเขาจะตายในสถานการณ์ที่น่ากลัวบางทีอาจจะมากกว่า 90% ถ้าพวกเขาโง่เกินไป เนื่องจากพยายามปะทะโดยตรงพวกเขาจะพินาศสิ้นแน่นอน”
มหาเทพบลัดริจถอนหายใจหัวเราะ “ดังนั้น ช่วยไปเชิญทูตมหาเทพให้เข้าร่วมในสงครามมหาพิภพ ถ้าครั้งนี้เราประสบความสำเร็จ ข้าคิดว่าประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างคงจะรู้สึกขอบคุณเจ้าเป็นแน่”
ลินลี่ย์เข้าใจว่าแม้มหาเทพบลัดริจเป็นตัวแทนที่มาเจรจากับเขา แต่ในความเป็นจริงเขาทำตามคำสั่งของประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง
“ก็ได้ ข้าตกลง” ลินลี่ย์พยักหน้า
สำหรับประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างได้สร้างหนี้บุญคุณให้เขาได้เป็นเรื่องดี
ส่วนทูตเล่า?
แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตรายสำหรับพวกเขา แต่นั่นก็ยังเป็นโอกาสอย่างหนึ่ง คำถามก็คือพวกเขาจะมีทักษะเอาตัวรอดได้ไหม
“ฮ่าฮ่า ค่อยยังชั่ว” มหาเทพบลัดริจดีใจมาก “เอาล่ะ, อย่างนั้นเจ้าจะไปจัดการเมื่อใด?”
“ไปเลยหรือ? ไม่ต้องเร่ง ข้ายังคิดอยู่เลย ข้าควรไปหาทูตที่ไหนดี?” ลินลี่ย์พูดอย่างจนใจ “แม้ว่าข้าจะส่งสำนึกเทพค้นหาไปทั่วแดนนรก ข้าก็แค่บอกได้แต่เพียงความแตกต่างระหว่างเทียมเทพ เทพแท้และเทพชั้นสูง ไม่มีทางที่ข้าจะบอกได้เลยว่าพวกเขาหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้เท่าใดแล้ว”
มหาเทพบลัดหัวเราะลั่น “ข้ามีอยู่สองวิธี ข้าไม่รู้ว่าเจ้าชอบใช้วิธีใด”
“บอกมาเลย” ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย
“วิธีแรกก็คือไปที่ปราสาทอสูรและเก็บข้อมูลของอสูรเจ็ดดาวทุกคน เนื่องจากเป็นประมุขมหาเทพวิถีมรณะเป็นผู้คอยหนุนอยู่เบื้องหลังของปราสาทอสูรเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่เจ้าจะเอาข้อมูลอสูรเจ็ดดาวทั้งหมดที่เจ้าต้องการ” มหาเทพบลัดริจพูดพลางหัวเราะ
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย แต่ในเวลาเดียวกัน เขาลอบถอนหายใจ ดังนั้นก็เป็นประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างที่อยู่เบื้องหลังของปราสาทอสูรทั้งหมดหรือ? มิน่าเล่าถึงได้แพร่หลายอยู่ทั่วแดนนรก
“และวิธีที่สองเล่า?” ลินลี่ย์ถามและหัวเราะ
“ลินลี่ย์,มหาเทพทุกคนมีดินแดนปกครองเป็นของตนเอง” มหาเทพบลัดริจหัวเราะ “ตัวอย่างเช่น ดินแดนปกครองของข้าก็คือทวีปบลัดริจ! ทวีปบลัดริจเป็นของมหาเทพบลัดริจ มหาเทพแห่งแสงทั้งเจ็ดในพิภพแสงศักดิ์สิทธิ์ แต่ละคนก็มีดินแดนครอบครอง”
ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจทันที
“สำหรับหลักการเดียวกัน เจ็ดมหาเทพธาตุลม, เจ็ดมหาเทพธาตุดินและเจ็ดมหาเทพธาตุน้ำทั้งหมดก็มีดินแดนเป็นของตนเอง” มหาเทพบลัดริจหัวเราะ “ดินแดนที่เจ้าปกครองในโลกธาตุลมศักดิ์สิทธิ์ก็คือดินแดนซึ่งเป็นเขตปกครองของเทเรเซียผู้ที่เจ้าฆ่าตายและในทำนองเดียวกันสำหรับโลกธาตุดินศักดิ์สิทธิ์ และโลกธาตุน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นเดียวกัน”
“เจ้าแคว้นและคนอื่นๆ ที่มีระดับนักสู้คล้ายๆกันมีอยู่ในแต่ละดินแดนรวมทั้งทหารที่อยู่ในดินแดนนั้นจะเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าทุกคน” มหาเทพบลัดริจหัวเราะอย่างเยือกเย็น “เจ้าสามารถไปที่หนึ่งในเขตแดนปกครองของเจ้า จากนั้นศึกษาดูว่ายอดฝีมือคนใดที่อยู่ในขอบเขตปกครองของเจ้าบ้าง”
“เขตปกครองของข้า? มีถึงสาม?”
ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้
“มหาเทพอาจตายได้ แต่เขตปกครองไม่เปลี่ยนไป เจ้าครองแคว้นก็ไม่เปลี่ยน ตัวอย่างเช่น ต่อให้มีคนฆ่าข้าโบซันตาย เมื่อมหาเทพวิถีทำลายล้างคนต่อไปเกิดขึ้น คนผู้นั้นจะยังเข้าดูแลทวีปบลัดริจ เจ้าแคว้นทั้งหมดของทวีปบลัดริจรวมทั้งกองทัพบลัดริจจะเชื่อฟังคำสั่งคนผู้นั้น” มหาเทพบลัดริจอธิบาย
“โอว..” ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ “ข้าเลือกวิธีที่สองดีกว่า! ข้าจะไปเลือกทูตและทำความคุ้นเคยดินแดนของข้า
นี่เป็นระบบที่เป็นไปตามธรรมชาติมาก การสู้รบระหว่างมหาเทพไม่ส่งผลต่อเขตปกครองในแต่ละเขต
“ลินลี่ย์! ข้ารู้ว่าเจ้าเพิ่งจะกลายเป็นมหาเทพยังไม่นาน ดังนั้นจึงยังไม่มีสมบัติมหาเทพมากนักข้ามีอยู่บ้างสองสามชิ้น สมบัติมหาเทพประเภทอาวุธสองสามชิ้น เกราะมหาเทพป้องกันโจมตีธาตุหยาบสามชิ้น สมบัติปกป้องวิญญาณอีกสามชิ้น” มหาเทพบลัดริจโบกมือตามปกติปรากฏสมบัติมหาเทพเก้าชิ้นลอยอยู่ในกลางอากาศ
สมบัติมหาเทพป้องกันพลังโจมตีวัตถุอยู่ในรูปของเกราะ ขณะที่อาวุธมหาเทพแบ่งเป็นขวานกระบี่ยาว และดาบศึก ของทั้งสามอย่างนี้มองดูมีรูปทั่วไป
ขณะที่สมบัติมาเทพปกป้องวิญญาณแบ่งเป็นแหวน ต่างหู และสร้อยคอ
“ท่านมีหลายชิ้นเลยนะ” ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้
มหาเทพบลัดริจพูดอย่างเก้อเขิน “สมบัติมหาเทพสำหรับมหาเทพมีอย่างเหลือเฟือ ของพวกนี้สำหรับเราก็เหมือนกับสมบัติเทพของพวกเทพสมบัติเทพในแดนนรกมีมากแค่ไหนเจ้าลองคิดดูสิ?”
ลินลี่ย์ต้องพยักหน้ายอมรับ ในแดนนรกสมบัติเทพเป็นเครื่องมือธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในทุกที่ แม้แต่ประกายเทพก็มีจำนวนมากมายไม่ต้องพูดถึงสมบัติมหาเทพ
“สิ่งที่เรากลัวก็คือกลัวว่าสมบัติมหาเทพจะนำหายนะมาให้นั่นเป็นเหตุให้มหาเทพทำข้อตกลงกันว่าทูตมหาเทพแต่ละคนจะได้รับสมบัติมหาเทพเพียงชิ้นเดียว ในทำนองเดียวกัน เจ้าสามารถให้บุตร ธิดา สามีภริยาอย่างมากคนละชิ้น นอกจากพวกทูตและครอบครัวสนิทแล้ว สมบัติมหาเทพไม่อาจส่งมอบให้คนอื่นได้” มหาเทพบลัดริจกล่าว
ลินลี่ย์จำเรื่องนี้ไว้
ครึ่งเดือนต่อมาร่างแยกมหาเทพธาตุลมของลินลี่ย์กลับไปพิภพยูลานกับบิดาและมารดาของเขา ทั้งสองไปเยี่ยมเยือนเมืองอู่ซันเป็นธรรมดา ขณะที่ร่างแยกมหาเทพธาตุลมแหวกกำแพงมิติและเข้าในมิติปั่นป่วนนอกพิภพยูลานและเริ่มสร้างพิภพลมศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง
โดยเฉพาะการเพิ่มพูนความรู้แจ้งเคล็ดความรู้ลึกลับของกฎธรรมชาติธาตุลมจะทำให้ลินลี่ย์พบว่าง่ายที่จะเรียนรู้เส้นทางหลอมรวมกฎธาตุทั้งสี่
ร่างแยกมหาเทพธาตุลมของเขากำลังก่อสร้างพิภพลมศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ร่างแยกมหาเทพธาตุน้ำและร่างแยกธาตุไฟยังคงอยู่ในแดนนรกร่วมกับเดเลียภรรยาของเขา
ขณะที่ร่างหลักของลินลี่ย์และร่างมหาเทพธาตุดินของเขาเดินทางออกจากแดนนรก
“ครืน....”
แสงลางเลือนกระพริบวาบขณะที่ลินลี่ย์และบีบีใช้งานผ่านวงเวทเทเลพอร์ต
“พี่ใหญ่ ครั้งนี้เนื่องจากเราเดินทางไปค้นหาทูต ท่านต้องเปิดช่องทางเลือกสองทางให้ข้าได้เลือก หึหึ ข้าอยากลองดูกระบวนการเลือกทูตมหาเทพและดูว่าจะรู้สึกยังไง” บีบีส่งสำนึกเทพบอก
“ไม่มีปัญหา” ลินลี่ย์หัวเราะ
แสงเลือนรางพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าและหายไปช้าๆ ลินลี่ย์และบีบีมาถึงอีกพิภพหนึ่ง
“เรามาถึงพิภพลมศักดิ์สิทธิ์” ตาของบีบีเป็นประกายขณะเขาส่งสำนึกเทพบอก “มาเถอะพี่ใหญ่ ไปดูดินแดนปกครองของท่านเถอะ”