ตอนที่ 21-25 ไปเยือนพิภพแสงอีกครั้ง
ลินลี่ย์สูดหายใจลึกถึงสองครั้ง อกของเขารู้สึกเหมือนกับถูกไฟรุมและหลังจากนั้นเขาค่อยสงบใจลงได้
“ในเมื่อออกุสตาทำสัญญากับประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟ เขาจะต้องลงมือย่างสุดกำลังแน่นอนมิน่าเล่าเขาถึงปกป้องเทวทูตสิบสองปีกเป็นอย่างดี และยากที่จะยอมให้พวกเขารับภารกิจ” สายตาของลินลี่ย์กระจ่าง “ท่านแม่ข้าคงจะเป็นเทวทูตสิบสองปีก เหลือเวลาอีกหกร้อยปีจากนี้ ถ้าข้าไม่เข้าไปแทรกแซง นางคงจะถูกส่งเข้าไปในสงครามมหาพิภพแน่!”
ลินลี่ย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นพึมพำ “หกร้อยปี...”
เกี่ยวกับออกุสตาลินลี่ย์อยากจะฆ่าเขาแน่นอนไม่ว่าเพื่อประโยชน์ของเบรุตหรือตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ ในเบื้องต้นลินลี่ย์วางแผนจะรอจนกว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นก่อนที่เขาจะไปฆ่าออกุสตา ไม่เพียงแต่เติมเต็มความปรารถนาของเบรุตและตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่เขายังสามารถช่วยมารดาของเขาได้
หินก้อนเดียวฆ่านกได้หลายตัว!
“แต่ตอนนี้ ข้าจะต้องยอมสละอะไรบางอย่าง!”
“ทางเลือกหนึ่ง ไม่ต้องใส่ใจท่านแม่ทุ่มเทกับการฝึกฝน และหลังจากข้าฝึกสำหรับค่อยไปฆ่าออกุสตา”
“ทางเลือกที่สอง หามหาเทพน้อยธาตุไฟที่ข้าไม่รู้จัก ฆ่าเขาและหลอมรวมกับประกายมหาเทพ หลังจากพลังของข้าเพิ่มขึ้น ค่อยไปฆ่าออกุสตา”
“ทางเลือกที่สามกล้ำกลืนอดทนและยอมก้มหัว! ไปเจรจากับออกุสตา!”
ลินลี่ย์แทบจะตัดสินใจได้ทันที
เสียสละแม่ของเขา?เป็นไปไม่ได้
ฆ่ามหาเทพธาตุไฟโดยไม่มีเหตุผล? ลินลี่ย์ไม่สามารถทำได้เหมือนกัน นอกจากนี้ ถ้าเขาทำเขาอาจละเมิดข้อตกลงประมุขมหาเทพสี่วิถีที่ได้ตั้งไว้
“อย่างนั้นก็ดี” ลินลี่ย์สูดหายใจลึก สายตาของเขาตัดสินใจหนักแน่นและปลงใจ “สำหรับตอนนี้ข้าจะต้องหนักแน่นและอดทน!”
“ลินลี่ย์!”
ขณะนั้นเองมีสองคนเดินเข้ามาหาทางด้านสวน เป็นเบรุตและบลูไฟร์ ก่อนนี้แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่สามารถฆ่าออกุสตาได้ แต่พลังที่เขาเปิดเผยออกไปก็ยังเหนือกว่าออกุสตาเล็กน้อย ถ้าทั้งสองสู้เสี่ยงตาย โอกาสที่ออกุสตาตายจะมีสูงกว่า
ดังนั้นออกุสตาจึงไม่กล้ารุกรานลินลี่ย์อีกต่อไป
เป็นธรรมดาที่เบรุตและบลูไฟร์ในตอนนี้สามารถเที่ยวไปในแดนนรกได้ตามปกติด้วยร่างแยกมหาเทพ! หลังจากใช้เวลาซ่อนตัวอยู่ในทวีปยูลานอยู่หลายปีพวกเขาย่อมยินดีที่มีอิสระอีกครั้งหนึ่ง
“ลินลี่ย์เมื่อครู่นี้มหาเทพบลัดริจมามีเรื่องอะไรที่สำคัญไหม?” เบรุตหัวเราะเบาๆ ขณะที่ลูบเครา
เนื่องจากพวกเขาทั้งสองเป็นมหาเทพด้วยเหมือนกัน ทั้งสองจึงสังเกตการมาของมหาเทพบลัดริจได้ เพียงแต่มหาเทพบลัดริจโบซันต้องการพบกับลินลี่ย์เป็นการส่วนตัวอย่างเห็นได้ชัดดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่รีบปรากฏตัวออกไป พวกเขารอให้มหาเทพบลัดริจกลับไปก่อนจึงค่อยออกมา
“นี่เกี่ยวกับสงครามมหาพิภพและให้ข้ารับทูตมหาเทพ เหลือเวลาอีกหกร้อยปีสงครามมหาพิภพจะเริ่มขึ้นและเป็นการต่อสู้สองฝ่ายระหว่างแดนนรกและแดนสวรรค์ โดยเฉพาะสงครามมหาพิภพครั้งนี้สำคัญมาก” ลินลี่ย์พูดจากนั้นทบทวนข้อมูลที่เขาได้ยินในรายละเอียด
เบรุตและบลูไฟร์ฟังอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นทั้งสองคนถอนหายใจด้วยความทึ่ง
“ดังนั้นออกุสตาจึงมีโชคดีเหลือเชื่อ มิน่าเล่าประมุขมหาเทพวิถีชะตาถึงเป็นหนี้บุญคุณเขาอย่างหนึ่ง” เบรุตพูดพลางถอนหายใจ
“เทวทูตสิบสองปีกอาจมีบทบาทสามารถตัดสินในสงครามมหาพิภพได้” บลูไฟร์สูดหายใจด้วยความประหลาดใจ“ถ้าพวกเขาทุกคนโจมตีพร้อมกัน ก็แทบจะรับรองได้ว่าพวกเขาจะประสบชัยชนะในสงครามมหาพิภพได้ รางวัลชนะรวดสิบรอบก็น่าทึ่งเช่นกัน มิน่าเล่าประมุขมหาเทพวิถีชะตาถึงได้ขอความช่วยเหลือจากออกุสตา”
ในสงครามมหาพิภพครั้งก่อนที่ลินลี่ย์พบเจอมาคู่ต่อสู้ก็คือพิภพแสงศักดิ์สิทธิ์ และพิภพมืดศักดิ์สิทธิ์
ชนะหรือปราชัยไม่ใช่เรื่องสำคัญมาก ปกติจะมีมหาเทพน้อยมากที่คอยควบคุมจากด้านหลัง
“ลินลี่ย์เจ้าต้องการจะพูดอะไร? กองทัพของเทวทูตสิบสองปีกจะเข้าสู่สงครามมหาพิภพ? อย่างนั้นก็หมายความ....” เบรุตตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น “แม่ของเจ้า นาง...”
“ใช่แล้ว” ลินลี่ย์ชำเลืองมองดูเบรุตอย่างจนใจ “บอกข้าที ข้ายังมีทางเลือกอื่นอีกไหม?”
เบรุตไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง
หกร้อยปี...
ลินลี่ย์ใช้เวลาห้าพันปีจึงจะถึงระดับปัจจุบันได้ จะบรรลุครั้งใหญ่ภายในหกร้อยปี? ต่อให้เบรุตเองก็ยังไม่มั่นใจในตัวลินลี่ย์
“อย่างนั้นเจ้า...” เบรุตมองดูลินลี่ย์
“ข้าตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปพิภพแสงศักดิ์สิทธิ์!” ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็นขณะที่เขามองดูท้องฟ้าไกล สายตาของเขาดูเหมือนจะมองทะลุกำแพงแห่งความเป็นจริง เมื่อมองดูพิภพแสงศักดิ์สิทธิ์จากที่ไกล
เบรุตยังคงเงียบอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นพยักหน้า “บางครั้งจะสำเร็จกิจการใหญ่ ก็ต้องยอมรับและอดกลั้น เท่าที่ข้าเห็น สำหรับออกุสตา เจ้าเป็นพารากอนผู้มีศักยภาพที่ปลดปล่อยออกมาไม่นาน ข้าคิดว่าในใจของเขา เขาไม่รู้สึกกลัวเจ้ามากเกินไป ถ้าเจ้าไปเจรจากับเขา โอกาสสำเร็จก็จะสูงมาก ในอนาคต..เจ้าสามารถกำจัดเขาทีหลังก็ได้”
เบรุตเป็นคนที่สามารถฆ่าได้อย่างอำมหิต แต่ก็สามารถอดทนซ่อนตัวได้
เมื่อเขาพบศพของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าเขารู้ว่าการชิงศพพวกเขาจะทำให้ตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง แต่เขาก็เข้าใจว่าหลังจากสำเร็จแล้ว เขาสามารถยกระดับจากเทพธรรมดาเป็นมหาเทพ นอกจากนี้ เบรุตยังลงมือไปตามสถานการณ์ ที่สำคัญก็คือประมุขมหาเทพไม่ให้ความสนใจเทพชั้นสูงอย่างเขาแต่อย่างใด ประการที่สองเขาอยู่ในพิภพโลกธาตุและการปกป้องของพิภพโลกธาตุคอยปกป้องเขาจากการรุกรานของมหาเทพ ประการที่สามเขาเป็นหนูกินเทพไม่กลัวมิติปั่นป่วน
เขามีพลังและความมั่นใจมากพอ เขาจึงกล้าเสี่ยง แต่เขารู้วิธีถอยกลับ
หลายสิ่งเหล่านั้นประกอบกันเป็นเบรุตในปัจจุบัน
มิฉะนั้นสาขายูลานจะสร้างมหาเทพสามคนได้ยังไง?
“ข้าหวังว่าหลายอย่างจะส่งผลออกมาอย่างที่ปู่พูด ปู่เบรุต” ลินลี่ย์พยักหน้า
พิภพแสงศักดิ์สิทธิ์ที่กว้างใหญ่รัศมีแสงพุ่งออกมาจากวงเวทเทเลพอร์ต ในพริบตาเคลื่อนที่ไกลออกไปถึงสิบล้านกิโลเมตร
สายลมพัดผ่านเหมือนมีด ด้านล่างเขาเป็นน้ำทะเลไร้ขอบเขต ลินลี่ย์ในชุดสีฟ้าบินอยู่ในอากาศด้วยความเร็วสูงจ้องมองข้างหน้าด้วยสายตาเย็นชา
“เอ๊ะ?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย “คาดไม่ถึงเลยว่าประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟจะอยู่ที่นี่ด้วย”
หลังจากมาถึงพิภพแสงศักดิ์สิทธิ์ลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพหลอมรวมคลุมทั่วทั้งพิภพทันทีทำให้เขาจับตาดูกิจกรรมต่างๆทั่วพิภพ เป็นเรื่องปกติลินลี่ย์สามารถตรวจสอบพบตำแหน่งของประมุขมหาเทพแห่งแสงออกุสตาได้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าออกุสตาจะอยู่กับโอล็อฟ
“เขาก็อยู่ที่นี่....เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน” ลินลี่ย์รำพึงในใจ
ลินลี่ย์ไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อสู้ แต่มาเพื่อเจรจา มีโอล็อฟปรากฏตัวอยู่ด้วย...ออกุสตาคงไม่กล้าพูดป่าเถื่อนเกินไป
ครู่ต่อมา...
สำนึกเทพของลินลี่ย์เปลี่ยนไปจากพลังมหาเทพหลอมรวมเป็นพลังมหาเทพธาตุดินทำให้เหมือนกับมหาเทพธาตุดินใช้
การเปลี่ยนแปลงไปใช้พลังมหาเทพธาตุดินนี้เพื่อให้สำนึกเทพของเขาสามารถถูกประมุขมหาเทพทั้งสองตรวจพบเจอได้
“ฮ่าฮ่า, ลินลี่ย์, ทำไมเจ้ายังมาในถิ่นของข้าอีก?” ออกุสตาหัวเราะผ่านสำนึกเทพดูเหมือนว่าจะลืมการต่อสู้ครั้งก่อนกับลินลี่ย์
“เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ข้ามีเรื่องสำคัญจะปรึกษาด้วย” ลินลี่ย์ยิ้มเล็กน้อย “นึกไม่ถึงเลยว่าลอร์ดโอล็อฟก็อยู่ที่นี่ด้วยบังเอิญจริงๆ”
“ฮ่าฮ่า, ข้ามาที่นี่เพื่อคุยกับออกุสตา” เสียงของประมุขมหาเทพวิถีชะตาก้องอยู่ในใจของลินลี่ย์เช่นกัน “ไม่นานมานี้ข้ายังเชิญลินลี่ย์เจ้าให้มาเยี่ยมข้าที่อุทยานโอล็อฟ แต่น่าเสียดายข้ารอเป็นเวลานานนักแต่ไม่เคยได้พบเจ้าเลย”
คนผู้หนึ่งสามารถปลอมนิสัยพื้นฐานได้เป็นร้อยเป็นพันปี แต่เป็นไปไม่ได้ที่คนผู้หนึ่งจะปลอมบุคลิกได้ตลอดไป
ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟไม่เข้าไปยุ่งในกิจการโลก เขาปฏิบัติต่อทุกคนที่เขาคิดว่าเป็นสหายด้วยมารยาทอันดี ลินลี่ย์รู้สึกชื่นชมตรงส่วนนี้ของประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟ
แต่เป็นไปไม่ได้แน่นอนลินลี่ย์ไม่เหมือนประมุขมหาเทพวิถีชะตา ที่ไม่เคยแต่งงาน ไม่เคยพักผ่อนไม่เคยบันเทิงกับชีวิตตนเองและใช้เวลาทั้งหมดกับการค้นคว้าและฝึกฝนแทน
“ลอร์ดโอล็อฟ ในช่วงเวลาที่ยาวนานท่านและข้าก็ยังจะมีเวลาได้พบกันอีก ตัวอย่างเช่นเรากำลังพบกันวันนี้ไม่ใช่หรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างสบายอารมณ์
“ใช่แล้วๆ เรามีเวลาอีกตั้งนานนับปีไม่ถ้วน” โอล็อฟหัวเราะเช่นกัน
ขณะที่พูดคุยผ่านสำนึกเทพลินลี่ย์บินผ่านเกาะนับไม่ถ้วน
เขาเหมือนกับธนูพุ่งลงมาจากฟากฟ้า
เกาะที่อยู่ด้านล่างของลินลี่ย์เป็นที่พำนักของประมุขมหาเทพแห่งแสง
นี่เป็นเกาะที่สร้างขึ้นอย่างโอ่อ่าฟุ่มเฟือย เกาะมีพื้นที่สองสามพันตารางกิโลเมตรและโครงสร้างส่วนใหญ่สร้างจากวัสดุสีขาว ทั้งหมดเป็นแร่หาได้ยากในธรรมชาติ อสูรเวทเฉพาะดอกไม้และพืชพันธุ์ถูกคัดสรรมาที่นี่ อสูรเวทมีพื้นที่ของตนเอง ขณะที่บุปผาชาติก็มีพื้นที่ส่วนตัวเองเช่นกัน ทั้งหมดนั้นมีพื้นที่ส่วนตัว
ในอากาศเหนือเกาะนี้มีเทวทูตระดับเทพจำนวนมาก
นอกจากเทวทูตแล้วเทพอื่นในเกาะนี้เป็นสตรีทั้งสิ้น บุรุษที่ปรากฏมีแต่เพียงออกุสตาและโอล็อฟ!
“ออกุสตาช่างรู้จักหาความสำราญให้ชีวิตจริงๆ นอกจากเทวทูตผู้ภักดีของเขา คนอื่นๆที่อยู่ที่นี่เป็นสตรีทั้งนั้น” ลินลี่ย์อดส่ายศีรษะหัวเราะไม่ได้ และจากนั้นเขาจ้องมองแต่ไกล จากภายในเกาะมีคนสองคนกำลังบินเคียงไหล่มาหาเขา ทั้งสองคนนี้มีสาวใช้กลุ่มใหญ่บินตามออกมาด้วย
เป็นการแสดงออกที่น่าประทับใจจริงๆ
“ฮ่าฮ่า ลินลี่ย์!” ออกุสตาร้องเรียกจากแต่ไกล ราวกับว่าพวกเขาเป็นสหายเก่าที่คบกันมานานปี
“ออกุสตา” ลินลี่ย์ยิ้มทักทายเขาเช่นกัน
ชายชราชุดขาวผมขาวประมุขมหาเทพวิถีชะตาหัวเราะอย่างสงบ “เข้ามานั่งข้างในก่อนเถอะ ออกุสตา, ข้าไม่ต้องการวิพากษ์วิจารณ์เจ้า แต่เราอยู่ในเกาะของเจ้าและเจ้ายังต้องจัดการแสดงอย่างยิ่งใหญ่แบบนั้นเพื่อต้อนรับอาคันตุกะอีกหรือ?” ประมุขมหาเทพวิถีชะตาชำเลืองมองดูด้านข้าง สตรีรับใช้ด้านหลังพวกเขาแยกเป็นสองแถวแถวหนึ่งเป็นหญิงรับใช้ชุดม่วงและอีกแถวหนึ่งเป็นหญิงรับใช้ชุดชมพู ทุกคนมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น
“ฮ่าฮ่า, ข้ายินดีรับฟังคำแนะนำของท่านอยู่แล้วประมุขมหาเทพวิถี” ออกุสตาหัวเราะจากนั้นหันไปโบกมือกล่าวอย่างเยือกเย็น “พวกเจ้ากลับไปให้หมด”
สตรีรับใช้เหล่านั้นทุกคนคำนับด้วยความเคารพ“เจ้าค่ะ” และจากนั้นพวกนางบินออกไปอย่างเป็นระเบียบ
“ไปคุยกันที่สวนน้ำเถอะ” ออกุสตาหัวเราะขณะนำทาง
“คนที่ออกแบบเกาะแห่งนี้และสิ่งก่อสร้างเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับปรมาจารย์แน่” ลินลี่ย์เดินพลางขณะชมเกาะ เขาอดถอนหายใจชื่นชมมิได้
ออกุสตาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ฮ่าฮ่า, ลินลี่ย์ ข้าไม่อยากโอ้อวดหรอกนะ แต่เกาะแห่งนี้เนื้อที่สองสามพันตารางกิโลเมตรเฉพาะบุปผาชาติก็มีถึง30162 สายพันธุ์ แตกต่างกันทั้งขนาดและสี ฯลฯพวกเทวทูตจะจัดการดูแลดอกไม้เหล่านั้น จากทุกตำแหน่งมุมมองจะให้ความรู้สึกอารมณ์ที่สะดวกสบายเป็นธรรมชาติ มีอสูรเวทสายพันธุ์ต่างๆ... แค่สร้างเกาะนี้ ข้าต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญระดับปรมาจารย์ข้ามพิภพข้ามดินแดน ซึ่งแต่ละคนจะเชี่ยวชาญเฉพาะอย่าง เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพที่โดดเด่น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ลินลี่ย์ส่ายศีรษะไม่ได้
ข่าวลือเป็นความจริง ออกุสตาไขว่คว้าความสมบูรณ์แบบทั้งหมดและบันเทิงใจกับชีวิตที่สบายๆ
สวนน้ำเป็นสวนที่สร้างขึ้นเหนือสระน้ำเนื้อที่ไม่กี่พันตารางเมตรน้ำในสระถูกลมพัดเป็นระลอกสะท้อนประกายระยิบระยับเหมือนอัญมณี ทั่วทั้งสวนสร้างจากวัสดุไม้ และมีลานว่างศาลาลอยอยู่เหนือผิวสระ ภายในลานด้านล่างจะมีสายน้ำเล็กๆพ่นละออง
“สวนน้ำแห่งนี้ไม่ได้ใช้เวทมนตร์แต่อย่างใดเลย มันสร้างขึ้นจากไม้ไฮดรอกหอมเบาซึ่งมีพลังงานลอยตัวได้และมีพลังลอยตัวมากพอทำให้ทั่วทั้งสวนลอยอยู่เหนือสระน้ำได้” ออกุสตาชี้ไปที่ตำแหน่งหนึ่ง “ดูสิ นั่นคือสะพานไม้...”
ออกุสตาชี้วัตถุสิ่งของชิ้นแล้วชิ้นเล่าอย่างอารมณ์ดี
ลินลี่ย์รับฟังขณะถอนหายใจเพลิดเพลินเช่นกัน
“เอาล่ะ เรานั่งกันเถอะ” ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดขึ้น
“ได้ ได้” ออกุสตาค่อยรู้สึกว่าอวดโอ่มากไปบ้างทำให้โอล็อฟค่อนข้างอึดอัด
ทั้งสามคนนั่งอยู่ในที่เปิดโล่งซึ่งรายล้อมไปด้วยสระน้ำสีฟ้า
ประมุขมหาเทพวิถีชะตาหัวเราะขณะมองดูลินลี่ย์ “ลินลี่ย์, ข้าคิดว่าเจ้ามาวันนี้คงมีเรื่องสำคัญจะพูดคุย พูดได้ตามสบายเลย”
“เป็นเช่นนั้นแน่นอน!” ลินลี่ย์หัวเราะขณะพยักหน้าให้ประมุขมหาเทพวิถีชะตา และจากนั้นมองออกุสตา “ออกุสตา,วันนี้ข้ามาขอความช่วยเหลือบางอย่างจากท่าน”
“เรื่องอะไร, บอกมาได้เลย” ออกุสตาหัวเราะเช่นกัน
ลินลี่ย์พูดจริงจัง “ข้าหวังว่าท่านจะยอมปล่อยเทวทูตสิบสองปีกตนหนึ่งและช่วยให้นางได้รับอิสระ”
“เทวทูตสิบสองปีก?” ออกุสตาอดชำเลืองมองโอล็อฟที่อยู่ใกล้ๆไม่ได้ ประมุขมหาเทพวิถีชะตาขมวดคิ้ว แต่จากนั้นหัวเราะอย่างเยือกเย็น “แค่คนเดียวหรือ?”
“ใช่แล้ว แค่คนเดียว” ลินลี่ย์พยักหน้า
“แค่คนเดียวไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากเท่าใด” โอล็อฟหัวเราะอย่างเยือกเย็น
ลินลี่ย์อดมองออกุสตาที่ขมวดคิ้วกล่าว “ลินลี่ย์, เรื่องนี้มันค่อนข้างยุ่งยาก”