ตอนที่ 21-24 เก้ารอบแล้ว
“เทวทูตสิบสองปีก?” ลินลี่ย์ถอนหายใจเบาๆ
เทวทูตระดับต่ำพวกเขาจะตายได้เร็วมากกว่า
“เป็นเรื่องยากที่จะให้กำเนิดเทวทูตสิบสองปีก เทวทูตสิบสองปีกที่คงอยู่นี้เกิดจากการสะสมผ่านเวลามานานนับปีไม่ถ้วน โดยทั่วไปมหาเทพแห่งแสงจะไม่ส่งเทวทูตสิบสองปีกออกไปรับภารกิจง่ายๆบางครั้งผ่านไปล้านปีเทวทูตสิบสองปีกก็ยังไม่ได้รับภารกิจอะไร มารดาเจ้ากลายเป็นเทวทูตสิบสองปีกประมาณหมื่นปี โอกาสที่นางจะตายแทบจะไม่มีเลย” เบรุตหัวเราะ
ถึงตอนนี้ลินลี่ย์ค่อยเบาใจ
“ฮ่าฮ่า, ปู่เบรุต เหตุผลของปู่ทำให้ข้ารู้สึกเย็นใจขึ้นมาบ้าง” ตอนนี้ลินลี่ย์รู้สึกมั่นใจในตนเองมากพอว่าจะช่วยมารดาของเขาได้
“จริงสิ, ปู่เบรุต” ลินลี่ย์โบกมือและประกายมหาเทพธาตุดินเปล่งประกายสีเหลืองน้ำตาลปรากฏขึ้น “นี่คือรางวัลที่ข้าได้มาโดยคาดไม่ถึง”
“ประกายมหาเทพ?” เบรุตตกใจ
ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า “ออกุสตาและข้าเดินทางไปพิภพแสงศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน ใครจะคิดกันเล่าว่าประมุขมหาเทพธาตุสายฟ้าฮาร์เลย์จะติดตามเราไปด้วย แม้แต่ประมุขมหาเทพอีกห้าคนก็ยังติดตามดูแต่ไกล เมื่อข้าโจมตีออกุสตาฮาร์เลย์ลอบโจมตีข้ากะทันหัน เขาต้องการฆ่าข้าและชิงสมบัติจอมเทพของข้า ข้าโจมตีตอบโต้เขาด้วยกระบี่คู่มือทันที!”
เบรุตเริ่มหัวเราะทันที “ดังนั้นเจ้าก็เลยได้รับประกายมหาเทพของเขา?”
“ถูกแล้ว ร่างประมุขมหาเทพสายฟ้าของฮาร์เลย์หนีได้เร็วมาก ข้าแค่ต้องการสั่งสอนเขาเล็กน้อยเท่านั้นดังนั้นก็เลยทำลายร่างแยกมหาเทพธาตุดินของเขา”
ลินลี่ย์ขมวดคิ้วทันที “ตอนนี้ปัญหาก็คือข้าควรจะให้ประกายมหาเทพนี้แก่ใครดี? ปู่เบรุต ปู่คิดว่ายังไง?”
“ประกายมหาเทพธาตุดิน...”
เบรุตขมวดคิ้ว “บลูไฟร์ก็สามารถใช้ได้ แต่ถ้าเราให้เขาพลังปณิธานของเขาจะเพิ่มเพียงเล็กน้อยไปเป็นระดับมหาเทพกลาง คงจะไม่เปลี่ยนความสมดุลของอำนาจมากนัก โดยรวมแล้ว เราควรจะหาเทพชั้นสูงคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามเทพชั้นสูงผู้ฝึกมาทางกฎธรรมชาติธาตุดิน..ยากจะพบเห็นคนแบบนั้นได้ในตระกูลบาลุคของเจ้าได้ในตอนนี้”
ลินลี่ย์หัวเราะพลางถอนหายใจ
ตระกูลบาลุคมีเทพชั้นสูงค่อนข้างมาก แต่พวกเขาหลอมรวมกับประกายเทพ เทพชั้นสูงผู้ที่พึ่งพาตนเองฝึกฝนจนถึงระดับนั้นได้และฝึกในกฎธรรมชาติธาตุดิน? ความจริงยังไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว
การหลอมรวมประกายมหาเทพมีเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้น จะต้องฝึกฝนอย่างอิสระจนถึงระดับเทพชั้นสูง
“จะต้องรีบร้อนทำไม?” เบรุตหัวเราะ “ตอนนี้เก็บเอาไว้ก่อน เมื่อถึงเวลา ถ้ามีคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ตอนนั้นเจ้าค่อยมอบให้ก็ได้”
“ฮ่าฮ่า.. ก็ได้ ข้าจะใช้ประกายมหาเทพนี้เป็นมรดกตกทอดสำหรับตระกูลบาลุค” ลินลี่ย์หัวเราะลั่น “ปู่เบรุต, ประกาศได้เลยคนของปราสาทเลือดมังกรที่ยินดีจะมาแดนนรกก็ให้มาได้เลย” ลินลี่ย์ในตอนนี้รับรองความปลอดภัยให้ครอบครัวและสหายของเขาในแดนนรกได้แล้ว
ประมุขมหาเทพผู้มีพลังแข็งแกร่งมากกว่าลินลี่ย์ไม่มีความแค้นกับเขา
ต่อให้พวกเขามีพวกเขาก็ไม่ไร้ยางอายเหมือนอย่างประมุขมหาเทพแห่งแสงที่คุกคามเขาว่าจะกำจัดตระกูลของเขา
“นั่นอาจเป็นเรื่องดีที่สุด” เบรุตหัวเราะและพยักหน้า “ระหว่างห้าร้อยปีมานี้พวกเขาค่อนข้างจะเบื่อหน่ายอยู่ในพิภพยูลาน ที่สำคัญ ในแง่ยอดฝีมือ แดนนรกจะมีมากมายและมีสถานที่หลายแห่งให้ผจญภัยในแดนนรก”
ลินลี่ย์ไม่รีบร้อนสร้างพิภพลมศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง เขาอยู่ในแดนนรกและนำครอบครัวและสหายมาอยู่ด้วยในระหว่างช่วงเวลานี้ลินลี่ย์ตั้งใจอยู่กับการฝึกฝนและหลอมรวมผสานกฎต่างๆ บางครั้งเขาจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและสหาย
หลังจากปีที่ลินลี่ย์และออกุสตาสู้กันยังเป็นปีที่ชื่อเสียงของลินลี่ย์แพร่กระจายไปมากที่สุด
ลินลี่ย์ทำร้ายประมุขมหาเทพธาตุแสงบาดเจ็บสาหัสและใช้กระบี่เดียวฟันสังหารร่างแยกมหาเทพธาตุดินของประมุขมหาเทพสายฟ้าฮาร์เลย์ ฮาร์เลย์หวาดกลัวหนีไปทันที
การสู้รบที่ห้าวหาญครั้งนี้ถูกเผยแพร่ไปโดยประมุขมหาเทพของกฎธาตุทุกคนที่ได้เห็นเหตุการณ์
ข้อมูลนี้น่าตื่นตะลึงเกินไป ในไม่ช้ามหาเทพต่างๆ ทุกคนจึงได้ตระหนักรู้
สถานะของลินลี่ย์สูงส่งบดบังประมุขมหาเทพอีกเจ็ดคนทันทีและเป็นรองแค่ประมุขมหาเทพสี่วิถีซึ่งเป็นสุดยอดฝีมือเท่านั้น
และในช่วงเวลาสั้นๆปีเดียวมหาเทพมากกว่าสิบคนมาเยี่ยมคารวะลินลี่ย์ เมื่อมหาเทพพบปะกัน พวกเขาจะดื่มน้ำผลไม้บ้างเหล้าบ้างและคุยหยอกกันตามปกติ
หลังจากผ่านการต่อสู้กับออกุสตาไปหนึ่งปี
แดนนรกทวีปบลัดริจ แคว้นอินดิโก เทือกเขาสกายไรท์ ที่พำนักของมหาเทพลินลี่ย์
ภายในคฤหาสน์ที่เงียบสงบนี้หญ้างอกคลุมพื้นดินทั้งหมดลินลี่ย์ในชุดยาวหลวมสบายกำลังนั่งขัดสมาธิปล่อยให้สายลมพัดโชยผ่านร่างของเขาเส้นผมของเขาโบกสะบัด
มีร่างหนึ่งค่อยๆปรากฏอย่างช้าข้างหน้าลินลี่ย์ ราวกับว่าถูกเทเลพอร์ตส่งไปที่นั่น ลินลี่ย์ลืมตา เขาเห็นว่าคนผู้นี้สวมชุดยาวสีแดง เป็นมหาเทพบลัดริจโบซันนั่นเอง เขาหัวเราะ “โบซัน! ท่านมาที่พักของข้าทำไม?” ไม่นานมานี้โบซันยังพบกับลินลี่ย์เวลานั้นลินลี่ย์ต้องการจะเรียกเขาว่า ท่านโบซัน แต่ไม่ว่าเขาจะพูดยังไง มหาเทพบลัดริจปฏิเสธไม่ยอมรับสถานะเช่นนั้น
เขายังต้องการจะเรียกลินลี่ย์ว่าลอร์ด ที่สำคัญพลังของลินลี่ย์ในบรรดาประมุขมหาเทพถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุด
ในที่สุดทั้งสองยอมถอยคนละก้าว พวกเขายอมรับนับถือกันเหมือนสหายและเรียกขานชื่อกันโดยตรง
“ข้าต้องมีเหตุผลด้วยหรือถึงจะมาได้?” มหาเทพบลัดริจยิ้ม ขณะที่เขานั่งข้างลินลี่ย์ “ความจริงวันนี้ ข้ามีเหตุผลสำคัญทำให้ต้องมาจริงๆ”
“ว่าไปเลย” ลินลี่ย์ตั้งใจฟัง
มหาเทพบลัดริจหัวเราะ “เจ้ายังไม่มีทูตเลยใช่ไหม?”
“อือ..ทำไมท่านถึงคิดเรื่องนี้ได้เล่า?” ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับท่านหรือโบซันในเรื่องที่ข้าจะรับทูตหรือไม่?”
“ไม่เลย” มหาเทพบลัดริจส่ายศีรษะ “บอกกับเจ้าตามความจริง ทุกล้านล้านปีจะมีฤดูกาลของสงครามมหาพิภพและสงครามมหาพิภพแต่ละครั้งจะมีรวมกันห้ารอบ! บัดนี้ผ่านไปแล้วสามรอบ อีกหกร้อยปีข้างหน้าสงครามมหาพิภพรอบที่สี่จะเริ่มขึ้น”
“สองพิภพใดจะทำการต่อสู้กัน?” ลินลี่ย์ถามด้วยความสงสัย
“แดนนรกของเราและแดนสวรรค์” มหาเทพบลัดริจพูดอย่างจริงจัง “ลินลี่ย์, สงครามมหาพิภพรอบที่สี่ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์สำคัญมาก เพราะ..ในการแข่งขันเก้ารอบก่อนนั้นแดนสวรรค์ชนะติดต่อกันเก้ารอบแล้ว”
“อะไรนะ?” ลินลี่ย์ตกใจ
ลินลี่ย์เข้าใจว่าหลังจากกลายเป็นมหาเทพแล้วมีเพียงสามทางที่จะได้รับส่วนของพลังปณิธานเพิ่ม วิธีแรกก็คือหลอมรวมกับประกายมหาเทพอื่น วิธีที่สองก็คือกลายเป็นเทพพารากอน วิธีที่สามก็คือฝ่ายหนึ่งในสงครามมหาพิภพ จะต้องเอาชนะติดต่อกันสิบรอบ
แต่แน่นอนว่าวิธีอื่นก็คือกลายเป็นเทพวิญญาณกลายสภาพอย่างลินลี่ย์ เพียงแต่สถานการณ์แบบนี้ไม่สามารถใช้ได้กับมหาเทพทั้งหมด
“ถ้าข้าจำได้ถูกต้อง เมื่อนานมาแล้วแดนสวรรค์เอาชนะได้ติดต่อกันสิบรอบไปแล้วครั้งหนึ่ง” ลินลี่ย์พูดขมวดคิ้ว
“ถูกต้อง” มหาเทพบลัดริจรีบกล่าว “เจ็ดมหาเทพวิถีชะตาได้รับรางวัลไปแล้ว ดังนั้นมหาเทพอื่นจึงไม่ต้องการเห็นพวกเขาได้รับรางวัลเพิ่มขึ้นอีกครั้ง! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราไม่ต้องการเห็นประมุขมหาเทพวิถีชะตาเพิ่มความแข็งแกร่งอีกครั้ง เขาแข็งแกร่งมากเพียงพออยู่แล้ว”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“ตั้งแต่จักรวาลถูกสร้างขึ้น ทุกครั้งที่ฝ่ายหนึ่งชนะเก้าครั้งติดต่อกัน พิภพอื่นทั้งหมดจะผนึกกำลังกันเพื่อเอาชนะให้ได้ในครั้งที่สิบ” มหาเทพบลัดริจกล่าว “โดยทั่วไปเมื่อพิภพอื่นผนึกกำลังกันโอกาสสำเร็จจะสูงมาก แน่นอนว่าในช่วงเวลานานนับปีไม่ถ้วน จะมีความล้มเหลวครั้งหนึ่ง เวลานั้นแดนสวรรค์ก็ได้ชัยชนะไป ดังนั้นเจ็ดมหาเทพวิถีชะตาจึงได้รับรางวัลไปด้วย”
มหาเทพบลัดริจพูดเคร่งขรึม “ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงเราจะยอมให้พวกเขาเอาชนะอีกไม่ได้ นี่คือคำสั่งที่มาจากประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างเอง”
ลินลี่ย์อดหัวเราะมได้
เป็นไปได้ว่าเท่าที่ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างต้องกังวล คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขามีแต่เพียงมหาเทพวิถีชะตา
“เมื่อไม่ต้องการให้เขาเอาชนะ อย่างนั้นก็ต้องหาทูตมหาเทพใช่ไหม?” ลินลี่ย์หัวเราะ
“ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้เขาชนะ อย่างนั้นฝ่ายเราต้องหายอดฝีมือให้เพียงพอ” มหาเทพบลัดริจส่ายศีรษะ “แต่ยอดฝีมือหลายคนรู้ว่าสงครามมหาพิภพครั้งนี้โหดอำมหิตเพียงไหน มันคงเป็นเรื่องที่บ้าคลั่งแน่ๆ! ดังนั้นยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการหลายคนไม่ยินดีจะเข้าร่วมในศึกนี้”
ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า
พิภพทั้งหมดจะทุ่มเทกำลัง และแดนสวรรค์ก็จะต้องทุ่มเทพลังทั้งมวลเช่นกัน ทุกคนคงจินตนาการได้ว่าศึกครั้งนี้จะโหดเหี้ยมอำมหิตเพียงไหน เว้นแต่มีนักสู้ผู้มั่นใจในพลังตนเองอย่างเด็ดขาด หรือเว้นแต่จะเบื่อหน่ายชีวิต บางทียอดฝีมือนั้นจะไม่เข้าร่วมในศึกนี้
“เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้บัญชาการจะไม่รู้ว่าศึกครั้งนี้สำคัญเพียงไหน?” ลินลี่ย์พูดอย่างสงสัย
รางวัลสำหรับผู้ชนะศึกทั้งสิบเป็นความลับในหมู่มหาเทพ
“ก็ขึ้นอยู่กับความสำคัญในอดีต” มหาเทพบลัดริจหัวเราะอย่างเก้อเขิน “ในสงครามที่บ้าคลั่งอย่างนั้น ทั้งสองฝ่ายจะทุ่มเทพลังเต็มที่ พวกเขาจะใช้พลังเต็มที่เพื่อให้อีกฝ่ายทรงพลังมากขึ้น ในลักษณะที่ไม่ละเมิดต่อข้อตกลงมหาเทพ ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจะมอบรางวัลให้กับผู้ร่วมทุกคนพร้อมกับพลังมหาเทพในศึกครั้งนี้! แต่ละคนจะได้รับหยดพลังมหาเทพสองหยด!”
ลินลี่ย์ตะลึง
บ้าไปแล้ว! พวกเขาบ้ากันไปหมดแล้ว
ถ้าทุกคนที่เข้าร่วมสงครามมหาพิภพได้รับหยดพลังมหาเทพสองหยด อย่างนั้นแม้แต่ยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการเมื่อเผชิญเจอกับพลังโจมตีของเหล่าเทพชั้นสูง ก็อาจจะพินาศย่อยยับ
“แม้ว่าผู้บัญชาการทั้งหลายเหล่านี้จะไม่รู้ความลับที่อยู่เบื้องหลังของการชนะติดต่อกันสิบรอบ แต่พวกเขารู้ว่าเทพชั้นสูงทุกคนที่เข้าร่วมรบจะได้รับพลังมหาเทพ แล้วจะมีผู้บัญชาการสักกี่คนที่ต้องการเข้าร่วมรบด้วย?” มหาเทพบลัดริจฝืนหัวเราะ “เดิมทีเราไม่ต้องการมอบพลังมหาเทพให้พวกเขามากเหมือนกัน แต่ถ้าเราไม่ทำแต่อีกฝ่ายหนึ่งทำ...นั่นก็หมายความว่าเราจะต้องแพ้แน่นอนไม่ใช่หรือ? เราทำอะไรไม่ได้เลย!”
ลินลี่ย์เข้าใจสถานการณ์ที่พวกเขาเป็นอยู่
มหาเทพทุกคนรู้ว่าการให้หยดพลังมหาเทพแก่ผู้ร่วมรบเป็นการบ้าคลั่งมากเกินไป แต่พวกเขาไม่มีทางเลือก
“ในการสู้รบที่เส้นทางดวงดาวกลุ่มของยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ใช้สมบัติมหาเทพจะได้รับผลมากมาย” มหาเทพบลัดริจพูดอย่างจริงจัง “ดังนั้น สิ่งที่ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างต้องการก็คือให้เจ้ารับทูตมหาเทพสักหกคน ตามกฎ มหาเทพน้อยสามารถรับทูตได้สองคน มหาเทพกลางรับได้สี่คนและประมุขมหาเทพรับได้แปดคน เนื่องจากเจ้ามีร่างแยกมหาเทพน้อยสามร่าง เจ้าสามารถรับทูตได้หกคน”
ลินลี่ย์พยักหน้าแสดงว่าเขาเข้าใจ
“แต่ข้าไม่มีสมบัติมหาเทพอะไรเลย” ลินลี่ย์พูดอย่างจนใจ
“สมบัติมหาเทพสำหรับเราเป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างได้ทุกๆ หมื่นปีราวๆ นั้นนั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ” มหาเทพบลัดริจหัวเราะ “มหาเทพเกือบทั้งหมดมีชีวิตเกินหลายร้อยล้านปีแล้ว เพียงแต่มีข้อตกลงระหว่างมหาเทพห้ามมหาเทพให้สมบัติมหาเทพมากกว่าหนึ่งชิ้น เพื่อที่ว่าต้องการรักษาสมดุลในระหว่างพวกเทพด้วยกัน”
“ลินลี่ย์,ถ้าเจ้าไม่มีสมบัติมหาเทพอะไรเลย ข้าจะให้เป็นของขวัญเจ้าสักสิบชิ้น” มหาเทพบลัดริจพูดอย่างไว้ตัว
ในแดนนรก มีเทพอยู่มากมายที่ต้องการให้พวกเขาอยู่รอดได้โดยสร้างสมบัติเทพ
ก็เป็นหลักการเดียวกัน สำหรับมหาเทพผู้สร้างสมบัติมหาเทพก็ยังต้องการของอย่างนี้ เพียงแต่จำเป็นต้องใช้เวลาและความพยายาม
“ก็ได้ ในเมื่อท่านพูดถึงขนาดนี้ก็เป็นอันตกลง” ลินลี่ย์หัวเราะและจากนั้นพยักหน้า แต่แล้วลินลี่ย์พูดด้วยความสงสัย “โบซัน, ข้าไม่เข้าใจจริงๆ เนื่องจากว่ามหาเทพทั้งหมดร่วมผนึกกำลังกัน ทำไมเราต้องกังวลเรื่องแดนสวรรค์จะเอาชนะได้? เป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะเอาชนะได้?”
มหาเทพบลัดริจพยักหน้า “แดนสวรรค์มักจะเป็นดินแดนที่ทรงพลังที่สุดของพิภพชั้นสูงทั้งสี่ นอกจากนี้วิถีชีวิตมีพลังโจมตีที่แปลกประหลาด ดังนั้นระหว่างสงครามมหาพิภพแดนสวรรค์มักจะได้รับชัยชนะบ่อยๆ ปกติเราไม่สนใจเรื่องนั้นมาก แต่เมื่อมีการชนะติดต่อกันเก้ารอบ อย่างนั้นเราไม่สามารถวางใจได้”
สำหรับการสู้รบในครั้งที่สุดเท่าที่เรารู้มา พวกเขาเตรียมกลยุทธ์ที่ทรงพลังมาก“ มหาเทพบลัดริจฝืนหัวเราะ ”นอกจากนี้โอกาสสำเร็จในกลยุทธ์นี้ก็มีสูงมาก”
“เป็นกลยุทธ์แบบไหน?” ลินลี่ย์พูดด้วยความสงสัย
“ประมุขมหาเทพแห่งชะตาจะไปขอความช่วยเหลือจากประมุขมหาเทพแห่งแสงออกุสตา เขาจะยืมเทวทูตสิบสองปีกมาเป็นจำนวนมาก” มหาเทพบลัดริจพูดอย่างจริงจัง “ลินลี่ย์! เจ้าควรจะรู้นะว่าการสู้รบเหนือแม่น้ำดวงดาวคือเหตุผลหนึ่งในความพ่ายแพ้เนื่องจากขาดขวัญกำลังใจ ฝ่ายหนึ่งยึดเส้นทาง ทุกคนที่มีสติอ่อนไหวและหวาดกลัวก็จะถูกยึดเส้นทาง”
ลินลี่ย์พยักหน้า เขารู้ว่าทหารที่ถูกยึดเส้นทางก็เหมือนภูเขาที่พังทลาย
เมื่อสองฝ่ายต่อสู้กันในเส้นทางดวงดาวเนื่องจากความกว้างของเส้นทางดวงดาว มีเพียงให้ทหารแต่ละฝ่ายสู้รบกัน เมื่อฝ่ายหนึ่งยึดเส้นทางได้ แม้ว่าทหารที่แนวหลังยังคงต่อสู้ พวกเขาก็ยังจะได้รับผลกระทบ
“แต่เทวทูตสิบสองปีกแตกต่างออกไป พวกเขาทุ่มเทให้กับประมุขมหาเทพแห่งแสง เมื่อประมุขมหาเทพแห่งแสงออกคำสั่ง แม้ว่าคำสั่งนั้นจะสั่งให้พวกเขาสละชีวิต พวกเขาจะไม่ลังเลแม้แต่น้อย” มหาเทพบลัดริจพูดอย่างจนใจ “นอกจากนี้เทวทูตสิบสองปีกเหล่านี้ทั้งหมดมีพลังอย่างน้อยเทียบเท่ากับอสูรเจ็ดดาว บางคนมีพลังใกล้เคียงกับผู้บัญชาการ!”
“ลองคิดดูนี่คือกลุ่มยอดฝีมือที่ทรงพลังที่ไม่มีความรู้สึกกลัวตาย นอกจากนี้พวกเขาสามารถตั้งขบวนพยุหะรบและต่อสู้ด้วยรูปแบบที่น่าทึ่งมาก พวกเขาไม่มีร่องรอยความเห็นแก่ตัวเองแม้แต่น้อย ทรงพลังอย่างน่าทึ่งกองทัพแบบนี้ยังมีอยู่ในสงครามมหาพิภพหรือ?” มหาเทพบลัดริจถอนหายใจ “โชคดีที่การให้กำเนิดเทวทูตสิบสองปีกเป็นเรื่องลำบาก การสะสมเทวทูตสิบสองปีกต้องใช้ระยะเวลาที่นานมาก ในอดีตประมุขมหาเทพวิถีชะตาจะขอประมุขมหาเทพแห่งแสงเพื่อขอยืมเทวทูตเหล่านี้ เขาไม่ต้องการให้ยืมบ่อยนัก เพราะการสร้างเทวทูตสิบสองปีกเป็นเรื่องที่ยากมาก
ลินลี่ย์ได้แต่พยักหน้ารับรู้
ไม่กลัวไม่เห็นแก่ตัว เข้ากับกลุ่มได้ดี และทรงพลัง
ในเส้นทางดวงดาวเนื่องจากพวกเขาไม่กลัว ไม่มีทางที่พวกเขาจะถูกยึดเส้นทาง ถ้าท่านต้องการชนะ ท่านต้องกำจัดเทวทูตสิบสองปีกทุกตน
นี่คือกองทัพที่น่ากลัวแน่นอน!
“เพราะเหตุนี้ประมุขมหาเทพวิถีชะตาในอดีตถึงเป็นหนี้บุญคุณประมุขมหาเทพแห่งแสงสองครั้ง” มหาเทพบลัดริจหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ในอดีตพิภพแสงศักดิ์สิทธิ์เนื่องจากไม่มียอดฝีมือมากนัก จึงชนะได้ยาก เทวทูตสิบสองปีกเหล่านั้นหาได้ยากมาก ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เป็นไพ่ตาย และสามารถใช้ได้ครั้งหรือสองครั้ง ดังนั้นออกุสตาจึงไม่สามารถใช้เพื่อตัวเองได้ เขาเลือกแลกเปลี่ยนเป็นบุญคุณจากประมุขมหาเทพวิถีชะตาแทน”
มหาเทพบลัดริจถอนหายใจ “ทั้งหมดที่ข้ารู้มาก็คือครั้งหนึ่ง เขาใช้หนี้บุญคุณขอให้ประมุขมหาเทพวิถีชะตาช่วยเขา เป็นเพราะความช่วยเหลือของประมุขมหาเทพวิถีชะตาประกอบกับโชคของเขาเอง จึงทำให้เขาได้รับอาวุธจอมเทพมาชิ้นหนึ่ง”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว
“อย่างนั้นประมุขมหาเทพวิถีชะตาก็เป็นหนี้บุญคุณเขาสองครั้งครั้งหนึ่งชดใช้ไปแล้ว ขณะที่อีกครั้งหนึ่งยังคงเหลือ” ลินลี่ย์เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
ดูเหมือนว่าประมุขมหาเทพแห่งแสงไม่ได้โกหกเขาแม้แต่น้อย เดิมทีถ้าเขาไล่ตามเข้าไปในแดนสวรรค์แล้ว ประมุขมหาเทพแห่งแสงอาจจะขอให้ประมุขมหาเทพชะตาฆ่าเขาก็ได้
“อย่างไรก็ตามครั้งนี้ประมุขมหาเทพวิถีชะตากำลังก่อหนี้บุญคุณอีกครั้งหนึ่ง” มหาเทพบลัดริจหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ในช่วงเวลานานหลายปีนับไม่ถ้วนออกุสตาสะสมเทวทูตสิบสองปีกอีกครั้งหนึ่ง เป็นไปได้ว่าเขาก็คงจะเข้าร่วม ออกุสตาโชคดีจริงๆเขาดูแลสระกำเนิดเทวดาที่สามารถให้กำเนิดเทวทูตสิบสองปีกได้ นอกจากนี้เขายังสะสมวิญญาณบริสุทธิ์จากดินแดนโลกธาตุเขาอดทนรอก็จะสามารถสร้างกองทัพเทวทูตสิบสองปีกได้ อนิจจา กองทัพเทวทูตระดับเทพที่กล้าหาญนี้พวกเขาเป็นตัวยุ่งยากอย่างแท้จริง”
“โอว ใช่..พวกเขาค่อนข้างจะ...”ลินลี่ย์กำลังหัวเราะ แต่ทันใดนั้น..
สีหน้าของลินลี่ย์ชะงักค้างและจากนั้นเขาหน้าซีดเผือดทันที!
“ลินลี่ย์! เป็นอะไรไปหรือ?” โบซันเห็นว่าหน้าของลินลี่ย์แปลกไป
“ท่าน ท่านบอกว่า...เขาสะสมเทวทูตสิบสองปีกไว้และจากนั้นจะส่งพวกเขาไปสมรภูมิมหาพิภพหรือ?” ลินลี่ย์จ้องมองโบซัน“ ”ทั้งหมดเลยหรือ?”
“ใช่, ส่งพวกเขาไปทั้งหมด” มหาเทพบลัดริจพูดด้วยความสงสัย “เป็นอะไรไป? ทำไมเจ้าทำหน้าอย่างนั้น?”
“ข้า..ข้าไม่เป็นไร โบซัน ข้าต้องการสงบจิตใจสักหน่อย ท่านกลับไปก่อนเถอะ” ใจของลินลี่ย์อยู่ในสภาพสับสน
“โอว” แม้จะสงสัย แต่มหาเทพบลัดริจไม่ถามอะไรเพิ่มขึ้น กลับออกมาแต่โดยดี
ภายในที่ว่างกว้างใหญ่ลินลี่ย์รั้งอยู่คนเดียว
“เมื่อสมาชิกเทวทูตสิบสองปีกทุกคนถูกส่งออกไปในสมรภูมิมหาพิภพ...ในท่ามกลางการสู้รบที่โหดร้ายป่าเถื่อน เป็นไปได้ว่าทั้งหมดอาจประสบหายนะ รอดได้ 10% ก็นับว่าอัศจรรย์แล้ว” ใจของลินลี่ย์อยู่ในสภาพปั่นป่วน “ท่านแม่ข้า...นาง...นางควรจะอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ถ้านางถูกส่งไปในสมรภูมิมหาพิภพ...”
ลินลี่ย์หวาดกลัว
“ข้าจะทำอย่างไรดี?” ลินลี่ย์มีจิตใจสับสนวุ่นวายไปหมด