ตอนที่ 21-23 เทวทูตสิบสองปีก
“เอ๋..ปู่เบรุต,ทำไมประมุขเผ่าทั้งสี่ถึงมาที่นี่เล่า?” ลินลี่ย์มองดูเบรุตด้วยความสงสัย
สำนึกเทพของลินลี่ย์ตรวจพบกัซลีสันและอีกสี่คนอยู่ในพื้นที่ของเขาได้ง่ายเพียงแต่ที่นั่นอยู่ในสวนตะวันออกของบ้าน
“โอว, เรื่องนั้น...” เบรุตพูดอย่างอึดอัด “ลินลี่ย์! เมื่อเจ้าไปฆ่าออกุสตาข้าคิดว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายได้โดยไม่มีปัญหา และข้ายังรู้ว่า..กัซลีสันและคนอื่นๆต้องการจะล้างแค้นให้บรรพบุรุษทั้งสี่ ดังนั้นข้าบอกพวกเขาไว้ก่อน ทำให้พวกเขามีความสุขกับเรื่องนี้”
ลินลี่ย์ตะลึงเขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้
“พวกเขา...รอฟังข่าวดีจากข้า?” ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าจะทำยังไง
เบรุตลูบเครากระแอมสองครา “หลังจากบอกพวกเขา พวกเขาตื่นเต้นกันยกใหญ่ พวกเขาแทบไม่สามารถรอได้ ดังนั้นพวกเขาตัดสินใจพักอยู่ในที่ของเจ้า เพื่อที่ว่าจะได้พบเจ้าทันทีที่กลับมา ข้าคิดว่า..พวกบ่าวไพร่ที่รักษาความปลอดภัยประจำคฤหาสน์เมื่อเห็นเจ้ากลับมาคงไปแจ้งให้พวกเขาทั้งสี่ทราบ และพวกเขาจะมาถึงในเวลาอีกไม่นานนี้”
ห้องโถงไม่เงียบสงบ
กัซลีสันและประมุขเผ่าหงส์เพลิงนั่งอยู่ทั้งคู่ ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวขมวดคิ้วเดินกลับไปกลับมา ขณะที่ประมุขเผ่าพญาเต่าดำยืนนิ่งอยู่ที่ประตูทางเดินสายตามีความกังวล
“พี่ใหญ่, ลินลี่ย์จะกลับมาเมื่อไหร่?” ประมุขเผ่าพญาเต่าดำหันไปคุยด้วยเสียงทุ้มดัง
“มหาเทพเคลื่อนไหวได้เร็วมาก ตามการคำนวณของข้าคงจะไม่นานนี้แน่ อย่ามัวแต่ยืนขวางประตูอยู่เลย มานั่งก่อนเถอะ ใจเย็นๆ อดใจรอก่อน” กัซลีสันเตือน
“ข้าจะนั่งได้ยังไงในเวลาแบบนี้?” ประมุขเผ่าพญาเต่าดำไม่มีแววอดทนในสีหน้าเลย เห็นได้ชัดเจนว่าเขาหงุดหงิดไม่สบายใจ
ประมุขเผ่าหงส์เพลิงนั่งอยู่ข้างกัซลีสันอดหัวเราะไม่ได้ “พี่ใหญ่!อย่าไปว่าน้องสามเลย แม้แต่ข้านั่งอยู่ที่นี่ก็ยังสงบใจไม่ได้แม้แต่น้อย มหาเทพมีความเร็วสุดยอดและวันนี้เขาจะกลับมาแน่นอน ข้าสงสัยว่าลินลี่ย์จะทำได้สำเร็จหรือไม่”
“ลอร์ดเบรุตเป็นคนพูดเอง” กัซลีสันกล่าว “ด้วยนิสัยของลอร์ดเบรุต เขาจะพูดสิ่งที่ไม่มั่นใจได้หรือ?”
“ใช่แล้ว” คนอื่นๆ ก็รู้เรื่องนี้
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ประมุขเผ่าตระกูลทั้งสี่รู้สึกกระวนกระวายใจ
“ท่านประมุข, ท่านประมุข” ขณะนั้นมีร่างคนผู้หนึ่งบินเข้ามาหาด้วยความเร็วสูง
“ควั่บ”
กัซลีสันและประมุขเผ่าหงส์เพลิงลุกขึ้นยืนพร้อมกันและประมุขเผ่าตระกูลทั้งสี่มองหญิงรับใช้ที่กำลังบินเข้ามาหา หญิงรับใช้นั้นรีบรายงานแต่ไกล“ลอร์ดลินลี่ย์กลับมาแล้ว! เขาอยู่ในที่พักของลอร์ดเบรุต!”
“ควั่บ!”
แนวแสงพุ่งวาบไปทันทีและร่างทั้งสี่หายไปจากในห้องโถงทันที
ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้กับโต๊ะศิลา ลินลี่ย์และเบรุตในตอนนี้กำลังนั่งหันหน้าเข้าหากัน
“พวกเขากำลังมา” ลินลี่ย์จิบเหล้า จากนั้นถอนหายใจหัวเราะ
“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้าเอง” เบรุตส่ายศีรษะถอนหายใจและหัวเราะอย่างเก้อเขิน “บอกตามตรง ข้ายังไม่เข้าใจ ประมุขมหาเทพแห่งแสงเป็นประมุขมหาเทพแต่ไม่ใช่พารากอนเป็นไปได้ยังไงที่พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นได้มากกว่าที่เราคาดถึงสิบเท่า? โลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยชนะสงครามมหาพิภพเกินสามรอบเลย”
“เว้นแต่...ออกุสตามีร่างแยกระดับมหาเทพ” นี่คือการตัดสินของเบรุต
ลินลี่ย์ไตร่ตรองอยู่นาน แต่ได้แค่เพียงสรุปอย่างนี้เช่นกัน
แต่นี่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
“โอกาสต่ำมาก” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “ข้าพบมหาเทพมามากกว่าหกสิบคนแล้วในตอนนี้ ไม่มีสักคนที่มีกลิ่นอายอย่างเดียวกับประมุขมหาเทพแห่งแสง ถ้าประมุขมหาเทพแห่งแสงมีร่างแยกมหาเทพเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะซ่อนเอาไว้โดยประมุขมหาเทพอื่นไม่รู้? ประมุขมหาเทพวิถีมรณะและทำลายล้างเกิดขึ้นมาพร้อมกับการสร้างพิภพของพวกเขาเอง แม้ว่าคนอื่นอาจจะถูกหลอก แต่สองคนนี้คงไม่ถูกหลอก”
เบรุตพยักหน้าเช่นกัน
อะไรคือสาเหตุที่ประมุขมหาเทพแห่งแสงมีพลังเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ถึงสิบเท่า?
“ลินลี่ย์!” เสียงเรียกตื่นเต้นดังขึ้น
ลินลี่ย์หันไปมอง เขาเห็นแสงสี่สายพุ่งเข้ามาหาจากนั้นกลายเป็นร่างสี่ร่าง เป็นกัซลีสันและประมุขตระกูลอีกสามคน กัซลีสันมั่นคงดูสุขุมประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวดูน่ากลัวห้าวหาญ ประมุขเผ่าหงส์เพลิงดูเจ้าปัญญาประมุขเผ่าพญาเต่าดำดูสงวนท่าที ทุกคนจ้องมองมาทางลินลี่ย์อย่างคาดหวังและกระตือรือร้น
“ประมุขมหาเทพแห่งแสงถูกฆ่าหรือยัง?” ประมุขเผ่าหงส์เพลิงอดถามไม่ได้
ลินลี่ย์และเบรุตชำเลืองมองกันเองและจากนั้นลินลี่ย์ฝืนหัวเราะ “กัซลีสัน,ข้าทำให้ท่านต้องผิดหวังเสียแล้ว ข้าไม่สามารถฆ่าออกุสตาได้!”
ลินลี่ย์ไม่อธิบายต่อไป
กัซลีสันและอีกสามคนตะลึงและจากนั้นพวกเขาค่อยแสดงความผิดหวังและยิ้มอย่างเก้อเขิน
“ลินลี่ย์” กัซลีสันคำนับ“ข้ารู้เพราะลอร์ดเบรุตบอกเราเกี่ยวกับความมั่นใจที่เขารู้สึกมั่นใจในระดับหนึ่ง เวลานี้ล้มเหลวไปแล้ว..เราอยากจะรู้ ลินลี่ย์! ท่านจะฆ่าประมุขมหาเทพแห่งแสงในอนาคตได้หรือเปล่า?” ประมุขตระกูลอีกสามคนมองดูลินลี่ย์ทันที
สำนึกเทพของลินลี่ย์แผ่ไปทั่วเทือกเขาสกายไรท์ เนื่องจากพลังเทพของเขา ถ้ามีมหาเทพอื่นจับตาดู พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสังเกตของเขาได้
“ข้าไม่แน่ใจว่าจะฆ่าเขาได้เมื่อไหร่ แต่ทันทีที่ข้ามีพลังเพียงพอ ข้าจะทำแน่” ลินลี่ย์พูดอย่างจริงจัง
กัซลีสันและประมุขตระกูลอีกสามคนมองหน้ากันเองจากนั้นยิ้มขอบคุณลินลี่ย์
“ขอบคุณ” ทั้งสี่คนคำนับเล็กน้อย
“ไม่จำเป็น ข้าก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว” ลินลี่ย์ถอนหายใจเบาๆ ความจริงเมื่อเห็นสายตาที่สำนึกขอบคุณของกัซลีสันและคนอื่นก็ทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้น ที่สำคัญเขายังฆ่าออกุสตาไม่ได้
“เอาล่ะ” เบรุตหัวเราะ “พวกเจ้าสี่คนกลับไปพักเถอะ ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์รอแก้แค้นมาได้ถึงสองหมื่นปีแล้ว ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในตอนนี้” เบรุตรู้สึกได้ว่าหลายอย่างค่อนข้างจะน่าอึดอัดระหว่างประมุขตระกูลทั้งสี่เขาและลินลี่ย์ ดีที่สุดให้พวกเขากลับไปตอนนี้ก่อน
กัซลีสันและอีกสามคนกลับไปทันที
“ครั้งนี้..เฮ้อ..” เบรุตหัวเราะเยาะตัวเอง “ความอึดอัดเก้อเขินของพวกเขาเป็นเพราะการกระทำของข้าเอง”
“ไม่ใช่เป็นความผิดของปู่ ที่สำคัญข้ายังไม่เข้าใจว่าประมุขมหาเทพแห่งแสงมีพลังเกินกว่าที่เราคาดไปถึงสิบเท่าได้ยังไง เรื่องนี้มีอะไรเป็นสาเหตุ?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้วทันที “ปู่เบรุต, ข้ายังพบว่ามีเรื่องพิเศษอีกสองประการ ประการแรกพลังร่างกายของออกุสตาทรงพลังมาก แม้ว่าจะด้อยกว่าของข้า แต่ก็ยังทรงพลังมากอยู่ดี ประการที่สองพลังป้องกันวิญญาณของออกุสตาทรงพลังมากเช่นกัน”
ออกุสตาถูกกระบี่เจตจำนงของลินลี่ย์ แต่วิญญาณของเขาดูเหมือนไม่มีผลกระทบอะไรแม้แต่น้อย
เบรุตเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน
“ร่างของเขาแข็งแกร่งมากและวิญญาณของเขาก็ยังแข็งแกร่งด้วยเช่นกันหรือ? ออกุสตา.. เขามีความลับอะไรอยู่กันแน่?” เบรุตพึมพำกับตนเองแผ่วเบา
“ถ้าไม่สามารถค้นหาได้พบ เราอาจจะต้องหยุดคิดก่อน” ลินลี่ย์เปลี่ยนหัวข้อคุย ที่สำคัญปู่เบรุตสิ่งที่ข้ากังวลที่สุดก็คือท่านแม่ข้า! อย่างไรก็ตามข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับท่านแม่ข้า ไม่รู้แม้กระทั่งกลิ่นอายเฉพาะตัว ต่อให้ข้าแผ่สำนึกเทพไปทั่วพิภพแสงศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็ไม่รู้ว่าเทวทูตคนใดเป็นมารดาข้า”
ต่อให้มารดาเขายืนอยู่ข้างหน้าเขาบางทีเขาคงไม่รู้จักนาง
“นี่ลำบากมากจริงๆ” เบรุตหัวเราะอย่างจนใจ “เมื่อตอนมารดาเจ้ายังมีชีวิตข้าใช้สำนึกเทพตรวจพบนาง เพียงแต่ข้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับวิญญาณมนุษย์ธรรมดาดังนั้นข้าจึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับวิญญาณมารดาเจ้า”
“ปู่เบรุต” ลินลี่ย์พูดอย่างกังวลใจ “ข้ารู้ว่าเทวทูตแบ่งออกเป็นสองปีก สี่ปีกและมีแม้กระทั่งสิบสองปีก ท่านแม่ข้าควรจะเป็นเทวทูตกลุ่มไหน?”
ลินลี่ย์กังวลว่ามารดาของเขาจะตายไปแล้ว
ต้องเข้าใจว่าเทวทูตระดับต่ำที่สุดจะถูกส่งไปยังพิภพโลกธาตุต่างๆเทวทูตระดับต่ำอย่างนั้นสามารถตายได้ทุกเมื่อ
“แม่ของเจ้าเป็นเทวทูตแบบไหน? ข้าขอถามเจ้าก่อนเมื่อวิญญาณแม่เจ้าถูกบูชายัญกับมหาเทพ ศาสนจักรเจิดจรัสได้รางวัลไหม?” จู่ๆ เบรุตก็ถามขึ้น
“พวกเขาได้รับรางวัล” ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย และเขารีบกล่าว “เท่าที่ข้าได้ยินมาศาสนจักรเจิดจรัสเองก็ได้รับรางวัลมากอย่างน่าประหลาด แม้แต่ราชาเคลย์คนที่เอาท่านแม่ข้าไปให้ศาสนจักรเจิดจรัสก็ยังได้เพิ่มพลังจากนักรบระดับแปดเป็นระดับเก้า”
“โอว”ตาของเบรุตเป็นประกายและเขาหัวเราะทันที “ลินลี่ย์! เทวทูตแบ่งเป็นหกระดับ สามระดับล่างเป็นเซียนทั้งหมด ขณะที่สามระดับสูงเป็นระดับเทพ โดยทั่วไปพวกเขาถูกกำหนดโดยความบริสุทธิ์ของวิญญาณ เพียงแต่เมื่อศาสนจักรในดินแดนโลกธาตุวิญญาณที่จะกลายเป็นเทพได้ก็จะได้รับรางวัล”
ลินลี่ย์อดพยักหน้าไม่ได้
ใช่แล้วเทวทูตมีมากจนเกินจะนับ ถ้าบูชายัญวิญญาณที่สามารถกลายเป็นแค่เซียนก็คงไม่ได้รับรางวัลอะไรแน่นอน
“แต่ขนาดของรางวัลก็ยังคงขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของวิญญาณเช่นกัน โดยทั่วไปเทวทูตแปดปีกจะเทียบเท่ากับเทียมเทพ เทียมเทพเป็นเทพระดับอ่อนแอที่สุดในพวกเทพโดยทั่วไปจะไม่ได้รับรางวัลที่สำคัญอะไรนัก อย่างมากก็เป็นการส่งเสริมตามธรรมชาติ วิญญาณที่สามารถเปลี่ยนไปเป็นเทวทูตสิบปีกจะทำให้ได้รับรางวัลดีขึ้น ที่สำคัญระดับเทพแท้ไม่ได้สำคัญมากนัก”
ลินลี่ย์พยักหน้า จำนวนของเทียมเทพและเทพแท้ในแดนนรกก็มีนับไม่ถ้วนอยู่แล้ว
“ความจริงเทวทูตที่ทรงพลังที่สุดก็คือเทวทูตสิบสองปีกและทุกๆตนก็ทรงพลังเป็นอย่างมาก โดยทั่วไปมีพลังระดับเจ็ดดาว!” เบรุตพูดจริงจัง
“อะไรนะ?” ลินลี่ย์อดร้องด้วยความตกใจไม่ได้
เทพชั้นสูงไม่มีความสำคัญจริงๆ แต่อสูรเจ็ดดาวและเทพชั้นสูงทั่วไปเป็นระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“เทวทูตสิบสองปีกทรงพลังขนาดนั้นได้ยังไง?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
เบรุตหัวเราะ “ข้าได้รู้เรื่องนี้เมื่อตอนคุยกับมหาเทพบลัดริจโบซัน เจ้ารู้ไหมว่าเทวทูตถือกำเนิดจากสระกำเนิดเทวดา?”
“ข้าได้ยินเรื่องนั้นมาแล้ว” ลินลี่ย์รีบกล่าว เมื่อเร็วๆ นี้เมื่อตอนคุยกับออกุสตาลินลี่ย์ได้ยินเรื่องสระกำเนิดเทวดามาเช่นกัน
“มีสระกำเนิดเทวดา 128 แห่ง ถูกแบ่งและควบคุมโดยมหาเทพของโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด ประมุขมหาเทพควบคุม 64 แห่งมหาเทพกลางสองคนควบคุมคนละ 16 มหาเทพน้อยควบคุมคนละ 8” เบรุตอธิบายอย่างระมัดระวัง “เทวทูตความจริงเป็นอาวุธร่างมนุษย์ วิญญาณของพวกเขาหลังจากถือกำเนิดในสระกำเนิดเทวดาจะไม่มีความทรงจำในอดีต นอกจากนี้พวกเขายังจงรักภักดีต่อมหาเทพธาตุแสง! พวกเขาจะไม่มีความเห็นแก่ตัวแม้แต่น้อย”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“หลังจากเปลี่ยนแปลงแล้วพวกเขาจะไม่สามารถรู้แจ้งกฎธรรมชาติได้อีกต่อไปไม่สามารถเพิ่มความรู้ความเข้าใจได้อีกต่อไป” เบรุตถอนหายใจ “ถ้าหลังจากเปลี่ยนแปลงแล้ว พวกเขาเป็นเทวทูตระดับเซียน อย่างนั้นพวกเขาจะเป็นเทวทูตระดับเซียนตลอดไป”
“พวกเขาไม่สามารถได้รับความรู้แจ้งได้ดังนั้นเป็นธรรมดาที่เคล็ดลึกลับที่พวกเขาใช้โจมตีไม่ได้มาจากความรู้แจ้งของตนเอง” เบรุตกล่าว “สระกำเนิดเทวดาทุกแห่งจะเชื่อมโยงวิญญาณของมหาเทพ มหาเทพจะหลอมรวมพลังโจมตีที่ทรงพลังของตนไว้ในสระกำเนิดเทวดา เพียงแต่มีความแตกต่างของระดับพลังในสระกำเนิดเทวดาแต่ละแห่ง สระกำเนิดเทวดาที่มีพลังต่ำสามารถเก็บรับไม้ตายวิชาระดับต่ำเท่านั้น ดังนั้นเทวทูตที่ถูกผลิตออกมาจึงเป็นเทวทูตอ่อนแอ”
“อย่างไรก็ตามสระกำเนิดเทวดาระดับสูงรองรับพลังโจมตีหลอมรวมเคล็ดลึกลับห้าอย่างไว้ภายในเพราะนั่นคือพลังโจมตีที่มหาเทพใช้เอง!” เบรุตอธิบาย “ดังนั้น, เทวทูตกำเนิดจากสระกำเนิดเทวดาระดับสูงจะเป็นเทวทูตสิบสองปีกโดยทั่วไปจะมีไม้ตายโจมตีชั้นสุดยอดที่หลอมรวมเคล็ดลึกลับสี่อย่างหรือห้าอย่าง!”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว
มิน่าเล่าเทวทูตสิบสองปีกทุกคนถึงได้ทรงพลังมากนัก! เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้รับความรู้แจ้ง พวกเขาเกิดมาก็เข้าใจถึงพลังโจมตีที่สูงส่งเหล่านั้นแล้ว
“เทวทูตสิบสองปีกทรงพลังมาก ในอดีตเมื่อข้าประกาศถึงความคงอยู่ของสุสานเทพเจ้า ข้าสามารถดึงดูดผู้คนมากมายรวมทั้งอสูรเจ็ดดาวของแดนนรกและแม้แต่เทวทูตสิบสองปีกมาด้วย ข้าคิดว่าเทวทูตสิบสองปีกต้องการจะชิงสมบัติมหาเทพ ที่สำคัญจำนวนสมบัติมหาเทพที่มหาเทพสามารถให้ได้มีอย่างจำกัด”
เบรุตถอนหายใจ “ในการต่อสู้พลังที่เทวทูตสิบสองปีกแสดงออกมาไม่ด้อยไปกว่าอสูรเจ็ดดาวเลย!”
“สระกำเนิดเทวดา ช่างน่ากลัวจริงๆ สามารถผลิตเทวทูตสิบสองปีกที่ไม่อ่อนแอกว่าอสูรเจ็ดดาวได้” ลินลี่ย์ถอนหายใจ
“มันไม่ง่ายขนาดนั้น เงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับวิญญาณที่สามารถรองรับพลังของเทวทูตสิบสองปีกเข้มงวดมาก! การสร้างเทวทูตสิบสองปีกเป็นงานยากจริงๆ ดังนั้นถ้าพิภพโลกธาตุสามารถบูชายัญวิญญาณที่สามารถกลายเป็นเทวทูตสิบสองปีกได้ศาสนจักรที่บูชายัญจะได้รับรางวัลมหาศาล”
เบรุตถอนหายใจขณะกล่าว “ศาสนจักรเจิดจรัสมีความสุขขณะที่ราชาเฟนไลก็ได้พลังเพิ่ม! ข้าคิดว่า...วิญญาณแม่เจ้าต้องบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ประเภทเทวทูตที่นางถือกำเนิดคงจะเป็นเทวทูตสิบสองปีกที่ทรงพลังมากที่สุด!”