ตอนที่ 778 มุทราจิตวิญญาณไร้ลักษณ์
“ข้าผิดหวังจริงๆ”
เสียงของโกวเฉิงเวิ่นเต้าเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง ดวงตาที่น่ากลัวและเย็นชากวาดมองเหล่าแม่ทัพที่นั่งตัวตรง ห้องยุทธศาสตร์เงียบกริบ ผมม้าของเขาปรกลงมาถึงครึ่งตาทำให้ใบหน้าที่หล่อเย็นชาของเขาดูขาวซีด
นอกจากเสียงเย็นชาแล้วเขายังดูเฉยชา
“เป็นแนวป้องกันที่เล็กน้อยอย่างนั้นพวกเขายังขัดขวางพวกเจ้าได้ถึงสามวันเชียวหรือ คลิฟ!นี่คือความรับผิดชอบของเจ้า”
คลิฟลุกขึ้นยืนและตอบรับ“ขอรับ!”
เขาไม่ผลักความรับผิดชอบออกไปและไม่หาข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น ล้มเหลวก็คือล้มเหลว
“นั่งลงก่อน”โกวเฉิงเวิ่นเต้ามองดูผมหงอกของคลิฟ รอยย่นบนใบหน้าที่ซูบดูอ่อนโยนลง คลิฟ เคน และซีเก้คือสามแม่ทัพใหญ่ใต้บังคับบัญชาของเขาโดยตรง คลิฟอยู่ข้างกายเขามานานที่สุดและมีส่วนร่วมมากที่สุด นอกจากนี้เขาเข้าใจว่าบรรดาขุนทัพของเขาเอง คลิฟชำนาญรูปแบบสงครามและไม่ค่อยก่อความผิดพลาดได้ง่ายๆ
เซี่ยอวี่อันแข็งแกร่งทรงพลังนั่นคือความคิดที่เขาได้รับเมื่อคลิฟส่งรายงานให้เขา
“ขอรับ! คลิฟไม่พูดอะไรอื่นและนั่งลง
โกวเฉิงเวิ่นเต้าหยีตามีแววชื่นชมอยู่บ้างไม่ว่าชนะหรือพ่ายแพ้คลิฟไม่เคยอวดอ้างหรือแก้ตัว และไม่เคยสงสัยคำสั่ง เพราะจุดนี้เคนและซีเก้จึงไม่มีทางเทียบกับคลิฟได้
สีหน้าเขาเย็นชาอีกครั้ง และน้ำเสียงของเขาสูงแหลม “เราไม่ได้ต่อสู้นอกทวีปกวงหมิงมานานมากแล้ว ทุกคนยังไม่คุ้นเคยกับมัน เรามีข้อมูลพันธมิตรใต้อย่างจำกัดเช่นกัน แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ข้ออ้างสำหรับความล้มเหลว”
สายตาของเขากวาดมองไปทั่วพื้นที่ “ชัยชนะ! ข้าต้องการชัยชนะเท่านั้น! เข้าใจไหม?”
หัวใจของแม่ทัพต่างๆเย็นเฉียบ พวกเขาตอบพร้อมเพรียงกัน “ขอรับ!”
‘กำลังใจยังดี, ดูเหมือนผลกระทบจากเซี่ยอวี่อันไม่ใช่เรื่องใหญ่’
โกวเฉิงเวิ่นเต้ายังคงทำสีหน้าไร้ความรู้สึกขณะที่เขาตัดสินสั่งการทหาร และยังคงพูดต่อ “กำลังใจของศัตรูแข็งแกร่งยอดเยี่ยมมาก และพวกเขาไม่ยินดียอมแพ้ง่ายๆพวกเขาต้องการดึงเราให้เข้าไปอยู่ในจังหวะของพวกเขา และต้องการใช้แนวป้องกันของพวกเขาสร้างเป็นเครื่องบดเนื้อ ดังนั้นพวกเขาหวังว่าเราจะต้องแบ่งกำลังทหาร”
เขาหยุดครู่หนึ่งนัยน์ตาของเขามองดูแม่ทัพของเขา เขาพูดอย่างเฉยเมย “เราจะแบ่งทหารของเราออก”
แม้ว่าแม่ทัพหลายคนยังคงสงบ แต่แววตกใจในดวงตาพวกเขาขัดแย้งกับสีหน้าที่พวกเขาแสดงออก แต่คลิฟ เคนและซีเก้ สามแม่ทัพใหญ่ไม่แสดงร่องรอยความประหลาดใจออกมา
“เวลา” โกวเฉิงเวิ่นเต้าพูดอย่างเย็นชา “ถ้าเราต้องการหลีกเลี่ยงจากสภาพที่พัวพันอยู่นี้เราต้องเป็นเหมือนดาบที่คมกริบที่ตัดผ่านเกราะหนังได้ เราต้องทำลายล้างแนวป้องกันให้ราบคาบอย่าให้เวลาพวกเขาได้จัดตั้งแนวป้องกันใหม่อีก ข้าไม่มีความอดทนจะสู้รบอย่างไม่มีเวลาจบสิ้นกับพวกเขา พวกเขากำลังพนันให้เราแบ่งแยกกองกำลัง ดังนั้นก็จะสามารถตัดความได้เปรียบของเราในเรื่องจำนวนคน แต่นี่ยังจะเพิ่มโอกาสเราในการหาช่วงแนวป้องกันของพวกเขา”
“ข้ามีข้อขอร้องง่ายๆ พวกเจ้าทุกคนต้องร่วมกันผลักดันและทำลายแนวป้องกันนี้ให้ได้”
โกวเฉิงเวิ่นเต้าพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายและตาที่หรี่ปรืออยู่ครึ่งหนึ่งพลันเบิกกว้าง แสดงให้เห็นความเยือกเย็นหนาวเหน็บยิ่งกว่ารังสีดาบ
“ข้าจะกำจัดเซี่ยอวี่อัน,และปล่อยที่เหลือให้กับพวกเจ้า สงสัยอะไรอีกไหม?”
ทุกคนลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเย็นชาและรับปฏิบัติพร้อมกัน
พวกเขาตกใจกันหมดผู้บัญชาการจะลงมือด้วยตนเอง!
*****************
ถังเทียนลืมตากระบี่อมตะยังคงเปล่งคลื่นสั่นสะเทือนที่ละเอียดมากกวาดไปทั่วตัวเขาอย่างต่อเนื่อง
พลังสั่นสะเทือนเล็กน้อยโคจรลึกไปภายในกระดูกของเขาทำให้ความไม่บริสุทธิ์ปนเปื้อนที่เขาไม่มีทางขจัดได้ ค่อยๆ ถูกขจัดออกมา การเสริมพลังของมุทรากระบี่กำสรวลช้ายิ่งกว่ามุทราหัตถ์เด็ดบุปผาและมุทราหมัดพิโรธแต่มีประสิทธิภาพมากและลึกล้ำ
ร่างของเขาที่หยุดก้าวหน้าเริ่มก้าวหน้าได้อีกครั้ง
เหตุผลที่เขาไม่รีบบินไปที่เมืองม้าบินเป็นเพราะเขารู้สึกว่าติดอยู่ในสภาพคอขวดอีกครั้ง
การสู้รบรุนแรงต่อเนื่องกับยอดฝีมือทั้งหมดในทำเนียบนักสู้ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้เขาจนรู้แจ้งมากมาย
เขายังทำสมาธิและค่อยๆรำลึกถึงการสู้รบ ค่อยๆ ได้รับการรู้แจ้ง เขาไม่ถึงกับไม่คุ้นเคยกับสภาพเช่นนี้อีกต่อไป ในการฝึกฝนของเขาทั้งหมดเขาเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนั้นหลายครั้งแล้ว
เขาได้รับการรู้แจ้งในสามมุทราของหกมุทราเทพอสูร แต่ความจริง นอกจากมุทราหมัดพิโรธแล้วการรู้แจ้งมุทราหัตถ์เด็ดบุปผาและมุทรากระบี่กำสรวลยังคงค่อนข้างตื้น สภาพลวงตาที่เขาอยู่กับเสี่ยวหลานก่อนหน้านี้และกระบี่อมตะทำให้เขารู้ว่าภาพลวงตาไม่ง่ายอย่างที่มันเป็น
‘หรือว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในภาพลวงตาเป็นบางอย่างที่ข้าได้ผ่านมาก่อน?’
ในขณะนั้นเขานึกทบทวนเกี่ยวกับกระบวนการฝึกหมัดปีศาจพันแปลงที่มีความคล้ายคลึงกัน
‘ภาพลวงตา? ข้าไม่เคยได้ยินว่าภาพลวงตาทรงพลังขนาดนั้น!’
‘เอาเถอะ,เรื่องนี้ดูเหมือนจะซับซ้อนเกินไป’ ถังเทียนโยนความคิดนี้ออกไปจากใจ ไม่ว่าจะเป็นภาพลวงตาหรือไม่ ก็ยังทำให้เขาได้รู้แจ้งมุทราหัตถ์เด็ดบุปผาและมุทรากระบี่กำสรวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพลวงตาเป็นภาพที่คมชัด เขาจำได้ถึงอารมณ์ที่เขารู้สึกภายในนั้นอย่างชัดเจน
‘เป็นการต่อสู้ที่หนักหน่วงจริงๆ’
จนกระทั่งเดี๋ยวนี้การต่อสู้ในภาพลวงตานั้นรุนแรงที่สุด จนเขาแทบจะทนอยู่ไม่ได้ มีมากมายหลายครั้งที่เขาพบตัวเองว่าจะพังทลายถ้าให้เขาต้องทำทั้งหมดอีกครั้ง เขาไม่กล้ายืนยันว่าจะทำได้อีกหรือไม่
เพราะเหตุผลบางอย่าง เขาคิดถึงอารมณ์ที่เขามีในสถานการณ์ตอนนั้นทันที
‘นั่นคือจุดวิกฤติของข้า’
‘เวลานั้นข้าอาศัยสัญชาตญาณต่อสู้เพียงอย่างเดียว’ เขาไม่ล้มลงแต่เขาไม่สามารถอยู่เหนือจุดวิกฤติได้ และโดยคาดไม่ถึง นั่นเป็นช่วงเวลาที่รูปแบบการต่อสู้ของเขาน่ากลัวที่สุด
เหมือนกับเครื่องจักรฆ่าที่แท้จริง!
วิธีการที่เขาใช้ทั้งหมด รูปแบบของเขาทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมาในระดับสูงสุด
ขณะนั้นดาบมารพิฆาตของเขาไม่สามารถหยุดได้แข็งแกร่งมากกว่าปกติ
‘เป็นไปได้ไหมว่าสภาวะที่เราอยู่มีขีดจำกัดเราปลดปล่อยศักยภาพทั้งหมดได้เมื่อไหร่?’
เมื่อความคิดนั้นผุดขึ้นมาก็ไม่สามารถหยุดได้ ความปรารถนาของถังเทียนที่จะเพิ่มพลังให้ได้มาก ไม่ว่าจะใช้วิธีไร ตราบใดที่ทำให้เขาแข็งแกร่ง เขาจะใช้โดยไม่ลังเลเลย
‘ทุกคนกำลังรอให้ข้าไปช่วยพวกเขา ข้าจำเป็นต้องต่อสู้หาทางกลับไปยังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์!’
‘แต่ข้าจะเข้าไปสู่สภาวะวิกฤตินั้นได้ยังไง?’ ถังเทียนขมวดคิ้ว พลังกายในปัจจุบันของเขาก็เฉียบขาดดีอยู่แล้วแทบทำให้คนที่รู้สั่นสะท้านได้ ความแข็งแรงระดับนี้ไม่เพียงบ่งบอกถึงพลังร่างกายของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงพลังชีวิตที่น่ากลัวแก่นต้นกำเนิดชีวิตมากมายที่เขาได้กลืนกิน การสู้รบธรรมดาไม่สามารถทอนความแข็งแรงของเขาได้ ขณะที่ความสิ้นเปลืองพลังยังไม่เทียบเท่าอัตราการฟื้นฟูพลังของเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะภาพลวงตา ถ้าไม่ใช่เพราะคลื่นคนแคระพลอยน้ำเงินที่ทะลักตะลุยเข้ามาไม่หยุด เขาคงไม่สามารถเข้าสู่สภาวะวิกฤตินั้นได้
เขาฝืนหัวเราะ เขาไม่เคยคิดว่าอาจมีสักวันที่เขาจะต้องมาหงุดหงิดกับระดับการฟื้นฟูซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดถึงมาก่อนในอดีต
‘เส้นทางนี้จะหยุดเพียงเท่านี้หรือ?’
ถังเทียนไม่ได้รามือ เขารู้สึกเลือนรางว่าความคาดเดาของเขาน่าจะถูก
“ข้าจะปล่อยให้พลังกายอยู่ในระดับต่ำสุดของมันได้ยังไง?’
‘เข้าใจแล้ว!’ ถังเทียนผู้ไม่ค่อยใช้สมองพบวิธีการทันที
หมัดเทพเจ้า! เขายังมีหมัดเทพเจ้า!
‘ทุกครั้งที่ข้าใช้หมัดเทพเจ้า ข้ารู้สึกว่าพลังจะหมดไปจนถึงจุดแทบตายไม่ใช่หรือ?’
‘ใช่แล้ว!’
ถังเทียนตื่นเต้นทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาบินขึ้นไปในอากาศ
ในกลุ่มเมฆ..ตาถังเทียนสว่างเหมือนดวงดาวขณะที่เขารั้งหมดตั้งท่าช้าๆ
ซี่...!
สายใยกฎธรรมชาตินับไม่ถ้วนตรงเข้าหาหมัดของเขาจากทุกทิศทางเครื่องหมายรูปแบบต่างๆ นับไม่ถ้วนผ่านเข้ามาในใจเขา รัศมีสว่างบนหมัดของเขาเริ่มสว่างมากขึ้นและในพริบตาก็สว่างเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์
เมืองพายุสว่างไสวราวกับตอนกลางวัน
รัศมีที่น่ากลัวเปล่งออกมาจากหมัดเทพเจ้ากวาดผ่านไปทั่วทั้งเมืองทำให้ทุกคนมองดูถังเทียนด้วยความตกใจ
ถังเทียนรู้สึกได้ว่าพลังร่างกายของเขาเหือดแห้งลงอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อของเขาอ่อนแรงลงมากสภาพใจกระจกใสของเขาทรงพลังเนื่องจากความแตกต่างของความรู้สึกสองอย่างนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิงปรากฏออกมาเป็นภาพขัดแย้งกัน
‘ไม่, ยังไม่พอ!’
แม้ว่าร่างของเขายังรู้สึกว่างเปล่า แต่ก็ยังไม่พอจะถึงระดับจุดวิกฤติ
โดยไม่ทันรู้ตัวร่างของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาจนถึงจุดที่ถังเทียนสามารถปล่อยหมัดเทพเจ้าได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดก็คือนั่นหมายความว่าเขาต้องหาทางทำให้เรี่ยวแรงของเขาหมดไปอีก
‘ข้าจะทำอะไรอื่นได้บ้าง?’
‘หรือว่าใช้หมัดเทพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง?’
ถังเทียนส่ายศีรษะ เขารู้สึกถึงความว่างเปล่าแล้ว และไม่สามารถทำต่อหมัดเทพเจ้าได้แม้สักวินาที ถ้าเขายังฝืนใจพยายามต่อไป เขาจะตกอยู่ในอาการวิกฤติ
ที่สำคัญยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลงในหมัดเทพเจ้าของเขานั้นถึงขีดจำกัดของมัน
หมัดเทพเจ้าของเขาแฝงด้วยความเปลี่ยนแปลงในวิชาหมัดพร้อมกับวิชาหมัดพื้นฐานของเขา ซึ่งเป็นตรงกันข้ามเปลี่ยนจากรูปแบบซับซ้อนเป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุด มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายเป็นวิชาหมัด หมัดนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป เพียงแต่เครื่องหมายต่างๆซึ่งดึงดูดสายใยกฎธรรมชาติเข้า และเครื่องหมายต่างๆ มากมาย เขาสามารถสร้างฉากภาพที่เขาดึงดูดสายใยกฎธรรมชาติเข้ามา
แต่ไม่ว่าจะมีเครื่องหมายเปลี่ยนแปลงมาเท่าใด ก่อนหน้านี้เขามีอยู่เพียงหนึ่ง
อากาศรอบตัวถังเทียนถูกแช่แข็ง สายใยกฎธรรมชาตินับไม่ถ้วนครอบคลุมอยู่ในหมัดของเขา และถูกบีบอัดเป็นลูกกลมแสง
‘ข้าจะทำอะไรอื่นได้อีก?’
การเปลี่ยนแปลงในมือขวาของเขาเต็มเปี่ยมเหมือนบ่อน้ำเต็มไปด้วยน้ำไม่สามารถรองรับน้ำอีกได้แม้แต่หยุดเดียวนอกจากปลอดปล่อยหมัดของเขา เขาไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้อีกต่อไป
‘ไม่, ข้ายังมีมือซ้าย’ ถังเทียนคิดทันที
‘ใช่แล้วข้ายังมีมือซ้าย’
‘ข้าจะทำอะไรกับมือซ้ายข้าได้? ดาบมารพิฆาต? มุทราหมัดพิโรธ? มุทราหัตถ์เด็ดดอกไม้? หรือมุทรากระบี่กำสรวล?’
มุทราที่คุ้นเคยแต่ประหลาดปรากฏขึ้นมาในใจเขา และโดยไม่รู้ตัว เขาเริ่มที่มือซ้ายของเขา
มุทราค่อนข้างสั่นแต่ยังสมบูรณ์
มุทราจิตวิญญาณไร้ลักษณ์
นอกจากเทวรูปห้ามุทราเขาคุ้นเคยกับปางมือจิตวิญญาณไร้ลักษณ์ เพราะมันช่วยเพิ่มสัญชาตญาณให้เขา แต่มุทราจิตวิญญาณไร้ลักษณ์เป็นสิ่งที่เขายังไม่รู้แจ้งและนี่ทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาด
จากเทวรูปห้าปางและเทพอสูรหกมุทรามีความเกี่ยวพันกันอย่างยิ่งใหญ่ และสามารถถือได้ว่าเป็นการจำลองเทพอสูรหกมุทราและในอดีตมันช่วยสร้างเส้นชีพจรห้าเส้นเฉพาะแบบในร่างกายของเขาซึ่งเขาเคยใช้มาแล้ว แต่หลังจากถังเทียนใช้วังวนพายุกระบี่ปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายของเขาและฝึกร่างพลังกายเป็นศูนย์ เส้นชีพจรทั้งหมด ตันเถียนและสิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งหมดถูกกวาดหายไป
เทพอสูรหกมุทราใช้พลังงานของร่างกาย ด้วยเครื่องหมายที่เปลี่ยนแปลงในมือเขาพลังกายที่เหลืออยู่ของเขาถูกใช้หมดไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมุทราวิญญาณไร้ลักษณ์สำเร็จ ร่างของถังเทียนสะท้านเฮือกอากาศขาวเลือนรางหายไปในทุกตำแหน่ง โดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง
เหมือนกับสายธนูที่มองไม่เห็นกระตุกดึงหูเขา ความเคลื่อนไหวในความเงียบก็หยั่งรู้ได้
ถังเทียนลืมตาช้าๆขณะที่โลกที่อยู่ต่อหน้าเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง