ตอนที่ 777 แผนของไป๋เยี่ย
“พวกเขากล้าดูถูกเราเชียวหรือ? สายตาของพวกเขาแย่มากจริงๆ”
เมื่อไป๋เยี่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา เขาพูดงัวเงียเหมือนกับคนเพิ่งตื่น เขาเป็นแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว และกองพลกาขาวภายใต้บัญชาของเขาเป็นหนึ่งในสามกองพลระดับทองในภูมิภาคใต้
อีกสองกองพลมีความร่ำรวยทางประวัติศาสตร์ยาวนานด้วยมรดกของพวกเขาเอง ขณะที่กองพลกาขาวเพิ่งจะเลื่อนชั้นเป็นกองทัพระดับทองไม่นาน
ชีวิตของไป๋เยี่ยน่าสนใจมาก เขาซุกซนและห่ามตั้งแต่ยังอายุน้อย และมักเป็นเช่นนั้นเสมอจนกระทั่งจบการศึกษา เขากับเซี่ยอวี่อันเป็นสหายร่วมรุ่น แต่เก่งกันคนละด้าน เขาชอบลอกการบ้าน โดดเรียน ลอกข้อสอบและก่อเรื่องในสถาบันมากมาย และถ้าไม่ใช่เพราะสถานะของเขามาจากตระกูลไป๋ เขาคงโดนไล่ออกไปนานแล้ว
ไม่มีใครในตระกูลไป๋เคยคิดว่าอนาคตของพวกเขาจะขึ้นอยู่กับคนแบบนั้น
จบการศึกษาตอนอายุ16 ปี เขากลับบ้านและเข้าไปหาประมุขตระกูลเพื่อขออนุญาตให้เขารวบรวมและสร้างกองทัพต้องการมีกองทัพของตัวเอง คำขอไร้สาระนี้ถูกปฏิเสธทันทีและใครกันจะรู้ว่าไป๋เยี่ยไม่ยอมแพ้ เขาเริ่มรบเร้าทั้งวันทั้งคืนจนประมุขตระกูลไป๋และผู้อาวุโสตระกูลทนทรมานไม่ไหว จึงยอมสร้างกองทัพง่ายๆเพื่อตามใจเด็กน้อย
ทุกคนทำเหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่ไป๋เยี่ยทำด้วยความสนใจ ‘สร้างกองทัพง่ายนักหรือ? เงิน, คน อุปกรณ์ เด็ก 16 ปีจะรับมือเรื่องอย่างนี้ได้หรือ?’
ประมุขและผู้อาวุโสตระกูลรู้ดีว่าไป๋เยี่ยจบการศึกษามาได้ยังไง
‘เนื่องจากเป็นแค่ตำแหน่งปากเปล่าก็ปล่อยให้เขาได้เล่นเกมกองทัพไปก่อน’
ใครจะรู้กันว่าไป๋เยี่ยสร้างกองทัพของตนเองจริงๆ ประมุขและผู้อาวุโสตระกูลประหลาดใจ แต่แน่นอนว่าเพียงเล็กน้อยมาก พวกเขาทุกคนรู้สึกว่า 90% ของทหารที่ถูกสร้างจะดึงเด็กมาด้วยสองสามคน
‘ช่างเถอะตราบเท่าที่พวกเขามีความสุขกับเรื่องนี้’
ไป๋เยี่ยผู้กล้าหาญดึงกองทัพที่เพิ่งสร้างใหม่นี้ไปไล่ล่าหาโจรสลัดอย่างตื่นเต้น ทั่วทั้งตระกูลไป๋ตกใจหนักจากข่าวนั้น พวกเขาส่งคนไปตามหาเขาทันที แต่ไม่มีประโยชน์
หลังจากผ่านไปหนึ่งปีเมื่อตระกูลไป๋คิดว่าไป๋เยี่ยพบกับสถานการณ์ที่โชคร้ายไป๋เยี่ยนำกองทัพที่เหนื่อยล้ากลับมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
ตั้งแต่นั้นมากองพลกาขาวจึงถือได้ว่าผลงานเข้าตาของระดับสูงในตระกูลไป๋ หลังจากได้ชัยชนะไม่หยุดหย่อน แม้ว่าพวกเขาจะสู้โดยไม่มีชื่อ แต่พวกเขาก็เติบโตกล้าแข็งมากขึ้นทุกที และจำนวนของยอดฝีมือที่พลาดท่าให้กับพวกเขามีมากขึ้น กองพลกาขาวแข็งแกร่งมากขึ้นทุกคน จากกองทัพระดับบรอนซ์ เป็นกองทัพระดับเงิน และในที่สุดพวกเขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นกองทัพระดับทอง
พวกเขาตรงกันข้ามกับพฤติกรรมที่สงบและระมัดระวังของเซี่ยอวี่อัน ไป๋เยี่ยไม่ให้ความสำคัญกับการดำเนินตามแบบแผนเล็กๆ น้อยๆเขาเป็นคนฉลาดคิดเร็วทำเร็วจนได้ฉายาว่าหมาป่าแดนใต้
แต่ไม่มีใครคิดกับเขาในเชิงบวก
สามกองทัพใหญ่จากทวีปกวงหมิงกองทัพของโกวเฉิงเวิ่นเต้า, ชิวซิ่วหัว, และม่อซินเป็นเหมือนหัวลูกศรสามลูกที่มุ่งหน้าไปได้อย่างสม่ำเสมอ
ฝ่ายโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้เปรียบในเรื่องกำลังของพวกเขานอกจากการสู้รบของเซี่ยอวี่อันแล้วแนวป้องกันแรกของพันธมิตรใต้พังทลายในเวลาชั่วข้ามคืน นี่ทำให้ทุกคนรู้ว่าไม่มีทางปรองดองกันได้ระหว่างพันธมิตรใต้และทวีปกวงหมิง
เกือบทุกคนรู้สึกในแง่ร้ายต่ออนาคตของพันธมิตรใต้ สำหรับพวกเขาเป็นเพียงเรื่องของเวลาที่พันธมิตรใต้จะล่มสลายลง
ชิวซิ่วหัวพบกับกองทัพระดับทองกองทัพแรกของภูมิภาคใต้กองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้มากประสบการณ์นี้ ในฐานะอัจฉริยะเต็มไปด้วยพรสวรรค์ เขาไม่ได้เสียเปรียบแม้แต่น้อย ทั้งสองฝ่ายสู้เสมอกันทั้งสองฝ่ายมีการสูญเสียไปบางส่วน
ขณะที่ฝ่ายม่อซินพวกเขาเอาชนะกองทัพระดับทองอีกฝ่ายได้กองพลพายุใต้
ความพ่ายแพ้ของกองพลพายุใต้ก่อให้เกิดการถล่มทลายล่มสลายของแนวหน้าของพันธมิตรใต้ ตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่มีใครเชื่อว่าพันธมิตรใต้จะสามารถหยุดสามกองทัพใหญ่ของทวีปกวงหมิงได้ ก็เหมือนกับไม่มีใครเชื่อว่าทวีปกวงหมิงจะโจมตีเพราะประโยชน์ของพันธมิตรใต้
ทวีปกวงหมิงเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อย่างนั้นเพราะแค่พันธมิตรใต้เท่านั้นหรือ?
เกือบทุกคนเชื่อว่าเป้าหมายของทวีปกวงหมิงไม่ใช่พันธมิตรใต้ แต่เป็นภูมิภาคใต้ทั้งหมด ทวีปกวงหมิงจับตาดูภูมิภาคใต้มานานแล้ว และความทะเยอทะยานของพวกเขากับจิตใจที่เจ้าเล่ห์ของพวกเขามีความชัดเจนมานานแล้ว หลังจากความวุ่นวายที่มีในตอนแรก ภูมิภาคใต้ก็ตั้งตัวได้โดยเร็วและทำความเข้าใจทั่วไปนั่นคือต้องปกป้องภูมิภาคใต้!
กองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์และกองพลวายุใต้เคลื่อนขบวนอย่างเปิดเผย
ทุกคนรู้ว่าภูมิภาคใต้อ่อนแอกว่าในเรื่องพลังต่อสู้ และด้วยความกลัวที่พวกเขามีต่อทวีปกวงหมิง พวกเขาประชุมเพียงสามกองพลระดับทอง ขณะที่ตามหน้ากระดาษ ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนค่อนข้างเท่ากัน
ทั้งสองฝ่ายมีกองทัพระดับทองมีความคุ้นเคยกับจำนวน ดังนั้นแม้ว่าฝ่ายที่มีความเสียเปรียบพวกเขาก็ยังสามารถสู้ศึกที่ยากลำบากได้
การรบระหว่างกองทัพระดับทองยากจะได้เห็นเพราะประวัติศาสตร์ของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
แต่เมื่อกองพลวายุใต้พ่ายแพ้สูญเสียอย่างหนัก เป็นเหตุให้กองทัพใต้หมดคำที่จะพูด เทียบกับความสามารถในการป้องกันที่โกวเฉิงเวิ่นเต้าเจอมาแล้วและความฉลาดของชิวซิ่วหัว ม่อซินไม่มีด้านที่สะดุดตานัก แต่ผลงานที่ออกมาดูเหมือนว่าคนที่เหมือนกับธรรมดาสู้ได้อย่างแข็งแกร่ง
ความหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วภูมิภาคใต้อย่างรวดเร็ว
พวกเขาเป็นกองทัพระดับทอง แต่ความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งนั้นใหญ่มาก กองพลวายุใต้แตกต่างจากกองพลกาขาวที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาเมื่อเร็วๆนี้ กองพลวายุใต้เป็นกองพลที่มีประสบการณ์ แต่ไม่มีใครคาดว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ
แม้แต่กองพลวายุใต้ไม่สามารถต้านทางม่อซินได้ ไม่มีใครคาดหวังอะไรกับไป๋เยี่ย
ข่าวแต่ละอย่างที่พวกเขาได้รับน่ากลัวมากกว่าแต่ก่อน เนื่องจากภูมิภาคใต้แพ้ไปแล้วพวกเขาไม่สนใจการสนับสนุนของไป๋เยี่ย
“คุณภาพของเรายังคงตื้นเกินไป” คนที่ฉีกทำลายข่าวก็คือก้วนจินผู้มีสีหน้าสงบเย็น เขาเป็นนายทหารผู้ช่วยของไป่เยี่ยและหนึ่งในคนที่แก่ที่สุดในกองพลกาขาว
ไป่เยี่ยเหมือนกับเคลื่อนไว้ได้โดยไม่สะทกสะท้าน สำหรับภาพที่เขาพูดอย่างเฉื่อยชากับก้วนจินอย่างระมัดระวัง พวกเขาเป็นคู่หูกัน
“ถูกแล้ว” ไป๋เยี่ยพาดขาบนโต๊ะกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้โดยไม่สนใจภาพพจน์ เขาพูดอย่างเกียจคร้าน “แต่การถูกประเมินแบบนี้แย่ เราจะไม่สนใจได้ยังไง?”
‘ดูเหมือนว่าเจ้าห่วงใยนักหรือนี่?’
ก้วนจวินพยายามไม่ทำตาเหลือก จากนั้นเขารินน้ำชาให้ตัวเองและดื่มบรรเทาอาการคอแห้ง “ม่อซินไม่ใช่ว่าจะรับมือได้ง่าย”
“งั้นเราไม่ต้องรับมือเขา” ไป๋เยี่ยพูดตามปกติ
“ไม่เหรือ?”ก้วนจวินวางแก้วชาอย่างหงุดหงิด “นอกจากเรา ก็ไม่มีใครหยุดเขาได้”
“ทำไมเราต้องหยุดเขาด้วย?” ไป๋เยี่ยโต้แย้ง
ก้วนจินตกใจ
“ทวีปกวงหมิงกล่าวว่าเป้าหมายของพวกเขาคือพันธมิตรใต้”
ก้วนจินปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว “เป็นไปไม่ได้ แค่พันธมิตรใต้ไม่มีค่าพอให้พวกเขาต้องระดมพลมากมายขนาดนั้น นอกจากนี้ ถ้าเป็นเพราะพันธมิตรใต้จริง พวกเขาไม่จำเป็นต้องแบ่งกองทัพเป็นสามทาง”
“ไม่ว่าจะมีค่ามากพอหรือไม่ มีแต่พวกเขาที่รู้” ไป๋เยี่ยหาว “ตอนนี้ทั่วทั้งภูมิภาคใต้เชื่อกันว่าพวกเขากำลังบุกภูมิภาคใต้แต่จะเป็นยังไงถ้าพวกเขาไปที่พันธมิตรใต้จริงๆ? อธิบายได้ง่าย เหตุผลที่แบ่งกองกำลังออกเป็นสามเส้นทางไม่สามารถรับกองทัพมากมายได้ นอกจากนี้ เจ้าก็เห็น มีใครสนับสนุนพันธมิตรใต้ไหม? ทำไมถึงไม่เล่า? กองทัพของทุกคนถูกบังคับให้ต้องจับตาดูม่อซินและชิวซิ่วหัว”
หน้าของก้วนจินสลด เขาเชื่อการตัดสินของไป๋เยี่ย แม้ว่าเขาจะดูไม่น่าเชื่อถือ แต่การตัดสินใจของเขากับสถานการณ์สู้รบมีสัญชาตญาณที่แหลมคม และแทบไม่มีผิดพลาด
“อย่างนั้นเราจะไปเสริมกำลังให้พันธมิตรใต้ไหม?” ก้วนจินอดถามไม่ได้
“ไม่” ไป๋เยี่ยขยับร่าง หลังจากคิดเรื่องของถังเทียนและกลุ่มของเขาแล้วความเกียจคร้านบนใบหน้าของเขากลายเป็นเสียงแค่น “ทวีปกวงหมิงและภูมิภาคใต้ประเมินทวีปซางโจวต่ำเกินไป”
“พันธมิตรใต้เพิ่งประสบความพ่ายแพ้” ก้วนจินเตือนไป๋เยี่ย จากนั้นเสริมต่อ “สหายเก่าของท่านก็สู้ได้ดี”
“ข้ารู้จักเขา เขามีความสามารถขนาดนั้น” สีหน้าของไป๋เยี่ยดีขึ้นมาก “เขาคือคนที่เมื่อได้รับโอกาสแล้ว เขาจะทำความเข้าใจและไม่ยอมปล่อยผ่านไป ฝ่ายสัมพันธมิตรใต้แพ้พิสูจน์ได้แค่เพียงว่าเป็นกลุ่มมือสมัครเล่น แต่พวกเขามีผู้บัญชาการชั้นสุดยอด”
“สุดยอดผู้บัญชาการ?” ก้วนจินประหลาดใจ ตาของไป๋เยี่ยมองไปที่เบื้องสูงอยู่เสมอและเขายากจะให้คำตัดสินกับผู้คนอย่างสูงส่ง
ไป๋เยี่ยตบหน้าผาก “ข้าลืมไป พวกเขามีสองคน!”
ก้วนจินเริ่มคิดว่าไป๋เยี่ยกำลังล้อเล่น ‘สุดยอดผู้บัญชาการงอกอยู่ริมถนนเหมือนกับผักงั้นหรือนี่?’
ไป๋เยี่ยเห็นก้วนจินทำหน้าไม่สบายใจจึงหัวเราะ “อย่ามาเถียงเรื่องแบบนี้เลย สัมพันธมิตรใต้อ่อนแอ แต่ทวีปซางโจวแข็งแกร่งมาก ถ้าทวีปกวงหมิงคิดว่าแค่โกวเฉิงเวิ่นเต้าก็มีฝีมือพอ อย่างนั้นพวกเขาคงได้เจ็บตัวแน่นอน ความจริงข้าอยากจะสู้กับเหล่าแม่ทัพของกวงหมิงหรือกองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ดูสักตั้งจากนั้นก็สู้กับคนในทวีปซางโจวดู”
“เพราะผู้บัญชาการของพวกเขาโดดเด่นหรือ?” ก้วนจินถาม
“ไม่” ไป๋เยี่ยส่ายหน้า “เป็นเหมิ่งหนาน บุรุษที่เหลือเชื่อ เขาไม่ใช่คนฉลาดแต่เขาไม่เคยกลัวหรือหวั่นเกรง เขาไม่มีวันยอมถอย ต่อให้ไม่มีหวังก็ตาม เขาไม่เคยยอมแพ้และจะสู้จนกว่าจะล้มลง คุณภาพที่เขานำมาให้ทวีปซางโจวนั่นแหละ น่ากลัวที่สุด”
“ดังนั้นท่านจึงคิดว่าพวกเขาสามารถหยุดโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้?”
“เขาเป็นคนที่แม้แต่ข้าก็ยังพบกับความลำบาก เฮ้, เจ้าไม่เชื่อสายตาข้าหรือ?” ไป๋เยี่ยแสดงความไม่พอใจ
“แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจเหตุผลที่ท่านมั่นใจพวกเขามาก แต่ข้าหวังว่าการตัดสินของท่านคงจะถูกต้อง” ก้วนจินคร้านจะโต้เถียงกับเขา และกล่าว “งั้นตอนนี้เราจะไปที่ใด?”
“กองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์” สีหน้าของไป๋เยี่ยน่ากลัว “เราเป็นกองทัพระดับทองมือใหม่และต้องร่วมกับคนเก่าๆ ด้วย นอกจากนี้เจ้าไม่คิดว่าสู้สองต่อหนึ่ง มันน่าสนุกไม่ใช่หรือ?”
ก้วนจินตกใจ “อย่างนั้นเราจะปล่อยให้ม่อซินนเข้าภูมิภาคใต้หรือ?”
“เข้ามา? เขาจะไม่เข้ามา ม่อซินเป็นคนช่างระมัดระวังตัว และจะไม่ยอมผิดพลาดเข้ามาตามลำพังแน่นอน พวกเขาไม่ได้อยู่ในทวีปกวงหมิง การบุกลึกเกินไปมีแต่จะตัดทางถอยและพวกเขาคงได้แต่ร้องไห้แน่” ไป๋เยี่ยแค่นเสียง
ก้วนจินสังเกตความได้เปรียบในแผนของไป๋เยี่ยทันที “อย่างนั้นเราก็ต้องพรางตัวเองให้ดี พวกทวีปกวงหมิงแทรกซึมภูมิภาคใต้ลึกไม่เบา ถ้าเราไปปรากฏตัวหน้าชิวซิ่วหัวได้เขาคงได้ตกใจแน่”
“หวา.. เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อใดกันนี่ งั้นก็ไม่ใช่ปัญหาของข้าอีกต่อไป ข้าไปนอนดีกว่า”
ไป๋เยี่ยหาวเหยียดตัวหลับตา และไม่นานต่อมาเขาหลับสนิท
ก้วนจินชินเสียแล้ว เขาตื่นเต้นกับแผนยอดเยี่ยมของไป๋เยี่ยและต้องการเตรียมแผนเคลื่อนไหวทันที ในที่สุดเขาก็เข้าใจเหตุผลที่ความเคลื่อนไหวของพวกเขาถึงได้แปลกประหลาดมาก
เขามองดูไป๋เยี่ย ทุกคนถูกบุรุษที่กำลังหลับอยู่ข้างหน้าเขา
แต่แม้ว่าไป๋เยี่ยจะหลับได้ แต่ก้วนจินหลับไม่ได้ มิตรภาพของพวกเขานับว่าพิเศษ ไป๋เยี่ยไม่ออกปากแต่คนที่ทำงานที่แท้จริงคือก้วนจิน ก้วนจินทำหลายอย่างได้น่าทึ่งและไม่ค่อยผิดพลาด
‘ชิวซิ่วหัว เรากำลังไปหาเจ้า’