ตอนที่ 775 การมาถึงของหน่วยสุญญตา
เมื่อเซียวหานกวงยอมแพ้ เขายังคงคิดว่าบุรุษหน้ากากผีจะปฏิบัติต่อเขายังไงไม่ว่าเขาจะถูกสอบปากคำว่าได้รับมรดกเทพอสูรหกมุทรามาจากไหนและคิดถึงว่าเขาจะถูกทรมานยังไง เทพอสูรหกมุทราถือเป็นสถานะที่สำคัญในแดนบาป และไม่มีมรดกอื่นสามารถเทียบได้ ถ้าเขาตกอยู่ในมือคนอื่น พวกเขาจะต้องสอบสวนและทรมานเขาอย่างแน่นอน
บุรุษหน้ากากผีไม่สนใจเขา
ถูกแล้วบุรุษหน้ากากผีทำกับเขาเหมือนว่าเป็นอากาศ ไม่ฟังไม่คุยกับเขา
ตั้งแต่แรกเริ่มเซียวหานกวงยังคงคิดว่าบุรุษหน้ากากผีตั้งใจทำอย่างเช่นนั้น แต่หลังจากผ่านไปสองสามวัน ในที่สุดเขาก็แน่ใจได้ว่าบุรุษหน้ากากผีไม่เคยเห็นเขาในสายตาแม้แต่น้อย
เป็นครั้งแรกที่เซียวหานกวงไม่ได้รับการเอาใจใส่ ตั้งแต่เด็กไม่ว่าเขาอยู่ที่ใดก็ตามเขาจะเฉิดฉายได้รับความสนใจ แม้แต่ฝูเจิ้งจือหลังจากถูกบุรุษหน้ากากผีถามสองสามคำถาม เขาก็ถูกทำเหมือนเป็นอากาศ
เซียวหานกวงสับสนกับตัวเองความดีใจที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับการทรมานและความโกรธที่ไม่ได้รับความสนใจผสมปนเปกัน
และเป็นเพราะอารมณ์เหล่านี้ที่เขาเก็บไว้ในใจทำให้เซียวหานกวงคอยลอบสังเกตบุรุษหน้ากากผี
เขามั่นใจ 100%ว่าบุรุษหน้ากากผีฝึกเทพอสูรหกมุทรามาแน่นอน แม้ว่าจะแตกต่างกับตัวเขาเอง เขามีความเข้าใจที่ผิดว่าเทพอสูรหกมุทราของบุรุษหน้ากากผีเป็นเทพอสูรหกมุทราของจริงแทนที่จะเป็นของเขา
ความสำคัญผิดที่ไร้เหตุผลนี้ทำให้เซียวหานกวงสับสนมากขึ้น เขาเป็นผู้รับสืบทอดของปรมาจารย์หลี่ที่แท้จริง และฝึกเทพอสูรหกมุทรามาตั้งแต่อายุน้อย แต่เขาตระหนักได้ทันทีว่ายังมีคนที่มีพลังเทพอสูรหกมุทราที่ทรงพลังยิ่งกว่าเขาเมื่อเทียบกันแล้ว นี่สร้างรอยแผลให้กับความมั่นใจของเขา
ทั้งสองมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่เพราะเรื่องนั้นเซียวหานกวงเริ่มสงสัยว่าเขาอาจจะฝึกมาผิดวิธี
การสงสัยเกี่ยวกับมรดกวิชาที่เขาฝึกมาเกิน 20ปี สร้างความเจ็บปวดกัดกินใจของเขา ความมั่นใจของเขาเกิดจากหกมุทราเทพอสูร และความมั่นใจของเขามีมาเกิน 20 ปีแทบจะเหมือนกับภูผาใหญ่ แต่กลับเริ่มหวั่นไหวเพราะหินก้อนเดียว
แต่ความจริงเป็นเรื่องโหดร้าย หกมุทราเทพอสูรของบุรุษหน้ากากผีแข็งแกร่งกว่าเขาห่างไกล
ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือเท่ากับความเป็นจริง
หลังจากเจ็บปวดและสับสนอยู่สองสามวัน เขาก็อยู่ในเส้นขอบเขตของการพังทลาย เขารู้สึกว่าเขาอาจบ้าได้ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป และตัดสินใจขอคำแนะนำจากบุรุษหน้ากากผี
‘ไม่มีอะไรน่าอายในการแสวงหาอาจารย์’ เขาปลอบใจตัวเอง และอารมณ์ของเขาผ่อนคลายลงมาก แต่ในเวลาอันรวดเร็ว เขาเริ่มคิดอีก ‘บุรุษหน้ากากผีจะมีปฏิกิริยาอย่างไร? เขาจะเยาะเย้ยข้า?หรือว่าบอกข้าว่าสิ่งที่ข้าทำนั้นผิด? หรือจะทำเป็นไม่สนใจข้า?’
เซียวหานกวงสับสนอีกครั้งหนึ่ง
แต่เขารวบรวมความกล้าครั้งสุดท้ายที่เขามีเพื่อขอคำแนะนำจากท่านหน้ากากผี
เมื่อเซียวหานกวงขอให้เขาสอนหกมุทราเทพอสูร ถังเทียนประหลาดใจ แต่ก็รู้สึกตัวได้โดยเร็ว
เขาคิดอยู่ขณะหนึ่งจากนั้นตัดสินใจบอกความจริง “ข้าไม่แน่ใจว่าหกมุทราเทพอสูรของข้าจะถูกต้องหรือเปล่า?”
ประโยคนนี้ทำให้เซียวหานกวงหน้าเขียวคล้ำ ‘ตามคาดบุรุษหน้ากากผีคงจะไม่บอกความลับของเขา แต่ถ้าเป็นข้า ข้าก็คงจะไม่เปิดเผยเหมือนกัน’
ถังเทียนไม่ได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเซียวหานกวงและพึมพำ“ข้าได้รับการรู้แจ้งหกมุทราเทพอสูรจากดาบมารพิฆาต ข้าไม่รู้อย่างอื่นไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี หกมุทราเทพอสูรควรจะเป็นยังไงมีหลายรูปแบบที่ข้าไม่สามารถอธิบายได้ แต่ข้าคิดว่าถ้าเจ้าฝึกดาบมารพิฆาตบางทีเจ้าอาจจะเรียนรู้ได้สมบูรณ์แบบ”
“ดาบมารพิฆาต?” เซียวหานกวงตกใจ
“ใช่แล้ววิชาดาบมารพิฆาตคือวิชาที่สมบูรณ์แบบของตระกูลเซวีย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ปรมาจารย์ตระกูลหลี่ได้พักอยู่กับพวกเขา” ถังเทียนกล่าว
เซียวหานกวงโพล่งออกมา “ท่านสอนข้าได้ไหม?”
เขาตื่นเต้น ‘ปรมาจารย์หลี่ทิ้งวิชาที่สมบูรณ์ไว้ในอดีตหรือนี่?’
“ข้าไม่มีเวลา” ถังเทียนส่ายหัว
ความตื่นเต้นในสีหน้าของเซียวหานกวงจางลงทันที
“แต่เจ้าสามารถติดตามหน่วยสุญญตาและเรียนรู้จากพวกเขา” ถังเทียนพูดต่อ
‘ติดตามหน่วยสุญญตาและเรียนรู้จากพวกเขา?’ ตาของเซียนหานกวงเป็นประกายอีกครั้ง ไม่สำคัญว่าเรียนจากใคร ตราบใดที่เขาสามารถเรียนได้ เขาพูดโดยไม่ลังเล “ข้าจะไปหาพวกเขาเดี๋ยวนี้!”
ทั่วทั้งเมืองพายุยอมแพ้ไปแล้ว และหน่วยสุญญตาถูกส่งออกมาเป็นธรรมดาและเซียวหานกวงรู้ว่าพวกเขาตั้งค่ายอยู่ที่ไหน
ถังเทียนส่ายหัว “ไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นหน่วยสุญญตาจากเมืองจื่อจวน”
“อย่างนั้นข้าจะไปเมืองจื่อจวน” เซียวหานกวงยืนขึ้นเตรียมจะออกไป
“พวกเขากำลังจะมาถึงในไม่ช้า” ถังเทียนหัวเราะ
*****************
อาโมรี่มองดูรอยแยกน่ากลัวที่กำแพงเมืองข้างล่างเขา และพึมพำ “ถังห้าวแข็งแกร่งมากขึ้นทุกที”
ตาของหานปิงหนิงยังคงถูกดึงดูดอยู่ที่รอยฟันที่กำแพงเมืองและเทียบกับตัวนางเอง ถ้านางสามารถบรรลุผลทำลายล้างได้ระดับนั้นนางอาจทำได้ แต่สิ้นเปลืองพลังงานมากเกินไปและนางไม่สามารถใช้ได้ถึงสองสามกระบี่ แม้ว่านางจะไล่ตามฝีมือเขา แต่ระยะห่างระหว่างพวกเขายังคงเพิ่มมากขึ้น
อารมณ์ของหานปิงหนิงหดหู่
“อาโมรี่จะต้องแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น!” ทันใดนั้นอาโมรี่กวัดแกว่งแขนและตะโกน “และเอาชนะถังห้าว!”
สมาชิกหน่วยสุญญตาทุกคนที่อยู่รอบเขาสีหน้าเปลี่ยนทันที พวกเขาอยากจะเขียนป้ายแขวนคอเขาไว้ “ไร้สาระ”
เมื่อได้ยินคำพูดไร้เดียงสาของอาโมรี่หานปิงหนิงยิ้ม อารมณ์ขุ่นมัวในใจนางหายไป ‘ใช่แล้ว ข้ามักจะเห็นถังเทียนเป็นเป้าหมายของตัวเองเสมอนั่นคือเหตุผลที่ข้าสามารถเติบใหญ่กล้าแข็งจนมีอย่างวันนี้!’
เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนอยู่ในเมืองซิงฟงใครจะคิดกันเล่าว่าพวกเขามาถึงได้ระดับนี้?
นางไม่เคยมีความคิดเช่นนั้น อาโมรี่เช่นกันเหลียงชิวและซือหม่าเซียงซานก็เหมือนกันโดยไม่ทันรู้ตัวพวกเขาได้ผ่านมาไกลเหลือเกิน
จากนั้นหานปิงหนิงคิดถึงเหลียงชิวและซือหม่าเซียงซานไม่มีข่าวเกี่ยวกับพวกเขาเลย แต่นางไม่กังวลใจมาก ถังเทียนจะช่วยพวกเขาได้แน่นอน ในช่วงเวลาสั้นๆ ถังเทียนปราบมาทั้งเมืองบูรพาอมตะและเมืองพายุสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน
หลังจากอภิปรายกันอย่างเข้มข้น พวกเขาได้ข้อสรุปอย่างหนึ่ง คนไม่ธรรมดาไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ไม่ธรรมดาวันยังค่ำ
แน่นอนว่า พูดกันแบบสวยหรูก็คือทองอยู่ที่ใดก็ยังเป็นทองส่องประกายได้
หลังจากได้รับคำสั่งจากถังเทียนหน่วยสุญญตาหมีใหญ่ในเมืองจื่อจวนรีบเร่งมายังเมืองพายุเต็มกำลัง ไม่มีใครสงสัยคำสั่งถังเทียน เมืองจื่อจวนถูกศัตรูโจมตี แต่ถังเทียนปราบเมืองบูรพาอมตะและเมืองพายุอย่างต่อเนื่องทำให้ทุกคนตระหนักได้ว่าการฝืนป้องกันเมืองจื่อจวนไม่ถูกต้อง
เร็วๆ นี้ทุกคนฝึกฝนกันอย่างหนัก ราศีของหน่วยสุญญตาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย
เนี่ยชิววุ่นวายมาก สมาชิกที่ช่วยมาจากเมืองบูรพาอมตะทำลายจังหวะการฝึกของพวกเขา แต่เขาก็ยังคิดวางแผนฝึกใหม่ เมื่อคิดถึงสมาชิกที่จะมาเพิ่มจากเมืองพายุเนี่ยชิวยิ่งปวดหัวหนัก
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นก็คือสมาชิกของหน่วยสุญญตาจะมีเกินพันคน
คนพันคนเพียงพอจะตั้งกองทัพขนาดเล็กซึ่งก็หมายความว่าเขาใช้งานกลยุทธได้มากขึ้น นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขามี
‘พลังของนายท่านเพิ่มขึ้นอีกแล้ว’
แม้ว่าเนี่ยชิวจะตาบอด แต่สัมผัสรู้ของเขาแหลมคมกว่าใครๆในฐานะเป็นขุนพลทหาร ความคิดของเขามาจากแง่มุมทั้งหมดและการบรรลุพลังใหม่ของถังเทียนสร้างแรงกระทบขนาดใหญ่
เขาต้องยอมรับว่าในแดนบาปพลังของแต่ละคนส่งผลมากกว่ากองทัพเสียอีก
ข้อพิสูจน์ด้วยตนเองก็คือถังเทียนปราบมาแล้วสองเมือง
“ทุกคนตั้งใจให้ดี อย่าทำให้เจ้านายพวกเจ้าเสียหน้า” เขาพูดอย่างเฉยเมย
เสียงโห่ร้องหายไปทันที ทุกคนยืดอกและจริงจังทันที
พวกเขาเข้ามาในเมืองพายุโดยเร็ว ที่นี่ชาวเมืองจ้องมองพวกเขาอย่างสงสัย ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าบุรุษหน้ากากผีมีกองทัพหนึ่ง กองทัพ คือสิ่งที่คนแดนบาปไม่คุ้นเคยเลย
แดนบาปไม่เคยมีกองทัพ ดังนั้นทุกคนสงสัยว่ามันจะดูเหมือนอะไร
เมื่อหน่วยสุญญตามาถึง ทุกคนจึงได้เห็นอย่างชัดเจน
รูปพยุหะที่สมบูรณ์แบบเคร่งครัดและเข้มงวดมากจนถึงขนาดที่ถ้ามีคนฟันใส่พวกเขาดาบก็ผ่านไปไม่ได้ ความเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งหมดพร้อมเพรียงกัน ฝีเท้าของพวกเขาแม่นยำจนดูเหมือนเครื่องจักร ในอากาศ พวกเขาเคลื่อนไหวพร้อมกัน แผ่นสุญญากาศปรากฏอยู่ใต้เท้าทุกคนเสียงระเบิดของแผ่นสุญญากาศดังพร้อมกันทำให้ของพวกเขาหนาวเหน็บ
บึ้ม!
แผ่นสุญญากาศมากกว่า 800แผ่นระเบิดพร้อมกันเป็นเสียงเดียว จากเสียงแหลมในตอนแรกกลายเป็นทุ้มต่ำเหมือนกับว่ามีกลองใหญ่ทุ้มในกลางอากาศทำให้ทุกคนใจเต้นระรัว ทุกๆ ย่างก้าวของพยุหะจะเกิดขึ้นระเบิดขนาดใหญ่
บึ้ม บึ้ม บึ้ม!
รอยเท้าแม่นยำมากและสมบูรณ์แบบเป็นฉากภาพที่ตราตรึงอยู่ในใจของทุกคน
ทั่วทั้งเมืองพายุตกใจกับการเคลื่อนไหว ทุกคนวิ่งออกมาจากบ้านและมองดูกระบวนศึก พวกเขาตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง
หน้าของฝูเจิ้งจือซีดขาวขณะที่เขาเห็นกองทัพอยู่ในอากาศ ‘นั่นคือกองทัพหรือ? แล้วนั่นคือหน่วยสุญญตาหรือ?’ ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าการกระทำของเขาทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นเรื่องโง่เขลามาก เขาเป็นนักสู้ในรายชื่อทำเนียบนักสู้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่สง่างามซึ่งมาถึง เขาก็ได้รับความตกใจเหมือนกัน
พลังของพวกเขาไม่ควรเอ่ยอ้าง แต่เมื่อพวกเขาก่อตั้งกระบวนที่เข้มงวดก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำเฉยเมยได้
ชาวเมืองพายุต่างพากันสั่นกลัว
บรรยากาศกลายเป็นเงียบ
เมื่อหน่วยสุญญตาลงมายังที่อยู่ของถังเทียนเสียงทุ้มก็หายไป และทั่วทั้งเมืองตื่นจากอาการงุนงงในที่สุด
เนี่ยชิวและทุกคนยืนอยู่หน้าถึงเทียน
ฝูเจิ้งจือและคนอื่นๆนอกจากเห็นความน่ากลัวของบุรุษหน้ากากผีที่เปล่งออกมานั้นพวกเขายังไม่กล้าหายใจดัง
“ข้าให้พวกเจ้าทุกมาที่นี่กันทั้งหมดเพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป และเราต้องเดินหน้าให้เร็วขึ้น” ถังเทียนอธิบายให้ทุกคนฟัง และจากนั้นเขาหันหน้าไปทางฝูเจิ้งจือ “ท่านประมุขตระกูล,โปรดอธิบายสถานการณ์ให้พวกเขาฟัง”
ฝูเจิ้งจือสั่น เขาเดินขึ้นมาพูดด้วยความเคารพทันที “ถูกแล้ว, เราได้รับข้อมูลมาว่าหลูเซิงเซียงพาคนในตระกูลเขาหลบหนีไปเมืองม้าบิน เขาน่าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่และรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายท่าน ดังนั้นจึงรีบออกไปโดยเร็วเพื่อรักษาตระกูลหลูไว้”
ฝูเจิ้งจือลอบถอนหายใจ เขานับถือการแก้ไขของหลูเซิงเซียง และรู้สึกเห็นใจเขาที่มีความทุกข์คล้ายกัน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ย่ำแย่ เขาจะยอมทำลายข้อมือเพื่อรักษาตนเอง บางอย่างที่คนธรรมดาทำไม่ได้ แต่การกระทำเช่นนี้ยังทำให้ตระกูลหลูดำดิ่งสู่เหวลึก
เมื่อม้าบินเป็นรากฐานของตระกูลหลูและถ้าพวกเขาเสียไป แม้แต่หลูเซิงเซียง พวกเขาจะกลายเป็นดิ้นรนอยู่ที่ปากประตูแห่งความตาย
ในพริบตา ตระกูลหลูที่มีศักดิ์ศรีและพลันตกต่ำลง คนอื่นจะไม่สงสารเขาได้ยังไง?
เขายินดีในใจ ‘โชคดี ที่ข้าไม่ได้สร้างความวุ่ยวายใดๆ ให้กับท่านหน้ากากผี’
“เมืองม้าบินยังคงมีคนของเราบางส่วน” ถังเทียนพูด “เนี่ยชิว ท่านพาทุกคนมุ่งหน้าไปที่นั่น สวี่เย่ไปกับพวกเขาด้วย
“ขอรับ!” เนี่ยชิวและสวี่เย่รับคำ
“โอวข้าฝากเขาให้พวกเจ้าดูแลด้วย” ถังเทียนชี้ไปที่เซียวหานกวง “เขาต้องการเรียนดาบมารพิฆาต”
เซียวหานกวงรู้สึกแต่เพียงว่าสายตาหลายคนมองดูที่เขาเขารู้สึกสังหรณ์ไม่ดี