ตอนที่แล้วตอนที่ 772 การเปลี่ยนแปลงของสวี่เย่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 774 มู่จือเสียเดินทัพ

ตอนที่ 773 เทพธิดาตัดสินสงคราม


เจดีย์ทองรูปทรงปิรามิดสูง75 เมตรมีบันได 108 ขั้นขึ้นสู่ยอดเจดีย์ ทุกๆ ขั้นสลักไปด้วยรูปสัตว์ปีกและสัตว์ภาคพื้นตามตำนานวีรบุรุษของทวีปแดนเถื่อนและเหนือขั้นบันไดขึ้นสู่ยอดมีลานกว้างสิบเมตรไม่มีอะไรนอกจากเก้าอี้ตัวหนึ่ง

เก้าอี้นี้ซึ่งดูเหมือนจะเป็นอันเดียวกับเจดีย์ถูกปูด้วยเบาะกำมะหยี่นุ่มพนักพิงขนาดใหญ่คล้ายกำแพงมีอัญมณีส่องประกายแพรวพราวนับไม่ถ้วน  อัญมณีทุกเม็ดแสดงถึงดวงดาวเหมือนกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวของทวีปแดนเถื่อน

เจดีย์ที่น่าทึ่งถูกแบกโดยนักสู้ชาวทวีปแดนเถื่อน36 คน ร่างเปลือยท่อนกายบนของพวกเขาแข็งแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ  ความเร็วในการหายใจของพวกเขาเร็วพอๆ กับม้าควบ

ซ่างกวนเชียนฮุ่ยนั่งอยู่บนบัลลังก์แดนเถื่อนอย่างเงียบงัน,  สายตาของนางกวาดมองผ่านทุกคนที่กำลังคุกเข่า นางรู้ว่านางอยู่อีกเผ่าพันธุ์หนึ่งที่ให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อนางและไม่ว่าที่ใดที่เจดีย์ของนางผ่านไป ชนเผ่าท้องถิ่นจะยอมศิโรราบให้กับนาง

พวกที่ไม่ยอมแพ้จะถูกปราบปรามหมดสิ้น

ในความเป็นจริงเจดีย์ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามให้รู้สึกที่น่าอึดอัด  นางเกลียดท่าทางเช่นนี้ เนื่องจากทำให้นางรู้สึกว่านางเป็นแค่สัญลักษณ์ของผู้มีอำนาจเท่านั้น  แต่เหตุผลของนางบอกตัวนางว่าถ้านางต้องการหาพี่ถังเทียนให้พบเร็วๆนางได้แต่ต้องทำเช่นนี้ ซึ่งจะช่วยเร่งหลายอย่างให้เร็วขึ้น

นางมุ่งหน้าลงภูมิภาคใต้ก่อนอื่นนางต้องไปให้ถึงส่วนใต้ของทวีปแดนเถื่อนก่อน  ซึ่งก็ยังหมายความว่า นางต้องกวาดพิชิตไปทั่วทวีปแดนเถื่อน

ทวีปแดนเถื่อนไม่เคยเป็นแผ่นดินที่สงบ แต่เป็นแผ่นดินที่เต็มไปด้วยสงครามและการประหัตประหาร

มงกุฏเพอร์ซูสเปล่งรัศมีนุ่มนวลปกคลุมรอบบัลลังก์ซึ่งป้องกันสายลมและหิมะของทวีปแดนเถื่อนที่คมดุจมีด

กองทัพทหารข้างหน้าเป็นเหมือนกระแสน้ำไหลไปไม่สิ้นสุด

เสี่ยวม่านเข้ามาที่เจดีย์และคำนับ  “ท่านหญิง,นี่คือข้อมูลพันธมิตรใต้ที่เรารวบรวมได้”

“ท่านทำงานหนักจริงๆ”  ซ่างกวนเชียนฮุ่ยยิ้ม  นางรับมาอ่านอย่างระมัดระวัง  ทวีปแดนเถื่อนมีการติดต่อโลกภายนอกน้อยมาก แต่โชคดีที่อิทธิพลขของซ่างกวนเชียนฮุ่ยมีมากแตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา นางลอบส่งยอดฝีมือหลายคนไปยังภูมิภาคใต้เพื่อเก็บข้อมูล โดยเฉพาะพันธมิตรใต้

ไม่ใช่ข้อมูลใหม่ที่ทวีปกวงหมิงต้องการแทรกซึมภูมิภาคใต้  แต่ความรุนแรงของสถานการณ์สู้รบทำให้นางต้องใส่ใจระมัดระวัง

‘พี่เทียนตกอยู่ในที่นั่งเสียเปรียบ’

ในเวลาอันรวดเร็ว ซ่างกวนเชียนฮุ่ยได้ฉายาว่าเทพธิดาสงครามเพราะนางตัดสินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ  จากลักษณะแนวป้องกัน ‘พี่เทียนมีแม่ทัพที่แข็งแกร่งอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขา  แต่ความเหลื่ยมล้ำเกี่ยวกับพลังของทั้งสองฝ่ายมีมากเกินไป  ทวีปกวงหมิงมีสามแม่ทัพใหญ่ผู้ลือชื่อ สามกองทัพใหญ่เหมือนกับธนูสามดอกที่คมกริบกำลังยิงไปที่ทวีปซางโจว’

ซ่างกวนเชียนฮุ่ยสังเกตจุดวิกฤติได้ทันทีทวีปซางโจวกลายเป็นภาระสำหรับพันธมิตรใต้  ‘ถ้าพวกเขาไม่ต้องปกป้องทวีปซางโจว อย่างนั้นภูมิภาคใต้ที่กว้างใหญ่ก็เพียงพอให้พี่เทียนจัดทัพและมีพื้นที่ให้ซ่อนได้’

‘แต่เส้นทางของทวีปซางโจวเป็นจุดยุทธศาสตร์  และพวกเขาพิจารณาแล้วว่าเป็นสถานที่ๆพวกเขาเสียไปไม่ได้’

ดังนั้นแนวป้องกันขอบนอกที่ซับซ้อนทั้งหมดจึงถูกสร้าง

ซ่างกวนเชียนฮุ่ยชื่นชมชั้นป้องกันขอบนอกในใจ การใช้งานนั้นทำได้ดียอดเยี่ยมทำอย่างมีประสบการณ์นี่แค่สุ่มดูเท่านั้น นางพบกับดักที่เป็นไปได้สองสามที่แล้ว และแนวรอบนอกก็เพียงพอต้องทำให้ทวีปหมิงกวงต้องจ่ายคุณค่าอย่างหนัก

แต่นางรู้ว่าแค่อาศัยแนวป้องกันรอบนอกเพื่อป้องกันทวีปซางโจวย่อมเป็นไปไม่ได้ ความแน่วแน่ของทวีปกวงหมิงต้องการสู้นั้นกล้าแข็งมาก  และแม้แต่ความสูญเสียก็ไม่พอจะหยุดพวกเขา

เพราะทวีปกวงหมิงไม่มีทางถอย  ถ้าพวกเขาล้มเหลว  อย่างนั้นศักดิ์ศรีถังเทียนในภูมิภาคใต้จะพุ่งขึ้นถึงขีดสุด และพันธมิตรใต้จะกลายเป็นกองกำลังที่ไร้เทียมทานทันที และการรวมตัวกันทั้งภูมิภาคใต้ทั้งหมดกลายเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวจะมิอาจห้ามได้

นั่นคือจุดจบที่สยดสยองสำหรับทวีปกวงหมิง

‘ข้าจะช่วยพี่เทียนได้ยังไง?’

ซ่างกวนเชียนฮุ่ยเปิดแผนที่ทวีปแดนเถื่อนและนิ้วของนางกวาดไล่ไปทั่วแผนที่ ทุกหนึ่งนิ้วที่นางกวาดก็คือพันลี้

ตาของนางมาหยุดอยู่ที่ทวีปเว่ยเย่กวน

มีมู่จือเสียแม่ทัพอันดับหนึ่งของทวีปกวงหมิงประจำอยู่

นางพูดทันที  “เสี่ยวม่านลงไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทวีปเว่ยเย่กวนบางส่วนก่อน และสิ่งที่มู่จือเสียได้กระทำในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา  ยิ่งเจาะลึกก็ยิ่งดี”

เสี่ยวม่านรับคำและจากไป

ซ่างกวนเชียนฮุ่ยสูดหายใจลึก  ‘ถึงเวลายุ่งยากอีกแล้ว’

ปัจจุบันกองทัพใหญ่ของนางไม่หยุดอยู่แค่ราชอาณาจักรภูผาเหล็กและราชอาณาจักรหิมะน้ำแข็งเหนือเท่านั้น  แน่นอนราชอาณาจักรทั้งสองในตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรเพอร์ซูส  พวกเขาถูกแบ่งเป็นหน่วยภูผาเหล็กและหน่วยหิมะน้ำแข็งเหนือวีรบุรุษเหนือผู้ยิ่งใหญ่มีกองทัพใหญ่ที่สุดภายใต้ราชอาณาจักรเพอร์ซูส  และเป็นราชวงศ์ที่ได้รับการภักดี

เจดีย์คือสิ่งที่ได้รับการร้องขอทั้งสองกองกำลัง  เนื่องจากพวกเขาเห็นภาพการรวมทวีปคนเถื่อนได้  เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้นมาก็ยิ่งสร้างกระแสกระจายไปจนหยุดไม่อยู่

ปัจจุบันความคิดเห็นของการรวมทวีปแดนเถื่อนแพร่กระจายไปอย่างเป็นทางการและทหารระดับล่างด้วย ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จกับเป้าหมายนี้ และแค่เพียงความคิดนี้ก็เพียงพอทำให้พวกเขาเลือดลมพลุกพล่านและบ้าคลั่งกันได้ นี่คือความทะเยอทะยานของนักสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุดในทุกๆ รุ่น  ความปรารถนาและอนาคตที่ประชาชนทุกคนปรารถนามากันทุกรุ่น

ราชอาณาจักรเพอร์ซูส  ไม่มีใครใส่ใจเรื่องชื่อตราบเท่าที่มหาราชาของพวกเขาชอบ

แต่ความคิดของพวกเขามีเพียงกษัตริย์องค์เดียวในทวีปคนเถื่อนในอนาคตและกษัตริย์นั้นก็คือกษัตริย์เพอร์ซูส

ยุคแห่งการเข่นฆ่าและสับสนวุ่นวายจะจบลงในเงื้อมมือพวกเขาและหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกล่าวว่าราชันย์คือความหวังของพวกเขา

ซ่างกวนเชียนฮุ่ยรู้ความคิดของพวกเขาและยังรู้หัวใจของพวกเขา  นางไม่ได้ปฏิเสธและยอมรับตามธรรมชาติ มันกำลังเรียกนาง แม้ว่าลึกๆ ในใจนาง นางรู้ว่านางเป็นคนนอกผู้ผ่านทาง การเป็นราชันย์เป็นแค่เรื่องบังเอิญ

การราชาภิเษกเป็นเรื่องสำคัญมาก

นางเข้าใจชัดว่านางไม่ได้ตาบอดเพราะอำนาจ  ถ้าเราต้องพูดตามตรงก็คือการปราบปรามราชาผู้ยิ่งใหญทั้งสองในดินแดนเหนือเป็นเรื่องบังเอิญ  การขยายอำนาจอย่างต่อเนื่องของนางหลังจากนั้นไม่ใช่สิ่งที่นางต่อสู้เพื่อให้ได้อย่างจริงจัง แต่เป็นเพราะข้ออ้างจากนักสู้ของทวีปแดนเถื่อนนับไม่ถ้วน

พวกเขาโหยหาการรวมทวีปแดนเถื่อนมายาวนานมาก  และหวังว่าจะจบความเข่นฆ่าวุ่นวายได้

เมื่อนางปรากฏตัวในท้องฟ้าและชนะในทุกการสู้รบที่นางสู้ด้วย พวกเขาเริ่มเห็นว่านางคือแสงอรุณแห่งยุคใหม่ และเริ่มเห็นความหวัง  พวกเขายกย่องนางเป็นราชา เนื่องจากพลังของนางเป็นที่ดึงดูดทวีปแดนเถื่อน  พวกเขาสร้างสถานะราชสำนักเพอร์ซูสและขยายออกไปจนอยู่ในสภาพปัจจุบัน

นางคอยควบคุมสัตว์ประหลาดยักษ์นี้อย่างระมัดระวังเหมือนกับว่านางกำลังเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง

เพราะสัตว์ประหลาดยักษ์นี้มีคุณสมบัติจะกลืนกินสัตว์ประหลาดยักษ์อื่นอย่างเช่นทวีปกวงหมิง เพียงแค่นั้นนางก็สามารถช่วยพี่เทียนของนางได้แล้ว

แน่นอนว่าราชอาณาจักรเพอร์ซูสในปัจจุบันยังอ่อนแอเมื่อเทียบกับทวีปกวงหมิง ราชอาณาจักรเพอร์ซูสในปัจจุบันเป็นเหมือนลูกโป่ง  ตราบใดที่มีหนามทิ่มก็จะแตกยุบไป  มีชนหลากหลายเผ่าพันธุ์มากเกินไปที่เข้ามาร่วมในช่วงเวลาสั้นๆ การสื่อสารติดต่อของพวกเขายังอ่อนและไม่เท่าเทียมกันนี่เป็นเหมือนแค่ผสมเนื้อในหม้อซุปเท่านั้นเอง

นางต้องอดทนเปลี่ยนแปลงพวกเขา  แยกเผ่าพันธุ์ออกและเลือกพวกฝีมือดีมาสร้างเป็นกองทัพสร้างเป็นระบบและเลือกคนที่สามารถหายุทธวิธีรบได้

สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเห็นมาก่อนในทวีปแดนเถื่อน การเปลี่ยนแปลงประเพณีไม่เคยเป็นเรื่องที่ง่ายเลย  และบางครั้งต้องพบกับการปฏิเสธ  แต่นางไม่ท้อ นางยังคงชนะในศึกของนาง ทำให้ศักดิ์ศรีของนางมากเป็นประวัติการณ์ และทำให้การต่อต้านนางลดน้อยลง

สำหรับนางเป็นการรณรงค์ทางทหาร แต่ความยากลำบากของมันนั้นยากกว่าสิ่งที่นางเคยประสบมามาก

จำเป็นต้องทำงานมากซึ่งเถี่ยจี๋และอาซือหมิงไม่สามารถทนได้ ในสายตาของพวกเขา แม้ว่าราชาของพวกเขาจะไร้เทียมทาน แต่นางก็ยังเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง

‘แต่นางคือเด็กสาวที่พวกเขายกย่องว่าเป็นเทพธิดาศึก!’

ซ่างกวนเชียนฮุ่ยลอบกำหมัดให้กำลังใจตนเอง

องครักษ์ขนโต๊ะตัวหนึ่งมาและวางไว้หน้าบัลลังก์  กลุ่มข้าราชสำนักสตรีอยู่ภายใต้คำสั่งนาง  ออกมาพร้อมกับเอกสารมากมาย  ในพริบตาก็กองพูนอยู่บนโต๊ะ

นางหมกมุ่นกับกองกองเอกสารและเพ่งสมาธิอย่างมาก  บ่าวรับใช้ด้านล่างเจดีย์เพิ่มความเร็วในการระมัดระวังเจดีย์ขนาดใหญ่ดูเหมือนกับเลื่อนผ่านไปตามน้ำแข็งโดยไม่แกว่งไกวหรือสั่นสะเทือน

เมื่อราตรีคืบคลานเข้ามาพวกเขาจึงเริ่มตั้งค่าย

ซ่างกวนเชียนฮุ่ยเพิ่งวางมือจากงานหนักของนาง  เจดีย์ถูกวางลงอย่างระมัดระวังและองครักษ์คอยระมัดระวังทันที นางยืนขึ้นและเดินไปที่ด้านข้างเจดีย์ แสงอาทิตย์อัสดงค์สีทองสะท้อนต้องเจดีย์ดูงดงามมากและหญิงสาวเหมือนกับเทพธิดายืนสงบอยู่ในแสงทอง

พลเมืองที่เห็นฉากภาพเช่นนี้แต่ไกลแสดงความเคารพนางเป็นอย่างดี

ซ่างกวนเชียนฮุ่ยมองดูอาทิตย์อัสดงค์ความคิดของนางล่องลอยไปไกล สายตาที่เยือกเย็นและคมของนางพลันอ่อนโยน

‘พี่เทียน,เจ้าเห็นอาทิตย์อัสดงค์ด้วยหรือเปล่า?’

“ท่านหญิง!  เราพบคนที่คุ้นเคยกับมู่จื่อเสีย”

เสียงเสี่ยวม่านดังขัดจังหวะความคิดของนาง  สายตาที่อ่อนโยนของนางรั้งกลับและนางกลับกลายเป็นเยือกเย็นอีกครั้ง ด้วยอารมณ์ที่เฉยเมย นางกล่าว “พาเขามาพบข้า”

ซางเป่ยคุกเข่าอยู่กับพื้น  เขาพูดทุกอย่างที่เขารู้ขณะสั่นเพราะความกลัว

เขาเป็นบุรุษที่พบเห็นเรื่องราวมามากมาย  แต่ต่อหน้าเด็กสาว เขากลับถูกรัศมีของนางข่มและถึงกับสะอึกสองสามครั้ง ราชินีถามเขาอย่างระมัดระวัง และแม้แต่รายละเอียดที่เขาพลาดไม่ได้เปิดเผยจากการสอบปากคำ

ราชินีไม่ได้ใช้กำลังบังคับแม้แต่น้อย  คำพูดของนางไม่เร็ว  แต่มั่นคงมาก ทุกครั้งที่นางเอ่ยปากทำให้ให้ซางเป่ยรู้สึกเหมือนกับว่านางกำลังงัดความลับของมู่จือเสีย  ความสงสัยทั้งหมดหายไปเมื่อนางปรากฏตัว

เมื่อนางถามเสร็จเขาก็ถูกโน้มน้าว  ‘มิน่าเล่าทุกคนกล่าวว่านางจะรวมทวีปแดนเถื่อน

หน้าผากของเขาซบลงกับพื้น  ความลังเลสงสัยของเขาทั้งหมดหายไป  ตอนนี้เขาเชื่อหนักแน่นในตัวราชินีว่านางคือคนที่ฟ้าประทานมาให้ทวีปแดนเถื่อน วุฒิภาวะและสติปัญญาเกินวัยจริง สายตาที่คมและการตัดสินใจอย่างเยือกเย็นสร้างความประหลาดใจให้เขา

ซางเป่ยไม่รู้ว่าเขาออกมาได้อย่างไร  เขาเพียงแต่ได้ยินราชินีพูด  “ขอบใจที่ท่านพยายามอย่างหนัก”  ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าได้อาบน้ำอมฤต และรู้สึกเหมือนกับตัวเบาลอยละล่อง

เสี่ยวม่านต้องคอยเตือนตลอดทาง  นางสงสัย ‘ท่านหญิงจะลงมือกับมู่จือเสียหรือ?  แต่เรายังอยู่ห่างจากทวีปเว่ยเย่กวนมาก  และการสังเกตและจัดการกับมู่จือเสียตอนนี้ไม่เร็วเกินไปหรือ?’

‘ถ้าอาซิ่นอยู่ที่นี่นั่นคงดี  เขาฉลาดมากและอาจเดาความคิดท่านหญิงได้’

‘เรียกประชุมแม่ทัพนายกอง”

เสียงนายหญิงดังขึ้นปลุกเสี่ยวม่านที่กำลังใจลอย

ในชั่วขณะต่อมาอาซิ่น, เถี่ยจี๋, อาซือหมิงและแม่ทัพที่เหลือประชุมกันอย่างรวดเร็ว  สีหน้าของพวกเขาเคร่งเครียด  พวกเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่

ซ่างกวนเชียนฮุ่ยโยนปากลงบนโต๊ะและขณะเดียวกันก็โยนลูกระเบิดให้กับทุกคน

“มู่จือเสียเตรียมลงมือแล้ว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด