ตอนที่ 773 เทพธิดาตัดสินสงคราม
เจดีย์ทองรูปทรงปิรามิดสูง75 เมตรมีบันได 108 ขั้นขึ้นสู่ยอดเจดีย์ ทุกๆ ขั้นสลักไปด้วยรูปสัตว์ปีกและสัตว์ภาคพื้นตามตำนานวีรบุรุษของทวีปแดนเถื่อนและเหนือขั้นบันไดขึ้นสู่ยอดมีลานกว้างสิบเมตรไม่มีอะไรนอกจากเก้าอี้ตัวหนึ่ง
เก้าอี้นี้ซึ่งดูเหมือนจะเป็นอันเดียวกับเจดีย์ถูกปูด้วยเบาะกำมะหยี่นุ่มพนักพิงขนาดใหญ่คล้ายกำแพงมีอัญมณีส่องประกายแพรวพราวนับไม่ถ้วน อัญมณีทุกเม็ดแสดงถึงดวงดาวเหมือนกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวของทวีปแดนเถื่อน
เจดีย์ที่น่าทึ่งถูกแบกโดยนักสู้ชาวทวีปแดนเถื่อน36 คน ร่างเปลือยท่อนกายบนของพวกเขาแข็งแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ความเร็วในการหายใจของพวกเขาเร็วพอๆ กับม้าควบ
ซ่างกวนเชียนฮุ่ยนั่งอยู่บนบัลลังก์แดนเถื่อนอย่างเงียบงัน, สายตาของนางกวาดมองผ่านทุกคนที่กำลังคุกเข่า นางรู้ว่านางอยู่อีกเผ่าพันธุ์หนึ่งที่ให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อนางและไม่ว่าที่ใดที่เจดีย์ของนางผ่านไป ชนเผ่าท้องถิ่นจะยอมศิโรราบให้กับนาง
พวกที่ไม่ยอมแพ้จะถูกปราบปรามหมดสิ้น
ในความเป็นจริงเจดีย์ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามให้รู้สึกที่น่าอึดอัด นางเกลียดท่าทางเช่นนี้ เนื่องจากทำให้นางรู้สึกว่านางเป็นแค่สัญลักษณ์ของผู้มีอำนาจเท่านั้น แต่เหตุผลของนางบอกตัวนางว่าถ้านางต้องการหาพี่ถังเทียนให้พบเร็วๆนางได้แต่ต้องทำเช่นนี้ ซึ่งจะช่วยเร่งหลายอย่างให้เร็วขึ้น
นางมุ่งหน้าลงภูมิภาคใต้ก่อนอื่นนางต้องไปให้ถึงส่วนใต้ของทวีปแดนเถื่อนก่อน ซึ่งก็ยังหมายความว่า นางต้องกวาดพิชิตไปทั่วทวีปแดนเถื่อน
ทวีปแดนเถื่อนไม่เคยเป็นแผ่นดินที่สงบ แต่เป็นแผ่นดินที่เต็มไปด้วยสงครามและการประหัตประหาร
มงกุฏเพอร์ซูสเปล่งรัศมีนุ่มนวลปกคลุมรอบบัลลังก์ซึ่งป้องกันสายลมและหิมะของทวีปแดนเถื่อนที่คมดุจมีด
กองทัพทหารข้างหน้าเป็นเหมือนกระแสน้ำไหลไปไม่สิ้นสุด
เสี่ยวม่านเข้ามาที่เจดีย์และคำนับ “ท่านหญิง,นี่คือข้อมูลพันธมิตรใต้ที่เรารวบรวมได้”
“ท่านทำงานหนักจริงๆ” ซ่างกวนเชียนฮุ่ยยิ้ม นางรับมาอ่านอย่างระมัดระวัง ทวีปแดนเถื่อนมีการติดต่อโลกภายนอกน้อยมาก แต่โชคดีที่อิทธิพลขของซ่างกวนเชียนฮุ่ยมีมากแตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา นางลอบส่งยอดฝีมือหลายคนไปยังภูมิภาคใต้เพื่อเก็บข้อมูล โดยเฉพาะพันธมิตรใต้
ไม่ใช่ข้อมูลใหม่ที่ทวีปกวงหมิงต้องการแทรกซึมภูมิภาคใต้ แต่ความรุนแรงของสถานการณ์สู้รบทำให้นางต้องใส่ใจระมัดระวัง
‘พี่เทียนตกอยู่ในที่นั่งเสียเปรียบ’
ในเวลาอันรวดเร็ว ซ่างกวนเชียนฮุ่ยได้ฉายาว่าเทพธิดาสงครามเพราะนางตัดสินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ จากลักษณะแนวป้องกัน ‘พี่เทียนมีแม่ทัพที่แข็งแกร่งอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขา แต่ความเหลื่ยมล้ำเกี่ยวกับพลังของทั้งสองฝ่ายมีมากเกินไป ทวีปกวงหมิงมีสามแม่ทัพใหญ่ผู้ลือชื่อ สามกองทัพใหญ่เหมือนกับธนูสามดอกที่คมกริบกำลังยิงไปที่ทวีปซางโจว’
ซ่างกวนเชียนฮุ่ยสังเกตจุดวิกฤติได้ทันทีทวีปซางโจวกลายเป็นภาระสำหรับพันธมิตรใต้ ‘ถ้าพวกเขาไม่ต้องปกป้องทวีปซางโจว อย่างนั้นภูมิภาคใต้ที่กว้างใหญ่ก็เพียงพอให้พี่เทียนจัดทัพและมีพื้นที่ให้ซ่อนได้’
‘แต่เส้นทางของทวีปซางโจวเป็นจุดยุทธศาสตร์ และพวกเขาพิจารณาแล้วว่าเป็นสถานที่ๆพวกเขาเสียไปไม่ได้’
ดังนั้นแนวป้องกันขอบนอกที่ซับซ้อนทั้งหมดจึงถูกสร้าง
ซ่างกวนเชียนฮุ่ยชื่นชมชั้นป้องกันขอบนอกในใจ การใช้งานนั้นทำได้ดียอดเยี่ยมทำอย่างมีประสบการณ์นี่แค่สุ่มดูเท่านั้น นางพบกับดักที่เป็นไปได้สองสามที่แล้ว และแนวรอบนอกก็เพียงพอต้องทำให้ทวีปหมิงกวงต้องจ่ายคุณค่าอย่างหนัก
แต่นางรู้ว่าแค่อาศัยแนวป้องกันรอบนอกเพื่อป้องกันทวีปซางโจวย่อมเป็นไปไม่ได้ ความแน่วแน่ของทวีปกวงหมิงต้องการสู้นั้นกล้าแข็งมาก และแม้แต่ความสูญเสียก็ไม่พอจะหยุดพวกเขา
เพราะทวีปกวงหมิงไม่มีทางถอย ถ้าพวกเขาล้มเหลว อย่างนั้นศักดิ์ศรีถังเทียนในภูมิภาคใต้จะพุ่งขึ้นถึงขีดสุด และพันธมิตรใต้จะกลายเป็นกองกำลังที่ไร้เทียมทานทันที และการรวมตัวกันทั้งภูมิภาคใต้ทั้งหมดกลายเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวจะมิอาจห้ามได้
นั่นคือจุดจบที่สยดสยองสำหรับทวีปกวงหมิง
‘ข้าจะช่วยพี่เทียนได้ยังไง?’
ซ่างกวนเชียนฮุ่ยเปิดแผนที่ทวีปแดนเถื่อนและนิ้วของนางกวาดไล่ไปทั่วแผนที่ ทุกหนึ่งนิ้วที่นางกวาดก็คือพันลี้
ตาของนางมาหยุดอยู่ที่ทวีปเว่ยเย่กวน
มีมู่จือเสียแม่ทัพอันดับหนึ่งของทวีปกวงหมิงประจำอยู่
นางพูดทันที “เสี่ยวม่านลงไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทวีปเว่ยเย่กวนบางส่วนก่อน และสิ่งที่มู่จือเสียได้กระทำในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยิ่งเจาะลึกก็ยิ่งดี”
เสี่ยวม่านรับคำและจากไป
ซ่างกวนเชียนฮุ่ยสูดหายใจลึก ‘ถึงเวลายุ่งยากอีกแล้ว’
ปัจจุบันกองทัพใหญ่ของนางไม่หยุดอยู่แค่ราชอาณาจักรภูผาเหล็กและราชอาณาจักรหิมะน้ำแข็งเหนือเท่านั้น แน่นอนราชอาณาจักรทั้งสองในตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรเพอร์ซูส พวกเขาถูกแบ่งเป็นหน่วยภูผาเหล็กและหน่วยหิมะน้ำแข็งเหนือวีรบุรุษเหนือผู้ยิ่งใหญ่มีกองทัพใหญ่ที่สุดภายใต้ราชอาณาจักรเพอร์ซูส และเป็นราชวงศ์ที่ได้รับการภักดี
เจดีย์คือสิ่งที่ได้รับการร้องขอทั้งสองกองกำลัง เนื่องจากพวกเขาเห็นภาพการรวมทวีปคนเถื่อนได้ เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้นมาก็ยิ่งสร้างกระแสกระจายไปจนหยุดไม่อยู่
ปัจจุบันความคิดเห็นของการรวมทวีปแดนเถื่อนแพร่กระจายไปอย่างเป็นทางการและทหารระดับล่างด้วย ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จกับเป้าหมายนี้ และแค่เพียงความคิดนี้ก็เพียงพอทำให้พวกเขาเลือดลมพลุกพล่านและบ้าคลั่งกันได้ นี่คือความทะเยอทะยานของนักสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุดในทุกๆ รุ่น ความปรารถนาและอนาคตที่ประชาชนทุกคนปรารถนามากันทุกรุ่น
ราชอาณาจักรเพอร์ซูส ไม่มีใครใส่ใจเรื่องชื่อตราบเท่าที่มหาราชาของพวกเขาชอบ
แต่ความคิดของพวกเขามีเพียงกษัตริย์องค์เดียวในทวีปคนเถื่อนในอนาคตและกษัตริย์นั้นก็คือกษัตริย์เพอร์ซูส
ยุคแห่งการเข่นฆ่าและสับสนวุ่นวายจะจบลงในเงื้อมมือพวกเขาและหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกล่าวว่าราชันย์คือความหวังของพวกเขา
ซ่างกวนเชียนฮุ่ยรู้ความคิดของพวกเขาและยังรู้หัวใจของพวกเขา นางไม่ได้ปฏิเสธและยอมรับตามธรรมชาติ มันกำลังเรียกนาง แม้ว่าลึกๆ ในใจนาง นางรู้ว่านางเป็นคนนอกผู้ผ่านทาง การเป็นราชันย์เป็นแค่เรื่องบังเอิญ
การราชาภิเษกเป็นเรื่องสำคัญมาก
นางเข้าใจชัดว่านางไม่ได้ตาบอดเพราะอำนาจ ถ้าเราต้องพูดตามตรงก็คือการปราบปรามราชาผู้ยิ่งใหญทั้งสองในดินแดนเหนือเป็นเรื่องบังเอิญ การขยายอำนาจอย่างต่อเนื่องของนางหลังจากนั้นไม่ใช่สิ่งที่นางต่อสู้เพื่อให้ได้อย่างจริงจัง แต่เป็นเพราะข้ออ้างจากนักสู้ของทวีปแดนเถื่อนนับไม่ถ้วน
พวกเขาโหยหาการรวมทวีปแดนเถื่อนมายาวนานมาก และหวังว่าจะจบความเข่นฆ่าวุ่นวายได้
เมื่อนางปรากฏตัวในท้องฟ้าและชนะในทุกการสู้รบที่นางสู้ด้วย พวกเขาเริ่มเห็นว่านางคือแสงอรุณแห่งยุคใหม่ และเริ่มเห็นความหวัง พวกเขายกย่องนางเป็นราชา เนื่องจากพลังของนางเป็นที่ดึงดูดทวีปแดนเถื่อน พวกเขาสร้างสถานะราชสำนักเพอร์ซูสและขยายออกไปจนอยู่ในสภาพปัจจุบัน
นางคอยควบคุมสัตว์ประหลาดยักษ์นี้อย่างระมัดระวังเหมือนกับว่านางกำลังเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง
เพราะสัตว์ประหลาดยักษ์นี้มีคุณสมบัติจะกลืนกินสัตว์ประหลาดยักษ์อื่นอย่างเช่นทวีปกวงหมิง เพียงแค่นั้นนางก็สามารถช่วยพี่เทียนของนางได้แล้ว
แน่นอนว่าราชอาณาจักรเพอร์ซูสในปัจจุบันยังอ่อนแอเมื่อเทียบกับทวีปกวงหมิง ราชอาณาจักรเพอร์ซูสในปัจจุบันเป็นเหมือนลูกโป่ง ตราบใดที่มีหนามทิ่มก็จะแตกยุบไป มีชนหลากหลายเผ่าพันธุ์มากเกินไปที่เข้ามาร่วมในช่วงเวลาสั้นๆ การสื่อสารติดต่อของพวกเขายังอ่อนและไม่เท่าเทียมกันนี่เป็นเหมือนแค่ผสมเนื้อในหม้อซุปเท่านั้นเอง
นางต้องอดทนเปลี่ยนแปลงพวกเขา แยกเผ่าพันธุ์ออกและเลือกพวกฝีมือดีมาสร้างเป็นกองทัพสร้างเป็นระบบและเลือกคนที่สามารถหายุทธวิธีรบได้
สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเห็นมาก่อนในทวีปแดนเถื่อน การเปลี่ยนแปลงประเพณีไม่เคยเป็นเรื่องที่ง่ายเลย และบางครั้งต้องพบกับการปฏิเสธ แต่นางไม่ท้อ นางยังคงชนะในศึกของนาง ทำให้ศักดิ์ศรีของนางมากเป็นประวัติการณ์ และทำให้การต่อต้านนางลดน้อยลง
สำหรับนางเป็นการรณรงค์ทางทหาร แต่ความยากลำบากของมันนั้นยากกว่าสิ่งที่นางเคยประสบมามาก
จำเป็นต้องทำงานมากซึ่งเถี่ยจี๋และอาซือหมิงไม่สามารถทนได้ ในสายตาของพวกเขา แม้ว่าราชาของพวกเขาจะไร้เทียมทาน แต่นางก็ยังเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง
‘แต่นางคือเด็กสาวที่พวกเขายกย่องว่าเป็นเทพธิดาศึก!’
ซ่างกวนเชียนฮุ่ยลอบกำหมัดให้กำลังใจตนเอง
องครักษ์ขนโต๊ะตัวหนึ่งมาและวางไว้หน้าบัลลังก์ กลุ่มข้าราชสำนักสตรีอยู่ภายใต้คำสั่งนาง ออกมาพร้อมกับเอกสารมากมาย ในพริบตาก็กองพูนอยู่บนโต๊ะ
นางหมกมุ่นกับกองกองเอกสารและเพ่งสมาธิอย่างมาก บ่าวรับใช้ด้านล่างเจดีย์เพิ่มความเร็วในการระมัดระวังเจดีย์ขนาดใหญ่ดูเหมือนกับเลื่อนผ่านไปตามน้ำแข็งโดยไม่แกว่งไกวหรือสั่นสะเทือน
เมื่อราตรีคืบคลานเข้ามาพวกเขาจึงเริ่มตั้งค่าย
ซ่างกวนเชียนฮุ่ยเพิ่งวางมือจากงานหนักของนาง เจดีย์ถูกวางลงอย่างระมัดระวังและองครักษ์คอยระมัดระวังทันที นางยืนขึ้นและเดินไปที่ด้านข้างเจดีย์ แสงอาทิตย์อัสดงค์สีทองสะท้อนต้องเจดีย์ดูงดงามมากและหญิงสาวเหมือนกับเทพธิดายืนสงบอยู่ในแสงทอง
พลเมืองที่เห็นฉากภาพเช่นนี้แต่ไกลแสดงความเคารพนางเป็นอย่างดี
ซ่างกวนเชียนฮุ่ยมองดูอาทิตย์อัสดงค์ความคิดของนางล่องลอยไปไกล สายตาที่เยือกเย็นและคมของนางพลันอ่อนโยน
‘พี่เทียน,เจ้าเห็นอาทิตย์อัสดงค์ด้วยหรือเปล่า?’
“ท่านหญิง! เราพบคนที่คุ้นเคยกับมู่จื่อเสีย”
เสียงเสี่ยวม่านดังขัดจังหวะความคิดของนาง สายตาที่อ่อนโยนของนางรั้งกลับและนางกลับกลายเป็นเยือกเย็นอีกครั้ง ด้วยอารมณ์ที่เฉยเมย นางกล่าว “พาเขามาพบข้า”
ซางเป่ยคุกเข่าอยู่กับพื้น เขาพูดทุกอย่างที่เขารู้ขณะสั่นเพราะความกลัว
เขาเป็นบุรุษที่พบเห็นเรื่องราวมามากมาย แต่ต่อหน้าเด็กสาว เขากลับถูกรัศมีของนางข่มและถึงกับสะอึกสองสามครั้ง ราชินีถามเขาอย่างระมัดระวัง และแม้แต่รายละเอียดที่เขาพลาดไม่ได้เปิดเผยจากการสอบปากคำ
ราชินีไม่ได้ใช้กำลังบังคับแม้แต่น้อย คำพูดของนางไม่เร็ว แต่มั่นคงมาก ทุกครั้งที่นางเอ่ยปากทำให้ให้ซางเป่ยรู้สึกเหมือนกับว่านางกำลังงัดความลับของมู่จือเสีย ความสงสัยทั้งหมดหายไปเมื่อนางปรากฏตัว
เมื่อนางถามเสร็จเขาก็ถูกโน้มน้าว ‘มิน่าเล่าทุกคนกล่าวว่านางจะรวมทวีปแดนเถื่อน
หน้าผากของเขาซบลงกับพื้น ความลังเลสงสัยของเขาทั้งหมดหายไป ตอนนี้เขาเชื่อหนักแน่นในตัวราชินีว่านางคือคนที่ฟ้าประทานมาให้ทวีปแดนเถื่อน วุฒิภาวะและสติปัญญาเกินวัยจริง สายตาที่คมและการตัดสินใจอย่างเยือกเย็นสร้างความประหลาดใจให้เขา
ซางเป่ยไม่รู้ว่าเขาออกมาได้อย่างไร เขาเพียงแต่ได้ยินราชินีพูด “ขอบใจที่ท่านพยายามอย่างหนัก” ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าได้อาบน้ำอมฤต และรู้สึกเหมือนกับตัวเบาลอยละล่อง
เสี่ยวม่านต้องคอยเตือนตลอดทาง นางสงสัย ‘ท่านหญิงจะลงมือกับมู่จือเสียหรือ? แต่เรายังอยู่ห่างจากทวีปเว่ยเย่กวนมาก และการสังเกตและจัดการกับมู่จือเสียตอนนี้ไม่เร็วเกินไปหรือ?’
‘ถ้าอาซิ่นอยู่ที่นี่นั่นคงดี เขาฉลาดมากและอาจเดาความคิดท่านหญิงได้’
‘เรียกประชุมแม่ทัพนายกอง”
เสียงนายหญิงดังขึ้นปลุกเสี่ยวม่านที่กำลังใจลอย
ในชั่วขณะต่อมาอาซิ่น, เถี่ยจี๋, อาซือหมิงและแม่ทัพที่เหลือประชุมกันอย่างรวดเร็ว สีหน้าของพวกเขาเคร่งเครียด พวกเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่
ซ่างกวนเชียนฮุ่ยโยนปากลงบนโต๊ะและขณะเดียวกันก็โยนลูกระเบิดให้กับทุกคน
“มู่จือเสียเตรียมลงมือแล้ว”