ตอนที่แล้วตอนที่ 771 มีใครข้องใจอีกไหม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 773 เทพธิดาตัดสินสงคราม

ตอนที่ 772 การเปลี่ยนแปลงของสวี่เย่


สวี่เย่ตกตะลึงหน้าซีดขาว

เขาถูกถังเทียนทิ้งไว้ด้านข้างและมองดูกระบวนการในการสู้รบทั้งหมด ใจของเขาว้าวุ่นไปหมดหลังจากเห็นถังเทียนฟันออกไป  แรงฟันของถังเทียนแฝงไปด้วยความหวังทั้งปวง  เขาได้รับผลจากภาพข้างหน้าอย่างสิ้นเชิง ในใจของเขาท่านหน้ากากผีเป็นคนที่ทรงพลังแข็งแกร่งไปแล้ว  และคนอย่างนั้นควรจะรักชีวิตตัวเองแทนที่จะเดินเข้าสู่เส้นทางอันตราย

แต่ท่านหน้ากากผีกลับตรงกันข้ามตัดสินใจด้วยตนเอง  เขาไม่รู้ว่าทำไมเจ้านายเขาถึงปล่อยพลังฟันที่มุ่งมั่นขนาดนั้น  เขารู้สึกละอาย ทั้งยังได้รู้แจ้งบางส่วน

ตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบัน ในการเผชิญหน้ากับกฎธรรมชาติมากมายไร้ขอบเขต  มนุษยชาติเป็นสิ่งเล็กน้อยเช่นกับฝุ่นธุลี  ถ้าพวกเขาไม่มีความกล้าหาญมุ่งมั่นเช่นนั้นและยังกลัวในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ต่อไป  เขาจะสอดส่องเรื่องลึกลับได้ยังไง?

เขาเป็นเหมือนรูปปั้นที่ติดอยู่ในจุดเดียว

แหวนมรณะในมือของเขาเปล่งรัศมีมรณะอย่างเงียบงัน และร่างของสวี่เย่ได้รับความเสียหายในอัตราที่มองเห็นได้  เหมือนกับต้นไม้เหี่ยวเฉา

หน้าของเขาซีดขาว  แต่ตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้าประกายตาเจิดจ้ามากขึ้นทุกที

ในมุมอื่นของเมืองพายุในกลุ่มฝูงผู้คน มีบุรุษชราที่ดูธรรมดาคนหนึ่ง หน้าของเขาซีด และมีแววหวาดกลัวอยู่ในดวงตาเขา  ทุกคนที่ล้อมรอบตัวเขาไม่มีใครเดาออกเลยว่าเขาคือหลูเซิงเซียงผู้ลือชื่อและคือผู้ปกครองเมืองม้าบินที่แท้จริง

เขามองดูบุรุษหน้ากากผีผู้คล้ายกับเทพสงครามในอากาศ  และโดยไม่พูดอะไรสักคำ  เขาหายไปจากกลุ่มผู้คน

เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบุรุษหน้ากากผี

หลูเทียนเหวินตายเพราะบุรุษหน้ากากผีและทั้งสองฝ่ายไม่มีทางประนีประนอมกันได้อีกต่อไป มีหลายอย่างถ้ากลับกลายเป็นเรื่องผิดพลาด อย่างนั้นก็คงไม่มีทางประนีประนอมกันได้ถ้าเจ้าไม่ตาย ก็เป็นข้าสิ้น

ตระกูลหลูเผชิญหน้ากับอันตรายอย่างไม่เคยมีมาก่อนและการลังเลหรือชะงักแม้แต่ครู่เดียวอาจทำให้ตกอยู่ในหลุมลึกที่สุดเมื่อใดก็ได้

สายตาของถังเทียนกวาดมองไปทั่วพื้นที่เหมือนกับว่ามีพลังกดดันออกมาจากดวงตาเขาสะกดข่มทุกคน ทำให้พวกเขาสั่นด้วยความกลัว

ทันใดนั้นคนผู้หนึ่งบินออกจากเมืองอย่างกระตือรือร้นเหมือนกลุ่มควัน

แสงสีฟ้าพุ่งวาบอยู่ในท้องฟ้า

เหมือนกับธนูแสงสีน้ำเงินยิงตรงเข้าไปในร่างนั้น

คนที่กำลังหลบหนีชะงักทันทีปากของเขาอ้าค้าง  แต่ก่อนที่เขาจะกรีดร้องออกมาเขาสูญเสียการควบคุมร่างกระเด็นออกไป 200 เมตร จากนั้นทุกคนจึงเห็นได้ชัดว่าเป็นใคร โอวคุมหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย เขาตายแล้ว

แสงน้ำเงินเป็นเหมือนภาพลวงตาขณะที่มันกลับมาอยู่ที่ข้างตัวถังเทียน แต่มันดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิม

หัวใจของทุกคนเย็นเฉียบไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวอีก

แม้แต่คนแข็งแกร่งอย่างโอวคุมกลายเป็นไม่มีอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษหน้ากากผี  ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวอีกต่อไป ฝูเจิ้งจือมองดูบุรุษหน้ากากผีที่ยังลอยตัวอยู่ในอากาศอย่างว่างเปล่าหัวใจของเขารู้สึกพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง

‘เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?’

‘เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นได้ยังไง?’

ฝูเจิ้งจือคิดถึงฉากตอนจบต่างๆนานา แต่ไม่มีฉากจบที่อยู่ต่อหน้าต่อตาเขานี้เลย  เขาคิดแผนมากมายนับไม่ถ้วน  แต่ไม่มีแผนใดเลยที่ใช้ได้อีกต่อไป

ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเขาเป็นตัวตลกมากแค่ไหน  แผนการที่เขาวางไว้ทั้งหมดล้วนน่าขัน

‘ต่อหน้าบุรุษหน้ากากผี  ข้าเป็นแค่มดแมลงตัวหนึ่ง’ ถ้าฝูเจิ้งจือรู้ว่าบุรุษหน้ากากผีทรงพลังมากเพียงไหน  เขาคงไม่มีทางคิดเรื่องเหล่านั้นแน่นอน  ‘แต่,ทำไมพลังของบุรุษหน้ากากผีถึงได้แตกต่างจากที่รายงาน?’

ฝูเจิ้งจือนึกได้ทันที

‘การกระทำทั้งหมดนี้ ใช่แล้วเป็นอุบายทั้งนั้น นักสู้ผู้ทรงพลังขนาดนี้ที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดกำลังดึงข้าไปด้วยพร้อมกับแสดงละครตลอดเวลาเขาอาจสร้างแรงส่งขนาดใหญ่เช่นนั้นเพื่อตัวเขาเอง   ทำหน้าทำตาให้ดูอ่อนแอ แต่กลับเป็นยอดฝีมือ เนื่องจากคนแบบนั้นเป็นเหยื่อชั้นดีที่สุดในแดนบาป’

‘ถูกแล้วบุรุษหน้ากากผีทำตัวเป็นเหมือนเหยื่อชิ้นดีมาตลอด ดึงดูดนักล่านับไม่ถ้วน  แต่ในที่สุดเหยื่อนี้ก็เปิดเผยเขี้ยวเล็บที่แหลมคม’

‘นี่คือกับดักใหญ่สำหรับนักล่า’

‘บุรุษหน้ากากผีหลอกคนทั่วแดนบาปอุบายของเขาประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น เมื่อนักล่าทั้งหมดมารวมกัน ตอนนั้นพวกเขาจึงตระหนักว่า  พวกเขาต่างหากที่เป็นเหยื่อ เหมือนกับข้า’

‘เจ้าเล่ห์จริงๆคิดแผนแบบนั้นออกมาได้!’

ความกลัวไม่มีที่สุดผุดขึ้นมาในใจของฝูเจิ้งจือ  เขาเพียงแต่รู้สึกว่าเขาโง่มาก และประมาทเกินไปถึงกับท้าทายคนที่น่ากลัวเช่นนั้นได้

พลังที่สิบสุดยอดนักสู้ในทำเนียบแสดงออกก็เพียงพอทำให้ทุกคนสั่นสะท้านได้  นอกจากนี้แผนที่วางมาเป็นอย่างดีนั้นอีกเขาน่าเกรงขามจริงๆ

‘ใครยังจะท้าทายเขาได้เล่า?’

ใจของฝูเจิ้งจือคิดทันที  แต่ในเวลาอันรวดเร็ว ความคิดนั้นก็ถูกโยนทิ้งไป‘ไม่ควรเป็นข้า’ ขณะนั้นเขาต้องไตร่ตรองหาวิธีรักษาชีวิตของเขาไว้  โอวคุมถูกฆ่าขณะวิ่งหนีซึ่งพิสูจน์ได้ว่าบุรุษหน้ากากผีทรงพลังแค่ไหนทั้งยังเป็นการบอกฝูเจิ้งจือว่าการหนีไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่

‘ข้าควรจะทำยังไงดี?’

ความคิดนับไม่ถ้วนแว่บผ่านเข้ามาในใจของเขา  หลังของฝูเจิ้งจือหลั่งเหงื่อเยียบเย็น เขารู้ว่าชีวิตของเขาและชะตาของตระกูลฝูฝากไว้กับความคิดเช่นนี้

ในวินาทีต่อมาฝูเจิ้งจือตัดสินใจ และในท่ามกลางความเงียบ เขาคุกเข่าลงกับพื้น

“เมืองพายุต้องการยอมแพ้!”

เซียวหานกวงจ้องมองฝูเจิ้งจือที่กำลังคุกเข่าอยู่กับพื้น‘ตาแก่ไร้ยางอาย’ เขาลอบด่าในใจ ปฏิกิริยาของฝูเจิ้งจือรวดเร็วมาก เนื่องจากเขายังไม่ได้เตรียมตัว แต่เขาต้องนับถือฝูเจิ้งจือที่สามารถก้มหัวและยอมรับเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นใจข้างเขาและทำการตัดสินใจเร็วเช่นนั้นและยอมเสียหน้าได้ ก็ต้องมีมาตรฐานบางอย่าง

‘เทียบกับตาแก่โง่แล้ว  ข้าก็ยังอ่อนประสบการณ์เกินไป’

เซียวหานกวงลอบถอนหายใจในใจ  แต่รู้ว่าเขาไม่มีทางออกอื่นเขาได้แต่คุกเข่าเช่นกัน  “เซียวหานกวงยินดียอมแพ้!”

เมื่อเห็นว่าบุรุษสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดคุกเข่า คนอื่นทุกคนไม่มีความคิดอื่นพากันคุกเข่าและตะโกนพร้อมกัน “เรายอมแพ้!”

บุรุษหน้ากากผีลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าอย่างภาคภูมิเหมือนกับราชันย์ชนะศึก

แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาดีใจมากในชั่วเวลาขณะนั้น  สายตาของเขามองห่างออกไปในขอบฟ้าแสนไกล  เขาลอบกำหมัด ‘การสู้รบเพิ่งเริ่มเท่านั้น’

ทันใดนั้นเขาอุทาน ‘เอ๊ะ’และหันไปดูนอกเมือง

รัศมีมรณะหนาแน่นอย่างนั้น!

มีรัศมีมรณะที่หนาแน่นมากที่ขยายตัวในระดับที่น่าทึ่ง

‘ที่นั่น...’ ถังเทียนรู้ทันทีว่านั่นคือ สวี่เย่!

เหมือนกับว่าประตูนรกเปิดออกทางตำแหน่งนั้น  คลื่นรัศมีมรณะทะลักออกมาเรื่อยๆ  รัศมีมรณะหนาแน่นขึ้นทุกทีขณะที่มันทะลักพลังออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ถังเทียนต้องการวิ่งไปดู  แต่เขาหยุดทันที ตาของเขาหรี่แคบมองอย่างตกใจ

ปัง,ลำแสงดำทะลักยิงออกไปในท้องฟ้าตรงเข้าไปในเมฆ!

มันปลดปล่อยพลังคลื่นเป็นรัศมีวงกลมแผ่ออกเต็มไปด้วยรัศมีมรณะหนาแน่นกวาดไปทั่วเมืองพายุ  เมืองพายุที่เงียบอยู่แล้วพลันเงียบสนิทแม้แต่เข็มตกก็ยังได้ยิน ทุกคนตะลึง ปากพวกเขาอ้ากว้างเหมือนกับว่าพวกเขามองดูวันสิ้นโลก

หน้าพวกเขาไร้สีเลือดความสิ้นหวังเต็มอยู่ในดวงตา เมืองพายุกำลังจะถูกทำลายหรือ?

รัศมีมรณะบริสุทธิ์นำเอาความรู้สึกกลิ่นอายความตายมาให้  นอกจากพวกที่ฝึกกฎมรณะเท่านั้น  คนธรรมดาจะหลีกเลี่ยงรัศมีดังกล่าวโดยสัญชาตญาณ

ฝูเจิ้งจือที่คุกเข่าอยู่กำลังตกตะลึง  คลื่นรัศมีมรณะทำให้เขาคิดถึงสมบัติวิญญาณ

แหวนมรณะ!

สมบัติสูงสุดของกฎตาย!

หน้าของฝูเจิ้งจือเปลี่ยนไป พร้อมกันนั้นเซียวหานกวงก็คิดถึงแหวนมรณะด้วยเช่นกัน

นั่นคือ...ถังเทียนมองดูลำสองสีดำที่ดุร้ายซึ่งยิงขึ้นไปในท้องฟ้า  กฎมรณะกำลังพ่นรังสีหนาแน่นจนเกือบกลบทุกอย่าง  เขาก็อยู่ในอาการตกใจ ฉากภาพต่อหน้าเขาเตือนให้เขานึกถึงเหอซิน  และฉากภาพที่ประตูนรกถูกเปิด ‘หรือนั่นจะเป็นแหวนมรณะ?’  ถังเทียนกังวลทันที  ‘เป็นไปได้หรือว่าแหวนมรณะที่เราให้สวี่เย่กำลังจะกินเขา  เพราะเขาไม่สามารถควบคุมมันได้...’

‘แย่แล้ว!’

เขาเริ่มเสียใจเขาไม่เคยคิดว่าแหวนมรณะจะมีพลังมากมาย ในบรรดาของทั้งหมด เขาไม่ได้ตั้งความหวังไว้กับสมบัติวิญญาณของแดนบาปมากนัก  เทียบกับสมบัติดวงดาวและสมบัติวิญญาณแล้ว  สมบัติวิญญาณในแดนบาป นอกจากวัสดุที่ใช้ในการสร้างสิ่งของพวกนี้แล้ว  ไม่มีอะไรที่น่าจดจำเกี่ยวกับพวกมันเลย

แต่ที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาเป็นครั้งแรกที่ถังเทียนเห็นสมบัติวิญญาณในแดนบาป  เขาสงสัยว่าเหอซินสามารถปลดปล่อยวิชาสุดท้ายได้เขาต้องใช้พลังกับแหวนมรณะไปมาก

ถังเทียนมีแรงกระตุ้นเพื่อช่วยสวี่เย่ทันที

แต่ไม่ใช่เพียงแต่เขาอาจไม่สามารถช่วยสวี่เย่เท่านั้น  ถ้าเขาต้องเคลื่อนไหว มันอาจทำร้ายเขาแทน  สวี่เย่ก่อนนั้นได้รับบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว  และความแข็งแรงของเขาถูกกัดกร่อนไปมากนั่นเหมือนกับแนวป้องกันที่ถูกทำให้เสียหายอย่างหนัก  จึงไม่มีทางหยุดรังสีมรณะหนาแน่นที่กำลังมาถึง

ร่างของสวี่เย่ถูกรังสีมรณะควบคุมไปแล้ว

ถ้าเป็นคนอื่น  พวกเขาคงกลายเป็นศพไปนานแล้วและคงถูกเพลิงดำกลืนกินและหายไป

แต่ถังเทียนรู้ว่าสวี่เย่ยังคงมีโอกาสสู้  โอกาสสู้ที่แทบจะเป็นศูนย์  เพราะสวี่เย่ฝึกมาทางกฎเป็นตาย  เขาต้องคว้าโอกาสรอดที่มีค่านี้ไว้ให้ได้

เป็นและตายโดยพื้นฐานก็คือแสงกับเงา  สองด้านที่แตกต่างอยู่ในเหรียญเดียวกันมักจะมีสัมพันธ์ต่อกันและกันเสมอ แต่ไม่สามารถอยู่รอดได้โดยปราศจากอีกฝ่าย

แม้ว่าคนที่ฝึกมาในกฎตาย  พวกเขาก็ไม่สามารถลบพลังชีวิตได้อย่างสมบูรณ์  พวกเขาเพียงใช้แต่วิธีการเฉพาะสะกดข่มพลังชีวิตและปล่อยให้รังสีมรณะโดดเด่นมากขึ้น

สวี่เย่ฝึกมาในกฎเป็นตาย และถ้าเขาสามารถหาพลังชีวิตในรัศมีมรณะไร้ที่สิ้นสุดได้  เขาจะมีโอกาสรอดผ่านไปได้  ตามทฤษฎีรัศมีมรณะจะต้องมีพลังชีวิตที่บริสุทธิ์ที่สุด เหมือนกับแสงที่เจิดจรัสที่สุดในเงามืดมิดที่สุด

ตราบใดที่เขาหาพลังชีวิตนี้พบสวี่เย่ที่ฝึกมาในทางกฎเป็นและตายก็จะเปลี่ยนรังสีมรณะหนาแน่นให้เป็นอาหารสำหรับสายใยพลังชีวิตได้และแข็งแกร่งขึ้นได้

เปลี่ยนแปลงระหว่างเป็นและตายเป็นเรื่องลึกซึ้งและเป็นนามธรรมมากมีแต่สวี่เย่จึงจะสามารถช่วยตนเองได้

ถังเทียนทำได้แต่เพียงกระตุ้นและกัดริมฝีปาก

‘สวี่เย่,  เจ้าต้องรอด!’

เขาไม่แม้แต่จะมองดูเชลยผู้คุกเข่าอยู่ต่อหน้าเขา  ขณะที่สายตาเขายังคงจับจ้องลำแสงสีดำที่น่ากลัว

คลื่นรังสีมรณะคลื่นแล้วคลื่นเล่าก่อตัวเป็นคลื่นสีดำมันเหมือนคลื่นทะเลขณะที่กวาดผ่านไปทั่วเมืองพายุ บุรุษหน้ากากผียังคงมั่นคงดุจภูผาอยู่ในท้องฟ้าไม่เคลื่อนไหวแม้คลื่นสีดำจะโถมเข้าใส่เขา เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นี่ทำให้ผู้คนข้างล่างนับถือเขามากขึ้น

ตายคือกฎธรรมชาติที่น่ากลัวที่สุด และรัศมีมรณะหนาแน่นขนาดนั้นไม่สามารถป้องกันได้เป็นธรรมดาและชีวิตของทุกคนจะถูกกัดกร่อนอย่างต่อเนื่องเมื่ออยู่ต่อหน้ารังสีมรณะ

มีเพียงเซียวหานกวงที่เงยหน้าขึ้นดวงตาของเขาทอประกายวูบ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีชั้นคลื่นเยือกเย็นอยู่รอบตัวบุรุษหน้ากากผี  และเมื่อรังสีมรณะหนาแน่นปะทะกับมันแต่ก็ไม่อาจสร้างความสั่นสะเทือนให้กับชั้นพลังที่สงบนั้นได้

‘เทพอสูรหกมุทราที่บุรุษหน้ากากผีฝึกเป็นเทพอสูรหกมุทราขนานแท้!’

ตาของถังเทียนฉายประกายเจิดจ้าทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด