ตอนที่ 771 มีใครข้องใจอีกไหม
เมืองพายุตกอยู่ในความเงียบงัน
ฝูเจิ้งจือมองดูร่างปีศาจที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ ใจของเขาเต็มไปด้วยความแตกตื่นตกใจ ‘มันเพิ่งเกิดอะไรขึ้นกันแน่?’ รอยฟันลึกฝังอยู่ในพื้นเบื้องหลังเขามองดูเหมือนรอยแยกนำไปสู่โลกอื่นในความมืดมิด ภายในนั้นซ่อนไว้ด้วยอันตรายไม่มีที่สิ้นสุด อุณหภูมิของสายลมราตรีตกฮวบทันที ใจเขาสั่นสะท้านหวั่นไหว
สีหน้าของโอคุมเคร่งเครียดจริงจัง ตาของเขามีแววลังเลและสงสัย เขาเคยพบยอดฝีมือมามากมายมาก่อน แต่บุรุษที่อยู่ต่อหน้าของเขามีกลิ่นอายอันตรายมาก เขาคิดจะถอย เขาได้รับเชิญมาเมืองพายุเพื่อเอาใจ แต่ถ้าต้องรบกวนกันถึงชีวิต มันคงไม่คู่ควร
นอกจากพวกเขาสามคนแล้ว สีหน้าของเซียวหานกวงแปลกประหลาดตกตะลึงที่สุดและไม่สามารถเข้าใจได้ เขาจ้องมองบุรุษหน้ากากผีอยู่ครึ่งค่อนวัน หน้ากากที่เต็มไปด้วยรอยเส้นเลือดคล้ายสีแดงของรอบใยแมงมุม เป็นมันแปลกประหลาดและในท่ามกลางความมืด มันค่อนข้างสว่าง
ดวงตาที่เห็นเหมือนกับเหล็กแดงหลอมเหลว ให้ความรู้สึกถึงความไม่แยแสและไร้อารมณ์
‘คนผู้นี้...’
เทียบกับพวกเขาสามคน ทุกคนเต็มไปด้วยความกลัว แรงฟันที่น่ากลัวของบุรุษหน้ากากผีไม่เพียงแต่ทิ้งรอยแผลลึกอยู่บนพื้น แต่ยังพรากชีวิตไปสองสามรายอีกด้วย
รัศมีแสงเกิดจากการทำลายล้างของกฎธรรมชาติของพวกเขาเหมือนกับดอกไม้ไฟสว่างวาบอยู่ในท้องฟ้ายามราตรี
ทุกคนตกอยู่ในความตื่นเต้นตื่นตัวกันหมดการสุมหัวรวมพวกไม่มีอะไรเลยเมื่อเผชิญหน้ากับนักฆ่า
ฝูเจิ้งจือรู้สึกตัวได้เร็ว เขารู้ว่าทุกคนตะลึงกับพลังโจมตีของบุรุษหน้ากากผีและรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ดี
เขาแค่นเสียงทันที “ก็แค่ใช้ออกมาเพียงไม่กี่ท่า แต่ไม้ตายสุดท้ายของเจ้าเล่า ข้าสงสัยว่า เจ้ายังสู้ต่อไหวไหม?”
ทุกคนมีท่าทางตกใจ หลายคนท่าทางกลัวลดลงไปมากและกระตือรือร้นที่จะโจมตีอีกครั้ง พวกเขายังหวังว่าจะชนะได้อีกครั้ง เกือบทุกคนจะมีไม้ตายตัดสินท่าหรือสองท่า ทั้งหมดนั้นช่วยรักษาชีวิตของพวกเขาและช่วยให้หลบหนี หรือไม้ตายสังหาร แต่ไม่ว่าจะเป็นไม้ตายสุดท้ายยังไงก็ตามล้วนแต่ต้องใช้พลังมากมายครึ่งหนึ่งของพวกเขาเป็นนักสู้ธรรมดา และการทุ่มเทอย่างสุดแรงพวกเขาเคยเห็นมาก่อนเช่นกัน
นั่นคือเหตุผลที่นักสู้ธรรมดาไม่เคยใช้วิชาไม้ตายสุดท้ายของพวกเขาเว้นแต่จะเกี่ยวข้องความเป็นตายของชีวิต
ก่อนนี้แรงฟันของบุรุษหน้าผีอาจน่ากลัวอาจสร้างความกลัวให้ทุกคน แต่ถ้าเป็นไม้ตายสุดท้ายอย่างนั้นพวกเขาก็คงเข้าใจได้
นั่นต้องเป็นไม้ตายสุดท้ายแน่นอน
ถ้าเป็นการฟันอย่างธรรมดาทั่วไปอาจทำให้สามยอดฝีมือในทำเนียบนักสู้มีท่าทางกลัวได้อย่างนั้นพลังของบุรุษหน้ากากผีก็คงจะน่ากลัวเกินไป สำหรับความเข้าใจของทุกคน จะน่ากลัวขนาดไหนหากนั่นเป็นการกระทำของสิบสุดยอดฝีมือในทำเนียบนักสู้
สิบสุดยอดของนักสู้ในทำเนียบนักสู้?
ฮ่าฮ่านี่มันเรื่องตลกชัดๆ
สิบสุดยอดในรายชื่อทำเนียบนักสู้แดนบาปเหมือนกับเทพเจ้าทุกคน พวกเขาทุกคนเป็นตำนาน ประวัติศาสตร์ของพวกเขาคือเรื่องเล่าและตำนานทุกๆ สองสามปี รายชื่อของการจัดอันดับนักสู้ในทำเนียบจะเปลี่ยนแปลง แต่สิบอันดับสุดยอดไม่เคยเปลี่ยนเลยในรอบทศวรรษที่ผ่านมา
ถ้าสิบอันดับสุดยอดเปลี่ยนไป คงเป็นเรื่องใหญ่โตที่สั่นสะเทือนแดนบาปแน่นอน สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือการเกิดขึ้นของตระกูลใหม่และการล่มสลายอีกสองสามตระกูลอื่น
นักสู้ที่มีพลังสูงล้ำทั้งหมดเหล่านี้เป็นผู้ปกครองแดนบาปตัวจริง และเป็นผู้ทรงอิทธิพลอำนาจในแดนบาป พวกเขายังคงได้รับความเข้าใจโดยปริยายว่าแม้แต่ตระกูลที่อยู่ในปกครองของเขาก็ต้องยับยั้งชั่งใจและมีความสามัคคีกัน
แม้ว่าบุรุษหน้ากากผีจะแข็งแกร่ง และมีการต่อสู้ที่น่าตื่นตะลึงสองสามท่าทั้งอาจจะถูกจัดอันดับอยู่ในทำเนียบนักสู้ได้ แต่ก็คงมีขีดจำกัดเพียงแค่นั้น
นั่นต้องเป็นไม้ตายชุดสุดท้ายแน่นอน!
เกือบทุกคนเชื่อการคาดเดาของฝูเจิ้งจือ รวมทั้งโอวคุมและเซียวหานกวง พวกเขาทั้งสองเป็นนักสู้ที่ถูกจัดอันดับในทำเนียบนักสู้ และเข้าใจความหมายของสุดยอดนักสู้สิบอันดับแรก และรู้ว่าผู้ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจนั้นลึกล้ำยากจะหยั่งเพียงไหน
การฟันของเขาก็คือไม้ตายสุดท้ายเป็นคำอธิบายที่สมเหตุผลที่สุด
บุรุษหน้ากากผีจะฟันได้อีกกี่ครั้งกัน?
เมื่อทุกคนปลุกความตั้งใจจะต่อสู้ ไม่มีใครสังเกตว่าพื้นที่ซึ่งบุรุษหน้ากากผียืนอยู่ก่อนนั้นตอนนี้ว่างเปล่า
ฝูเจิ้งจือรู้สึกแต่เพียงรังสีเยือกเย็นอยู่ที่ด้านหลังของเขา หน้าของเขาเปลี่ยนทันที ‘แย่แล้ว!’
ปฏิกิริยาของเขารวดเร็วถึงขีดสุด ขณะที่เขาขยับกระบี่ไม้ที่มือซ้ายมาป้องกันหลังของเขา
แคล้ง!
แรงฟันที่ทรงพลังกระแทกใส่กระบี่ไม้ ฝูเจิ้งจือเพียงแต่รู้สึกว่าข้อมือของเขาร้อนลวกทันที เขาเกือบจะปล่อยกระบี่ไม้ของเขา แต่เขารู้ว่านั่นจะเป็นการตัดสินความเป็นความตายของเขา จึงได้แต่ยึดไว้แน่น เขารู้สึกหวานในลำคอและกระอักโลหิตออกเต็มคำ ทั่วทั้งร่างรู้สึกเหมือนกับว่าเขาถูกค้อนยักษ์ทุบใส่จนปลิวออกไป
ราวกับว่ากระบี่เร็วสองสามเล่มตัดผ่านผิวน้ำระลอกเสียงนับไม่ถ้วนกึกก้องตามหลังของฝูเจิ้งจือร่างที่พร่าเลือนปรากฏพร้อมกับระลอกนั้น
เซี่ยเฟยหรันเป็นหนึ่งในประมุขตระกูลชั้นกลางในเมืองพายุและมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลฝู ดังนั้นถึงฝูเจิ้งจือจะไม่พูดอะไรสักคำ เขาก็วิ่งเข้ามาช่วยฝูเจิ้งจือ เมื่อเห็นว่าฝูเจิ้งจือกระอักโลหิต เขาถึงกับตกใจ
เขารู้พลังของประมุขตระกูลฝู แต่เขาก็ยังไม่แข็งแกร่งพอจะรับมือศัตรู!
‘เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง!’
ทันใดนั้น,เซี่ยเฟยหรันค่อยรู้สึกตัว เขาตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ‘นี่อะไรกัน?’
ที่อยู่ต่อหน้าเขาคือดอกไม้สีน้ำเงิน ขณะที่มันแค่ลอยอยู่ข้างหน้าเขาเงียบๆ
เขาไม่ได้สังเกตว่าดอกไม้มาปรากฏได้ยังไง ‘สิ่งนี้คืออะไร? นี่คือสมบัติวิญญาณของเจ้าโง่ที่น่าสงสารที่ตายแล้วหรือ?’ ประกายความโลภวูบผ่านในดวงตาของเขา เขายื่นมือคว้าดอกไม้น้ำเงินไว้
ชี่....ฝ่ามือของเขาถูกเผา ดอกไม้น้ำเงินบานในมือของเขา ‘นี่…’ ม่านตาของเขาขยายกว้าง
ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนเกิดรูเลือดปรากฏบนหน้าผากของเขา
ดอกไม้น้ำเงินกำลังมีเลือดหยดอยู่ในตอนนี้ลอยอยู่หลังศีรษะของเขา
ชี่..ชี่.. ชี่.. ดอกไม้น้ำเงินแทงศีรษะของผู้คนมากกว่าสิบ และในพริบตา พวกเขาทุกคนมีรูที่หน้าผาก ทุกคนเพียงแต่รู้สึกแสงสีน้ำเงินกระพริบวูบ พวกเขาปลดปล่อยพลังกฎธรรมชาติ แต่อยู่ต่อหน้าแสงน้ำเงินนี้ กฎธรรมชาติของพวกเขาเป็นเหมือนกระดาษ
ทุกคนเพียงแต่รู้สึกว่าภาพที่อยู่ต่อหน้าพวกเขากระพริบวูบเพียงวินาทีเดียวและพวกเขามากกว่าสิบคนก็สูญเสียชีวิต และสูญเสียการควบคุมร่างกายและล้มกลิ้งเหมือนลูกซาลาเปา
ดอกไม้น้ำเงินที่ถูกย้อมด้วยสีแดงกลับกลายเป็นตื่นเต้นมากขึ้น
ถังเทียนไม่สนใจมัน เนื่องจากโอคุมและเซียวหานกวงกำลังสู้กับเขา
โอวคุมและเซียวหานกวงไม่มีทางเลือก ฝูเจิ้งจือลอบโจมตีและได้รับบาดเจ็บซึ่งทำให้หัวใจของพวกเขาเย็นเฉียบ ถ้าบุรุษหน้ากากผีฆ่าฝูเจิ้งจือ อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มีความจำเป็นต้องสู้และหนีไปง่ายๆ
โอวคุมมีห่วงบรอนซ์อยู่ในมือมันเปล่งรัศมีสว่าง ภายในมีแสงสีเหลืองธาตุดินมีภาพอสรพิษน้ำเหมือนแหวกว่ายพันอยู่โดยรอบ
นิ้วมือเรียวยาวของเซียวหานกวงเป็นมันวาวเหมือนหยกและดูเด่นในความมืด นิ้วทั้งสิบของเขาเคลื่อนไหวไหลลื่นเหมือนกระแสน้ำ และมุทราของเขาเปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด
รังสีกระบี่เย็นยะเยือกและแพรวพราวลอยออกมาจากมุทราของเขาอย่างนุ่มนวล มันเปล่งเสียงคร่ำครวญเหมือนสุภาพสตรีโศกเศร้ายามค่ำคืน เสียงชอนไชเข้าไปในหัวใจผู้คน
ตาแดงของบุรุษหน้ากากผีแสดงความเปลี่ยนแปลงในที่สุดแสงในดวงตาของเขาเจิดจ้าขึ้น
มุทรากระบี่กำสรวล!
ถังเทียนจำมุทราได้ทันที อีกฝ่ายใช้มุทรากระบี่กำสรวล
‘หรือว่าจะเป็นผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่จริงๆ?’
ท่าปางมือของเซียวหานกวงปลุกความสนใจของถังเทียน เทพอสูรหกมุทราเป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้ผ่านวิชาดาบมารพิฆาต มุทราของเซียวหานกวงไวมากทำให้คนมองเขาด้วยความสับสน และเทียบกับท่าปางมือของเขาเองท่าปางมือของเซียวหานกวงสวยงามน่าประทับใจมากกว่า
ทันใดนั้นถังเทียนสังเกตว่ามุทราของเซียวหานกวงดูคล้ายกับปางมือที่เขาเข้าใจ แต่มีความแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวงในแง่ของเสน่ห์
ปางมือของเซียวหานกวงเร็วและสง่างามมากกว่า แต่ถังเทียนลอบส่ายศีรษะมุทรากระบี่กำสรวลดูเหมือนจะดี แต่ในสายตาเขา ก็แค่ดีแต่เปลือก
‘ลองดูมุทรากระบี่กำสรวลของข้าบ้าง’
ฝ่ามือขวาของเขาตั้งท่าปางมือมุทรากระบี่กำสรวลซึ่งแตกต่างจากปางมือของเซียวหานกวง ปางมือของถังเทียนมั่นคงเหมือนภูผาไม่มีความเร่งรีบ และกระบี่อมตะที่โคจรรอบฝ่ามือของเทพอสูรหายไป
ตาของเซียวหานกวงหรี่แคบ ‘นั่น… มุทรากระบี่กำสรวล!’
‘เป็นไปได้ยังไง!’
เขาฝึกเทพอสูรหกมุทรามานานหลายปี สามารถจดจำมุทราที่บุรุษหน้ากากผีตั้งท่าได้ นั่นคือมุทรากระบี่กำสรวลจริงๆ! แม้ว่ามุทรากระบี่กำสรวลของบุรุษหน้ากากผีจะน่าเกลียดที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นก็ตาม แต่เขามั่นใจเต็มร้อยว่านั่นคือมุทรากระบี่กำสรวล!
‘แต่ว่า น่าเกลียดจริงๆ...’
ก่อนที่เซียวหานกวงจะทันหงุดหงิด ม่านตาของเขาหรี่แคบอีกครั้ง
กระบี่บรอนซ์เล็กที่เต็มไปด้วยรอยร้าวปรากฏอยู่ต่อหน้ามุทรากระบี่กำสรวลของบุรุษหน้ากากผี
‘นั่นคือ...’
ฮือ ฮือ ฮือ!
เสียงร้องคร่ำครวญต่ำที่ทำให้หนังศีรษะของผู้คนสั่นสะท้านกดข่มเสียงเขาเอง และท้องฟ้าเหนือเมืองพายุพลันว่างเปล่าจากเสียงอื่น มีชั้นของคลื่นเสียงสะท้อนชั้นแล้วชั้นเล่าเปล่งออกจากกระบี่บรอนซ์กระจายไปทั่วทุกตำแหน่ง
มันแตกต่างจากมุทรากระบี่กำสรวลที่เศร้าโศกของเซียวหานกวง เสียงคร่ำครวญของกระบี่อมตะเหมือนเพลงศึกในหมอกควันของสนามรบใหญ่ เสียงโศกเศร้าอ้างว้างแผ่กระจายไปกว้างไกล
“ไม่มีใครรู้ว่ากองทัพของเรายังอยู่หรือตาย เราจะพักอย่างสงบได้ยังไง!”
“กองทัพดาวกางเขนใต้ จงก้าวไปข้างหน้า!”
ร่างวีรชนนับไม่ถ้วนคร่ำครวญดูเหมือนเสียงจะดังอยู่ข้างหูเขา และฉากภาพที่ไม่มีวันลืมปรากฏอยู่ในใจของถังเทียน ใบหน้าที่มีรอยแตกร้าวทั้งหมด ดวงตาที่มุ่งมั่นของพวกเขาทุกคนร่างที่ทะยานขึ้นท้องฟ้า
เราจะพักอย่างสงบได้ยังไง? เราจะพักอย่างสงบได้ยังไง?
‘เราไม่อาจตายได้! เราไม่อาจตายได้!’
ความรู้สึกไม่สบายใจผุดขึ้นในอกถังเทียนเสียงคร่ำครวญเศร้าโศกอ้างว้างดังออกมาจากกระบี่
‘มาเลย!’
‘ลองพบกับมุทรากระบี่กำสรวลของข้าดูบ้าง!’
ราวกับว่ารู้สึกได้ถึงอารมณ์ของถังเทียน เสียงคร่ำครวญดังกึกก้องในท้องฟ้า พลังสั่นสะเทือนของกระบี่อมตะหนาแน่นมากขึ้น และระลอกคลื่นพลังรอบกระบี่หนาแน่นมากขึ้น เสียงคร่ำครวญโศกเศร้าทำให้เมืองพายุสั่นสะเทือน
พลังของกระบี่บรอนซ์เล็กทำให้หน้าของเซียวหานกวงเปลี่ยน
เขาไม่อยากเชื่อตาตนเอง กระบี่อมตะจะกลายเป็นเงาดำขณะที่มันชนปะทะเข้ามาในรัศมีกระบี่ของเขา
รัศมีกระบี่ของเขาแตกกระจายเป็นชิ้น
หน้าของเซียวหานกวงซีดขาว มือของเขาที่ตั้งท่ามุทรารู้สึกชา พลังสั่นสะเทือนที่น่ากลัวแล่นกระจายไปทั่วตัวของเขาจากฝ่ามือของเขาทำให้อวัยวะภายในของเขาปั่นป่วน
สะท้อนกลับ!
‘ข้าถูกกระแทกด้วยพลังสะท้อนกลับจากการล้มเหลวในการตั้งมุทรา!’
เซียวหานกวงมองดูถังเทียนอย่างเหลือเชื่อ นิ้วเรียวงามทั้งสิบยังคงสั่นขณะที่เลือดเริ่มไหลจากปาก
กระบี่อมตะที่ทำลายรัศมีกระบี่ของเขายิงออกมาโดยไม่มีความลังเลเหมือนกระสุนปืนใหญ่และปะทะเข้ากับห่วงบรอนซ์ของโอคุม อสรพิษน้ำภายในรัศมีของห่วงไม่มีโอกาสได้ร้องเมื่อแสงรัศมีพังสลายรอยแตกร้าวนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่บนห่วงบรอนซ์ โอวคุมมองดูเหมือนกับว่าเขาโดนฟ้าผ่า เลือดพุ่งออกมาจากร่างของเขาขณะที่ร่างของเขาปลิวเหมือนว่าวที่ขาดลอยร่วงลงกับพื้น
และมีร่างร่วงลงมาจากท้องฟ้าเหมือนลูกซาลาเปามากขึ้น
ในช่วงเวลาสั้นกลุ่มคนแต่เดิมหายไปถึงครึ่งหนึ่ง และจำนวนคนเริ่มเบาบาง
โดยไม่รู้ตัวหลังจากเสี่ยวหลานกินชีวิตคนไปหลายคนมันเริ่มมีเสน่ห์และสวยงามมากขึ้น
เคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวเสี่ยวหลานและกระบี่อมตะก็บินกลับเข้ามาในร่างของเขา
เงียบสนิทสายตาของคนทั่วเมืองพายุเต็มไปด้วยความกลัว เขาค่อยๆ กวาดตาไปรอบๆ
“มีใครข้องใจอีกไหม?”