ตอนที่แล้วตอนที่ 770 สร้างชื่อในศึกเดียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 772 การเปลี่ยนแปลงของสวี่เย่

ตอนที่ 771 มีใครข้องใจอีกไหม


เมืองพายุตกอยู่ในความเงียบงัน

ฝูเจิ้งจือมองดูร่างปีศาจที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ  ใจของเขาเต็มไปด้วยความแตกตื่นตกใจ  ‘มันเพิ่งเกิดอะไรขึ้นกันแน่?’  รอยฟันลึกฝังอยู่ในพื้นเบื้องหลังเขามองดูเหมือนรอยแยกนำไปสู่โลกอื่นในความมืดมิด ภายในนั้นซ่อนไว้ด้วยอันตรายไม่มีที่สิ้นสุด  อุณหภูมิของสายลมราตรีตกฮวบทันที ใจเขาสั่นสะท้านหวั่นไหว

สีหน้าของโอคุมเคร่งเครียดจริงจัง  ตาของเขามีแววลังเลและสงสัย  เขาเคยพบยอดฝีมือมามากมายมาก่อน แต่บุรุษที่อยู่ต่อหน้าของเขามีกลิ่นอายอันตรายมาก  เขาคิดจะถอย เขาได้รับเชิญมาเมืองพายุเพื่อเอาใจ แต่ถ้าต้องรบกวนกันถึงชีวิต มันคงไม่คู่ควร

นอกจากพวกเขาสามคนแล้ว  สีหน้าของเซียวหานกวงแปลกประหลาดตกตะลึงที่สุดและไม่สามารถเข้าใจได้ เขาจ้องมองบุรุษหน้ากากผีอยู่ครึ่งค่อนวัน หน้ากากที่เต็มไปด้วยรอยเส้นเลือดคล้ายสีแดงของรอบใยแมงมุม เป็นมันแปลกประหลาดและในท่ามกลางความมืด มันค่อนข้างสว่าง

ดวงตาที่เห็นเหมือนกับเหล็กแดงหลอมเหลว  ให้ความรู้สึกถึงความไม่แยแสและไร้อารมณ์

‘คนผู้นี้...’

เทียบกับพวกเขาสามคน  ทุกคนเต็มไปด้วยความกลัว แรงฟันที่น่ากลัวของบุรุษหน้ากากผีไม่เพียงแต่ทิ้งรอยแผลลึกอยู่บนพื้น  แต่ยังพรากชีวิตไปสองสามรายอีกด้วย

รัศมีแสงเกิดจากการทำลายล้างของกฎธรรมชาติของพวกเขาเหมือนกับดอกไม้ไฟสว่างวาบอยู่ในท้องฟ้ายามราตรี

ทุกคนตกอยู่ในความตื่นเต้นตื่นตัวกันหมดการสุมหัวรวมพวกไม่มีอะไรเลยเมื่อเผชิญหน้ากับนักฆ่า

ฝูเจิ้งจือรู้สึกตัวได้เร็ว  เขารู้ว่าทุกคนตะลึงกับพลังโจมตีของบุรุษหน้ากากผีและรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ดี

เขาแค่นเสียงทันที  “ก็แค่ใช้ออกมาเพียงไม่กี่ท่า  แต่ไม้ตายสุดท้ายของเจ้าเล่า  ข้าสงสัยว่า เจ้ายังสู้ต่อไหวไหม?”

ทุกคนมีท่าทางตกใจ  หลายคนท่าทางกลัวลดลงไปมากและกระตือรือร้นที่จะโจมตีอีกครั้ง พวกเขายังหวังว่าจะชนะได้อีกครั้ง เกือบทุกคนจะมีไม้ตายตัดสินท่าหรือสองท่า ทั้งหมดนั้นช่วยรักษาชีวิตของพวกเขาและช่วยให้หลบหนี หรือไม้ตายสังหาร แต่ไม่ว่าจะเป็นไม้ตายสุดท้ายยังไงก็ตามล้วนแต่ต้องใช้พลังมากมายครึ่งหนึ่งของพวกเขาเป็นนักสู้ธรรมดา และการทุ่มเทอย่างสุดแรงพวกเขาเคยเห็นมาก่อนเช่นกัน

นั่นคือเหตุผลที่นักสู้ธรรมดาไม่เคยใช้วิชาไม้ตายสุดท้ายของพวกเขาเว้นแต่จะเกี่ยวข้องความเป็นตายของชีวิต

ก่อนนี้แรงฟันของบุรุษหน้าผีอาจน่ากลัวอาจสร้างความกลัวให้ทุกคน  แต่ถ้าเป็นไม้ตายสุดท้ายอย่างนั้นพวกเขาก็คงเข้าใจได้

นั่นต้องเป็นไม้ตายสุดท้ายแน่นอน

ถ้าเป็นการฟันอย่างธรรมดาทั่วไปอาจทำให้สามยอดฝีมือในทำเนียบนักสู้มีท่าทางกลัวได้อย่างนั้นพลังของบุรุษหน้ากากผีก็คงจะน่ากลัวเกินไป สำหรับความเข้าใจของทุกคน จะน่ากลัวขนาดไหนหากนั่นเป็นการกระทำของสิบสุดยอดฝีมือในทำเนียบนักสู้

สิบสุดยอดของนักสู้ในทำเนียบนักสู้?

ฮ่าฮ่านี่มันเรื่องตลกชัดๆ

สิบสุดยอดในรายชื่อทำเนียบนักสู้แดนบาปเหมือนกับเทพเจ้าทุกคน  พวกเขาทุกคนเป็นตำนาน  ประวัติศาสตร์ของพวกเขาคือเรื่องเล่าและตำนานทุกๆ สองสามปี รายชื่อของการจัดอันดับนักสู้ในทำเนียบจะเปลี่ยนแปลง แต่สิบอันดับสุดยอดไม่เคยเปลี่ยนเลยในรอบทศวรรษที่ผ่านมา

ถ้าสิบอันดับสุดยอดเปลี่ยนไป คงเป็นเรื่องใหญ่โตที่สั่นสะเทือนแดนบาปแน่นอน  สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือการเกิดขึ้นของตระกูลใหม่และการล่มสลายอีกสองสามตระกูลอื่น

นักสู้ที่มีพลังสูงล้ำทั้งหมดเหล่านี้เป็นผู้ปกครองแดนบาปตัวจริง  และเป็นผู้ทรงอิทธิพลอำนาจในแดนบาป  พวกเขายังคงได้รับความเข้าใจโดยปริยายว่าแม้แต่ตระกูลที่อยู่ในปกครองของเขาก็ต้องยับยั้งชั่งใจและมีความสามัคคีกัน

แม้ว่าบุรุษหน้ากากผีจะแข็งแกร่ง  และมีการต่อสู้ที่น่าตื่นตะลึงสองสามท่าทั้งอาจจะถูกจัดอันดับอยู่ในทำเนียบนักสู้ได้ แต่ก็คงมีขีดจำกัดเพียงแค่นั้น

นั่นต้องเป็นไม้ตายชุดสุดท้ายแน่นอน!

เกือบทุกคนเชื่อการคาดเดาของฝูเจิ้งจือ  รวมทั้งโอวคุมและเซียวหานกวง พวกเขาทั้งสองเป็นนักสู้ที่ถูกจัดอันดับในทำเนียบนักสู้  และเข้าใจความหมายของสุดยอดนักสู้สิบอันดับแรก และรู้ว่าผู้ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจนั้นลึกล้ำยากจะหยั่งเพียงไหน

การฟันของเขาก็คือไม้ตายสุดท้ายเป็นคำอธิบายที่สมเหตุผลที่สุด

บุรุษหน้ากากผีจะฟันได้อีกกี่ครั้งกัน?

เมื่อทุกคนปลุกความตั้งใจจะต่อสู้ ไม่มีใครสังเกตว่าพื้นที่ซึ่งบุรุษหน้ากากผียืนอยู่ก่อนนั้นตอนนี้ว่างเปล่า

ฝูเจิ้งจือรู้สึกแต่เพียงรังสีเยือกเย็นอยู่ที่ด้านหลังของเขา  หน้าของเขาเปลี่ยนทันที  ‘แย่แล้ว!’

ปฏิกิริยาของเขารวดเร็วถึงขีดสุด  ขณะที่เขาขยับกระบี่ไม้ที่มือซ้ายมาป้องกันหลังของเขา

แคล้ง!

แรงฟันที่ทรงพลังกระแทกใส่กระบี่ไม้  ฝูเจิ้งจือเพียงแต่รู้สึกว่าข้อมือของเขาร้อนลวกทันที  เขาเกือบจะปล่อยกระบี่ไม้ของเขา แต่เขารู้ว่านั่นจะเป็นการตัดสินความเป็นความตายของเขา  จึงได้แต่ยึดไว้แน่น  เขารู้สึกหวานในลำคอและกระอักโลหิตออกเต็มคำ ทั่วทั้งร่างรู้สึกเหมือนกับว่าเขาถูกค้อนยักษ์ทุบใส่จนปลิวออกไป

ราวกับว่ากระบี่เร็วสองสามเล่มตัดผ่านผิวน้ำระลอกเสียงนับไม่ถ้วนกึกก้องตามหลังของฝูเจิ้งจือร่างที่พร่าเลือนปรากฏพร้อมกับระลอกนั้น

เซี่ยเฟยหรันเป็นหนึ่งในประมุขตระกูลชั้นกลางในเมืองพายุและมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลฝู ดังนั้นถึงฝูเจิ้งจือจะไม่พูดอะไรสักคำ เขาก็วิ่งเข้ามาช่วยฝูเจิ้งจือ เมื่อเห็นว่าฝูเจิ้งจือกระอักโลหิต เขาถึงกับตกใจ

เขารู้พลังของประมุขตระกูลฝู  แต่เขาก็ยังไม่แข็งแกร่งพอจะรับมือศัตรู!

‘เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง!’

ทันใดนั้น,เซี่ยเฟยหรันค่อยรู้สึกตัว เขาตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ‘นี่อะไรกัน?’

ที่อยู่ต่อหน้าเขาคือดอกไม้สีน้ำเงิน  ขณะที่มันแค่ลอยอยู่ข้างหน้าเขาเงียบๆ

เขาไม่ได้สังเกตว่าดอกไม้มาปรากฏได้ยังไง  ‘สิ่งนี้คืออะไร? นี่คือสมบัติวิญญาณของเจ้าโง่ที่น่าสงสารที่ตายแล้วหรือ?’ ประกายความโลภวูบผ่านในดวงตาของเขา เขายื่นมือคว้าดอกไม้น้ำเงินไว้

ชี่....ฝ่ามือของเขาถูกเผา ดอกไม้น้ำเงินบานในมือของเขา ‘นี่…’  ม่านตาของเขาขยายกว้าง

ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนเกิดรูเลือดปรากฏบนหน้าผากของเขา

ดอกไม้น้ำเงินกำลังมีเลือดหยดอยู่ในตอนนี้ลอยอยู่หลังศีรษะของเขา

ชี่..ชี่.. ชี่.. ดอกไม้น้ำเงินแทงศีรษะของผู้คนมากกว่าสิบ  และในพริบตา พวกเขาทุกคนมีรูที่หน้าผาก  ทุกคนเพียงแต่รู้สึกแสงสีน้ำเงินกระพริบวูบ  พวกเขาปลดปล่อยพลังกฎธรรมชาติ  แต่อยู่ต่อหน้าแสงน้ำเงินนี้  กฎธรรมชาติของพวกเขาเป็นเหมือนกระดาษ

ทุกคนเพียงแต่รู้สึกว่าภาพที่อยู่ต่อหน้าพวกเขากระพริบวูบเพียงวินาทีเดียวและพวกเขามากกว่าสิบคนก็สูญเสียชีวิต และสูญเสียการควบคุมร่างกายและล้มกลิ้งเหมือนลูกซาลาเปา

ดอกไม้น้ำเงินที่ถูกย้อมด้วยสีแดงกลับกลายเป็นตื่นเต้นมากขึ้น

ถังเทียนไม่สนใจมัน  เนื่องจากโอคุมและเซียวหานกวงกำลังสู้กับเขา

โอวคุมและเซียวหานกวงไม่มีทางเลือก ฝูเจิ้งจือลอบโจมตีและได้รับบาดเจ็บซึ่งทำให้หัวใจของพวกเขาเย็นเฉียบ  ถ้าบุรุษหน้ากากผีฆ่าฝูเจิ้งจือ อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มีความจำเป็นต้องสู้และหนีไปง่ายๆ

โอวคุมมีห่วงบรอนซ์อยู่ในมือมันเปล่งรัศมีสว่าง ภายในมีแสงสีเหลืองธาตุดินมีภาพอสรพิษน้ำเหมือนแหวกว่ายพันอยู่โดยรอบ

นิ้วมือเรียวยาวของเซียวหานกวงเป็นมันวาวเหมือนหยกและดูเด่นในความมืด นิ้วทั้งสิบของเขาเคลื่อนไหวไหลลื่นเหมือนกระแสน้ำ  และมุทราของเขาเปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด

รังสีกระบี่เย็นยะเยือกและแพรวพราวลอยออกมาจากมุทราของเขาอย่างนุ่มนวล มันเปล่งเสียงคร่ำครวญเหมือนสุภาพสตรีโศกเศร้ายามค่ำคืน เสียงชอนไชเข้าไปในหัวใจผู้คน

ตาแดงของบุรุษหน้ากากผีแสดงความเปลี่ยนแปลงในที่สุดแสงในดวงตาของเขาเจิดจ้าขึ้น

มุทรากระบี่กำสรวล!

ถังเทียนจำมุทราได้ทันที  อีกฝ่ายใช้มุทรากระบี่กำสรวล

‘หรือว่าจะเป็นผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่จริงๆ?’

ท่าปางมือของเซียวหานกวงปลุกความสนใจของถังเทียน เทพอสูรหกมุทราเป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้ผ่านวิชาดาบมารพิฆาต  มุทราของเซียวหานกวงไวมากทำให้คนมองเขาด้วยความสับสน และเทียบกับท่าปางมือของเขาเองท่าปางมือของเซียวหานกวงสวยงามน่าประทับใจมากกว่า

ทันใดนั้นถังเทียนสังเกตว่ามุทราของเซียวหานกวงดูคล้ายกับปางมือที่เขาเข้าใจ แต่มีความแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวงในแง่ของเสน่ห์

ปางมือของเซียวหานกวงเร็วและสง่างามมากกว่า  แต่ถังเทียนลอบส่ายศีรษะมุทรากระบี่กำสรวลดูเหมือนจะดี แต่ในสายตาเขา ก็แค่ดีแต่เปลือก

‘ลองดูมุทรากระบี่กำสรวลของข้าบ้าง’

ฝ่ามือขวาของเขาตั้งท่าปางมือมุทรากระบี่กำสรวลซึ่งแตกต่างจากปางมือของเซียวหานกวง  ปางมือของถังเทียนมั่นคงเหมือนภูผาไม่มีความเร่งรีบ  และกระบี่อมตะที่โคจรรอบฝ่ามือของเทพอสูรหายไป

ตาของเซียวหานกวงหรี่แคบ  ‘นั่น… มุทรากระบี่กำสรวล!’

‘เป็นไปได้ยังไง!’

เขาฝึกเทพอสูรหกมุทรามานานหลายปี สามารถจดจำมุทราที่บุรุษหน้ากากผีตั้งท่าได้  นั่นคือมุทรากระบี่กำสรวลจริงๆ! แม้ว่ามุทรากระบี่กำสรวลของบุรุษหน้ากากผีจะน่าเกลียดที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นก็ตาม แต่เขามั่นใจเต็มร้อยว่านั่นคือมุทรากระบี่กำสรวล!

‘แต่ว่า น่าเกลียดจริงๆ...’

ก่อนที่เซียวหานกวงจะทันหงุดหงิด  ม่านตาของเขาหรี่แคบอีกครั้ง

กระบี่บรอนซ์เล็กที่เต็มไปด้วยรอยร้าวปรากฏอยู่ต่อหน้ามุทรากระบี่กำสรวลของบุรุษหน้ากากผี

‘นั่นคือ...’

ฮือ  ฮือ ฮือ!

เสียงร้องคร่ำครวญต่ำที่ทำให้หนังศีรษะของผู้คนสั่นสะท้านกดข่มเสียงเขาเอง และท้องฟ้าเหนือเมืองพายุพลันว่างเปล่าจากเสียงอื่น มีชั้นของคลื่นเสียงสะท้อนชั้นแล้วชั้นเล่าเปล่งออกจากกระบี่บรอนซ์กระจายไปทั่วทุกตำแหน่ง

มันแตกต่างจากมุทรากระบี่กำสรวลที่เศร้าโศกของเซียวหานกวง  เสียงคร่ำครวญของกระบี่อมตะเหมือนเพลงศึกในหมอกควันของสนามรบใหญ่  เสียงโศกเศร้าอ้างว้างแผ่กระจายไปกว้างไกล

“ไม่มีใครรู้ว่ากองทัพของเรายังอยู่หรือตาย  เราจะพักอย่างสงบได้ยังไง!”

“กองทัพดาวกางเขนใต้ จงก้าวไปข้างหน้า!”

ร่างวีรชนนับไม่ถ้วนคร่ำครวญดูเหมือนเสียงจะดังอยู่ข้างหูเขา และฉากภาพที่ไม่มีวันลืมปรากฏอยู่ในใจของถังเทียน  ใบหน้าที่มีรอยแตกร้าวทั้งหมด ดวงตาที่มุ่งมั่นของพวกเขาทุกคนร่างที่ทะยานขึ้นท้องฟ้า

เราจะพักอย่างสงบได้ยังไง?  เราจะพักอย่างสงบได้ยังไง?

‘เราไม่อาจตายได้!  เราไม่อาจตายได้!’

ความรู้สึกไม่สบายใจผุดขึ้นในอกถังเทียนเสียงคร่ำครวญเศร้าโศกอ้างว้างดังออกมาจากกระบี่

‘มาเลย!’

‘ลองพบกับมุทรากระบี่กำสรวลของข้าดูบ้าง!’

ราวกับว่ารู้สึกได้ถึงอารมณ์ของถังเทียน  เสียงคร่ำครวญดังกึกก้องในท้องฟ้า พลังสั่นสะเทือนของกระบี่อมตะหนาแน่นมากขึ้น  และระลอกคลื่นพลังรอบกระบี่หนาแน่นมากขึ้น เสียงคร่ำครวญโศกเศร้าทำให้เมืองพายุสั่นสะเทือน

พลังของกระบี่บรอนซ์เล็กทำให้หน้าของเซียวหานกวงเปลี่ยน

เขาไม่อยากเชื่อตาตนเอง  กระบี่อมตะจะกลายเป็นเงาดำขณะที่มันชนปะทะเข้ามาในรัศมีกระบี่ของเขา

รัศมีกระบี่ของเขาแตกกระจายเป็นชิ้น

หน้าของเซียวหานกวงซีดขาว  มือของเขาที่ตั้งท่ามุทรารู้สึกชา พลังสั่นสะเทือนที่น่ากลัวแล่นกระจายไปทั่วตัวของเขาจากฝ่ามือของเขาทำให้อวัยวะภายในของเขาปั่นป่วน

สะท้อนกลับ!

‘ข้าถูกกระแทกด้วยพลังสะท้อนกลับจากการล้มเหลวในการตั้งมุทรา!’

เซียวหานกวงมองดูถังเทียนอย่างเหลือเชื่อ  นิ้วเรียวงามทั้งสิบยังคงสั่นขณะที่เลือดเริ่มไหลจากปาก

กระบี่อมตะที่ทำลายรัศมีกระบี่ของเขายิงออกมาโดยไม่มีความลังเลเหมือนกระสุนปืนใหญ่และปะทะเข้ากับห่วงบรอนซ์ของโอคุม อสรพิษน้ำภายในรัศมีของห่วงไม่มีโอกาสได้ร้องเมื่อแสงรัศมีพังสลายรอยแตกร้าวนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่บนห่วงบรอนซ์ โอวคุมมองดูเหมือนกับว่าเขาโดนฟ้าผ่า เลือดพุ่งออกมาจากร่างของเขาขณะที่ร่างของเขาปลิวเหมือนว่าวที่ขาดลอยร่วงลงกับพื้น

และมีร่างร่วงลงมาจากท้องฟ้าเหมือนลูกซาลาเปามากขึ้น

ในช่วงเวลาสั้นกลุ่มคนแต่เดิมหายไปถึงครึ่งหนึ่ง และจำนวนคนเริ่มเบาบาง

โดยไม่รู้ตัวหลังจากเสี่ยวหลานกินชีวิตคนไปหลายคนมันเริ่มมีเสน่ห์และสวยงามมากขึ้น

เคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวเสี่ยวหลานและกระบี่อมตะก็บินกลับเข้ามาในร่างของเขา

เงียบสนิทสายตาของคนทั่วเมืองพายุเต็มไปด้วยความกลัว เขาค่อยๆ กวาดตาไปรอบๆ

“มีใครข้องใจอีกไหม?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด