ตอนที่ 771 ข้าคือข้า เขาคือเขา
ผู้เฒ่าหมากรุกแค่นเสียงไม่หยุดหย่อน“คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต” เขาวิ่งเข้าหาราชันย์คุกฟ้าเกาเผิงตั้งใจจะให้ฝ่ายตรงข้ามระเบิดเป็นผุยผงไปพร้อมกับระเบิดดวงดาวต้องห้าม
ราชันย์คุกฟ้าเกาเผิงเหยียดมือควบคุมอากาศทำให้ผู้เฒ่าหมากรุกลอยคว้างอยู่กลางอากาศและยิ้มให้ “ข้า..ไม่เหมือนเมื่อหกพันปีที่แล้ว นอกจากนี้ในอดีตที่ผ่านมาถ้าข้าไม่ต่อสู้จนหมดแรง ด้วยระดับพลังอย่างเจ้าจะฆ่าข้าได้อย่างไร? ราชาหมากรุกสหายเก่าของข้าเจ้ายังคงต้องเดียวดายไปก่อน ข้ามีภารกิจไม่อาจร่วมทางกับเจ้าได้” เขาผลักมือเบาๆ
ผู้เฒ่าหมากรุกก็ลอยละลิ่วกระเด็นถอยหลังออกไป
เมื่อผู้เฒ่าหมากรุกวิ่งเข้ามาเป็นครั้งที่สองและถูกเหวี่ยงกระเด็นไปกองบนแผ่นภาพหมากรุกนับพัน ราชันย์คุกฟ้าเกาเผิงก็หายเข้าไปในทางแสงสว่าง
“โอว.. ข้าแก่แล้ว”ผู้เฒ่าหมากรุกชะงักก้มลงเก็บตัวหมากรุกบนพื้นถอนหายใจและนั่งลงอย่างทอดอาลัย
แม้เป็นองครักษ์ตั้งแต่หกพันปีที่แล้วแต่ก็ต้องพลอยคุมขังตัวเองไปด้วย
จนกระทั่งบัดนี้เขาหมดหน้าที่ผู้คุ้มกันแล้ว
อิสรภาพเป็นของเขา
ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตนี้แม้ว่าจะเป็นเวลาชีวิตสั้นๆ แต่เขาก็รู้สึกว่ามีความสุขที่ได้เล่นหมากรุกเมื่อเขาวางตัวหมากลงบนกระดาน ใบหน้าเขามีรอยยิ้มปากก็พูดสิ่งที่คิดออกมาดังๆ “เหมือนกับที่มีคนกล่าวไว้ ในที่สุดก็ได้เล่นหมากรุกอย่างสบายอารมณ์ เจ้ายังมีเรื่องต้องเสียใจแม้ว่าจะหยุดเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ แต่เจ้าก็ยังมีส่วนร่วมได้ส่งต่อคัมภีร์หมากกลกระอักเลือดให้กับคนรุ่นหลังที่เกิดมาในหอทงเทียนได้ ข้าเองก็ยังอยากจะเห็นด้วยเหมือนกัน”
เมื่อเขาวางหมากอย่างแผ่วเบาบนกระดานเขาพบว่าหมากบนกระดานแตกต่างไปเล็กน้อย
“อะไรกันนี่ นี่สำนึกศักดิ์สิทธิ์ของข้าหรือ?”
ผู้เฒ่าหมากรุกตะลึงในตอนแรก และจากนั้นเขาฝืนยิ้มการได้รับอิสรภาพก็คือการปล่อยวางความรับผิดชอบเขาได้เข้าใจสัจจธรรมในช่วงท้ายของชีวิต ช่างน่าขันจริงๆ
หน้าที่รับผิดชอบที่เขาทำมาหกพันปีกลับกักขังความรู้แจ้งสัจจธรรมของเขาเอาไว้หรือ?
ข้างนอกเกาะสุริยันต์ เย่ว์หยางหายไปไม่เหลือร่องรอย
เกี่ยวกับการแยกจากไปของกลุ่มผู้เยาว์ประหลาดนักรบแดนทมิฬไม่กล้าไล่ตามอีก พวกเขาพยายามเชื่อมการติดต่อกับประตูภายในแดนทมิฬ
นักรบระดับเตรียมปราณฟ้าหมื่นคนภายใต้การร่วมมือกับนักสู้ปราณฟ้านับร้อยวิจัยเส้นทางผ่านของแดนทมิฬมาหลายพันปี“มีการเชื่อมต่อเข้ากับคุกต้องห้ามได้สำเร็จ ด้วยการวิเคราะห์ของนักสู้ภายในผนึกพบว่าทุกคนหนีไปให้ไกลเท่าที่ทำได้โดยไม่มีเวลาอย่างเพียงพอแม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าเกาะสุริยันต์ตอนนี้กำลังจะระเบิดในอีกไม่ช้าพลังงานของผนึกเกิดความปั่นป่วนสับสนอย่างหนัก สายฟ้าแลบแปลบปลาบอย่างบ้าคลั่งเพราะการทำงานของพลังงานผนึกกำลังพุ่งขึ้นถึงขีดจำกัดและจะเกิดการระเบิดทำลายล้างครั้งใหญ่
หลังจากเกิดระเบิดทำลายล้างครั้งใหญ่พื้นที่ทั้งหมดจะแตกพังทลาย มิติจะเกิดสภาพบิดเบือน พายุมิติจะดูดกลืนสิ่งต่างๆมากมายนับไม่ถ้วนเข้าไปในมิติหลุมดำ
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ตกเข้าไปในหลุมดำจะไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิดอีกเลย
เพราะการเชื่อมโยงภายในแดนทมิฬทั้งโลกและแดนสวรรค์จึงเกิดภาพที่ดูแปลกประหลาด พื้นดินพื้นฟ้าแตกแยก
แม้แต่กลางเกาะสุริยันต์เริ่มฉีกขาดเป็นสองส่วน
พื้นที่มากมายนับไม่ถ้วนถูกกระแสพลังปั่นป่วนกระแทกฉีกขาดและทำลายสิ่งที่เคลื่อนไหว
จวนเจ้าเมืองที่มั่นคงพังทลายยกเว้นแต่ทางลับแสงสว่างทั่วทั้งเกาะสุริยันต์บิดเบี้ยวผิดรูปราวกับว่ามีปีศาจที่มองไม่เห็นจับบิด
คนที่หลบหนีต่างบินขึ้นไปในท้องฟ้าทั้งหมดหนีไปทางภูเขาหุบเขาที่อยู่ไกลๆ ตั้งใจจะใช้หุบเขาช่วยบดบังพลังทำลายล้าง มีบางคนก็เลือกวิธีการที่แน่นอน บ้างก็บินไปที่เกาะสุริยันต์เหมือนคนตาบอด บนถนนสายหลักเกิดการระเบิดพื้นแยกออกเหมือนอสูรยักษ์อ้าปาก
เมืองลี่จ้าวที่ไม่เคยถูกยึดเลยในประวัติศาสตร์หกพันปีซึ่งเป็นฐานหนุนเกาะสุริยันต์แดนสวรรค์ ในที่สุดก็ถึงคราวล่มสลาย
ทางเดินแสงสว่าง
ผู้เฒ่าหมากรุกหลับตาใช้นิ้วคีบวางหมากชิ้นสุดท้ายอย่างแผ่วเบา
เหลือเวลาอีกสิบวินาที
นี่จะเป็นเวลาสิบวินาทีสุดท้ายของชีวิตเขา
ขณะที่ผู้เฒ่าหมากเผยอยิ้มโดยไม่รู้สึกเสียใจเมื่อเขาเตรียมตัวตายอย่างเงียบสงบ จู่ๆ เขาเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้าในทางลับที่ยืนอยู่ข้างหลังของเด็กหนุ่มนี้เป็นคนกลุ่มหนึ่งเหมือนกลุ่มวิญญาณในยมโลกหลายคนเป็นคนที่ผู้อาวุโสหมากรุกรู้จัก
“เป็นไปไม่ได้!” ผู้เฒ่าหมากรุกค่อนข้างเชื่อว่านี่คือภาพนิมิตก่อนตาย
“แม้ว่าข้าจะไม่สามารถหยุดระเบิดต้องห้ามได้ แต่ข้าสามารถถ่วงเวลาได้สามนาที สามนาทีไม่นับว่ามากพอสำหรับเล่นหมากรุกได้แต่ก็ยังสามารถรับมือได้หลายอย่าง” เด็กหนุ่มที่ทักทายผู้เฒ่าหมากรุกย่อมเป็นเย่ว์หยางอย่างมิต้องสงสัยแต่กลุ่มคนที่เดินตามเขาออกมาเหมือนเงาวิญญาณก็คือนักรบหอทงเทียนที่ถูกผนึกอยู่ภายในหรือหัวหน้ากบฏชาวหอทงเทียนที่ยังเหลือรอดอยู่
“กลับกลายเป็นว่าเกาเผิงเข้ามาก็เพื่อปกป้องเจ้าสินะ” ตอนนี้ผู้เฒ่าหมากรุกเข้าใจแล้ว
ราชันย์คุกฟ้าเกาเผิงเหตุใดจึงต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถป้องกันระเบิดจึงต้องยอมเปิดเผยสถานะอย่างนั้นหรือ? เขาไม่ได้มาเพื่อเปิดเผยตัวเองแต่เขามาคุ้มครองเด็กหนุ่มคนนี้
เมื่อเขาเห็นราชันย์คุกฟ้า เขาตกใจความคิดของเขาทั้งหมดเพ่งไปที่เกาเผิงศัตรูเก่าแก่ของเขาเขาไม่ตระหนักเลยว่ายังมีเด็กหนุ่มอีกคน ทั้งยังช่วยคนไปต่อหน้าต่อตาเขา เด็กหนุ่มคนนี้คือจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ เขาอายุเยาว์กว่าจักรพรรดิอวี้คนก่อนทั้งยังมีสติปัญญาฉลาด ผู้เฒ่าหมากรุกเหมือนกับไม่มองดูตัวเอง
เขาแพ้แล้ว แพ้จริงๆ
ครั้งนี้ไม่ได้แพ้พลังไร้เทียมทานของจักรพรรดิอวี้คนก่อน แต่พ่ายแพ้สติปัญญาของเด็กหนุ่มผู้นี้
ถ้าไม่ใช่เพราะฝ่ายตรงข้ามตั้งใจปรากฏตัวเกรงว่าเขาคงตายไปโดยไม่รู้ว่าตัวเองล้มเหลว
เงาที่เหมือนวิญญาณสีดำมีทั้งสูงและผอมยืนยิ้มให้ผู้เฒ่าหมากรุก“จ้าวหมากรุก! พวกเราทุกคนแก่กันหมดแล้ว โลกปัจจุบันนี้เป็นของผู้เยาว์ ทำไมเจ้าจึงยังยึดมั่นอยู่อีก? ตามเราไปหอทงเทียนและเล่นหมากรุกให้สาแก่ใจกันดีกว่าต้องมาเป็นสุนัขเฝ้าบ้านให้กับพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เวลาผ่านไปนานปีแล้ว ความเป็นปฏิปักษ์ในอดีตมันผ่านไปแล้วตราบใดที่เจ้ายินดีปล่อยวาง ก็จงปล่อยวางเถอะ แล้วไปพร้อมกับเรา เราเสียเวลาไปหกพันปีนับว่ามากพอแล้ว”
ผู้เฒ่าหมากรุกส่ายหน้าหนักแน่น
เขาถอนหายใจ “ขอบคุณ แต่พวกเจ้าก็รู้จักข้าดี ข้าไม่คุ้นกับการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเป็นที่สุดเมื่อพวกเจ้ายอมตายเพื่อจักรพรรดิอวี้ ข้าชื่นชมอิจฉาจริงๆ ถ้าวันนี้ข้าจากไปพร้อมกับพวกเจ้า ก็เท่ากับดูถูกตนเองข้าอิจฉาพวกเจ้าจริงๆ หกพันปีผ่านไป แต่ก็ยังมีคนคิดจะมาช่วยพวกเจ้า นี่คือประเพณีของชาวหอทงเทียนหรือ?”
“หอทงเทียนไม่ได้มีประเพณีอย่างนั้น ถ้าอ้างว่ามีนั่นคงเป็นสหายเก่าเบิกทางไว้ให้รุ่นผู้เยาว์ได้เติบโต”เงาร่างคล้ายวิญญาณเหล่านั้นหัวเราะ
“น่าเสียดาย, ข้าไม่ได้เกิดที่หอทงเทียน”ผู้เฒ่าหมากรุกนั่งลงช้าๆ เอื้อมไปล้างกระดานหมากรุกต่อหน้าเขา
ตัวหมากร่วงตกลงเหมือนกับอารมณ์เขาในตอนนี้
มีเงาร่างหนึ่งเดินเข้ามาหา
เขาปาดมือใส่กระดานหมากรุก
หมากทั้งหมดกลับคืนไปตั้งอยู่ในตำแหน่งเดิมซึ่งเหมือนหมากที่ผู้เฒ่าหมากรุกเพิ่งวางก่อนหน้านี้
เขาพูดอย่างจริงจัง“ท่านเข้าใจผิดถนัด มรดกของหอทงเทียนไม่ได้ตกทอดผ่านสถานที่เกิด ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ไม่ใช่ทางสายเลือด แต่เป็นที่จิตวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณ ร่างกาย ความตั้งใจ ความรู้ ไม่มีที่ใดที่ไม่เต็มไปด้วยมรดกทางวิญญาณ เป็นเรื่องลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายได้มีแต่ความรู้สึกถึงความคงอยู่ เรานักรบแห่งหอทงเทียนจะแตกต่างจากแดนสวรรค์ จิตวิญญาณของพวกเราตกทอดให้กับคนรุ่นหลังพวกเขาไม่ได้รับมรดกความแข็งแกร่ง แต่เป็นแรงบันดาลใจทางวิญญาณเป็นนักสู้ที่แท้จริง เราต้องยอมรับฝ่ายตรงข้ามก็คือหอทงเทียน”
“พวกท่านไม่ได้รับการยอมรับจากเราในอดีตไม่ใช่เพราะสถานที่เกิดของท่านคือแดนสวรรค์ไม่ใช่เพราะสายเลือดท่านแตกต่างจากเราแต่เป็นเพราะพวกท่านไม่เคยเป็นนักสู้ที่แท้จริง เหตุผลที่ทำให้ชีวิตน่าเกรงขามไม่ใช่เพราะพลังอย่างเดียวเท่านั้น”
หลังจากนั้นร่างเงานั้นเดินจากไปอย่างทรนง
ร่างเงาอื่นๆ เดินติดตามกันไป
ผู้เฒ่าหมากรุกหลับตาตัวสั่น
เขารู้สึกละอายใจเป็นระยะๆ
เขายืนซวนเซอยู่ที่ท้ายทางเดินแสงสว่างและเดินไปที่จุดที่ระเบิดดวงดาวต้องห้ามกำลังทำงานปากเขาพึมพำ “ข้าไม่เคยเป็นนักสู้ที่แท้จริง? สายเกินไปแล้ว ถ้าข้ารู้เร็วกว่านี้ข้าคงจะทุ่มชีวิตให้กับหมากรุกของข้า ข้าผิดไปแล้ว!” เกาะสุริยันต์เปล่งแสงเจิดจ้าและระเบิดทันที
ทั่วทั้งเมืองลี่จ้าว และแม้แต่ภูเขาหุบเขาน้อยใหญ่พังพินาศทันที
หนึ่งนาทีหลังจากระเบิดครั้งใหญ่เกาะสุริยันต์หายไปไม่เหลือซาก ปรากฏแต่เพียงหลุมดำขนาดเล็กและเริ่มขยายใหญ่ขึ้นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบหลุมดำไม่ว่าจะเป็นเปลวเพลิง พลังงาน เศษซากและแรงระเบิดถูกดูดกลืนเข้าไปหมดกลายเป็นพื้นที่แห่งความตายไม่มีสิ่งมีชีวิตเหลืออยู่
ห่างออกไปร้อยกิโลเมตรต่อหน้าเย่ว์หยางมีกลุ่มเงาเหมือนวิญญาณยืนอยู่ต่อหน้าเขา
คนเหล่านี้ที่อายุน้อยที่สุดยังคงไว้เครายาว แต่ละคนล้วนอายุมากแล้วชุดที่สวมใส่ดูราวกับผ้าขี้ริ้ว
ความจริงพวกเขาไม่มีร่างกายหยาบอีกแล้วมีแต่สภาพวิญญาณที่คงอยู่ ด้วยพลังของพวกเขาตราบเท่าที่พวกเขาคิดและปล่อยวางได้แต่ละคนก็จะมีรัศมีเปล่งปลั่งได้ เย่ว์หยางไม่เข้าใจ ต่อให้พวกเขาไม่ใช่คนหล่อเหลาแต่ทำไมพวกเขาต้องคงอยู่ในสภาพที่น่าอึดอัดด้วย? คนเมื่อตายไปแล้วจิตใจของพวกเขายังจะเศร้าหมองอีกหรือ?
“เรื่องเป็นอย่างนี้เป็นผู้เฒ่าเต่ามังกรขอให้ข้าตามหาพวกท่าน ความจริงข้าไม่คิดเลยว่าจะช่วยท่านได้เร็วขนาดนั้น” เย่ว์หยางมองดูราชันย์คุกฟ้าเกาเผิงที่ตอนนี้อยู่ในรูปลักษณ์ของพ่อบ้านเจียวซือ เขาถาม“ท่านจะกลับไปพบผู้เฒ่าเต่ามังกรเมื่อใด?”
“เราจะไม่กลับ” ราชันย์คุกฟ้าเกาเผิงส่ายศีรษะ “หอทงเทียนเป็นของเจ้าแล้ว พวกเราแก่เสียแล้ว ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว”
“ท่านสามารถพาหยวนหลงมาพบพวกเราได้”ร่างวิญญาณหัวเราะ
“ความจริงเรายังมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการงานบางอย่างยังทำไม่สำเร็จพวกเราไม่สามารถกลับไปหาฝ่าบาทเพื่อถวายรายงานจักรพรรดิอวี้เราทำให้พระองค์ผิดหวัง หนุ่มน้อย, ปล่อยพวกเราไว้เถอะเจ้าสามารถจัดการธุระของเจ้าได้ ส่วนพวกเรา..เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล เงาร่างที่เสียงดังเป็นพิเศษคว้าคอเสื้อของเย่ว์หยางและกล่าว ”หนุ่มน้อย!เจ้าต้องการกลายเป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ พลังของเจ้าเกือบจะได้แล้ว เจ้าต้องขยันให้มากไว้“ ”ข้าก็คือข้า เขาก็คือเขา” เย่ว์หยางเหงื่อตก ใครอยากจะเป็นจักรพรรดิอวี้ที่สองกันเล่า เขาต้องสร้างชื่อในแดนสวรรค์ไม่ใช่เพื่อเป็นนางพญาเฟ่ยเหวินหลี นางพญาผู้พิชิตคนที่สองไม่ใช่เพื่อเป็นจักรพรรดิอวี้คนที่สอง แต่เป็นคุณชายสามตระกูลเย่ว์ ผู้สืบทอดหงเทียนตำนานบทใหม่ของหอทงเทียนต่างหาก!
“อีกหนึ่งปีให้หลัง ท่านจะต้องมาพบเราที่นี่อีกคุณชายสาม, ท่านจะต้องฝึกให้มากกว่านี้ และเราจะต้องฟื้นฟูพลังก่อน มิฉะนั้นจะไม่พอรับมือแดนสวรรค์ได้” ราชันย์คุกฟ้าเกาเผิงตบไหล่เย่ว์หยางข้าพบเห็นผู้เยาว์หอทงเทียนมามากมาย แต่ไม่เคยพบเห็นผู้เยาว์อย่างเจ้า คุณชายสาม, ท่านไม่ธรรมดาจริงๆถ้าไม่ใช่เพราะเป็นผู้สืบทอดจักรพรรดิอวี้ ข้าคงยั้งใจอดที่จะกำจัดเจ้าไม่ได้”
“เฮ้, เป็นผู้อาวุโสควรพูดอย่างนี้ได้หรือ?” พวกเขาไม่ให้ของวิเศษอะไรเลย ก็ช่างเถอะ แต่ล้อเล่นอย่างนี้ได้ด้วยหรือ?
“เมื่อเจ้าได้รับการยอมรับจากตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้เจ้าจึงสั่งการเราได้” เงาร่างที่จริงจังที่สุดและดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มเขาขวางมือแตะที่อกและพูดกับเย่ว์หยางเบาๆ “ขอล่วงหน้าไปก่อน” เย่ว์หยางพูดไม่ออก
ตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ตอนนี้เขาให้ซวงเอ๋อไว้ใช้ทุบเปลือกลูกเกาลัดมาแล้วเมื่อไหร่เขาจะได้รับการยอมรับจากมัน
ช่างเถอะพึ่งพาสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังของตัวเองก็ได้ไม่ต้องอาศัยสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่น
เหมือนกับว่าได้ยินเสียงตอบจากในใจของเย่ว์หยางไม่ว่าจะเป็นแมงป่องดาวฟ้า หรือดาบเทาเถี้ยหรือแม้อสูรในตำนานที่พักผ่อนอย่างเกียจคร้านอยู่ที่ข้อมือเย่ว์หยางล้วนเปล่งคลื่นแสดงอารมณ์ดีใจออกมา
…——……,! ~!